Chapter 793 เหยื่อที่โชคร้าย.
แสงสีม่วงที่น่าเกรงขามทะลวงค่ายกลของสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว เพื่อที่จะพุ่งตรงมายังตำแหน่งของจงซานที่อยู่ลานกว้าง.
พริบตาเดียวที่เส้นแสงสีม่วงพุ่งตรงปรากฏออกมา จงซานสามารถคาดเดาได้ในทันที กระบี่จูเซียน! เป็นกระบี่จูเซียนอย่างแน่นอน ที่เดินทางมาจากตำแหน่งอดีตเมืองเซียนหยาง คาดไม่ถึงเลยว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้เลยรึ?
กระบี่ยังมาไม่ถึง แต่จิตสังหารแรงกดดันวิญญาณมหาศาลที่แผ่ซานออกมา กำลังบดขยี้โถมกระหน่ำลงมา ภายในใจของทุกคนที่รัดแน่น จิตสังหารของกระบี่ที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ราวกับว่ามันได้ทะลวงร่างของพวกเขาเข้าไปแล้ว.
"ถอยออกมา!"จงซานที่ตะโกนออกไปเสียงดัง.
แม้นว่าหลายคนจะเข้าสมาธิไปแล้ว แต่ก็ต้องเร่งรีบถอยออกมาในทันที.
"ตูมมมมมมมมมมมม!"
บนลานเวลานี้เต็มไปด้วยปราณกระบี่มากมายนับไม่ถ้วน รูปปั้นรอบ ๆ สิ่งก่อสร้างมากมายบนลานถึงกับพังทลายลง จากนั้นปราณกระบี่ก็พุ่งตรงหลุดเข้ามาในลาน.
เซียนเซิงซือที่ถอยหางออกมา พร้อมกับผลักฝาโลงปิดไปได้ในที่สุด แต่น่าเศร้าที่ตะปูทั้งสิบไม่สามารถปักลงไปได้.
ขณะที่ทุกคนถอยห่างออกมานั้น แสงสีม่วงที่บินไปอยู่เหนือของโลงศพสีม่วง.
ประกายแสงสีม่วงที่แผ่ซ่านออกมากระจายไปทั่วโลงศพสีม่วง จิตสังหารมากมายที่แผ่ออกไปรอบ ๆ ทั้งแนวตั้งและแนวนอน!
"กระบี่จูเซียน?"หวังคูที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
ทุกคนที่ถอยห่างออกมา ตอนนี้ได้มารวมตัวกันที่ด้านหลังจงซาน.
"ฝ่าบาท นี่คือกระบี่จูเซียนจริง ๆ !"หนี่ปู่ซาที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
โลงศพสีม่วงที่ปิดฝาไปแล้ว ฟ้าดินกำสรวลตอนนี้ค่อย ๆ หยุดลง ฝนที่ตกเพราะสวรรค์ร่ำไห้ก็ค่อย ๆ ซาลงเรื่อย ๆ เหล่าประชาชนภายในเมืองหลวงสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียนที่ร้องไห้ระงมก็หยุดร้องแล้ว.
อย่างไรก็ตามแม้นว่าทุกคนจะได้สติ แต่ก็ดูหมดเรี่ยวหมด ทั้งกายและใจ.
ทุก ๆ คนที่ได้สติตอนนี้เริ่มนั่งสมาธิอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะรักษาจิตใจของตัวเองที่หลุดควบคุมเมื่อสักครู่นี้ ทว่าความเศร้าที่มากมายนั้นก็ยังไม่หมดไป เหล่าผู้ฝึกตนทั่วไปหลายปีมานี้ไม่เคยรับรู้ได้ถึงความโศกเศร้ามากมายขนาดนี้มาก่อน ในวันนี้ที่ได้รับความโศกเศร้าเสียใจ หลาย ๆ คนสามารถที่จะทะลวงระดับขั้นของอารมณ์ขึ้นไปได้ แม้แต่หลายคนยังทำให้พลังฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แน่นอนว่าหลังจากสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่ได้แล้ว.
