Chapter 758 ร่ำสุราพูดคุยท่ามกลางทุ่งดอกเหมย
จงซานที่ร่อนลงยังหุบเขาที่มีศาลาตั้งอยู่.
"ฝ่าบาท!"เจี้ยนหงที่แสดงความเคารพเล็กน้อย เหล่าศิษย์ของแดนเทพอเวจีเองก็เช่นกัน ทว่าก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา.
ภายในตำหนัก เจี้ยนอ้าวที่ลืมตาขึ้นช้า ๆ .
สายลมที่โบกสะบัดออกจากร่างของเจี้ยนอ้าว ทันใดนั้นดอกเหมยที่อยู่ในศาลาก็ถูกพัดออกไปทั้งหมด.
"หงเอ๋อ ให้ทุกคนถอยออกไปทั้งหมด!"เจี้ยนอ้าวที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
"ค่ะ ท่านพ่อ!"เจี้ยนหงรับคำ ก่อนที่จะนำเหล่าศิษย์ออกไปด้านนอกหุบเขา.
"อู๋ซ่าง!"จงซานเองก็สั่งหลิวอู๋ซ่างด้วยเช่นกัน.
"ครับ!"หลิวอู๋ซ่างที่เข้าใจและถอยห่างออกไป
จงซานที่จ้องมองเหล่าคนที่อยู่ภายในหุบเขาจากไป ก่อนที่จะหันหน้าไปมองเจี้ยนอ้าว.
"เชิญ!"
"อืม!"จงซานพยักหน้า.
จงซานที่ก้าวเข้าไปในศาล ซึ่งมีเสื่อปูพื้นอยู่.
จงซานที่ก้าวเข้าไปนั่งเข่าที่ด้านหน้าเจี้ยนอ้าว โดยมีอาหารวางอยู่ด้านหน้า พร้อมกับโถสุราชั้นดี.
เจี้ยนอ้าวยื่นมือออกไป ดอกเหมยที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบชนิดก็ลอยออกมาในทันที จากพื้นที่รอบ ๆ เองถูกเก็บมา พร้อมกับถูกใส่ลงไปในโถสุรา.
ดอกเหมยมากมายที่ลอยอยู่บนโถสุรา ส่งกลิ่นหอมที่ยั่วยวนตลบอบอวลไปทั่ว.
"หลายร้อยปีแล้วที่ไม่ได้เห็นเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะก้าวไปถึงเขตแดนที่ลึกล้ำ กับความสามารถที่เหนือล้ำนี้คงจะไม่มีใครชนะเจ้าได้แล้วสินะ??"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
เจี้ยนอ้าวเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย "แน่นอนยังมีคู่ต่อสู้ที่ข้าลืมไม่ลงเช่นกัน!"
"หืม?"
"สามสิบปีที่แล้วข้าได้ต่อสู้กับใครคนหนึ่งของต้าฉิน ทำให้ข้ารับรู้อะไรมากมาย ดังนั้นวันนี้จึงต้องการให้เจ้ามา!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"ต่อสู้กับคนของต้าฉินอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา แสดงท่าทางตกใจเล็กน้อย.
ต่อสู้กับต้าหยิง? หรือใคร? เจี้ยนอ้าวที่กล่าวออกมานั้นดูเหมือนว่าจะเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาเอาการ กับการต่อสู้ระดับนั้น ทำไมเขาถึงไม่ได้รับข่าวสารเลยล่ะ?
"เป็นการต่อสู้ลับ ๆ นอกจากนี้ยังเป็นการต่อสู้ด้วยพลังจิตสำนึกล้วน ๆ ดังนั้นไม่มีใครรู้ก็ไม่แปลก!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"การต่อสู้ลับ? การต่อสู้ด้วยพลังจิตสำนึก?"จงซานที่ชำเลืองมองเจี้ยนอ้าว.
"อืมเป็นการต่อสู้ในโลกจิตสำนึกเป็นการต่อสู้อย่างหนึ่งด้วยพลังจิตสำนึก."เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"ใคร?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"หยิง!"
"หยิง?"ดวงตาของจงซานที่หดเกร็ง.
