Chapter 797 การปะทุของสวีฉี.
สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว!
ร่างแยกเงาของจงซานที่หายไปต่อหน้าทุกคนอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเหล่าข้าราชบริพารจะสงสัย ทว่าก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร ไม่นานหลังจากนั้นตี้เสวียนชาก็ร่อนลงที่ลาน.
"กลับมาแล้วอย่างงั้นรึ?"อี้เหยี่ยนที่กล่าวทักทาย.
"อืม!"ตี้เสวียนชาพยักหน้ารับพยักหน้า.
จากนั้น ตี้เสวียนชาก็จ้องมองไปยังใจกลางของลาน โลงศพสีม่วงขนาดใหญ่สิบจั้ง เวลานี้กระบี่จูเซียนได้ลอยอยู่บนฟ้า.
"เจี่ยเจี๋ย จงซานไปใหนอย่างงั้นรึ?"หลิงเอ๋อที่กุมแขนของเป่าเอ๋อ.
"ฝ่าบาทจับตัวฮามะไลมา จัดการเสร็จก็จะตามมาในทันที.
ขณะที่ตี้เสวียนชากล่าวนั้น ร่างแยกเงาและร่างต้นที่รวมตัวกันแล้วก็กลับมาอีกครั้ง.
"แปลก แปลกจริง ๆ !"หวนจีอยู่ใกล้ ๆ จดจ้องมองไปยังรอบ ๆ ร่างจงซาน.
จงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับนาง เป็นเรื่องปรกติ จงซานนั้นไม่ยินดีที่จะเผยร่างทั้งสองออกมาพร้อม ๆ กันให้ทุกคนได้เห็น.
"จงซาน เจ้าเปลี่ยนชุดมาเหรอ!"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาทันที.
เหล่าสตรีของเขาที่เผยแววตาที่อาทรเผยยิ้มอย่างอบอุ่นให้ จงซานที่พยักหน้าให้.
"อืม จากการตรวจสอบแล้วภายในโลงศพยักษ์นี่ ใครอยู่ข้างในกัน พอจะคาดเดาได้หรือไม่?"จงซานที่สอบถามออกมาในทันที.
"ชุดกระบี่สังหารเซียน เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของปราชญ์เทพ เป็นไปได้ว่าภายในโลงศพนั่นคือศพของเจ้าของกระบี่!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"มั่นใจอย่างงั้นรึ?"
"อาจไม่ใช่ก็ได้!"เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา.
"หืม?"
"มีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นปราชญ์เทพที่ล่วงลับ ทว่าก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่าเขาคือเจ้าของชุดกระบี่สังหารเซียน ทว่าหากจะยืนยันล่ะก็ นี่คือศพของปราชญ์เทพอย่างแน่นอน!"เซียนเซิงซือกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"อืม!"หวังคูที่พยักหน้าสนับสนุนอีกข้าง.
"จงซาน เจ้ารู้ไหมว่าหลายวันมานี้ โลงศพดังกล่าวดูดซับปราณทมิฬไปมากมายไปเพื่ออะไร?"หวนจีที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวออกมาในทันที.
คำพูดของหวนจีนั้น มีเพียงแค่จงซานคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน.
"ปราณทมิฬอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ปราณทมิฬที่ใหนกัน?
"ฝ่าบาท ปราณทมิฬอะไรอย่างงั้นรึ?"หนี่ปู่ซาที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางสงสัย.
"ปราณทมิฬ ข้าไม่สามารถบอกได้ ไม่ว่าอย่างไรปราณทมิฬดังกล่าวนั้น นับวันมันยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มันลอยอยูบนโลงศพ มันถูกโลงศพดังกล่าวดูดมา.
เห็นหวนจีที่กล่าวยืนยันหนักแน่นต่อจงซาน ถึงกับทำให้จงซานใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน.
"เหล่าเย่ ปราณทมิฬอะไรอย่างงั้นรึ?"เป่าเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางสงสัย.
