Chapter 739 แผนโค่นโลกอมตะ.
รอบ ๆ ทะเลดำเวลานี้ มีเหล่ายอดฝีมือมากมายมารวมตัวกัน จงซานที่พาตี้เสวียนชามาจากภพหยาง เพื่อเข้าร่วมการเดิมพันการต่อสู้ และรับมือกับเย่ชิงเฉิงที่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ ในเวลานี้ถูกจับตามองจากทุกคนไม่วางตา.
การเผชิญหน้ากันที่ทะเลดำกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ทว่าอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เมืองแห่งหนึ่งในภพหยิน.
"ฟู่ไส่ว พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป?"เสี่ยวหยวนเฟิงที่จ้องมองไปยังเสี่ยวหวัง.
"เริ่มเตรียมการได้ เมื่อสัญญาณส่งมาถึง พวกเราจะทำการยกกำลังออกไปทันที!"เสี่ยวหวังที่เคาะโต๊ะเบา ๆ พลางครุ่นคิดไปมา.
ระหว่างที่กล่าวนั้น เสี่ยวหวังที่ขมวดคิ้วไปมา แววตาที่มีความขัดแย้งปนอยู่.
เห็นท่าทางของฟู่ไสว่ เสี่ยวหยุนเฟิงที่ถอนหายใจเล็กน้อย.
"พวกเราตอนนี้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว คงรอเพียงแค่อาวุโสเทียน ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยเตรียมค่ายกลเท่านั้น!"เสี่ยวหยวนเฟิงที่ครุ่นคิดและกล่าวออกมา.
"อาวุโสเทียน? เจ้าตำหนักตระกูลเทียน ในเมื่อส่งอาวุโสเทียนมา เห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่เป็นแผนการใหญ่ ส่งอาวุโสเทียนมาเลยรึ?เฮ้เอ้!"เสี่ยวหวังที่เผยรอยยิ้มดูแคลนเล็กน้อย.
"รายงานด่วน!"
ทันใดนั้นที่ด้านนอกห้องโถงที่มีเสียงดังขึ้นมาในทันที.
เสี่ยวหวังและเสี่ยวหยวนเฟิงจดจ้องมองกันและกัน แววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ.
จากนั้นไม่นาน ทหารคนหนึ่งก็เข้ามาในตำหนัก.
"รายงานจอมพล ที่ด้านนอกนั้นทัพของราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้งได้ยกทัพเข้ามาประชิดท้าทายพร้อมรบกับพวกเรา!"ทหารคนหนึ่งที่กล่าวรายงาน.
"ยกทัพเข้ามาประชิดอย่างงั้นรึ? ในเวลานี้นะรึ?"เสี่ยวหยุนเฟิงที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด.
"ครับ พวกเขาได้ลั่นกลองรบแล้ว ตอนนี้รอเพียงแค่แม่ทัพสั่งการเท่านั้น!"ทหารคนดังกล่าวรายงาน.
"ไม่ได้การ ราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง ทำไมถึงได้ฮึกเหิมต้องการต่อสู้ในเวลานี้กัน? เวลานี้มีการต่อสู้เดิมพันที่ทะเลดำ เหล่าทัพของต้าเจิ้งและราชวงศ์หวู่ซือเองควรที่จะรอชิงจังหวะอยู่ ทำไมถึงได้รุกอาณาเขตอื่นเข้ามาในเวลานี้กัน?"เสี่ยวหวังที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"ใครนำทัพ? จ้าวโส่วเซี่ยง? สุ่ยจิง? เป็นแม่ทัพคนใหนของต้าเจิ้ง?"เสี่ยวหยวนเฟิงที่สอบถามออกไป.
"ไม่ใช่พวกเขา!"ทหารคนดังกล่าวเอ่ย.
"หืม?"เสี่ยวหวังที่จดจ้องมองทหารคนดังกล่าวด้วยท่าทางแปลกประหลาดเช่นกัน.
เสี่ยวหวังก่อนหน้านี้ถูกจงซานกำราบจนราบคาบ จากนั้นความมั่นใจของเขาที่เหลือเพียงครึ่งเดียว การบัญชาการของเสี่ยวหวังที่ไม่เหมือนเสี่ยวหวัง เมื่อมีอะไรที่คาดไม่ถึง ทำให้เขาต้องครุ่นคิดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีทัพที่เคลื่อนมายังเมืองแห่งนี้ทันทีทันใด?