เหล่าผู้ฝึกตนมากมายต่างก็จ้องมองไปยังทิศทางของเมืองหลวง แสงสีม่วงที่ปกคลุมวังหลวงเอาไว้ จิตสังหารที่หนักหน่วงรุนแรงที่ทำให้ภายในใจของประชาชนทุกคนที่รู้สึกสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว.
วังหลวงเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ฝ่าบาทกำลังทำอะไรอย่างงั้นรึ?
บนลานเวลานี้ กระบี่จูเซียนที่ลอยอยู่บนโลงศพสีม่วง คอยปกป้องโลงศพเอาไว้ ปลายของมันที่ชี้มายังจงซาน ราวกับว่ามันเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดกลุ่มคนด้านหน้าเป็นอย่างมาก ทว่ามันที่ปกป้องโลงศพยักษ์ราวกับเป็นสิ่งสำคัญ ใครก้าวเข้ามาจะต้องถูกสังหารไปในทันที.
จิตสังหารของกระบี่จูเซียนที่มากมาย กดทับไปยังคนที่อยู่รอบ ๆ จงซานรับรู้ได้ว่ากระบี่จูเซียนเวลานี้กำลังโกรธ หากว่าใครกล้าเข้าใกล้โลงศพสีม่วงล่ะก็ มันไม่ลังเลเลยที่จะสังหารคนข้างหน้าเลย แม้นว่าจะเป็นใครมันก็พร้อมพินาศไปกับคนผู้นั้นทันที กระบี่จูเซียน นับว่าเป็นกระบี่ที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก.
"จงซาน ข้ากลัว!"เทียนหลิงเอ๋อที่คว้าไปยังแขนของจงซาน.
"ฝ่าบาท จะให้จับตัวกระบี่จูเซียนหรือไม่?"หวังคูสอบถามออกไป.
"จับกระบี่จูเซียนอย่างงั้นรึ? เจ้ามีความมั่นใจอย่างงั้นรึ?"
“70%!”
"ไม่จำเป็น!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"ทำไมรึ?"
"กระบี่จูเซียนที่มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ แน่นอนมันจะต้องรับรู้อยู่แล้ว ว่าตัวเองเสียเปรียบ กระบี่จูเซียนที่พร้อมจะฉีกกระชากตัวเองพร้อมกับฝ่ายตรงข้าม บางทีหากอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังอาจจะระเบิดตัวเองก็ได้ ก่อนที่เราจะมั่นใจได้เต็มที่ ไม่ควรรีบเคลื่อนไหวจะดีกว่า!"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ครับ!"
จงซานนั้นกำลังรออยู่นั้นเอง ในเมื่อกระบี่จูเซียนมาหาถึงที่ เขาจะต้องกลืนมันเข้าไปอย่างแน่นอน ตอนนี้ต้องรอคอยให้ร่างหลักของเขากลับมาถึง รอคอยแปดหางสวรรค์เดินทางมาถึง เขาจะไม่ปล่อยให้มันหนีไปได้แน่นอน.
จากทิศเหนือของสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว.
จงซานและตี้เสวียนชาที่นำร่างฮามะไลที่หมดสติพุ่งตรงไปยังสวนสวรรค์ลอยฟ้าด้วยความเร็ว.
"ตี้เสวียนชา เร็วเข้า พวกเราจะต้องเร่งรีบเดินทางกลับไปยังสวนสวรรค์ลอยฟ้าด้วยความเร็วเต็มที่!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"อืม!"
คนทั้งสองที่เพิ่มความเร็วยิ่งกว่าเดิม ทว่าในเวลาเดียวกัน ฮามะไลที่อยู่ในมือตี้เสวียนชา ลมตีหน้าด้วยความแรง ทำให้งัวเงียฟื้นขึ้นมา.
เขาที่เห็นตัวเองกำลังถูกจับบินอยู่ยังไม่ได้ตอบสนองทำอะไรด้วยซ้ำ.
"นี่มัน...?"ฮามะไลที่งัวเงีย.
หันหน้ามาและกล่าวออกมา "จงซาน เจ้า!"ใบหน้าของฮามะไลที่ขาวซีด! ต้องการจะดิ้น.
"ทำให้เขาหมดสติ!"จงซานกล่าวออกมาด้วยเสียงที่เย็นชา.
"ปัง!"
