Chapter 722 ความลับของตระกูลเทียน.
ห้องโถงภายในตำหนักหนักนี้ยาวออกไปลึกและกว้างเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเทียนเซี่ย.
ลึกเข้าไปในทางเดินนั้น ที่สุดป้ายทาง ปรากฏประตูสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่อยู่.
"เจ้าอยู่รอด้านนอก ประมุขเข้าไปข้างในกับข้า!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าวออกมาเบา ๆ .
"ไม่ ไม่ ข้าไม่ไปกับเจ้า!"เทียนหลิงเอ๋อที่กอดแขนของเทียนหลิงเอ๋อแน่น.
เทียนหลิงเอ๋อที่แสดงท่าทางหวาดกลัว ราวกับว่าเป็นลูกแกะที่ยืนอยู่ต่อหน้าหมาป่าเฒ่า.
จงซานที่ยักไหล่ แน่นอนว่าจงซานเองก็คงไม่วางใจเรื่องของเทียนหลิงเอ๋อเช่นกัน.
เทียนเสิ่นจื่อที่จ้องมองไปยังคนทั้งสอง สูดหายใจ "ก็ได้ จงซานเข้าไปได้ หงสาเพลิงไม่สามารถเข้าไปด้านในได้!"
จากนั้น เทียนเสิ่นจื่อที่จดจ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อดวงตาส่องประกายแสงเล็กน้อย.
"ชิบ ๆ !"
หงสาเพลิงที่ถูกดีดออกมาจากร่างของเทียนหลิงเอ๋ออย่างคาดไม่ถึง.
"จิบ ๆ จิบ ๆ !"
หงสาเพลิงที่ส่งเสียงด้วยความโกรธใส่เทียนเสิ่นจื่อ.
"เสี่ยวหง เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ!"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวปลอบมัน.
เทียนเสิ่นจื่อได้แต่ต้องยินยอม ให้จงซานเข้าไป เทียนหลิงเอ๋อไร้เดียงสาเกินไป ไม่เช่นนั้นคงจะไม่สามารถทำอะไรต่อได้.
"จิบ ๆ จิบ ๆ !"
หงสาเพลิงที่ร้องแสดงท่าทางน้อยใจ ไม่อยากยอมรับ เทียนเสิ่นจื่อที่ได้แต่ฝืนยิ้มแบบขม ๆ .
"ตูมมมมมมม!"
ประตูสัมฤทธิ์ที่เปิดออกเสียงดัง แสงสีทองที่พวยพุ่งออกมาจากด้านใน แสงสีทองที่หนาแน่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นใครจะต้องหรี่ตา กับแสงที่มากมายนี้.
วาสนาสีทอง? จงซานที่แสดงท่าทางประหลาดใจออกมากับแสงที่มากมายออกมา.
เทียนเสิ่นจื่อที่ก้าวเข้าไปด้านใน จงซานที่พาเทียนหลิงเอ๋อเข้าไปด้านในเช่นกัน.
"ตูมมมมมมมม!"
ประตูที่ปิดลง หงสาเพลิงที่ถูกกันเอาไว้ด้านนอก.
ที่ด้านใน ขณะที่จงซานค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับแสงด้านใน ท้ายที่สุดก็ค่อยมองเห็นพื้นที่ด้านในได้.
ที่ด้านในนั้น พื้นที่เป็นรูปทรงกระบอก ที่ด้านข้างประตูนั้น มีผนังทรงพลัง มีโพรงอยู่ 18 แห่ง และยังมีประตูสัมฤทธิ์อื่นอยู่อีกด้วย.
ประตูสัมฤทธิ์อื่นนั้นมีอะไร จงซานไม่สามารถบอกได้เลย ทว่ากับโพรงทั้ง 18 นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้จงซานตื่นตะลึงแล้ว.
ภายใน 18 โพลงนั้นว่างอยู่หนึ่งที่ ส่วนอีก 17 โพรงนั้น มีคนในชุดสีดำนั่งอยู่ มีทั้งบุรุษและสตรี แต่ละคนนั้นดูคล้ายเหมือนคนที่ตายแล้ว ทว่ากลับยังมีร่องรอยการหายใจอยู่เป็นระยะ หากแต่ส่วนอื่นนั้นหยุดนิ่งไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย.
