Chapter 792 เป้าหมายของจูเซียน.
เต๋าจวินเซิ่งหยาที่จับจ้องมองจงซานด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างลึกล้ำ ทว่าเต๋าจวินเซิ่งหยานั้นเป็นคืนยืดได้หดได้ ครั้งนี้แม้แม้นว่าเขาต้องการจะสังหารจงซานให้ได้ ทว่ากระบี่จูเซียนหายไป ผลแพ้ชนะเวลานี้จึงเปลี่ยนไปแล้ว.
"ใช้เวลานานเกินไปแล้ว ยังไม่ถึงเวลาสังหารจงซาน ถอยก่อน!"เต๋าจวินเซิ่งหยาที่กล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมาก.
กงเหล่ยเทียนจ้องมองจงซานด้วยท่าทางแววตาช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะบินไปพร้อมกับเต๋าจวินเซิ่งหยา.
เต๋าจวินเซิ่งหยาที่ต่อสู้กับตี้เสวียนชา มีเพียงแค่เต๋าจวินเซิ่งหยาเท่านั้นที่รับรู้ว่าตี้เสวียนชาแข็งแกร่งขนาดใหน กับสถานการณ์จนถึงตอนนี้ กงเหล่ยเทียนก็ยังไม่สามารถสังหารจงซานได้อย่างงั้นรึ? ส่วนฮามะไล เองก็ไม่ต่างจากสวะที่ไร้ประโยชน์.
เต๋าจวินเซิ่งหยาไม่รู้ว่าจงซานนั้นแข็งแกร่งเท่าใด ดังนั้นเวลานี้เมื่อกงเหล่ยเทียนไม่สามารถสังหารจงซานได้ก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน ส่วนกงเหล่ยเทียนเองก็เช่นกันรู้สึกไม่พอใจกับเต๋าจวินเซิ่งหยา ไม่ใช่ว่าเจ้ามีระดับสิบสองสวรรค์แท้หรอกรึ? หนำซ้ำยังมีมีดบินสังหารเซียนอีก? ผ่านไปตั้งนาน เจ้ากำลังเล่นสนุกกับตี้เสวียนชาอยู่รึไง?
เห็นคนทั้งสองที่จากไปด้วยใบหน้าไม่พอใจกันและกัน แต่ด้วยความสามารถของจงซานและตี้เสวียนชาเวลานี้ การจะขวางพวกย่อมไม่มีทางสำเร็จ.
ส่วนฮามะไลที่นั่งอยู่บนพื้น พวกเขาดูเหมือนว่าจะไม่สนใจช่วยเลยแม้แต่น้อย.
"เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องไล่ตาม!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
วิชากายาเทพอสูรนั้นยังคงอยู่ได้อีกไม่นาน หากว่าเริ่มต่อสู้อีกครั้ง จะชนะหรือว่าแพ้ก็ยากจะคาดเดา.
ตี้เสวียนชาที่พยักหน้ารับ จดจ้องมองไปยังฮามะไลที่นอนกองอยู่บนพื้น.
เห็นฮามะไลแล้ว พวกเขาเองก็รู้สึกรังเกียจ ไม่มีใครเห็นฮามะไลอยู่ในสายตา ตลอดหลายปีมานี้ เขาในเวลานี้กลายเป็นขยะเปียกโดยสมบูรณ์.
การต่อสู้ของเขาในช่วงหลัง ๆ มานี้ ไม่แม้แต่กล้าเข้าไปปะทะ ขลาดเขลา หากไม่มีจิตกระบี่จูเซียนสิงร่าง ก็ไร้ซึ่งประโยชน์ใด ๆ .
ไม่สงสัยเลยว่าเต๋าจวินเซิ่งหยาและกงเหล่ยเทียนจะจากไป โดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย.
"ข้าจะสังหารมันซะ!"ตี้เสวียนชาจ้องมองอย่างไม่แยแสไปยังฮามะไล.
