ตอนที่แล้วChapter 758 ร่ำสุราพูดคุยท่ามกลางทุ่งดอกเหมย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 760 ความน่าเกรงขามของเจี้ยนอ้าว.

Chapter 759 กระบี่ที่ยากจะประเมิน.


รอบ ๆ เทือกเขาเหมยซานนั้นมีเหล่ายอดฝีมือไร้สังกัดมากมาย กลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ  แม้แต่ราชวงศ์วาสนาขนาดใหญ่ทั้งสามก็สนใจ ดังนั้นการที่มีผู้ชมมากมายไม่ใช่เรื่องประหลาดอันใด.

หลี่ซือยืนอยู่มุมหนึ่ง เขาที่รับคำสั่งของหยิงให้มาสังเกตการณ์.

เจี้ยนอ้าวและจงซานยังคงพูดคุยกันบนศาลาซิวเหมย เต๋าจวินเย่ชิงเฉิง เฉินฉีเทียนและฮามาไลที่ร่อนลงบนยอดเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน.

"มาแล้ว เต๋าจวินเซิ่งหยาและเฉินฉีเทียน ฮามาไล แล้วอีกคนนั้นเป็นใครกัน?"

"ไม่รู้เหมือนกัน แต่น่าจะเป็นเต๋าจวินอีกคนของแดนเทพอมตะ!"

"หืม? แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร?"

"เจ้าไม่เห็นกระบี่จิวเซียนที่เขาถืออยู่รึไง? ก่อนหน้านี้ที่สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว ข้าเคยเห็นมันมาด้วยตัวเองเลย!"

"กระบี่จิวเซียนอย่างงั้นรึ?"

"แล้วเฉินฉีเทียนไปร่วมมือกับแดนเทพอมตะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"

"หรือพวกเขาร่วมมือกันเพื่อจัดการกับเจี้ยนอ้าว.

เสียงของทุกคนที่ดังเซ็งแซ่ สี่ยอดฝีมือบนเทือกเขาเสวี๋ยซาน พวกเขาที่จ้องมองลงไปยังยังศาลาซิวเหมยซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางหุบเขานั่นเอง.

สายตาของพวกเขาที่เห็นจงซานอยู่ในศาลาซิวเหมย.

สี่ยอดฝีมือที่ดวงตาหดเกร็ง แววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรงแผ่ออกมา.

เย่ชิงเฉิง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังจดจ้องมองไปยังจงซาน จงซานที่ทำให้เขาต้องสูญเสียโลกอมตะ แม้แต่กระบี่ลู่เซียนก็ยังเสียไปที่ทะเลดำ.

เฉินฉีเทียน นับเป็นโจทย์เก่าของจงซานเช่นกัน แม้นว่าเขาจะไม่เคยคิดว่าจงซานคู่ควรจะเป็นคู่ต่อกรกับเขาก็ตาม ทว่าเฉินฉีเทียนรู้ดีว่ากระบี่ลู่เซียนนั้นถูกจงซานกลืนไปแน่ เฉินฉีเทียนเองก็มีประสบการณ์เช่นนั้นเหมือนกัน เป็นความแค้นเมื่อครั้งที่อยู่ในราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ที่ไม้เท้าทองม่วงลายมังกรของเขาถูกอสุรกายของจงซานกัดไปครึ่งด้วย.

ฮามะไลและจงซานไม่ได้รู้จักจงซานมากมายนัก มีเพียงแค่เหตุการณ์ที่เกาะลอยฟ้าสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว เขาถูกจงซานเล่นงาน จนอยู่ในสภาพอนาถเป็นอย่างมาก แม้แต่นวีชิงเฮวยที่เขาเล็งเอาไว้ก็ถูกจงซานจับไป ได้ยินมาว่าถูกจงซานจับไปเป็นผู้หญิงของเขาไปแล้ว.

ส่วนเต๋าจวินเซิ่งหยา ไม่ต้องกล่าวเลยว่าเกลียดจงซานขนาดใหน เขาคือศัตรูอันดับหนึ่งของแดนเทพอมตะเลยก็ว่าได้.