"ข้าเองก็ไม่รู้ ทว่าข้าสามารถยืนยันได้ว่า กลิ่นอายดังกล่าวนั้นพวกเราไม่สามารถมองเห็น แต่โลงศพยักษ์นั้นกำลังดูดซับอยู่ มันยังดูดซับมาหลายวันมานี้ไม่หยุดเลย!"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาขณะกล่าว.
"ไม่ได้การแล้ว!"เซียนเซิงซือทันใดนั้นก็สะดุ้งตื่นตกใจขึ้นมาในทันที.
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"
"ฝ่าบาท เร็วเข้า รีบจัดการกระบี่จูเซียน พร้อมกับตอกตะปูกลับ หากเป็นเช่นนี้ หลังจากนี้จะต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ.
จะเกิดปัญหาใหญ่อย่างงั้นรึ?
จงซานที่ยังไม่สอบถามเรื่องทั้งหมดในเวลานี้ แปดหางสวรรค์แห่งจุดจบที่ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าจงซานในทันที.
"ตี้เสวียนชา หวังคู ลงมือ!"จงซานที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
แปดหางสวรรค์แห่งจุดจบ ตี้เสวียนชาและหวังคูที่เร่งรีบพุ่งเขาไปในทันที.
"ตูมมมมมมมม!"
พริบตาเดียวนั้น ปราณสีม่วงของกระบี่จูเซียนที่แผ่พุ่งออกมา จิตสังหารที่มากมายปะทุขึ้นมา ทั่วท้องฟ้าเต็มท้องฟ้าเต็มไปด้วยปราณกระบี่ ด้วยปราณกระบี่ที่ดุร้ายรุนแรง พุ่งตรงเข้าหาตี้เสวียนชา หวังคูและแปดหางสวรรค์ทันที.
จงซานที่ปกป้องคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลัง.
"ตูมมมมมมมม!"
จักรทองสะบั้นโลกาของตี้เสวียนชาที่พุ่งออกไป กระแทกกระบี่จูเซียนอย่างรุนแรง จักรทองสะบั้นโลกาที่ลอยเครง ส่วนกระบี่จูเซียนที่สั่นไหวไปมาเล็กน้อย.
"เปิด!"
บัลลังก์ทองแดงของหวังคูกระแทกกระบี่จูเซียนเสียงดังสนั่น ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ.
"กระบี่จูเซียนแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
ทว่าในเวลาเดียวกัน จักรทองสะบั้นโลหิตที่หมุนกลับคืนมา กระแทกออกไปเสียงดังสนั่นสนับสนุนบัลลังก์ทองแดง.
"ตูมมมมมมมมมม!"
หลังจากเกิดการกระแทก กระบี่จูเซียนท้ายที่สุดก็ถูกกระแทกลอยออกไปราว ๆ สิบจั้ง.
"สว๊วป!"
แปดหางสวรรค์พุ่งสวาปามงับกระบี่จูเซียนไปในทันที.
"ตูมมมมมม!"
ร่างของแปดหางสวรรค์ที่เสียการควบคุมกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น.
จากนั้น แปดหางสวรรค์ที่สั่นไหวไปมาอย่างแรง ก่อนที่หางทั้งแปดของมันจะพยุงร่างเอาไว้ กระบี่จูเซียนเวลานี้กำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งในปากของมัน.
จงซานที่ชี้นิ้วออกไป แปดหางสวรรค์แห่งจุดจบก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ผุดออกมาจากค่ายกล ด้วยกระบี่จูเซียนที่ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งทำให้บนอากาศตอนนี้เกิดเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ยักษ์ กระบี่จูเซียนที่ทรงพลังจนทำให้แปดหางสวรรค์ลอยเคว้งไปมา.
กระบี่จูเซียน ควรค่าแล้วที่เป็นกระบี่ผู้นำของสี่กระบี่ การที่แปดหางสวรรค์แห่งจุดจบจะย่อยมันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย.
ทว่าเมื่อกระบี่จูเซียนถูกกลืนเข้าไปแล้ว ประกายแสงสีม่วงที่ปกคลุมโลงศพขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ เลือนใสปรากฏให้ทุกคนสามารถมองเห็นหมอกควันสีดำทมิฬจำนวนมากได้.