"ช้าก่อน! ให้มันมีชีวิตอยู่!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"ขยะไร้ประโยชน์ ปล่อยไว้ยังจะใช้ประโยชน์อะไรได้?"ตี้เสวียนชาที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ยังมีวิธีใช้ แม้แต่ขยะเปียก ยังใช้เป็นปุ๋ยได้ เกี่ยวกับวิธีใช้เขา ก็ย่อมต้องมีวิธีเช่นกัน."จงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
นับเป็นครั้งแรกที่เขาต้องต่อสู้กับกงเหล่ยเทียนอย่างจริงจัง และยังกุมความได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ ทำให้จงซานอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก หลังจากวันนี้ กงเหล่ยเทียนจะไม่ได้เป็นฝันร้ายของเขาอีกต่อไป การจะจัดการกงเหล่ยเทียนในเวลานี้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว ความเจ็บช้ำที่กงเหล่ยเทียนประทับอยู่ในใจของเขา เวลานี้มันค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมา บาดแผลที่เคยเจ็บหนัก เวลานี้ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับจงซานอีกต่อไปแล้ว.
ขยะเปียก? ใช้เป็นปุ๋ยอย่างงั้นรึ? ตี้เสวียนชาที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็จดจ้องมองฮามะไลด้วยท่าทางแปลกประหลาด.
"ตกลง ไม่ว่าจะเป็นขยะเปียกหรือปุ๋ย ให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน!"ตี้เสวียนชาที่กล่าวออกมา.
เมื่อเก็บแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบ พร้อมกับผนึกฮามะไล ตี้เสวียนชาและจงซานก็เดินทางกลับสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว.
"ทำไมกระบี่จูเซียนถึงจากไปทันทีทันใดล่ะ?ความจริงเกิดอะไรขึ้น?ที่สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียนอย่างงั้นรึ?"ตี้เสวียนชาที่ขมวดคิ้วกล่าวสอบถามออกมา.
"ที่สวนสวรรค์ลอยฟ้า ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับกงเชียนแล้ว เขาได้ถอยกลับไปเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้แล้ว!"ใบหน้าของจงซานที่ซับซ้อนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า.
"หืม? กงเชียนถอยกลับไปแล้ว ทำไมเจ้าถึงต้องทำหน้าเศร้าเช่นนั้น!"ตี้เสวียนชาที่กล่าวสอบถามด้วยความสงสัย.
"นั่นเพราะว่า บุตรชายที่แสนดีของข้าได้ตายไปเพราะเขายังไงล่ะ!"แววตาของจงซานที่เผยจิตสังหารแผ่ออกมาด้วย.
"หืม?"ตี้เสวียนชาที่ขมวดคิ้วไปมา.
"จงเสวียน............!"
จงซานที่ได้บอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมดให้กับตี้เสวียนชาได้ฟัง ไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องปิดบังตี้เสวียนชา.
"กงเชียน?"
ตี้เสวียนชาที่ได้ยินถึงความแข็งแกร่งของกงเชียน ทำให้เขาสูดหายใจลึกทีเดียว กงเชียนผิดปรกติเกินไปแล้ว.
"ไม่มีปัญหา พวกเราได้กุมจุดอ่อนของกงเชียนเอาไว้แล้ว!"จงซานที่เผยยิ้มออกมาในทันที.
"หืม?? เป็นกลุ่มของหวังคูที่เดินทางไปก่อนหน้านี้นะรึ?"ตี้เสวียนชาที่สอบถามออกมา.
"ใช่แล้ว ในเวลานี้พวกเขาได้กลับมาแล้ว ได้นำโลงศพขนาดใหญ่กลับมาด้วย โลงศพที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความโศกเศร้า ตอนนี้ข้าได้เปิดโลงศพออกมาแล้ว ทว่าเพียงแค่เปิดก็ทำให้ผืนฟ้าและปฐพีกำสรวล สวรรค์ร้องไห้ออกมาเป็นสายฝน ความเศร้าที่มากมายที่ปะทุออกมานั้นไม่ใช่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย!"จงซานที่กล่าวตอบต่อตี้เสวียนชา.
"โลงศพ? เป็นใครอยู่ด้านในกัน?"ตี้เสวียนชาที่เต็มไปด้วยความสงสัย.