ฮามะไลที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา ถูกตี้เสวียนชาทุบหมดสติไปในทันที.
....................
สิบวันก่อนหน้านั้น ที่ทะเลตะวันออก.
ตำหนักมังกรทะเลตะวันออก ที่ไกลออกมา.
เห่าเม่ยลี่ที่นำเสี่ยวจินบินมา เสี่ยวจินที่อยู่บนไหล่ของเห่าเม่ยลี่.
"เสี่ยวจิน ครั้งนี้ข้าได้รับปากจงซาน อ้าวซือไห่ได้ออกจากต้าฉินแล้ว เจ้าควรจะกำราบเผ่ามังกรทั้งหมดได้."เห่าเม่ยลี่ที่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.
"กำราบเผ่ามังกรเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ รึ?"
"แน่นอน จงซานเป็นสหายเพียงคนเดียวของข้า น้อยครั้งที่เขาจะขอร้องข้า ข้าจะไม่ออกหน้าได้อย่างไร."เห่าเม่ยลี่ที่กล่าวยืนยัน.
"จงซานเป็นสหายเพียงคนเดียวของเจ้า? แล้วข้าล่ะ?"เสี่ยวจินที่กล่าวออกมาด้วยความอิจฉา.
"เจ้า? เจ้าและตาเฒ่านั้นเป็นครอบครัวของข้า ความแค้นของตาเฒ่า จงซานได้ช่วยข้าจัดการ ตอนนี้ครอบครัวของข้าจึงมีเจ้าเพียงคนเดียว หากใครกล้าทำอะไรเจ้า ข้าจะเป็นคนจัดการพวกมันเอง!"เห่าเม่ยลี่ที่กล่าวออกมาด้วยแววตาดุร้าย.
"อืม!"เสี่ยวจินที่รู้สึกพึงพอใจ.
"แต่ว่า เผ่ามังกรไม่ได้หนีไปใหนรึ? ทำไมจงซานถึงได้ให้พวกเรารีบมา?พวกเขาไม่ได้เดินทางไปพร้อมกับหยิงหรอกรึ?"เห่าเม่ยลี่ที่ขมวดคิ้วไปมา.
"บางทีจงซานอาจจะกังวลอยู่ก็เป็นได้!"เสี่ยวจินกล่าว.
"ทว่า ทำไมจงซานถึงได้สั่งให้พวกเราเร่งรีบยึดครองตำราพันธสัญญาของเผ่ามังกรล่ะ? ด้วยพลังสองคนหากร่วมมือกันก็แทบจะไร้เทียมทานแล้ว มีเหรอที่จะมีใครสามารถแย่งชิงไปได้ เจ้าเขียนชื่อของข้าลงไป ทุกอย่างก็จบ ให้ข้าเป็นคนซ่อนเอาไว้ ไม่ใช่ว่าต่อไปเจ้าก็คือจื่อจุ้นหรอกรึ? หรือว่าไม่ใช่เจ้า? และไม่มีข้าอย่างงั้นรึ?"เห่าเม่ยลี่ที่กล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง.
"ไม่ จำเป็นต้องให้ข้ามา จงซานกล่าวถูกแล้ว ภายในเผ่านั้นมีเรื่องสำคัญ การจะจัดการเรื่องราวทั้งหมด ต้องเป็นข้าต้องจัดการเอง ถึงเจ้าจะถูกเสนอชื่อ แต่ถึงจะถูกรับรองหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเผ่ามังกรส่วนมากยอมรับหรือปฏิเสธ!"เสี่ยวจินที่กล่าวออกมา.
"พวกเขากล้า!"เห่าเม่ยลี่ที่กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ.
"ข้าและเจ้าแน่นอนว่าย่อมไม่พอใจ หากแต่ความคิดของทุกคนทั้งเผ่านั้นแตกต่างออกไป จงซานที่ยากจะขอร้องให้เจ้าช่วย ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ต้องทำมันให้สำเร็จให้ได้หรอกรึ?"เสี่ยวจินสอบถาม.
"อืม ใช่แล้ว ข้ายังไม่ได้บอกกับเจ้าเลย เมื่อเร็วนี้จงซานได้มอบวิชาลับสวรรค์ลี้ลับให้ข้า ข้าได้ศึกษามาหลายวันแล้ว!"เห่าเม่ยลี่ที่ครุ่นคิดและกล่าวออกมา.