"ถูกแล้ว เป็นหยิง ข้าได้พ่ายแพ้ เขานั้นได้ข้ามเขตแดนเหนือมนุษย์ไปแล้ว ถึงแม้ว่าข้าจะพ่ายแพ้ ข้าก็ไม่ได้หมดกำลังใจแต่อย่างใด ข้าจะต้องก้าวข้ามเขตแดนดังกล่าวให้ได้ในวันข้างหน้า."เจี้ยนอ้าวที่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.
"หยิงได้ก้าวไปถึงเขตแดนเหนือมนุษย์แล้วอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ถูกแล้ว เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา."เจี้ยนอ้าวพยักหน้า.
"แล้วเขาก็ปล่อยเจ้าอย่างงั้นรึ?"
"เป็นแค่การลองเชิงเท่านั้น การประลองดังกล่าวนั้น แม้ว่าหยิงจะเหนือกว่ามาก ทว่าเขาก็ไม่ได้จริงจังนัก เป็นแค่การชิมลาง จากนั้นสามสิบปีมานี้ ข้าจึงไม่สัมผัสกระบี่เลย!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"ไม่แตะกระบี่มาสามสิบปีแล้วอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"การต่อสู้ในครั้งนั้นข้าได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์มาไม่น้อย!"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"ดูเหมือนว่าเพลงกระบี่ของเจ้าจะก้าวขึ้นไปอีกระดับอีกครั้งแล้วอย่างงั้นรึ?"จงซานกล่าวพลางถอนหายใจ.
"อืม!"เจี้ยนอ้าวพยักหน้า.
จงซานที่ยกสุราขึ้นดื่ม ขณะรับฟังพูดคุย.
"ระหว่าง 30 ปีนี้ กระบี่ไร้ลักษณ์ของข้าได้ก้าวไปถึงขั้นที่เก้า ช่างน่าเสียดายคงไม่ได้ต่อสู้กับเจ้าแล้ว!"เจี้ยนอ้าวที่ส่ายหน้าไปมา.
"เจี้ยนอ้าวเจ้าคือยอดฝีมือไร้คู่เปรียบ ข้าจะไปเทียบกับเจ้าได้อย่างไร?"จงซานที่ส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้ม.
"ไม่ ข้าบอกได้ว่าเจ้าคู่ควร ข้ายืนยันได้ว่าเจ้านั้นแข็งแกร่ง."เจี้ยนอ้าวกล่าวยืนยัน.
จงซานจ้องมองเจี้ยนอ้าวด้วยความลึกล้ำ และพยักหน้าให้ "เชิญ!"
จงซานที่ยกสุราชนแก้วของเจี้ยนอ้าว พร้อมกับเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
"ทำไมเจ้าถึงได้ตีค่าจงซานไว้สูงเช่นนั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกไป.
"มีไม่กี่คนที่ข้าสามารถมองเห็นว่าโดดเด่นยิ่งกว่าใคร เป็นจอมคนที่ร้ายกาจ ภายในใต้สวรรค์แห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่ควรถูกเรียกว่าจอมคนได้?"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"หยิง แปดหมื่นปีที่แล้วคือตัวตนอันดับหนึ่งของโลกใบนี้ ทรงพลังไร้เทียมทาน ไม่มีใครที่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ แปดหมื่นปีหลังจากนั้น เขาก็นับว่ายืนอยู่เหนือทุกคน!"จงซานกล่าว.
"หยิง นับเป็นจอมคน ข้าเองก็ไม่สามารถล้มเข้าได้ เขานับเป็นตัวตนอันดับหนึ่งที่ไม่อาจนับได้ ไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู!หากแต่เป็นคนที่ทุกคนควรจะหลีกหนีไปให้ไกล!"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ.
"หืม?"จงซานที่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย.
"?"
"เต๋าจวินเซิ่งหยาล่ะ ประมุขแดนเทพอมตะ เขาที่มีอาวุธมีดบินพิฆาตเซียน ตลอดชีวิต เขายังไม่เคยแพ้ใคร!"จงซานกล่าว.
"เต๋าจวินเซิ่งหยาอย่างงั้นรึ? นับว่าแข็งแกร่ง ร้ายกาจ ทว่ายังมีอำนาจไม่เพียงพอ!"เจี้ยนอ้าวกล่าวยืนยัน.
"ยังมีอำนาจไม่เพียงพออย่างงั้นรึ?"