"ไม่สามารถเห็นได้ ไม่ สามารถเห็นได้ชัดเจน ซ้ำยังไม่สามารถจดจำได้อีกด้วย ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว ถึงจะใช้หยกบันทึกแล้ว แต่ก็ไม่สามารถบันทึกภาพได้ เป็นศพที่แปลกประหลาด!"จงซานที่สูดหายใจลึก.
"เป็นศพที่แปลกประหลาดขนาดนั้นเลยรึ?"ตี้เสวียนชาที่ขมวดคิ้วไปมา.
ทว่าขณะเดียวกันดวงตาของจงซานก็หดเกร็ง ใบหน้าที่เปลี่ยนไปในทันที.
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"ตี้เสวียนชาที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.
"ข้ารู้ ข้ารู้แล้ว....!"จงซานที่กลืนน้ำลายคำโต.
"รู้เรื่องอะไร?"
"ข้ารู้ว่ากระบี่จูเซียนนั้นไปที่ใหน ข้ารู้ว่าทำไมจูเซียนถึงได้จากไปในทันที หนำซ้ำยังไม่สนใจคำพูดของเต๋าจวินเซิ่งหยาแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว!"แววตาของจงซานที่เผยท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมาก.
"ไปที่ใหนอย่างงั้นรึ?"
"สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียน กระบี่จูเซียนจะต้องไปยังสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวอย่างแน่นอน!"ดวงตาของจงซานที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ.
แดนเทพอมตะ เย่ชิงเฉิงที่นั่งบำเพ็ญอยู่ใช้ทะเลสาบขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ผิวน้ำที่เงียบสงบไร้คลื่น กระบี่เซียนเซียนที่ถูกวางไว้บนตักของเขา.
ใบหน้าของเย่ชิงเฉิงที่สงบเงียบ เขาที่กำลังสัมผัสถึงวิถีกระบี่ ในเวลาเดียวกันก็ศึกษาความลึกล้ำของกระบี่เซียนเซียนไปด้วย.
ทันใดนั้น กระบี่เซียนเซียนก็ปรากฏปราณสีเขียวมรกตปกคลุม สั่นไปมาในทันที ทันใดนั้นก็สะบัดหลุดจากการควบคุมของเย่ชิงเฉิง.
"ปัง!"
น้ำในทะเลสาบที่พุ่งขึ้นบนฟ้า กระบี่เซียนเซียนเองก็เช่นกัน.
กระบี่เซียนเซียนที่บินหนีไป ใบหน้าของเย่ชิงเฉิงถึงกับเปลี่ยนเป็นซับซ้อน.
ไร้ซึ่งลังเล เย่ชิงเฉิงที่พุ่งเข้าจับด้ามกระบี่เซียนเซียนเอาไว้.
กระบี่เซียนเซียนที่ปลดปล่อยแสงสีเขียวสว่างจ้าแผ่ออกไปทั่วทิศ กระบี่ที่สั่นอย่างรุนแรง จนมิติอากาศบิดเบี้ยว กระบี่เซียนเซียนกำลังคลั่ง?กระบี่เซียนเซียนกำลังจะจากไปอย่างงั้นรึ?
ปราณกระบี่มากมายที่ผุดออกมาจากอากาศ.
ปราณกระบี่ขนาดใหญ่ที่โจมตีไปยังเย่ชิงเฉิง ราวกับว่ามันต้องการให้เย่ชิงเฉิงปล่อยมันไป ทว่าเย่ชิงเฉิงจะยอมปล่อยมันไปอย่างงั้นรึ?
เย่ชิงเฉิงที่รู้สึกว่า ตราบเท่าที่เขาปล่อยมือ กระบี่เซียนเซียนจะต้องหายไปในอากาศ ซึ่งมันกำลังจะหนีไปจากเขา.
ไร้ซึ่งเหตุผล หมายความว่าอย่างไร?
กระบี่เซียนเซียนนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เย่ชิงเฉิงที่กุมด้ามกระบี่เอาไว้แน่น อย่างไรก็ตามพลังของกระบี่เซียนเซียนนั้นทรงพลังเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด หากแต่เขาจะย่อมปล่อยให้กระบี่เซียนเซียนหลุดมือไปได้อย่างงั้นรึ?