บนหน้าผากของแต่ละคนนั้นมีอัญมณีเหมือนกับดวงอาทิตย์ประทับอยู่ด้วยกันทุกคน.
อสุรกายชรา ร่างเนื้อที่ผสานเข้ากับลิขิตอย่างงั้นรึ?
จงซานที่จ้องมองไปยังโพรงที่ว่างอยู่แล้วจ้องมองยังเทียนเสิ่นจื่อ ดูเหมือนว่าที่ว่างอยู่นั้นคือตำแหน่งของเทียนเสิ่นจื่อย่างงั้นรึ?
18 คน? นี่คือคนของตระกูลเทียนทั้งหมดเลยอย่างงั้นรึ? ตระกูลเทียนนับว่าไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ !
พื้นที่ทรงกระบอกนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นพื้นที่กักเก็บกรรมวาสนาและวาสนา การรวบรวมวาสนาและกรรมวาสนา ทำให้พวกเขาเป็นเห่าซือเหริ่น(กึ่งเป็นกึ่งตาย) ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีวิธีพิเศษในการดูดซับอำนาจวิเศษนี้.
ที่ใจกลางนั้น มีแท่นศิลาสีขาว ดูเหมือนว่าจะมีรูพอดิบพอดีให้ใส่ตราสวรรค์ลงไปหรือไม่?
จงซานที่จับจ้องมองด้วยความประหลาดใจ เทียนหลิงเอ๋อก็เช่นกันจับจ้องมองพื้นที่รอบ ๆ พร้อมกับจับจ้องมองเห่าซือเหรินที่นั่งอยู่รอบ ๆ ด้วย.
"ทุกคนเป็นประมุขเหมือน ๆ กันกับข้า เป็นบรรพชนตระกูลเทียน!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
ดวงตาของจงซานที่สั่นไปมา ตระกูลเทียน มีภูมิหลังอย่างไร? น่าพรั่นพรึงนัก.
"อืม!"เทียนหลิงเอ่อพยักหน้ารับ.
"ข้าจะบอกเกี่ยวกับตระกูลเทียนของพวกเราให้เจ้ารู้ เจ้าจะได้มีความรู้สักเล็กน้อย!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
"อืม!"
"ตระกูลเทียนนั้นมีสองกลุ่ม!"เทียนเสิ่นจื่อที่บอกเล่า.
"ข้ารู้ ๆ ตระกูลเทียนภพหยินและตระกูลเทียนภพหยาง!"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาในทันที.
"ตระกูลเทียนภพหยิน?"เทียนเสิ่นจื่อที่เผยท่าทางเหยียดหยัน.
"ไม่ใช่อย่างงั้นรึ?"
"ตระกูลภพหยินนั้น นับเป็นตระกูลเทียนรึ? หนึ่งแสนปีที่แล้วพวกเขาได้ตัดสัมพันธ์กับพวกเราเรียบร้อยแล้ว สายโลหิตของพวกเขาก็ไม่ใช่คนของตระกูลเทียน วิญญาณก็ไม่ใช่วิญญาณก่อเกิด ชะตาวิถีนั้นไม่ใช่คนตระกูลเทียน พวกเขาไม่ถูกนับเป็นคนตระกูลเทียนเลยแม้แต่น้อย!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าว.
"หืม?"
"ตระกูลเทียนสองกลุ่มนั้น คือสายโลหิตหลักและสายโลหิตสาขา สำหรับเจ้าเป็นสายโลหิตตรง เช่นนั้นเจ้าจึงมีคุณสมบัติคู่ควรที่จะเป็นประมุข."เทียนเสิ่นจื่อกล่าว.
"ตระกูลสาขา?"