"จอมคนที่ข้ากล่าวถึงนั้น ไม่ได้แปลว่ามีพลังความแข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า หากแต่เป็นคนที่เป็นแบบอย่างให้กับคนทั่วหล้าต่างหาก เป็นผู้นำที่ทุกคนยอมก้มหัวให้ เต๋าจวินเซิ่งหยานั้นไม่มีบารมีที่จะครองใจผู้คนทั่วไปได้!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"หืม? หรือจะเป็นกงเหล่ยเทียน? แขกจากโลกใบใหญ่ ลูกหลานปราชญ์เทพ มีความลึกลับของเซียน แปลกประหลาดและยังเป็นนายหัวของภาคตะวันตก!"
"จอมคนไม่ได้วัดกันที่ความลึกลับ!"เจี้ยนอ้าวเผยยิ้มออกมา.
"แล้วเจ้ากำลังจะกล่าวถึงใครกัน?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เจ้าไง จงซาน เจ้าคือจอมคน ที่เรียกได้ว่าวีรบุรุษ!"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวยืนยัน.
"ข้า? ชมข้าเกินไปแล้ว! เจ้าต่างหากล่ะถึงควรจะถูกเรียกว่าจอมคน!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"ข้าและเจ้านั้น มีความสามารถที่แตกต่างกันคนละแบบ ในอดีตนั้นข้าต้องการที่จะประลองกับเจ้าจริง ๆ ทว่าน่าเสียดายไม่สามารถทำได้ เพราะว่าความทรงจำชาติที่แล้วได้ฟื้นฟูและเขตแดนจิตวิญญาณเองก็ด้วย ทำให้ข้ามีพลังที่ก้าวกระโดดไปอีกไกล ดังนั้นการประลองกับเจ้าตอนนี้ จึงถือว่าเป็นการต่อสู้ที่ไม่เสมอภาค ช่างน่าเสียดาย ช่างน่าเสียดาย!"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวย้ำ.
"จริงรึ? เช่นนั้น ข้าจะรอต่อสู้กับเจ้า หวังว่าจะเติมเต็มความต้องการให้ข้าได้!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.
นี่คือความต้องการของจงซานเช่นกัน กับความรู้สึกที่ฮึกเหิมลับจิตใจให้กระหายในการต่อสู้ เป็นหนึ่งในความรู้สึกของนักรบ เพื่อสนองความต้องการของจิตใจ จงซานเองก็ไม่ต่างกันกับเจี้ยนอ้าว แน่นอนว่าย่อมมีเป้าหมาย การต่อสู้เป็นหนึ่งในการกลั่นและบีบคั้นความสามารถ เป็นหนึ่งในการยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นด้วย.
"ตกลง ข้ารับคำของเจ้า ในชีวิตนี้ เจ้านับเป็นคนที่สองที่ข้าต้องการประลองด้วย."เจี้ยนอ้าวที่สูดหายใจลึก ราวกับรู้สึกเบาใจ.
จงซานยักจอกสุราชนกับเจี้ยนอ้าวอีกครั้ง.
"คนที่สองรึ? ใครเป็นคนแรกรึ? หยิง?"จงซานสอบถามออกไป.
"ไม่ใช่ เขาได้ออกจากโลกใบเล็กไปนานแล้ว เป็นหนึ่งคนที่ข้ารู้จักในชาติที่แล้ว คนนี้นับเป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจมาก เพราะการต่อสู้กับเขา ทำให้ข้าต้องเผชิญหน้ากับกำแพงที่ไม่สามารถกระโดดข้ามนับร้อยปี ช่างน่าเสียดายการประลองจริงจะเริ่ม ข้ากับพบว่าตัวเองได้พบจุดอ่อนในวิถีกระบี่ของตัวเอง การประลองจริงข้าจึงไม่ได้ไปพบกับเขา เขาจึงได้ก้าวไปสู่โลกใบใหญ่ เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะรอข้าที่โลกใบใหญ่แล้ว หวังว่าจะได้ตอบสนองความต้องการในอดีตของข้าได้อีกครั้ง!"เจี้ยนอ้าวกล่าวพลางถอนหายใจ.