จะปล่อยให้บินหนีไปได้อย่างไร? ทันใดนั้น เย่ชิงเฉิงที่คิดถึงคำพูดสุดท้ายของเต๋าจวินเซิ่งหยา.
"กระบี่เซียนเซียนข้าจะมอบให้เจ้าดูแล และนี่คือโอกาสสุดท้ายที่ข้ามอบให้เจ้า หากทำให้กระบี่เซียนเซียนสูญหายไปอีกล่ะก็ อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!"เสียงที่เย็นชาและเคร่งขรึมของเต๋าจวินเซิ่งหยาเขายังจำได้ดี.
เมื่อคิดได้ดังนั้น เย่ชิงเฉิงที่ตัดสินใจที่จะใช้พลังทั้งหมดที่มี.
"อำนาจแดนเทพอมตะ!"เย่ชิงเฉิงที่คำรามออกมาเสียงดัง.
บนแดนเทพอมตะ บนท้องฟ้าที่มีกรรมวาสนามากมาย ส่องประกายแสงสีทองเหลืองอร่าม แสงสีทองอร่วมที่พุ่งตรงมายังร่างของเย่ชิงเฉิง ร่างของเย่ชิงเฉิงที่เปล่งประกายแสงสีทองออกมาทันที ทั่วทั้งหุบเขาที่เขาอยู่เองต่างก็ส่องประกายแสงสีทองสว่างจ้า.
เหล่าผู้ฝึกตนแดนเทพอมตะที่พุ่งเข้ามาหา ด้วยคิดว่าศัตรูที่ทรงพลังกำลังบุกรุกหรือไม่?
ขณะที่พวกเขาบินเข้ามาใกล้ ก็พบว่าเป็นเย่ชิงเฉิงที่กำลังต่อสู้ปลุกปล้ำกับกระบี่เซียนเซียนอยู่.
รองประมุขและกระบี่เซียนเซียนต่อสู้กันอย่างงั้นรึ? แทบจะในทันทีที่ทุกคนได้เห็นที่เต็มไปด้วยความงงงวย.
"ไม่มีใครสามารถชิงเจ้าไปได้!"เย่ชิงเฉิงได้ใช้อำนาจกรรมวาสนาของแดนเทพอมตะในการกำราบกระบี่เซียนเซียนนั่นเอง.
แม้ว่าเย่ชิงเฉิงไม่สามารถเคลื่อนย้ายกรรมวาสนาทั้งหมดเช่นเต๋าจวินเซิ่งหยา ทว่าเขาที่เป็นรองประมุข แน่นอนว่าย่อมต้องเคลื่อนกรรมวาสนาได้บางส่วน.
ภายใต้พลังที่ดึงพลังมาจากแดนเทพอมตะส่วนหนึ่ง ท้ายที่สุดเย่ชิงเฉิงก็สามารถกำราบกระบี่เซียนเซียนได้ กระบี่เซียนต้องการจากไปอย่างงั้นรึ?ไม่มีทาง.
กระบี่เซียนเซียนไม่สามารถจากไปได้ มันกำลังสั่นไปมาอย่างหนักหน่วงรุนแรง เผยท่าทางโศกเศร้าและโกรธเกรี้ยวไปพร้อม ๆ กัน ทว่าก็ไม่สามารถกระทำอะไรได้.
เย่ชิงเฉิงที่จ้องมองไปยังกระบี่เซียนเซียน แม้ว่าจะรู้สึกแปลกประหลาดกับกระบี่เซียนเซียน ทว่าเขาจะไม่ทางปล่อยกระบี่เซียนเซียนให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ในกำมือของเขา.
เมื่อกำราบกระบี่เซียนเซียนได้แล้ว เย่ชิงเฉิงก็ต้องมองผู้ฝึกตนที่เข้ามารายล้อมเป็นจำนวนมาก.
"กลับกันไปได้แล้ว เหลือเจ้าอยู่ก่อน!"เย่ชิงเฉิงที่สั่งให้ทุกคนถอยกลับ พร้อมกับชี้ไปยังชายคนหนึ่ง.
"ครับ!"ทุกคนที่ถอยกลับไป เหลือคนเดียว
"ข้าต้องการถามเจ้า ผู้ก่อตั้งกลับมาหรือยัง?"เย่ชิงเฉิงที่สอบถามชายคนดังกล่าวออกมา.