หมอกสีดำทมิฬมากมายที่หนาแน่น ปกคลุมพื้นที่รอบ ๆ ลอยคละคลุ้งทำให้พื้นที่รอบ ๆ หมองมัวไปด้วย.
ยิ่งบริเวณของโลงศพยักษ์สีม่วงตำแหน่งน่าจะเป็นศีรษะของปราชญ์เทพ หมอกควันดำทมิฬที่รวมตัวกันจะมองเห็นเป็นอักษรปรากฏขึ้น.
สามสิบ.
อักษรสีดำที่ลอยอยู่บนโลงศพปรากฏคำว่าสามสิบ เป็นอะไรที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เพียงแค่จ้องมอง ทำให้จิตใจของทุกคนสั่นสะท้านสัมผัสได้ถึงความตาย.
ใบหน้าของเซียนเซิงซือที่เปลี่ยนเป็นขาวซีดพุ่งตรงไปยังโลงศพในทันที.
"ปัง!"
ร่างของเซียนเซิงซือที่ลอยโด่งออกมาจากควันสีดำที่ผลักอย่างรุนแรง เขาไม่สามารถเข้าใกล้โลงศพสีม่วงได้เลย หมอกสีดำที่ปกคลุมรอบ ๆ โลงศพ ทำให้เซียนซือเข้าใกล้ไม่ได้.
"หวังคู ปราณทมิฬนั่นขวางทางข้าเอาไว้ มีเพียงเจ้าที่สามารถทนได้ เร็วเข้า นำตะปูทั้งสิบไปปักเอาไว้!"
เซียนเซิงซือที่ตะโกนออกไปเสียงดัง ก่อนที่จะส่งตะปูทั้งสิบดอกลอยไปหาหวังคู.
หวังคูที่ยื่นมือออกไปรับ ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยพุ่งเข้าหาโลงศพในทันที สิบรูตะปูเดิม ตราบเท่าที่ใส่ลงไปได้ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว.
ปราณทมิฬที่หมุนวนผลักดันหวังคูอย่างรวดเร็ว ทว่าหวังคุนั้นดูเหมือนจะดีกว่าเซียนเซิงซือ แม้ว่าจะถูกผลัก แม้ว่าจะยากลำบาก ทว่าก็สามารถที่จะตรงไปด้านหน้าได้.
"ปัง!"บัลลังก์ทองแดนที่ตอกตะปูดอกแรกลงไปบนโลงศพ.
"ปัง" "ปัง" "ปัง!".........
ด้วยความพยายามอย่างหนัก สุดท้ายแล้วก็สามารถตอกตะปูกลับที่เดิมทั้งหมดได้.
"ฟู่!!"เซียนเซิงซือที่ถอนหายใจยาว.
"กระบี่จูเซียนก่อนหน้านี้ มันไม่ได้ปกป้องโลงศพ เพียงแค่สร้างความสับสนให้ทุกคน ทำให้พวกเราไม่สามารถมองเห็นปราณทมิฬได้อย่างงั้นรึ?"อี้เหยี่ยนที่ขมวดคิ้วไปมาพลางถอนหายใจยาว.
"เซียนเซิงซือ ก่อนหน้านี้หมายความว่าอย่างไร? ปราณทมิฬมันคืออะไรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกไปในทันที.
ทุก ๆ คนที่หันหน้าจับจ้องมองไปยังเซียนเซิงซือเป็นสายตาเดียวกัน.
"ปราณทมิฬนั่น ที่ฝ่าบาทกล่าวถึงก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่สามารถมองเห็นมันควรจะถูกเรียกว่า สวีฉี!"
"สวีฉี?"(กลิ่นอายแห่งสันโดษ)
"ใช่ ข้าเองก็ไม่รู้อะไรมากนัก ได้ยินข่าวลือว่ามีเพียงแค่ปราชญ์เทพเท่านั้นที่ใช้ประโยชน์ได้! ซึ่งทำให้ข้าไม่สามารถเข้าใกล้มันได้ก่อนหน้านี้."เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง.
"อันตรายอย่างงั้นรึ?"