"ธงบัญชาการมีอักษรว่า "เจี้ยน" พวกเราได้ส่งทหารสังเกตการณ์ออกไปตรวจสอบแล้ว แม่ทัพของอีกฝ่ายนั้นเป็นสตรี มีนามว่า"เจี้ยนหง" ผู้น้อยไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเช่นกัน!"ทหารคนดังกล่าวที่เอ่ยออกมา.
"อะไรนะ?!!"เสี่ยวหวังที่ลุกพรวดขึ้นในทันที.
เสี่ยวหยวนเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับอ้าปากค้าง ใบหน้าแสดงท่าทางเหลือเชื่ออย่างที่สุด.
ทหารคนดังกล่าวไม่เคยเห็นจอมพลกระวนกระวายตื่นตกใจเช่นนี้ ใครกันเจี้ยนหงผู้นี้ ร้ายกาจยิ่งกว่าจ้าวโส่วเซี่ยงอย่างงั้นรึ? นางเป็นใครมาจากใหนกัน?
"ผู้บัญชาทัพในครั้งนี้ พวกเรารับรู้ว่าเป็นแม่ทัพที่มีนามว่า’เจี้ยนหง’ "ทหารคนดังกล่าวที่กล่าวรายงานซ้ำอีกครั้ง.
ได้ยินคำพูดดังกล่าว เสี่ยวหวังและเสี่ยวหยุนเฟิงที่จ้องมองกันตาค้าง.
"ออกไปก่อน!"เสี่ยวหยวนเฟิงที่กล่าวออกมา.
"ครับ!"ทหารคนดังกล่าวที่ถอยออกไปด้วยความงงงวย.
"ฟู่ ฟู่ไสว่!"เสียงของเสี่ยวหยวนเฟิงที่สั่นสะท้านขณะที่กล่าวออกมา.
"ดีมากจงซาน จงซานเจ้าร้ายกาจนัก ข้าด้อยกว่าเจ้าจริง ๆ !"เสี่ยวหวังที่ถอนหายใจยาว.
แม่ทัพเจี้ยนหง ที่ลั่นกลองรบเข้าท้าท้ายพวกเขาในเวลาเช้า เสี่ยวหวังที่ไม่ตอบรับ ในเวลาบ่ายที่ใจกลางของค่ายอีกฝ่าย กับการต่อรองเกี่ยวกับการศึก เสี่ยวหวังที่นำเสี่ยวหยวนเฟิงเดินทางไปเป็นการส่วนตัว
ที่ด้านหน้าตำหนักที่จะใช้ต่อรอง เสี่ยวหวังที่ดูลังเลใจ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปด้านใน.
ที่ด้านในนั้น มีคนสี่คน.
กู่เฉียนโหยวที่นั่งอยู่บนตำแหน่งอันทรงเกียรติ ที่ด้านข้างเป็นอาวุโสเทียนชายที่เดินทางลงมาจากภพหยาง ซึ่งสวามิภักดิ์ต่อต้าเจิ้งนั่นเอง ส่วนอีกสองคนนั้น ที่จริงเป็นสตรีสองคน หนึ่งคือสตรีผู้มีกลิ่นอายที่มาดมั่นทรงพลังเยี่ยงบุรุษ เจี้ยนหง อีกหนึ่งเป็นคนที่อ่อนโยน เป็นสตรีที่กู่เฉียนโหยวช่วยมาจากตระกูลเทียนภพหยิน หรูเหยี่ยน.
เห็นใบหน้าของเสี่ยวหวังถึงกับเปลี่ยนเป็นซับซ้อนไปในทันที.
"สามี!"
หรูเหยี่ยนที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ส่วนเจี้ยนหงที่กัดริมฝีปากแน่น ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ทว่าดวงตาของนางนั้นปริ่ม ๆ ด้วยน้ำตา.
เสี่ยวหยวนเฟิงในเวลานี้ทำอะไรไม่ถูก ท้ายที่สุดก็แสดงความเคารพยกมือคารวะและกล่าวออกมาว่า "คารวะอี้มูทั้งสอง!"