สี่ยอดฝีมือ ต่างก็ต้องการสังหารจงซานให้ตกตายไป ทว่าในเวลานี้พวกเขาจำต้องระงับความโกรธในใจเอาไว้.

ในเวลานี้ พวกเขามีเป้าหมายอยู่แล้วนั่นเอง.

จงซานเวลานี้กำลังนั่งดื่มสุรากับเจี้ยนอ้าว.

พญามารแดนเทพอเวจี เจี้ยนอ้าว!

แดนเทพอเวจีนั้น ถือเป็นหนึ่งในสี่แดนเทวะ สืบทอดมาหลายพันปี ตั้งอยู่ในสถานที่แปลกประหลาด เทียบกับแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ แล้ว พวกเขามีประวัติความเป็นมาไม่นานนัก หากแต่มีชื่อเสียงที่ไม่ธรรมดาทีเดียว.

พญามารแต่ละรุ่นนั้น มีความแข็งแกร่งระดับสูง เป็นตัวตนระดับต้น ๆ ของทวีปศักดิ์สิทธิ์ในทุก ๆ รุ่น.

พญามารแต่ละรุ่นนั่น ล้วนแล้วแต่ลึกล้ำ ทำไมพวกเขาถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้กัน? ประมุขรุ่นก่อนหน้านี้ที่พวกเขารู้จัก คือยอดฝีมือค่ายกลอันดับหนึ่ง รุ่นต่อมาก็คือมือกระบี่อันดับหนึ่งผู้จุติขึ้นมาใหม่ในวิถีกระบี่.

ทุกคนไม่เข้าใจนัก ทว่าพวกเขาคิดว่าเต๋าจวินเซิ่งหยานั้น ต้องการที่จะกำจัดแดนเทพอเวจีจริง ๆ รึ?

แดนเทวะเทพอเวจีนั้นไม่มีใครกลัวตาย แต่ละคนล้วนแล้วแต่บ้าคลั่ง พวกเขาที่ปกครองกันด้วยกฏป่า ปกครองด้วยความสามารถและความแข็งแกร่ง สุดท้ายเป็นเป็นเจี้ยนอ้าวที่กลายเป็นผู้ปกครอง.

หนานกงเซิ่งในอดีตที่ได้รับคัดเลือกนั้น แดนเทพอเวจีในเวลานั้นได้ให้มารและมารแท้ฆ่าฟันกันและกัน แม้นว่าจะมีพลังฝึกตนต่างกันก็ตาม แต่พวกเขาก็ฆ่าและก็ฆ่า จนได้ผู้แข็งแกร่งที่สุด.

การคัดเลือกประมุขของแดนเทพอมตะในแต่ละครั้งนั้น มียอดฝีมือตกตายไปอย่างมากมาย.

แน่นอนว่าวิธีนี้สำหรับแดนเทพอมตะนั้นไม่ต้องการกระทำการเป็นแน่ เพราะว่าพวกเขาต้องสูญเสียไปมากมาย ดังนั้นนโยบายนี้ของแดนเทพอเวจี แดนเทวะอื่น ๆ จึงไม่กล้านำมาใช้ แต่ถึงกระนั้นแดนเทพอเวจีก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน.

สำหรับคนแดนเทพอเวจีที่นิยมการไล่ล่าสังหารนั้น ผู้คนส่วนมากมักเรียกพวกเขาว่าผู้ฝึกตนวิถีมาร.

การการต่อสู้ไล่ล่าสังหารกันและกัน ทำให้คนของแดนเทพอมตะมีไม่มาก หากแต่ศิษย์ของพวกเขาแต่ละคนล้วนแล้วแต่แข็งแกร่ง.

เจี้ยนอ้าว!

สายตาของยอดฝีมือที่กำลังจ้องมองไปยังพญามารเจี้ยนอ้าว.

เจี้ยนอ้าวนั้นไม่สามารถมองเห็นจิตสังหารที่รุนแรงได้เลย ไม่รู้ทำไมว่าแตกต่างจากพญามารของแดนเทพอเวจี หรือว่ากฎเกณฑ์ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแล้ว หรือเป็นไปได้ว่าเขาสามารถเก็บจิตสังหารเอาไว้ได้.