"ใช่แล้ว ตะปูที่ผนึกโลงศพเอาไว้ ไม่เพียงแค่ยึดฝาโลงเท่านั้น ทว่ามันยังป้องกันการปะทุของปราณดังกล่าวด้วย!"เซียนเซิงซือกล่าว.
"ปะทุอย่างงั้นรึ?"แววตาของเทียนหลิงเอ๋อที่เผยท่าทางหวาดกลัวออกมา.
"การปะทุนั้น เป็นปราณสวีที่เกินกว่ามนุษย์จะทนได้ไม่ต่างจากหายนะ หนำซ้ำนี่ยังเป็นศพของปราชญ์เทพ? การปะทุของปราณทมิฬนี้จึงน่าหวาดกลัวมาก อย่างน้อย สวนสวรรค์ลอยฟ้าแห่งนี้คงถูกทำลายไปในทันที!"เซียนเซิงซือที่ปาดเหงื่อที่หน้าผากขณะพูด.
ปราณสวีปะทุอย่างงั้นรึ? สามสิบล่ะ?
"แล้ว อักขระสามสิบที่ปรากฏขึ้นล่ะ?"จงซานที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.
"เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้บางทีคงจะเกี่ยวข้องกับศพดังกล่าวนี้ก็ได้!"เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา.
กับเรื่องที่ไม่มีใครเข้าใจนี้ ทำให้ทุกคนหัวใจหนักอึ้งเลยทีเดียว.
"แล้วพวกเราจะจัดการโลงศพอย่างไรดี?"อี้เหยี่ยนที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ศพของปราชญ์เทพอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ดวงตาหรี่เล็กลง.
"ฝ่าบาท หากว่าข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป โลงศพนี้จะต้องสร้างปัญหายิ่งกว่าการแยกสวรรค์อย่างแน่นอน ภายในโลกใบใหญ่นั้นมีคนมากมายที่จับจ้องพวกเรา บางทีข่าวดังกล่าวอาจแพร่ออกไปแล้วก็ได้ ศพของปราชญ์เทพ ก็คือเผือกร้อนดี ๆ นี่เอง!"หวังคูที่กล่าวออกมาด้วยความกังวล.
"หรือว่า พวกเราจะซ่อนมันดีไหม หลังจากนั้นก็ให้เจ้าตัวเล็กน่ารักกินดีหรือไม่?"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาในทันที.
เจ้าตัวเล็กน่ารักอย่างงั้นรึ? เจ้าตัวเล็กที่ทำให้เกิดหลุมดำขนาดใหญ่บนอากาศนั่นนะรึ? ตัวเล็กน่ารัก? คิดว่าแปดหางสวรรค์น่ารักตรงใหนกัน?
จงซานที่ส่ายหน้าไปมา ศพปราชญ์เทพ กินอย่างงั้นรึ? เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้นว่าจะผ่านไปอีกหลายร้อยปี ก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะกินได้อย่างแน่นอน เพียงแค่อำนาจวิเศษที่ทำให้ฟ้าดินกำสรวล กลับศพที่ทรงพลังต่อต้านสวรรค์ถึงเพียงนี้ แม้แต่ฟ้าดินยังไม่กล้า หากว่าแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบกินเข้าไป เกรงว่าพลังงานก้อนใหญ่ที่ได้นั้นจะไม่สามารถทนได้แน่.
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ไม่สามารถเก็บไว้นั้น เพราะว่ากงเชียนต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอน บางทีโลงศพนี้เมื่อออกมาจากแดนเทพอมตะ คนของโลกใบใหญ่เองก็คงจะรับรู้แล้วก็ได้.
คิดได้เช่นนั้นจงซานก็ออกคำสั่งในทันที "หลิวอู๋ซ่าง ไปนำฮามาไลในคุกออกมา.
"ขอรับ!"ผู้บัญชาการจินอี้เหว่ยที่รับคำในทันที.
จากนั้นไม่นาน ฮามะไลที่หมดสติอยู่ก็ถูกนำมา.
"ปลุกเขาขึ้นมา!"จงซานสั่ง.
"โครม!"