"อืม สอนให้ข้าด้วย แม้นว่าอ้าวซือไห่จะส่งคนมาเป็นไส้ศึก ทว่าด้วยเหตุผลทางสายโลหิต ข้าย่อมสามารถที่จะกำราบเหล่ามังกรตนอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้อ้าวซือไห่ยังจากไปแล้ว ตราบเท่าที่ข้าได้ชุมนุมมังกร ย่อมสามารถที่จะกำราบเผ่ามังกรทั้งหมดได้ ในเวลานั้น ทุกอย่างย่อมประสบความสำเร็จ!"เสี่ยวจินกล่าว.
"อืม!"เห่าเม่ยลี่ที่พยักหน้า.
ทันใดนั้น เห่าเม่ยลี่ที่ขมวดคิ้วไปมา เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า.
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"เสี่ยวจินที่แสดงท่าทางสงสัย.
"ไม่รู้ว่าใครกำลังสะกดรอยข้าอยู่! บนท้องฟ้า ไม่ ไม่ใช่อยู่ในโลกนี้ แปลก!"เห่าเม่ยลี่ที่กำลังขมวดคิ้วไปมา.
"สะกดรอยเจ้าอย่างงั้นรึ? ใครถึงได้มีความสามารถขนาดนั้นกัน? คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถสะกดรอยเจ้า?"เสี่ยวจินที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
ใบหน้าของเห่าเม่ยลี่เปลี่ยนเป็นซับซ้อน จดจ้องมองขึ้นท้องฟ้า "ใครก็ตามหากกล้าสะกดรอยข้าอีกครั้ง ข้าของสาปมันให้ตกตายด้วยฝนดาวตก ขอให้ปรากฏห้าสัญญาณสวรรค์ สวรรค์ลงโทษ มือเท้าเปื่อยยุ่ย ใบหน้าเต็มไปด้วยสิว บุตรชายของมันเป็นหมัน.....!"
เห่าเม่ยลี่ที่ร่ายยาวขึ้นไปบนท้องฟ้า เสี่ยวจินถึงกับตื่นตะลึงไปเลยทีเดียว.
"เอาล่ะ ไม่มีใครสะกดรอยข้าแล้ว!"เห่าเม่ยลี่ที่เผยสีหน้าแววตาพึงพอใจ.
"ไม่มี? หรือว่าถูกเจ้าสาปไปแล้วหรือไม่?"เสี่ยวจินที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"แน่นอน ใครกล้าสะกดรอยข้า ข้าจะให้มันเป็นเป็นทุกข์ตลอดไป!"เห่าเม่ยลี่ที่กล่าวด้วยท่าทางพึงพอใจ.
เห่าเม่ยลี่ที่หยุดสถานที่แห่งหนึ่งพร้อมกับศึกษาวิชาลับ สวรรค์ลี้ลับ พร้อมกับส่งมอบมันให้กับเสี่ยวจิน ด้วย เสี่ยวจินนั้นก็คือเส้าเหยี่ยของเผ่ามังกร มีมังกรจำนวนมากที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเสี่ยวจิตตามระดับสายโลหิต เหมือนดั่งเช่นเซียนเซียนของเผ่าหมาป่า มีใครกันที่กล้าปฏิเสธคำสั่ง.
วิชาลับสวรรค์ลี้ลับนั้น จงซานไม่ได้ปกปิดไว้แต่เพียงคนเดียว นี่เป็นวิชาที่รับมาจากต้าฉิน ไม่ใช่วิชาเฉพาะแต่อย่างใด แน่นอนว่าผู้คนมากมายของต้าฉินก็รู้วิชานี้ การที่ได้รับมาจากหยิง จงซานจึงไม่ได้คิดที่จะเก็บมันไว้เพียงแค่เดียวแต่อย่างใด.