เสี่ยวหวังที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายท่วมท้น จดจ้องมองสตรีทั้งสอง จ้องมองไปยังกู่เฉียนโหยวในตำแหน่งที่ทรงเกียรติ เสี่ยวหวังที่เผยรอยยิ้มซับซ้อนออกมา."ข้าด้อยกว่าจงซานนัก!"
..............................
อีกสถานที่แห่งหนึ่งในหุบเขาแห่งหนึ่ง มีคนกลุ่มหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่.
หนึ่งในนั้น คือจงซาน เป็นจงซานอีกร่าง? จงซานที่มีร่างหลักและร่างแยกเงา ที่ทะเลดำมีจงซานคนหนึ่ง ที่นี่ก็มีจงซานอีกคนเช่นกัน ซึ่งก็หมายความว่าร่างหลักที่ภพหยางนั้นได้เดินทางลงมาภพหยินด้วย ยากที่จะมีใครแยกออกได้ว่าว่าไหนคือร่างหลักหรือไหนร่างแยกเงา.
จงซานที่ยืนอยู่ในกลุ่มยอดฝีมือของต้าเจิ้ง.
หนานกงเซิ่ง หยินโหลวหรี่ หวังคู หนี่ปู่ซา จงเทียน เห่าเม่ยลี่ เซียนเซิงซือ และอสุรกายขนาดมหึมา อสุรกายสองตนนี้ ก่อนหน้านี้จงซานเคยเห็นมาก่อน เป็นอสูรกายที่เซียนเซิงซือใช้ศพของเซียนมาหลอมกลั่นเป็นภูตสวรรค์ และยังสามารถอัญเชิญเจตภูตมากมาย มาใช้งานได้ด้วย.
สิบร่าง แม้นว่าจะมีบางคนที่ยังก้าวไปไม่ถึงระดับสวรรค์แท้ ทว่าความแข็งแกร่งก็ไม่ได้ด้อยกว่าระดับสวรรค์แท้อย่างแน่นอน.
"หนี่ปู่ซา!"จงซานกล่าว.
"อยู่นี่แล้ว!"
"ในเมื่อเจ้าค้นพบเส้นทางการเชื่อมต่อของโลกอมตะกับภพหยางแล้ว จงเร่งรีบเดินทางไปด้วยความเร็ว ทำลายเส้นทางนั้นซะ เพื่อป้องกันการช่วยเหลือจากแดนเทพอมตะ!"จงซานที่กล่าวสั่งการอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"
"หนานกงเซิ่ง!"
"อยู่นี่แล้ว!"
"จัดเตรียมค่ายกลดาราสวรรค์บรรจบต้าโหลว กักขังกรรมวาสนาของโลกอมตะที่มากมายเอาไว้!"
"รับทราบ!"
"จงเทียน จงใช้เจดีย์ฉีหลิงดูดกลืนกรรมวาสนาของโลกอมตะให้ได้มากที่สุด!"
"ครับ!"
"เห่าเม่ยลี่ โจวเหยาซือ ให้เป็นหน้าที่เจ้า ข้าจะส่งภูตสวรรค์ไปช่วยเหลือเจ้าอีกแรง."
"อืม โปรดวางใจ ข้าตอนนี้ไม่หวาดกลัวโจวเหยาซือเลยแม้แต่น้อย ภูตสวรรค์นั้นไร้ซึ่งรูปลักษณ์ แม้นว่าอาคมคำสาปจะไม่อาจทำร้ายมันได้ ทว่าตัวข้าในตอนนี้สามารถจัดการได้ ไม่จำเป็นต้องให้ช่วย!"
"อย่าได้ดื้อรั้น!"จงซานที่ชำเลืองมอง.
"ก็ได้!"เห่าเม่ยลี่ที่ทำได้แค่พยักหน้ารับ.
จงซานต้องการให้นางได้รับความปลอดภัย และไม่ต้องการให้แผนการผิดพลาดแม้แต่น้อย.
"หยินโหลวรี่ เผ่าพยัคฆ์เข้าใจแผนการรึยัง?"