"ตระกูลสาขา อาวุโสเทียนเองก็เป็นตระกูลสาขา ทว่าเขาเป็นตระกูลสาขาที่มีความภัคดี ในโลกใบใหญ่นั้น มีตระกูลเทียนสาขา ในอดีตพวกเขาได้เข้ายึดครองตระกูล พวกเราสายโลหิตสายตรงมีน้อยกว่าจึงได้หนีมาซ่อนในโลกใบเล็กแห่งนี้."เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"พวกเราหนีมาซ่อนตัวในโลกใบเล็ก พวกเขาเป็นคนไม่ดีอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"ใช่แล้ว ตระกูลเทียนสาขาตอนนี้ไม่รู้เรื่องที่พวกเรามาซ่อนตัวอยู่ในโลกใบเล็ก หากพวกเขารู้ พวกเขาจะต้องส่งคนมายังโลกใบเล็กนี้อย่างแน่นอน เพื่อที่จะแย่งชิง ตราสวรรค์นี้."เทียนเสิ่นจื่อกล่าว.
ได้ยินคำพูดของเทียนเสิ่นจื่อ เทียนหลิงเอ๋อที่ร้อนใจขึ้นมากำตราสวรรค์เอาไว้แน่น.
"เช่นนั้น พวกเราจะทำอย่างไรดี?"เทียนหลิงเอ๋อกล่าวด้วยความกังวล.
"ตระกูลสาขาของตระกูลนั้นแข็งแกร่งมาก พวกเราที่เป็นโลหิตสายตรง แต่กลับไม่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ อาวุโสรุ่นก่อนนั้น จึงได้เลือกเส้นทางฝึกฝนที่ต่างออกไป โดยการยอมรับลิขิตฝังเข้ามาในร่าง ตราบเท่าที่พวกเราประสบความสำเร็จ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวตระกูลสาขาอีกต่อไป ทว่าช่างน่าเศร้านัก พวกเรานั้นได้เลือกเส้นทางที่ต่างออกไปจากเส้นทางบรรพบุรุษไปซะแล้ว."เทียนเสิ่นจื่อที่ถอนหายใจเล็กน้อย.
"บรรพบุรุษ?"
"ตราสวรรค์ในมือเจ้านั้นสร้างขึ้นมาจากบรรพบุรุษของพวกเรา!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวแววตาที่เป็นประกายเต็มไปด้วยความเคารพ.
"บรรพบุรุษล่ะ? คนอื่น ๆ ล่ะ?"
"ตายไปหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเราคงจะไม่ถอยหนีออกมาซ่อนตัวในโลกใบเล็ก บรรพบุรุษของพวกเรานั้นเป็นยอดคน แม้นว่าจะร่วงหล่นจากท้องฟ้าแล้ว ทว่าเขาก็ยังสามารถสร้างตราสวรรค์ขึ้นมาก่อนที่จะตกตายไป เพียงแค่ลูกหลานสายตรงเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่ในนั้นได้."เทียนเสิ่นจื่อกล่าว.
"เรื่องนี้?"เทียนหลิงเอ๋อที่จดจ้องมองตราสวรรค์ที่อยู่ในมือด้วยความประหลาดใจ.
เทียนเสิ่นจื่อที่ยกมือขึ้นอีกครั้ง เทียนหลิงเอ๋อที่อึกอักไม่อยากส่งมอบให้เขา ทว่าจงซานที่บอกกล่าว นางถึงปล่อยตราสวรรค์กลับมา.
เทียนเสิ่นจื่อที่จับตราสวรรค์เอาไว้.
"ตราสวรรค์ หากจะให้กล่าวแล้ว ก็มีเพียงประมุขสายตรงและประมุขสาขาที่รู้ หากแต่คนที่เรียกตัวเองว่าตระกูลเทียนในภพหยิน พวกเขาคงจะรับรู้เพียงว่ามันสำคัญ หากแต่ไม่รู้ว่ามันสำคัญอย่างไร."เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
บนแท่นศิลาสีขาวที่มีรูอยู่ เทียนเสิ่นจื่อที่ใส่มันลงไป.
ทันใดนั้น เมื่อตราสวรรค์ใส่เข้าไป ก็เกิดเรื่องที่แปลกประหลาดขึ้นมา แสงสีแดงมากมาย ดูยิ่งใหญ่เป็นอย่างมากแผ่ออกมา.
ที่ด้านข้างแท่นศิลาหยกนั้น ปรากฏหลุมเล็ก ๆ บุบลงเห็นเป็นรูสีทองพอให้นิ้วสองนิ้วใส่เข้ามา.
"นี่คือแท่นสืบทอด เจ้านำนิ้วของเจ้าใส่ลงไป.