เหล่าคนสำคัญของต้าเจิ้งเอง ต่างก็ได้รับการส่งต่อวิชาลับสวรรค์ลี้ลับด้วยกันทั้งสิ้น วิชาดังกล่าวนี้ไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งแต่อย่างใด แต่ก็มีฟังก์ชันที่ใช้ปกป้องตัวเองมากมาย ถึงเห่าเม่ยลี่จะไม่ใช่คนของตาเจิ้ง แต่ก็ได้รับการยกเว้นพิเศษจึงได้รับการส่งมอบวิชาดังกล่าวจากจงซานนั่นเอง.
ตำหนักมังกรแห่งหนึ่ง.
เสี่ยวจินที่เปลี่ยนขนาดเป็นขนาดหนึ่งร้อยจั้ง ยืนอยู่บนทิศเหนือของห้องโถง ที่ด้านหน้าของเสี่ยวจินนั้นมีมังกรอยู่สามตน.
"เส้าเหยี่ย จื่อจุ้นคนเก่านั้นได้กล่าวหาว่าท่านเป็นคนทรยศเผ่ามังกร ทำให้มีมังกรจำนวนไม่น้อยที่ต่อต้านท่าน ตอนนี้มีมังกรสี่ตนถูกเสนอชื่อชิงบัลลังก์ พวกเราทั้งสามเองก็ได้รับสิทธิ์เช่นกัน ทว่าหากว่าพวกเราทั้งสามได้รับตำราพันธสัญญาณล่ะก็พวกเราจะส่งต่อให้กับท่านอย่างแน่นอน และเมื่อนั้นท่านก็จะเป็นจื่อจุ้นของเผ่ามังกร!"มังกรตนหนึ่งที่กล่าวออกมา.
"มีมังกรสี่ตนที่ต้องการตำแหน่งจื่อจุ้นอย่างงั้นรึ?ยกเว้นพวกเจ้าทั้งสาม อ้าวเมี่ยนคือคนที่มีโอกาสเป็นจื่อจุ้นมากที่สุดอย่างงั้นรึ?"เสี่ยวจินที่สอบถามออกไป.
"อ้าวเมี่ยน เขาคือบุตรของจื่อจุ้นคนเก่า มีเผ่ามังกร 30 % ที่ติดตามเขา ทว่าก็ไม่ได้มากมายเท่ากับพวกเรา ตราบเท่าที่พวกเรารวมกลุ่มกันได้ จื่อจุ้นต้องเป็นฝั่งของพวกเรา."มังกรตนหนึ่งที่กล่าวออกมา.
"อืม!"
"ทว่า อ้าวเมี่ยนเมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าจะทำอะไรลึกลับ และข้างกายเขามีแขกที่สำคัญมาเยือนด้วย."มังกรตนหนึ่งกล่าวออกมา.
"แขกอย่างงั้นรึ? เป็นใครกัน?"
"บางทีคนผู้นั้นอาจเป็นคนของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย มีไท่จื่อเฟิ่นเทียน เมื่อในอดีตขณะที่ลู่กุยเทียนเป็นเซิ่งซ่าง เขาคือไท่จื่อคนโต ทว่าตอนนี้ลู่เฟิ่นเทียนเป็นเพียงอ๋องของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย!"
"ราชวงศ์ต้าสุ่ยจริง ๆ รึ?"เสี่ยวจินที่ดวงตาหรี่เล็ก.
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"
"จำเอาไว้ให้ดี ตำราพันธสัญญาเผ่ามังกรจะต้องเป็นของพวกเรา ข้าจะเป็นจื่อจุ้นคนใหม่ของเผ่ามังกร."เสี่ยวจินที่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่มั่นใจ.
"ครับ!"คนทั้งสามที่ตอบรับในทันที.
ที่ตำหนักใต้ทะเลตะวันออก ตำหนักที่มีชื่อว่า ตำหนักเมี่ยน.
ตำหนักเมี่ยนนั้น ก็คือที่อยู่ของอ้าวเมี่ยน บุตรชายของอ้าวซือไห่ ในเวลานี้! อ้าวเมี่ยนเปลี่ยนร่างเป็นชายที่หล่อเหลายืนอยู่ท่ามกลางคน 7-8 คนในตำหนัก.
ใน 7-8 คนนี้ หากจงซานอยู่ที่นี่ ย่อมจำได้อย่างแน่นอน คนหนึ่งในกลุ่ม เขาคือคนของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย เซอคง!