"ครับ ระดับราชันย์แท้เผ่าพยัคฆ์ ราชันย์แท้เผ่าหมาป่า ราชันย์แท้เผ่าเต่าทมิฬ ราชันย์แท้เผ่าหงส์เพลิง เวลานี้อยู่ในการสั่งการของเส้าเหยี่ยเซียนเซียน กระจายไปรอบ ๆ ทิศแล้ว แม้จะเป็นระดับสวรรค์แท้ ก็ไม่มีทางหนีไปใหนได้!"หยินโหลวหรี่ที่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.
"อืม ข้าต้องการจะเตือนพวกเจ้าทุกคนในการเข้าโจมตีโลกอมตะในครั้งนี้ ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด ระหว่างไล่ล่าสังหารนั้น หากคิดว่าไม่สามารถจัดการได้ จะต้องหาคนที่อยู่รอบ ๆ เข้าช่วย ห้ามให้ใครผู้ใดเข้าไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวเด็ดขาด หากว่าสถานการณ์เลวร้ายให้หนีได้ในทันที!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"ทุกคนที่รับคำ มีเพียงแค่เห่าเม่ยลี่ที่ยืนนิ่ง ทว่าก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร.
"ฟู่หวง ทำไมต้องไปต่อสู้เดิมพันที่ทะเลดำด้วย? หากว่าตี้เสวียนชามาที่นี่ด้วยล่ะก็ งานก็น่าจะเบาสบายยิ่งกว่านี้!"จงเทียนที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"ข้าและตี้เสวียนชาเดินทางไปยังทะเลดำนั้น เรื่องหลัก ๆ ก็คือเพื่อให้กลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนทั่วหล้า หากว่าทุกคนไม่จดจ้องมองไปยังทะเลดำล่ะก็ ในเวลาที่พวกเราล้อมโลกอมตะ จะกลายเป็นดึงดูดยอดฝีมือมากมายมาแน่นอน ตระกูลเทียนก็เป็นหนึ่งในนั้น ในเวลานั้นการที่พวกเราจะทำลายโลกอมตะก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ยากจะสำเร็จไม่ใช่รึ?"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"ใช่!"
"อีกอย่าง ก็เพื่อจัดการเย่ชิงเฉิง เขาคือประมุขโลกอมตะ ผู้เป็นประมุขย่อมสามารถควบคุมกรรมวาสนาได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด หากไม่มีเขา ความแข็งแกร่งของโลกอมตะก็ย่อมลดลงไม่น้อย อีกทั้งในมือของเขายังมีกระบี่ลู่เซียนอีกด้วย! เพียงแค่เขาคนเดียว ก็นับเป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจระดับต้น ๆ ของภพหยินแล้ว ดังนั้นจะต้องห้ามเขาอยู่ในโลกอมตะ!"จงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ครับ!"
"เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว เริ่มแผนการได้!"จงซานที่ออกคำสั่งในทันที.
"รับทราบ!"ทุกคนที่รับคำในทันที.
.....
กลับมายังทะเลดำ ที่ถูกจับตามองจากคนทั่วหล้า.
เหล่ายอดฝีมือที่มารวมตัวกันนั้น แล้วแต่เป็นสุดยอดฝีมือทั้งนั้น! พวกเขาไม่มั่นใจถึงความแข็งแกร่งของจงซานนัก ทว่าความแข็งแกร่งของเย่ชิงเฉิงนั้นไม่จำเป็นต้องสงสัย ความแข็งแกร่งของประมุขโลกอมตะนั้น และยังมีกระบี่ลู่เซียนในมืออีก ไม่สามารถดูแคลนได้เลย กับการที่มีคนท้าทายเย่ชิงเฉิง พวกเขาย่อมไม่พลาดที่จะมาดูอย่างแน่นอน.
ตี้เสวียนชาที่ยืนอยู่ข้างบัลลังก์มังกร ส่งผลให้ผู้คนมากมายเต็มไปด้วยความสงสัย คนผู้นี้เป็นใครมาจากใหนกัน?
เย่ชิงเฉิงและคนอื่นยังคงนิ่งงันและจดจ้องมองสถานการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของทะเลดำ.
ระดับสวรรค์แท้สามคนที่กำลังยืนนิ่ง น้ำของทะเลดำทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นนิ่งงัน ทั้งที่คลื่นมากมายบ้าคลั่งก่อนหน้านี้ ผิวของผืนน้ำเวลานี้นิ่งราวกับเป็นพื้นกระจก เงียบสงบอย่างคาดไม่ถึง.