"นี่มัน?"เทียนหลิงเอ๋อที่จับจ้องมองไปยังหลุมสีทองที่บุบลงไป.
"อืม!"
เทียนหลิงเอ๋อที่อยากรู้อยากเห็นยืนมืออกไป ทันใดนั้นก็ใช้นิ้วแขนขวายื่นออกไป ใส่ลงไป สายตาของนางที่หลับพริ้มราวกับรู้สึกเบาสบาย.
"ข้าจะส่งต่อตำแหน่งประมุขให้กับเจ้าในตอนนี้!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าว.
หลังจากที่กล่าวยก นิ้วของเทียนเสิ่นจื่อก็ปรากฏบอลสีทองพุ่งออกไปในทันที บอลขนาดใหญ่ที่ลดขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ก่อนที่จะมีขนาดเท่ากับหัวแม่มือ.
แสงสีทองที่ถูกส่งเข้าไปในรูสีทองอีกรูที่อยู่ห่างจากเทียนหลิงเอ๋อ จากนั้นแสงสีแดงก็สว่างจ้าพุ่งเข้าไปในนิ้วของเทียนหลิงเอ๋อ.
“..”
แสงสีทองที่เข้าไปภายในร่างของเทียนหลิงเอ๋อ จากนั้นก็หายไปในทันที.
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น จงซานที่เผยท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมาก เทียนเสิ่นจื่อหลังจากส่งต่อ ประมุขอย่างเป็นทางการให้กับเทียนหลิงเอ๋อ ร่างของเทียนเสิ่นจื่อที่ดูชราขึ้นในทันที.
ประกายแสงสีทองที่เข้าไปในร่างของเทียนหลิงเอ๋อ ร่างของนางที่ส่องประกายแสงสีทองสว่างจ้า ก่อนที่จะค่อย ๆ ลดลง เปลี่ยนมาเป็นสงบนิ่ง แสงสีทองที่แล่นไปมาทั่วร่าง ประกายแสงสีทองที่ไหลไปมาแม้แต่ลมหายใจของนาง.
เทียนเสิ่นจื่อที่ส่งต่อประมุขเป็นทางการให้ จดจ้องมองเทียนหลิงเอ๋อ อำนาจวิเศษที่แผ่ซ่านและสงบลงด้วยตัวเอง ดวงตาของเขาที่หดเกร็ง แววตาที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
ผ่านไปราว ๆ หนึ่งชั่วยาม.
"พรึบ วูซซซ!"
ตราสวรรค์ที่สืบทอดต่อมาเป็นเวลานานก็หายไปในทันที.
ดวงตาของเทียนเสิ่นจื่อที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต จากนั้นก็เผยท่าทางตื่นเต้นดีใจขึ้นมา.
"การอวยพรของบรรพชน ท้ายที่สุด ก็มีคนร่างกายที่มีชะตาวิถีที่เหมือนกับบรรพชนได้ในที่สุด."เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
แสงสีทองที่แผ่นซ่านไปทั่วร่างของเทียนหลิงเอ๋อ นางที่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา แววตาที่เผยท่าทางมีความสุข.
และทันใดนั้นนางที่จดจ้องมองไปยังแท่นสืบทอด ตราสวรรค์ หายไปแล้ว เทียนหลิงเอ๋อที่อุทานออกมาในทันที "ตราสวรรค์ของข้าล่ะ?"
เทียนเสิ่นจื่อที่เผยท่าทางตื่นเต้นและเบาใจไปพร้อม ๆ กัน ก่อนที่จะจับจ้องมองเทียนหลิงเอ๋อที่แสดงท่าทางร้อนใจ เทียนเสิ่นจื่อที่ฝืนยิ้มออกมา.
"ตราสวรรค์มันได้เข้าไปอยู่ในร่างกายของเจ้าแล้ว หลังจากนี้เจ้าจะพบวิธีใช้มันด้วยตัวเจ้าเอง!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าว.
"จริง ๆ รึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่แสดงท่าทางสงสัยเทียนเสิ่นจื่อ จากนั้นก็จดจ้องมองไปยังจงซาน.
จงซานที่พยักหน้าให้ บอกว่าเป็นความจริง.