"เจ้าที่บำเพ็ญกรรม ส่วนข้านั้นบำเพ็ญชื่อเสียง ดูเหมือนว่ามันจะมีข้อจำกัดต่อกันอยู่!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"คนละสายการบำเพ็ญแตกต่างกันรึ?!"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวถามออกมา.
"ใช่แล้ว มีข้อแตกต่างกัน."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"พวกเราจะประลองกันที่โลกใบใหญ่เป็นอย่างไร?"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"คำใหนคำนั้น!"
"การประลองที่เทือกเขาเหม่ยซาน เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?"จงซานที่กล่าวสอบถามออกมา.
"การประลองที่เทือกเขาเหม่ยซานนี้ เป็นเพียงอย่างหนึ่ง ที่จะเติมเต็มเป้าหมายของข้า จุดประสงค์หลักของข้านั้นเพียงแค่ต้องการร่ำสุราพูดคุยกับเจ้าท่ามกลางทุ่งดอกเหมย เป็นการร่ำลา!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"เป็นการร่ำลา? เจ้าจะก้าวสู่โลกใบใหญ่แล้วรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ถูกแล้ว กับสถานการณ์ในทวีปศักดิ์สิทธิ์เวลานี้เจ้าควรจะเข้าใจดีกว่าใคร กับการแย่งชิงความเป็นหนึ่งในโลกหล้าหรือรวมแผ่นดินเข้าด้วยกัน นั่นไม่ใช่เป้าหมายของแดนเทพอเวจี ดังนั้นข้าจึงได้เตรียมการที่จะนำเหล่าศิษย์ของแดนเทพอเวจี ทะลวงมิติ ก้าวสู่โลกใบใหญ่ด้วย!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"ศิษย์ของแดนเทพอเวจี? บินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วย?"จงซานที่ตื่นตะใจเล็กน้อย.
"โลกเขตแดนของแดนเทพอเวจีนั้น บางทีมีใครบางคนที่กำลังช่วยเจ้าอยู่ก็รู้เรื่องนี้ เขาเองก็เคยคิดที่จะนำแดนเทพอเวจีบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเช่นกัน."เจี้ยนอ้าวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"หืม? เจ้ารู้ด้วยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่แสดงท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย ที่เจี้ยนอ้าวรู้เรื่องราวในภพหยินด้วยอย่างงั้นรึ?
"แดนเทพอเวจีนั้นเคยปกครองโดยข้า เมื่อข้าต้องการก้าวสู่โลกใบใหญ่ ตราบเท่าที่ศิษย์เทพอเวจีอยู่ด้านใน ข้าก็สามารถนำพวกเขาออกไปได้ด้วย!"เจี้ยนอ้าวกล่าวอย่างมั่นใจ.
"อืม!"จงซานพยักหน้า.
แม้ว่าเจี้ยนอ้าวจะได้รับการสืบทอดประมุขจากหนานกงเซิ่ง ทว่า เจี้ยนอ้าวในชาติที่แล้วนั้นก็คือประมุขของแดนอเวจีด้วยเช่นกัน กล่าวได้ว่าคุ้นเคยกับโลกเขตแดนเทพอเวจีไม่ได้ด้อยกว่าหนานกงเซิ่งเลย.
"พลังฝึกตนของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"
"พรุ่งนี้วันที่ 15 เดือนแรก เมื่อพระจันทร์เต็มดวง ข้าก็จะก้าวสู่จุดสูงสุดของแดนมนุษย์ พร้อมกับทะลวงผ่านสวรรค์."เจี้ยนอ้าวกล่าวด้วยความมั่นใจ.
"ยินดีกับเจ้าด้วย."
"ก่อนที่ข้าจะจากไปนั้น การได้พบกับเจ้า อาจนับว่าทำให้ข้าได้พบกับสิ่งดี ๆ หลายอย่าง ข้ารู้ว่าเจ้านั้นมุ่งหวังที่จะเป็นผู้มีอำนาจในโลกใบนี้ ข้ามีสิ่งของจะมอบให้เจ้าด้วย สิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่จะเติมเต็มความคาดหวังของข้าด้วย ก่อนที่ข้าจะจากไป!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
กล่าวจบ เจี้ยนอ้าวก็นำคัมภีร์ม้วนหนึ่งออกมาให้กับจงซาน.