"ข้าได้เฝ้าที่หน้าประตูแดนเทพอมตะ แม้นว่าจะเข้ามาก่อนหน้านี้ แต่ก็ปล่อยคนเฝ้าประตูเอาไว้ หากแต่ผู้ก่อตั้งก็ยังไม่กลับมา!"ชายคนดังกล่าวส่ายหน้าไปมา.
"อืม เจ้าไปได้แล้ว!"เย่ชิงเฉิงกล่าว.
"ครับ!"
จวบจนทุกคนจากไปแล้ว เย่ชิงเฉิงที่จดจ้องมองไปยังกระบี่เซียนเซียนและกล่าวออกมาเสียงดัง.
"กระบี่เซียนเซียนหมายความว่าอย่างไร? เจ้าต้องให้ผู้ก่อตั้งเอ่ยปากก่อนถึงจะไปได้ ช่างน่าเสียดายที่ผู้ก่อตั้งยังไม่กลับมา แล้วเจ้าต้องการจะไปใหนกัน?"เย่ชิงเฉิงที่ขมวดคิ้วไปมา.
กระบี่เซียนเซียนที่ยังคงร้องออกมาด้วยความโศกเศร้าสั่นไปมา? เหมือนกับกระบี่จูเซียนก่อนหน้านี้ มันสัมผัสได้ถึงการเปิดออกมาของโลงศพสีม่วงที่สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว ดังนั้นมันจึงพุ่งตรงไปยังสถานที่ดังกล่าว ทว่าทำไมโลงศพสีม่วงถึงได้ไปอยู่ที่สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว? เย่ชิงเฉิงที่ยังคงปกป้องแดนเทพอมตะ เป็นไปได้อย่างงั้นรึ? ที่จะมีคนรุกเข้ามาในแดนเทพอมตะเพื่อแย่งชิงมันไปรึ?
หากเย่ชิงเฉิงรับรู้ว่ามีโจรสามคนลอบเข้ามา เขาคงจะไม่ยอมปล่อยให้โลงศพสีม่วงหายไปอย่างแน่นอน.
เย่ชิงเฉิงต้องการสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับกงเชียน ไม่รู้ว่าหากกงเชียนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เย่ชิงเฉิงจะรู้สึกเช่นไร.
ราชวงศ์สวรรค์ต้าเจิ้ง สวนสวรรค์ลอยฟ้า ฟ้าดินที่กำลังร่ำไห้ สวรรค์หลั่งน้ำตาทำให้ฝนตกไปทั่วแผ่นดิน.
ร่างแยกเงาที่นำเหล่าข้าราชบริพารกลุ่มหนึ่งมาเปิดโลงศพสีม่วงที่ลานแห่งหนึ่ง ทำให้กลิ่นอายทีเศร้าสลดปะทุขึ้น.
ทุกคนที่นั่งลงขัดสมาธิ ทำให้จิตใจมั่นคงทันที ตอนนี้มีเพียงแค่จงซานและหวังคูที่สามารถมองดูได้นานที่สุด.
ในเวลาเดียวกัน ร่างแยกเงาจงซานที่ดวงตาหดเกร็ง เขาที่เงยหน้าจ้องมองไปยังทิศเหนือ.
"เซียนเซิงซือ ปิดฝาโลง และตอกตะปูคืนเช่นเดิม!"จงซานที่หันหน้าเอ่ยกับเซียนเซิงซือ.
เซียนเซิงซือเองก็เหนือล้าทั้งกายและใจ ตั้งแต่เปิดโลงศพสีม่วงออกมา จากนั้นขณะที่ปิดฝาของโลงศพ จากขอบฟ้าไกล ประกายแสงสีม่วงที่พุ่งร่วงหล่นลงมาจากเมฆในทันที.
ค่ายกลหนานกงเซิ่งที่เปิดใช้งานอัตโนมัติในทันที.
"ตูมมมมมมมมมมมม!"
แสงสีม่วงที่กระแทกค่ายกลเสียงดังสนั่น มันกำลังพุ่งตรงลงมายังลานที่จงซานอยู่.