เมื่อเห็นจงซานกล่าวยืนยัน เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกเศร้าก็ยอมรับความจริง มันเข้ามาอยู่ในร่างของนางอย่างงั้นรึ? เสี่ยวหงเองก็เข้ามา ตราสวรรค์ก็เข้ามาอย่างงั้นรึ?
"เจ้าล่ะ?"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาในทันที.
เทียนเสิ่นจื่อที่พยักหน้า "ข้าได้ส่งต่อตำแหน่งประมุขให้กับเจ้าแล้ว ในเวลานี้ข้าได้ตื่นก่อนกำหนด ไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนี้จะต้องเป็นเห่าซือเหริน เพื่อผสานลิขิตให้สำเร็จ."
"ท่านต้องการจะหลับอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย.
"อืม ข้าจำเป็นต้องหลับลึก ประมุขปัจจุบันยังไร้เทียนสา เจ้านั้นแตกต่าง เป็นยอดฝีมือที่ทรงพลัง ข้าคิดว่าเจ้าควรจะรับรู้ความสำคัญของพวกเรา ระหว่างข้าหลับนี้ ช่วยปกป้องที่นี่ด้วย!"เทียนเสิ่นจื่อที่จ้องมองไปยังจงซาน.
"โปรดวางใจ!ข้าจะปกป้องอย่างดีที่สุด!"จงซานที่พยักหน้ารับ.
"อืม!"
"ข้าจะทำการย้ายยอดเขาเทียนเซี่ยไปยังเมืองหลวงราชวงศ์ของข้า! ไม่รู้ว่าท่านจะตื่นอีกทีเมื่อไหร่?"จงซานที่กล่าวด้วยท่าทางจริงจัง.
"ถัดไปที่ข้าจะตื่นนั้น อย่างน้อยต้องใช้เวลา 3 พันปี!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าว.
"หากหลัง 3000ปีล่ะ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ดูเหมือนว่าจะยาวนานขนาดนั้นเลยรึ?
"บางทีอาจไม่ฟื้นอีกต่อไป!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวต่อด้วยท่าทางเคร่งขรึม.
จงซานที่ถอนหายใจ พยักหน้ารับ "ตกลง!"
จากนั้น เทียนเสิ่นจื่อก็เข้าไปในในโพลงที่ว่างอยู่ ซึ่งรอบ ๆ เองก็มีบรรพชนตระกูลเทียนนั่งอยู่นั่นเอง.
"ก่อนที่ข้าจะหลับไปข้าต้องการเตือนเจ้าสักอย่าง."เทียนเสิ่นจื่อกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนแรง.
"เชิญกล่าว!"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"อย่าได้หาเรื่อง หยิง" เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ข้ารู้!"จงซานพยักหน้า.
"บ่อคลื่นสงบในภพหยินนั้น เป็นสมบัติของตระกูลเทียนสายตรงของพวกเรา!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าว.
"อืม!"จงซานพยักหน้ารับ.
"ท้ายที่สุดแล้ว โปรดระมัดระวังตระกูลเทียนสาขาในโลกใบใหญ่!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
จากนั้น ดวงตาของเทียนเสิ่นจื่อก็หลับลง.
"ครืนนนนนน!
ประตูสัมฤทธิ์ที่เปิดให้พวกเขาออกมาดูเหมือนว่าจงซานและเทียนหลิงเอ๋อได้รับการยอมรับจากประตูทองแดง หงสาเพลิงเองก็เช่นกัน พวกเขาทุกคนที่ออกมาจากด้านในเทือกเขาเทียนเซี่ย.
"ครืนนนนน!"
เทือกเขาเทียนเซี่ยที่แยกออกนั้น ตำหนักที่ผุดขึ้นมาก็ค่อย ๆ จมลงช้า ๆ กลายเป็นรูปร่างเทือกเขาเทียนเซี่ยเหมือนดังเดิม ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น.
จงซานที่จ้องมองไปยังเทือกเขาเทียนเซี่ย พร้อมกับโค้งคำนับให้ เทียนหลิงเอ๋อเองก็ด้วยเช่นกัน.
"ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ย อาวุโสเทียน คาวะท่านประมุข!"อาวุโสเทียนที่แสดงความเคารพต่อเทียนหลิงเอ๋อในทันที.