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เองก็เปลี่ยนเป็นเงียบงัน จดจ้องมองอย่างละเอียดด้วยหวั่นเกรงจะพลาดเรื่องราวที่เกิดขึ้น.
จงซานที่บังคับเมฆสีขาวเคลื่อนที่เข้าไปก่อนที่จะร่อนลงมาบนทะเลดำช้า ๆ อยู่ไม่ไกลจากเย่ชิงเฉิงมากนัก.
"ครืนนนนน!"
บัลลังก์มังกรที่ล่วงถูกลงบนผืนน้ำ หากแต่ผืนน้ำของทะเลดำกลับแข็งตัวในทันทีไม่มีน้ำกระฉอกแม้แต่น้อย.
พริบตาเดียวเท่านั้น ผืนน้ำขนาดใหญ่ก็กลายเป็นผลึกที่ผิวราบเรียบไปแล้ว.
ที่ไกลออกไป จงซานและเย่ชิงเฉิงที่จ้องมองหน้ากันและกันด้วยสายตาที่เย็นชา.
จงซานที่เผยท่าทางดูแคลน เย่ชิงเฉิงที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม.
เทียนเซียวจื่อที่ขมวดคิ้วไปมาจดจ้องมองไปยังพื้นที่ไกลออกไป จงซานและคนในชุดสีขาวที่อยู่ข้าง ๆ .
ตี้เสวียนชา เทียนเซียวจื่อได้ยินมาบ้าง ในภพหยาง หากแต่เขาก็ไม่ได้สอบถามอะไรมากนัก ดังนั้นจึงไม่ได้สอบถามรูปร่างของคนผู้นี้จากเสี่ยวหวัง และก็ไม่คาดคิดด้วยว่าเขาจะมาที่นี่ ชายในชุดสีขาวนี้คือตี้เสวียนชาจริง ๆ รึ?
คนอื่น ๆ เองก็คงคาดไม่ถึงเช่นกัน.
"เย่ชิงเฉิง คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรักษาสัญญา!"จงซานเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
"อี้อี้ฮี้ฮี้!"อสูรน้อยขนปุยที่ควงหมัดเล็ก ๆ ต่อยอากาศไปยังทิศทางของเย่ชิงเฉิงอีกครั้ง.
เย่ชิงเฉิงที่ขมวดคิ้วไปมาก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า "พวกเจ้ามีแค่นี้รึ? หนานกงเซิ่งล่ะ? เห่าเม่ยลี่?"
"เจ้าเดิมพันกับข้า ข้ามา มันผิดตรงใหน ข้าจะให้ใครมาสู้ ต้องรายงานเจ้าด้วยรึ?"จงซานกล่าวหยัน.
ภายในใจของเย่ชิงเฉิงที่รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที เพราะว่ามีหลายเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ แม้นว่าจงซานจะปรากฏตัวที่นี่ เย่ชิงเฉิงก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนัก การต่อสู้นี้ คาดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเซิ่งและเห่าเม่ยลี่จะไม่ได้เดินทางมาด้วย?
ลางสังหรณ์ใจนี้คืออะไร เย่ชิงเฉิงที่จ้องมองจงซานด้วยสายตาจริงจัง และไม่คิดด้วยว่าจงซานจะล้อเล่นกับชีวิตของตัวเอง.
"ในเมื่อทั้งสองฝ่ายมาถึงแล้ว เช่นนั้นเริ่มการต่อสู้เดิมพันกันเถอะ!"เทียนเซียวจื่อที่ส่งเสียงดังออกไปดำเนินการในทันที.
จงซานจ้องมองไปยังเทียนเซียวจื่อ ในโลกใบนี้ไม่มีอาหารกลางวันให้กินฟรี เทียนเซียวจื่อที่เจ้ากี้เจ้าการเช่นนี้ ย่อมมีแผนการเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม.จงซานนั้นหาได้หวาดกลัวแต่อย่างใด ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาตอนนี้ การจะหลบหนีไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย.
"เทพอสูรบรรพชนอยู่นี่แล้ว เย่ชิงเฉิง แล้วของเจ้าล่ะ?"จงซานกล่าวออกไป.