บอลน้ำลูกใหญ่ที่พุ่งเข้าปะทะฮามะไล ทำให้ฮามะไลตอนนี้กำลังหายใจหอบแฮกในทันที.
พริบตาเดียวที่เขาได้สติ สายตาของเขาที่เห็นจงซานถึงกับสะดุ้งโหย่งราวกับเป็นเทพปิศาจ นอกจากนี้ยังมีตี้เสวียนชา หวังคูอีก?
กองทัพของต้าเจิ้งที่อยู่โดยมีฮามะไลอยู่ตรงกลาง ฮามะไลที่หายใจหืดหอบ พริบตาเดียวนั้นแทบจะลืมหายใจกับสิ่งที่เขาเห็น.
ก่อนที่เขาจะหมดสตินั้นฮามะไลรับรู้ว่าเขาอยู่ในมือของศัตรูแล้ว นี่เต๋าจวินเซิ่งหยาและกงเหล่ยเทียนหายไปใหนกัน จบแล้ว มันจบแล้ว เขาต้องตกตายไปที่นี่อย่างแน่นอน.
"ข้า ข้ายอมแพ้ ข้อขอยอมแพ้ ข้า ข้า ...........!"ฮามะไลที่เริ่มขอความเมตตาตัวสั่นงันงก.
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกจ้องมองไปยังท่าทางฮามะไล.
"ข้าไม่ต้องการให้เจ้ายอมแพ้!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"ข้าต้องการยอมแพ้ ฝ่าบาท ท่านต้องเชื่อข้า ข้าไม่ต้องการเป็นพันธมิตรกับเจ้าพวกชั่วร้ายนั่นอีกครั้งแล้ว ขอให้ท่านได้โอกาสข้า ให้ข้าได้ทำคุณไถ่โทษ ข้ายอมทำทุกอย่าง ข้ายินดีรับใช้ ด้วยความจริงใจ.!"ฮามะไลที่โอดครวญโหยหวน.
กับหนทางที่จะรอดชีวิต ฮามะไลที่พร้อมจะทำทุกอย่างไม่ว่าจะขายหน้าอย่างไรก็ตาม ทว่าคนอื่น ๆ ที่ได้ยินคำพูดน่าอายของเขาแล้วถึงกับทำให้พวกเขาขนหัวลุกซู่เลยทีเดียว คนอะไรจะน่ารังเกียจขนาดนี้ ฮามะไลไม่เพียงไม่ต่างจากขยะแล้ว ยังกลายเป็นคนที่น่าขยะแขยงด้วย.
"หุบปาก!"จงซานที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
ฮามะไลที่เงียบปากไปในทันที.
"เจ้าเห็นโลงศพนั่นไหม?"จงซานที่ชี้ไปยังโลงศพขนาดใหญ่.
เตรียมเอาไว้ให้ข้าอย่างงั้นรึ? ใบหน้าของฮามะไลที่กลายเป็นขาวซีดในทันที จากนั้นก็ร้องโหยหวนขึ้นมาอีกแล้ว "ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้วอย่าทำอะไรข้าเลย....!"
"หุบปาก!"
ทุกคนจ้องมองฮามะไลด้วยความรังเกียจ.
"กลับไปแดนเทพอมตะบอกเต๋าจวินเซิ่งหยา บอกเขา หากต้องการโลงศพนี้ ให้นำอนุสาวรีย์อมตะมาแลก!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"หืม? เจ้าจะปล่อยข้าไปอย่างงั้นรึ?"ฮามะไลที่เพ่งพิศ ไม่อยากเชื่อเลยแต่น้อยกับการที่จงซานจับเขามา เพียงแค่ให้เขานำคำพูดกลับไปเท่านั้นอย่างงั้นรึ?
โลงศพ? เจ้าต้องการสร้างความอับอายต่อเต๋าจวินเซิ่งหยาอย่างงั้นรึ?
"ได้ยินใหม่?"จงซานที่แค่นเสียงเย็นชา.
"ได้ยิน ได้ยิน!"
"ได้ยินแล้วก็ไสหัวไปให้พ้น!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"นี่เจ้าจะปล่อยข้าไปจริง ๆ รึ?"
"ไปให้พ้น!"