หนานกงเซิ่งเองก็เช่นกันที่ต่างกับพญามารในอดีตและตอนนี้ก็เป็นเจี้ยนอ้าว.

"เต๋าจวินเซิ่งหยา? เย่ชิงเฉิง? มาพร้อมกัน กำลังวางแผนอะไรไว้รึ?"จงซานที่กล่าวสอบถามออกไป.

เจี้ยนอ้าวที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย "มีแผนแล้วอย่างไรล่ะ?"

"ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?"จงซานเอ่ยออกไป.

"ไม่จำเป็น วันนี้เจ้าเป็นเพียงผู้ชมก็พอ!"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.

"อืม!"จงซานพยักหน้า.

คนทั้งสองที่ก้าวออกไป เตรียมพร้อม.

"เจี้ยนอ้าว! เจ้าสังหารลูกหลานของข้ามากมาย วันนี้ถึงคราวที่เจ้าต้องย่อยยับบ้าง!"เฉินฉีเทียนที่กล่าวออกมาด้วยความเย็นชา.

เจี้ยนอ้าวที่กวาดตามองคนทั้งสี่ จากฮามะไล ก่อนที่จะหันหน้าไปมองเย่ชิงเฉิง ที่ด้านหลังของเย่ชิงเฉิงสะพายกระบี่จิวเซียว มีเพียงแค่เจี้ยนอ้าวเท่านั้น ที่มีเจตจำนงกระบี่ สามารถมองเห็นเจตกระบี่ที่หนักหน่วงรุนแรงแผ่ออกมา.

"วูซซซซ!"

กระบี่จูเซียนที่สั่นไหวไปมาเล็กน้อย.

"วูซซซซ!"

กระบี่ของเหล่ายอดฝีมือรอบ ๆ ต่างก็สั่นไปมาอย่างรุนแรงเช่นกัน ดูเหมือนว่ากระบี่จูเซียนที่เป็นเหมือนกับจักรพรรดิกระบี่เป็นคนทำ เป็นการบอกให้รับรู้ตัวตนของมัน.

เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับต้องกุมกระบี่ของตัวเองเอาไว้ด้วยท่าทางตื่นตระหนก ไม่ให้กระบี่ของตัวเองสั่นไหว.

ทว่าที่ด้านหน้าเจี้ยนอ้าว ปรากฏสายลมอ่อนที่พัดวนออกมา จงซานที่อยู่ไกลที่สุด จ้องมองไปรอบ ๆ มองเห็นอย่างชัดเจน ไม่ใช่กระแสลมหากแต่เป็นปราณกระบี่ขนาดเล็กมากมายกำลังปะทุขึ้นมา.

กระบี่จิวเซียนกำลังยั่วยุเจี้ยนอ้าวอย่างงั้นรึ?

"นับเป็นกระบี่ชั้นยอด!"เจี้ยนอ้าวที่สูดหายใจลึก.

เจี้ยนอ้าวที่จ้องมองกระบี่จิวเซียนเสร็จก็หันหน้าจ้องมองเต๋าจวินเซิ่งหยา เต๋าจวินเซิ่งหยาที่แบกน้ำเต้าขนาดใหญ่อยู่ตลอดเวลา เป็นน้ำเต้าที่เป็นสมบัติชั้นเซียน และยังมีจุดแสงสีต่าง ๆ เล็กกระจายไปทั่วน้ำเต้า.

ท้ายที่สุด เจี้ยนอ้าวก็จ้องมองไปยังเฉินฉีเทียน.

เฉินฉีเทียนจ้องมองกลับมา เจี้ยนอ้าวเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะโบกมือเบา ๆ  จากนั้นสตรีที่อยู่ไม่ไกลในชุดสีแดงก็บินออกมา.

"เฉินฉีเทียน เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่?"สตรีในชุดสีแดงที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย.