ม้วนคำภีร์ดังกล่าวนี้ดูเก่าแก่มีอายุไม่ต่ำกว่าหมื่นปี มีประกายแสงสีทองม่วงแผ่ออกมารอบ ๆ .
"มันคืออะไรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"วิถีแห่งกฎในการสร้างแผนที่ก่อเกิดบรรพกาล!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"หืม?"
"แผนที่ก่อเกิดบรรพกาลนี้ ในชาติที่แล้วนั้น ข้าได้หลงลืมมันไปแล้ว ทว่าขณะที่ข้าได้เปิดแดนเทพอเวจีอีกครั้งนั้นก็พบฉบับคัดลอกนี้เข้า!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"แผนที่ก่อเกิดบรรพกาล?กฎเกณฑ์ในการหลอมมันขึ้นมาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาจดจ้องมองไปยังเจี้ยนอ้าว.
"ข้าคิดว่าเจ้าควรจะรู้เกี่ยวกับแผนที่ก่อเกิดบรรพกาลแล้ว พร้อมทั้งความยอดเยี่ยมของมัน แผนที่ก่อเกิดบรรพกาลนั้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นของล้ำค่าที่มีค่าที่สุดของปราชญ์เทพ หลังจากที่ปราชญ์เทพร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า แผนที่ก่อเกิดบรรพกาลก็ได้ร่วงหล่นระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ พร้อมกับหล่นลงมายังโลกใบเล็ก ประมุขแดนเทพอเวจีรุ่นที่หนึ่งได้รับมันมาชิ้นหนึ่ง เข้าใจถึงกฎเกณฑ์ในการหลอมมันขึ้นมา! สามารถหลอมเป็นของวิเศษล้ำค่าที่สุดของปราชญ์เทพ ข้าจะมอบมันให้กับเจ้าเผื่อว่ามันจะมีประโยชน์ในการกำราบทวีปศักดิ์สิทธิ์!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"กฎเกณฑ์ในการหลอมของวิเศษระดับปราชญ์เทพ? ข้าคงไม่สามารถรับของล้ำค่าขนาดนี้ได้ ข้าไม่ได้กระทำอะไรให้เจ้าถึงขนาดนั้น!"จงซานที่สายหน้าไปมา.
"ไม่ เจ้าสมควรแล้ว เจ้าทำให้เจี้ยนหงกลับมาหาข้าอีกครั้ง ทุกอย่างก็เพราะเจ้า เจี้ยนหงคือหัวใจของข้า ถึงแม้ว่ามันจะล้ำค่ากว่านี้ร้อยเท่า หากว่าเจ้าสามารถฟื้นชีพเจี้ยนหงได้แล้วล่ะก็ มันก็สมควรที่จะมอบให้เจ้าแล้ว และนี่ก็เป็นเพียงแค่ฉบับคัดลอกเท่านั้น!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
จงซานที่สูดหายใจลึก พร้อมกับพยักหน้ารับ "เช่นนั้นจงซาน เสียมารยาทแล้ว!"
เจี้ยนอ้าวพยักหน้า จงซานไม่ได้เปิดมันออกมา ทว่าได้เก็บมันเข้ากำไลมิติไป.
"ก่อนที่จะประลองกับข้า ขอให้มีชีวิตรอดก็พอแล้ว!"เจี้ยนอ้าวที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ตกลง ข้าจะต้องมีชีวิตรอด เชิญ!"จงซานที่ยกสุราดอกเหม่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม.
"เชิญ!"
เจี้ยนอ้าวและจงซาน แม้ว่าจะเพิ่งพบกัน ทว่ามิตรภาพที่พวกเขามีนั้นกับดูแนบแน่นราวกับสหายเก่าแก่ พวกเขาได้พูดคุยเรื่องต่าง ๆ นานา ถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน.
วันถัดมา พื้นที่รอบ ๆ สายตาของผู้ชมจดจ้องมองไปยังคนสี่คนกลุ่มหนึ่งที่ปรากฏขึ้นที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้.
เต๋าจวินเซิ่งหยา เย่ชิงเฉิง เฉินฉีเทียน ฮามะไล.
เวลานี้ก็คือวันที่ 15 เดือนแรก การประลองตามนัดหมายที่เทือกเขาเหมยซาน.