ในอดีตนางที่ดูเต็มไปด้วยความสง่าราวกับวีระสตรีที่ไล่ล่าเฉินฉีเทียนไปทุกที่ ทว่าในเวลานี้ นางมีบิดาคอยหนุนหลัง เจี้ยนหงในเวลานี้เป็นเหมือนกับเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความอหังการทั่วไป เอ่ยชื่อเฉินฉีเทียนออกมา.

"เจี้ยนหง?"เฉินฉีเทียนที่ดวงตาหดเกร็ง.

แววตาของเฉินฉีเทียนที่เต็มไปด้วยความโกรธ นับตั้งแต่เขาพบกับเจี้ยนหง ก็พบแต่โชคร้ายมาตลอด ถูกไล่ล่า! จนวันนี้เขาแทบจะเหลือตัวคนเดียว!

"เจี้ยนหง ไป!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.

"ค่ะ!"เจี้ยนหงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในมือของนางที่มีกระบี่สีดำทมิฬ.

เจี้ยนหงที่ลอยออกไป พร้อมกับใช้กระบี่ชี้ไปยังทิศทางของเฉินฉีเทียน.

"เฉินฉีเทียน รับความตายไปซะ!"เจี้ยนหงที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.

กับคำพูดของเจี้ยนหงนั้น ทุกคนที่ตะลึงงัน เป็นใครกันแน่ที่จะสังหารใคร?

"นั่นคือเจ้าตำหนักเทพกระบี่ เจี้ยนหงรึ? ได้ข่าวมาว่าถูกเฉินฉีเทียนสังหารไปแล้วไม่ใช่รึ?"

"ได้ยินมาว่านางคือธิดาของเจี้ยนอ้าว?"

"นี่นางต้องการต่อสู้กับเฉินฉีเทียนที่มีระดับสวรรค์แท้? กำลังคิดอะไรอยู่?"

ทุกคนที่เห็นเจี้ยนหงที่กำลังเข้าปะทะเฉินฉีเทียน ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ นี้เจี้ยนหงตื่นขึ้นมาจากสุสานได้อย่างไร นางฟื้นคืนชีพได้อย่างงั้นรึ และที่คาดไม่ถึงอีกคือตอนนี้นางกำลังท้าทายเฉินฉีเทียน?

ที่ไกลออกไปนั้น สี่ยอดฝีมือที่ขมวดคิ้วไปมา.

เต๋าจวินเซิ่งหยาที่กล่าวต่อเจี้ยนอ้าวที่อยู่ไกลออกมา "พญามารเจี้ยนอ้าว เจ้าจะให้บุตรสาวของเจ้าออกมาต่อสู้อย่างงั้นรึ? เจ้าไม่คิดจะลงมือรึอย่างไร?"

"นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวข้า ไม่รู้ว่าเต๋าจวินเซิ่งหยามีปัญหาอะไร!"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.

"ข้าเป็นผู้รับรองการต่อสู้นี้ แล้วจะไม่เกี่ยวกับข้าได้อย่างไร?"เต๋าจวินเซิ่งหยาที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"ข้าไปขอให้เจ้ามารับรองเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวหยัน.

เต๋าจวินเซิ่งหยาที่ขมวดคิ้วไปมา จากนั้นก็ไม่กล่าวสิ่งใดออกมา.

เฉินฉีเทียนจ้องมองไปยังเจี้ยนอ้าว จ้องมองไปยังเจี้ยนหงที่ลอยอยู่บนอากาศ พร้อมกับเผยยิ้มอย่างเย็นชา "ในเมื่อรนหาที่ตาย ข้าจะสนองเจ้าเอง!"

เฉินฉีเทียนที่ลอยออกไป.

เจี้ยนหงที่ตวัดกระบี่สีดำ พร้อมกับชี้ตรงไปยังตำแหน่งของเฉินฉีเทียน ปรากฏปราณกระบี่พุ่งออกไป.

เจี้ยนหงที่มีระดับ ราชันย์แท้ ถึงอย่างงั้น นางกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเฉินฉีเทียนแม้แต่น้อย เฉินฉีเทียนที่ได้พลังและความทรงจำกลับคืน จนมีระดับสวรรค์แท้ขั้นที่สิบ! มีหรือที่ระดับราชันย์แท้จะเทียบได้?

การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว.

เหล่าผู้ชมต่างก็จับจ้องมองกันอย่างเงียบ ๆ .

กระบี่ของเจี้ยนหงไม่ได้ปล่อยปราณกระบี่ออกมามากมาย หากแต่เป็นเพียงปราณกระบี่เส้นเดียวที่พุ่งตรงไปยังเฉินฉีเทียนด้วยความเร็ว.

เป็นปราณกระบี่ที่ยืดยาวขายออกไป หลายร้อยเท่า.

"เป็นเพลงกระบี่ที่ดี!"เย่ชิงเฉิงที่อยู่ไกลออกไปกล่าวชมออกมา.

จงซานที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยินเสียงเจี้ยนอ้าวที่กล่าวออกมาเบา ๆ  "ใหญ่!"

"ตูมมมมมม!"

ปราณกระบี่ของเจี้ยนหง ทันใดนั้นก็ขยายออกไปอีกหลายแสนเท่า!

ราวกับว่าฟ้าดินทันใดนั้นก็เปลี่ยนไป ช่วยเหลือนางโจมตีเฉินฉีเทียน.

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ราวกับลูกศรที่ขยายขนาดออกเป็นแสนเท่า เหมือนลูกศรขนนกที่พุ่งออกไปแล้วเปลี่ยนเป็นภูเขาในทันที กับขนาดของพลังที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว.

เหล่าผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง.

เฉินฉีเทียนที่กำลังจะปล่อยฝ่ามือออกไปทำลายปราณกระบี่ ทว่าทันใดนั้นทั่วร่างกลายเป็นหลั่งเหงื่อที่เย็นเยือบออกมา จนทำให้เขาตัดสินใจหลบ.

ทว่าเมื่อเฉินฉีเทียนหลบ ปราณกระบี่ขนาดหนึ่งแสนเท่านี้ก็ได้พุ่งตรงไปยังตำแหน่งของเต๋าจวินเซิ่งหยาทันที.

ส่วนคนทั้งสามเองก็เร่งรีบตอบสนองหลบในทันทีเช่นกัน.

"ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมม!"

ปราณกระบี่ขนาดใหญ่โจมตีเข้ากับภูเขาที่พวกเขายืนอยู่ระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ในทันที.

ปราณกระบี่ที่ใหญ่โตนี้ เป็นฝีมือของผู้ฝึกตนระดับราชันย์แท้อย่างงั้นรึ?

เฉินฉีเทียนที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่แน่ใจ ทว่าเจี้ยนหงที่หันหน้าไปมาเจี้ยนอ้าว.

กับรอยยิ้มของบิดา ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เป็นความตื่นเต้นที่ยากจะได้เห็นมัน.

แววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ กระบี่สีดำในมือของนางที่เข้าโจมตีเฉินฉีเทียนอีกครั้ง เจี้ยนหงแม้ว่าจะด้อยกว่าเจี้ยนอ้าว ทว่าเพลงกระบี่ของนางนั้นทรงพลังน่าเกรงขาม ปราณกระบี่มากมายที่หมุนวนโคจรไปรอบ ๆ ร่างกายของเจี้ยนหง.

ปราณกระบี่นี้ไม่ใช่มีไว้เพื่อโจมตี หากเป็นเหมือนกับโล่ที่ป้องกันร่างกายของนาง และยังทำให้กระบี่ของนางรวดเร็วกว่าเดิมด้วย ทำให้เพลงกระบี่ของเจี้ยนหงแทบไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า.

เพลงกระบี่ของเจี้ยนหงที่บุกโจมตีเฉินฉีเทียนอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้เจี้ยนหงที่เป็นเหมือนกับราชันย์นักฆ่า และปราณกระบี่ของนางยังสามารถขยายออกเป็นหนึ่งแสนเท่าได้ในทันที ทำให้เพลงกระบี่ของนางน่าหวาดกลัวยิ่งขึ้นไปอีก เป็นพลังอำนาจที่สามารถฉีกกระชากมิติให้บิดเบี้ยวเป็นระลอกคลื่นได้เลย.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด