Chapter 719 หยิง ปะทะ เทียนเสิ่นจื่อ.
เทียนเสิ่นจื่อจดจ้องมองเทียนหลิงเอ๋อ ซึ่งเป็นประมุขตระกูลเทียนในเวลานี้.
เขาที่ส่งตราสวรรค์ลอยออกไป กลับไปยังเทียนหลิงเอ๋ออีกครั้ง เทียนหลิงเอ๋อที่กุมตราสวรรค์เอาไว้ แสดงท่าทางราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า กลัวว่าเทียนเสิ่นจื่อจะนำมันไปจากนาง.
เทียนเสิ่นจื่อที่จ้องมองประมุขที่ไร้เดียงสา ก็ส่ายหน้าไปมา พร้อมกับสูดหายใจลึก จดจ้องมองไปยังจงซาน.
สามีภรรยาก็เหมือนคน ๆ เดียวกัน แม้นว่า ประมุขในเวลานี้จะไม่แข็งแกร่ง ทว่าสามีของนางก็นับว่าเป็นราชันย์ที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดา.
จงซานที่รอคอยอย่างใจเย็น เทียนเสิ่นจื่อที่จดจ้องมองจงซาน ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา พร้อมกับถอนหายใจ "น้อยมาก น้อยมากจริง ๆ !"
"อะไรน้อยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
ในเวลานี้ กองกำลังทหารที่อยู่รอบ ๆ ได้ถอนกำลังออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่เทียนเสิ่นจื่อ อาวุโสเทียน เทียนหลิงเอ๋อ จงซาน หนี่ปู่ซาและหยินโหลวหรี่ หกคนเท่านั้น.
"เจ้าเก็บเกี่ยววาสนายังน้อยอยู่ กรรมวาสนาเองก็ยังน้อยมากเช่นกัน!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"น้อยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
หยินโหลวหรี่ที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับพูดไม่ออกทีเดียว นี่ยังเรียกว่าน้อยอีกรึ? ราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง วาสนาในเวลานี้มากยิ่งกว่าราชวงศ์สวรรค์ในภพหยินสะอีก นี่ยังว่าน้อยอีกรึ? ส่วนกรรมวาสนานั้น หากเทียบกับแดนเทวะล่ะก็ห่างกันไม่มากแล้ว.
"เจ้าที่รับรู้วิธีการบำเพ็ญวาสนาและกรรมวาสนา นับว่าไม่ธรรมดา ในโลกใบใหญ่นั้นมียอดฝีมือไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้เรื่องนี้!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
"อาวุโสโปรดชี้แนะ วาสนาและกรรมวาสนา ทำอย่างไรถึงจะผสานเข้ากันได้?"จงซานที่กล่าวสอบถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง.
"ธรรมชาติแล้วพวกมันเข้ากันได้ ทว่า อย่างแรก ชะตา อย่างที่สองโชค อย่างที่สามฮวงจุ้ย อย่างที่สี่กรรม อย่างที่ห้าชื่อเสียง ทั้งหมดนั้นไม่สามารถขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
ดวงตาของจงซานที่เป็นประกาย กล่าวออกมาด้วยความเคารพ "ขอได้โปรดให้อาวุโสชี้แนะด้วย!"
"สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟ้าดินคืออะไร?"เทียนเสิ่นจื่อสอบถามออกมา.
"วิถี?"จงซานที่กล่าวคาดเดา.
เทียนเสิ่นจื่อที่ส่ายหน้าไปมา.
"ชีวิต!"จงซานที่คาดเดาอีกครั้ง.
"อืม! ถูกเพียงครึ่งเดียว."เทียนเสิ่นจื่อที่พยักหน้าด้วยท่าทางชื่นชม.
"หืม?"
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"เทียนเสิ่นจื่อสอบถามออกไป.
"ไม่มีอะไร!"จงซานที่กล่าวออกมาตามจริง ๆ .
ชีวิต จงซานที่เลือนลางกับแนวคิดนี้ มันคืออะไร? ชะตาอย่างงั้นรึ?
"สายแรก ชะตา สายสอง โชค สายที่สาม ฮวงจุ้ย สายที่สี่กรรม สายที่ห้าชื่อเสียง สี่สายหลัง โชคและกรรมวาสนานั้นเข้ากันได้ ส่วนอีกสี่สาย มีเพียงแค่รวบรวมทั้งหมดไว้ให้กลายเป็นหนึ่งเท่านั้น และจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้เลย!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
"สี่สายรวมเป็นหนึ่ง คือการบำเพ็ญชะตา? แล้วโชคและกรรมวาสนาที่รวมกัน เรียกว่าอะไร?"จงซานที่กล่าวสอบถาม.
"ลิขิต!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวตอบ.
"ลิขิต?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ใช่ ลิขิต ก็คือพื้นฐานของการบำเพ็ญชะตา!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ลิขิตอย่างงั้นรึ? ลิขิตก็คือส่วนหนึ่งของความสามารถอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาสอบถาม.
"ลิขิต? แน่นอนว่ามันคือส่วนหนึ่งของชะตา หากแต่เพียงแค่ลิขิตหากว่าฝึกสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเป็นปราชญ์เทพก็ร่วงหล่นจากสวรรค์ได้!"เทียนเสิ่นจื่อที่ราวกับว่ารู้สึกโศกเศร้าไปพร้อม ๆ กัน.
"นี่เพียงแค่ครึ่งเดียว แล้วอีกครึ่งล่ะ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาสอบถาม.
เทียนเสิ่นจื่อที่ราวกับว่าคาดหวังเรื่องบางอย่างได้ "เหลืออีกครึ่งหนึ่ง หากว่าสามารถครองอีกครึ่งหนึ่งได้ ก็จะได้รับความเป็นอมตะที่แท้จริง ในโลกใบใหญ่นั้น แม้แต่ปราชญ์เทพก็ไม่สามารถครอบครองมันได้ มันเป็นเรื่องที่ยาก ยากมาก ๆ !"
"อมตะ? อะไรที่เรียกว่าอีกครึ่งกัน?"จงซานที่ดวงตาเป็นประกาย.
เทียนเสิ่นจื่อที่เปรยตามอง สูดหายใจลึกแล้วกล่าวออกมาว่า"เจ้าหนู อย่าได้หวังสูงเกินไป อีกครึ่งหนึ่งไม่ควรต้องสนใจในตอนนี้ ก่อนอื่นเจ้าควรจะสำเร็จการบำเพ็ญลิขิตให้แตกฉานก่อนแล้วค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง!"
"ครับ ขอบคุณ อาวุโสช่วยชี้แนะ ก้าวแรกนั้นการจะทำให้ลิขิตกลายเป็นรูปเป็นร่างต้องทำอย่างไรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวสอบถามอย่างเคร่งขรึม.
"การก่อรูปสัมผัสถึงลิขิตนั้น ขึ้นกับลิขิตของเจ้า ทุกคนนั้นมีแตกต่างกันไป ข้าไม่สามารถส่งต่อให้กับเจ้าได้ ขึ้นอยู่กับการหยั่งรู้ของเจ้าเอง!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ครับ!"จงซานพยักหน้าอย่างจริงจัง.
เทียนหลิงเอ๋อที่กระพริบตาปริบ ๆ ดวงตากลมโตดูบ้องแบ้ว เห็นชัดเจนว่านางไม่เข้าใจในสิ่งที่เทียนเสิ่นจื่อกล่าวเลยแม้แต่นิดเดียว.
เทียนเสิ่นจื่อที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อแล้วกล่าวออกมาว่า "ประมุขตระกูลเทียน!"
เทียนหลิงเอ๋อที่ไม่ได้หันหน้าไป จงซานที่กระแซะนางเบา ๆ .
"หืม? เจ้าเรียกข้าเหรอ?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกมา.
เห็นท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อที่ดูไร้เดียงสาอย่างที่สุดแล้ว เทียนเสิ่นจื่อที่ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย."ตระกูลเทียนนั้นมีห้าชีพจร ชีพจรชีวิต ไม่ใช่ว่าเหลือเจ้าเพียงคนเดียวหรอกรึ? แน่นอนว่าคงมีเพียงแค่เจ้าที่เป็นประมุขในตอนนี้!"
ได้ยินคำพูดของเทียนเสิ่นจื่อ เทียนหลิงเอ๋อที่เบะปากเล็กของนาง แสดงท่าทางไม่ดีนัก.
"ข้าเป็นเป็นเพียงบรรพชนในรุ่นก่อน ตราสวรรค์นั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับข้า เจ้าเป็นประมุข โปรดเข้ามาในตำหนักกับข้า ข้าจะส่งต่อตำแหน่งประมุขอย่างเป็นทางการให้!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าวออกมา.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ส่วนเทียนหลิงเอ๋อนั้นจ้องมองจงซาน ราวกับว่าเทียนเสิ่นจื่อนั้นเป็นหมาป่าชราที่กำลังล่าเหยื่อ นางที่มองมายังจงซานเพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาให้.
ขณะที่จงซานกำลังจะกล่าวอะไรนั้น เทียนเสิ่นจื่อที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จดจ้องมองไปยังพื้นที่ไกลออกไป.
ทุก ๆ คนที่จดจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยเช่นกัน เส้นแสงสีดำที่พาดผ่านกรีดทองฟ้ามาแต่ไกล ก่อนที่จะปรากฏร่าง ๆ หนึ่งในชุดราชวงศ์ได้หยุดอยู่บนท้องฟ้าต่อหน้าของทุกคนในทันที.
เซิ่งซ่างต้าฉิน หยิง!
หยิงที่ใช้เวลาเดินทางหนึ่งวัน ทั้งที่เส้นทางของเขานั้นไกลกว่าของซือหม่าเขอหลายเท่า หากแต่คนแรกที่มาถึงกับไม่ใช่ซือหม่าเขอ.
ผ้าคลุมหลังของหยิงที่โบกสะบัดไปมา ตีกับสายลมดังพรึบ ๆ .
จงซานเงยหน้ามองหยิง หยิงที่จ้องมองจงซาน พร้อมกับขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ภายในใจหยิง ตัวตนของจงซานนั้น มีอะไรมากมายที่ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาจ้องมองได้เลย.
จงซานที่พยักหน้าให้เพื่อแสดงการทักทาย.
หยิงที่พยักรับก่อนที่จะมองไปยังเทียนเสิ่นจื่อ.
คนทั้งสองที่จ้องมองกันและกัน แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย.
จากนั้น แววตาของทั้งคู่ที่เผยท่าทางตื่นตกใจเล็กน้อย.
"เจ้าเป็นใคร?"เทียนเสิ่นจื่อที่เผยท่าทางประหลาดใจจดจ้องมองไปยังหยิง.
หยิงเจิ้งที่จดจ้องมองเทียนเสิ่นจื่อด้วยความสงสัย สายตาของเขาที่จ้องเขม็งไปยังดวงตะวันบนหน้าผากของเทียนเสิ่นจื่อ.
"ราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน หยิง แปดหมื่นปีที่แล้ว คือบุคคลอันดับหนึ่งของโลกนี้ สองร้อยปีที่แล้วกลับคืนมาสู่บนโลกอีกครั้ง!"จงซานที่เอ่ยตอบกลับออกมาแทนด้วยเสียงที่เคร่งขรึม.
แปดหมื่นปีที่แล้ว คือบุคคลอันดับหนึ่งของโลกใบนี้อย่างงั้นรึ?
บุคคลอันดับหนึ่งในโลกใบนี้ย่อมหมายถึงคนที่มีความลึกล้ำเป็นอย่างมาก ในโลกใบนี้ดูเหมือนว่าหยิงจะฟื้นคืนกลับมายังยุคสมัยนี้อีกครั้ง ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าที่หนึ่ง อย่างน้อยก็นับได้ว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้.
ข้อมูลเหล่านี้จงซานที่ใช้เวลาหลายปีค้นหาจากตำราโบราณมากมาย.
ในแต่ละยุคแต่ละสมัย แน่นอนว่าย่อมปรากฏคนที่แข็งแกร่งและร้ายกาจปรากฏตัวขึ้นเสมอ หยิง คือบุคคลอันดับหนึ่งของยุคสมัยเมื่อ แปดหมื่นปีที่แล้ว.
กู่เฉิงตง อาจจะเรียกได้ว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของยุคสมัยนี้ หากแต่ก็ยังด้อยกว่าหยิงเล็กน้อย ต้องไม่ลืมว่ากู่เฉิงตงนั้นยังด้อยกว่าหยิงเกี่ยวกับอายุขัย ไม่มีใครแน่นอนที่จะมีชีวิตอยู่ได้กว่าแปดหมื่นปี.
เซิ่งซ่างเจียงซือ หยิง!
หยิงที่จ้องมองอัญมณีบนหน้าผากของเทียนเสิ่นจื่อ สูดหายใจลึก.
"เป็นการตัดสินใจที่ร้ายกาจมาก เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ คาดไม่ถึงเลยว่าจะผสานกายเนื้อเข้ากับ อำนาจลิขิต ไม่สงสัยเลยว่า ทำไมโลกใบเล็กถึงไม่ขับเจ้าออกไป ร่างปุถุชน? เป็นร่างปุถุชนที่แข็งแกร่งมาก ๆ !"หยิงที่แสดงความคิดเห็น.
"เจ้าเองก็ยังไม่ตาย ร่างบริวาร นับเป็นความกล้าที่ร้ายกาจมาก! คาดไม่ถึงเลยว่าข้าตกตายไปหลายปี ทวีปศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง."เทียนเสิ่นจื่อที่สูดหายใจลึก.
"หนึ่งแสนปีที่แล้ว บุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์ อดีตประมุขตระกูลเทียน เทียนเสิ่นจื่อ?"หยิงที่กล่าวสอบถาม.
"ถูกต้อง!"เทียนเสิ่นจื่อที่พยักหน้ารับ.
หนึ่งคือบุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์เมื่อหนึ่งแสนปีที่แล้ว อีกหนึ่งคือบุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์เมื่อแปดหมื่นปีที่แล้ว.
สายตาของทั้งสองที่จ้องมองกันและกัน คนอื่น ๆ ไม่ได้เข้าไปรบกวน.
สายตาของทั้งสองที่จ้องมองกันด้วยความจริงจัง.
"ตระกูลเทียนช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ ไม่ง่ายที่จะมีใครจัดการได้ ร่างกายที่ประกอบด้วยลิขิต ไม่เคยเห็นมาก่อน ในโลกใบใหญ่ ไม่เคยมีใครก้าวเป็นบนเส้นทางสายนี้!"หยิงที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสนใจ.
"กับกายเนื้อ ‘ร่างบริวาร’ นอกจากนี้ยังคืนชีพกลับมาได้ด้วย ไม่เคยมีมาก่อน ในโลกใบใหญ่ ไม่มีใครกล้าใช้เส้นทางสายนี้เช่นกัน!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเบา ๆ .
"ตระกูลเทียนที่ยิ่งใหญ่ ในอดีตนั้นได้กระจายไปทั่วหล้า แม้แต่หลังจากนั้นสองหมื่นปี ทุก ๆ คนต่างก็รับรู้ว่าห้าชีพจรของตระกูลเทียน แต่ละชีพจร คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปศักดิ์สิทธิ์ มีราชวงศ์สวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด มีแดนเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด มีผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยที่แข็งแกร่งที่สุด มีผู้ฝึกตนโชคที่แข็งแกร่งที่สุด และมีประมุขที่แข็งแกร่งที่สุด! และในมือยังมีหนึ่งในสิบของวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุด ไม้เท้าเคลื่อนภูผา ใช่ในมือที่ เจ้าถืออยู่ใช่หรือไม่?"หยิงที่กล่าวสอบถามด้วยความสนใจ.
ไม้เท้าเคลื่อนภูผา?
สายตาของทุกคนที่จับจ้องมองไปยังไม้เท้าสีม่วงในมือของเทียนเสิ่นจื่อในทันที ภายนอกนั้น ไม่ได้แผ่กลิ่นอายที่พิเศษอะไรออกมา เหมือนกับร่างของเทียนเสิ่นจื่อ ที่ดูราวกับไร้พลัง หากแต่ไม้เท้าในมือของเขาคือหนึ่งในสิบสมบัติโบราณ ไม้เท้าเคลื่อนภูผาอย่างงั้นรึ?
"มีสายตาที่แหลมคม บุคคลอันดับหนึ่งเมื่อแปดหมื่นปีที่แล้ว ข้าคิดว่าเจ้าเองก็น่าจะมีหนึ่งในสมบัติโบราณด้วยใช่หรือไม่?"เทียนเสิ่นจื่อสอบถามออกไป.
"เป็นเวลานานมากแล้ว ไม่เคยมีใครทำให้ข้าต้องนำของวิเศษออกมาใช้งาน ยินดีจะเป็นคน ๆ นั้นหรือไม่?"สายตาของหยิงที่เผยท่าทางตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน.
"ตามที่เจ้าต้องการ!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
นี่คือสองคนที่เป็นบุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์ ยอดฝีมือของแต่ละยุค กับของวิเศษล้ำค่าที่พวกเขาถืออยู่ ราวกับว่ามันไม่เคยได้นำมาใช้ประโยชน์เลย เป้าหมายในครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการทดสอบฝ่ายตรงข้าม ต้องการรับรู้สถานะของแต่ละฝ่าย.
"เชิญ!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ถอยห่างออกมา.
หยิงที่ยื่นมือออกไป ทันใดนั้นราวกับว่าปรากฏจักรวาลที่กว้างใหญ่ขึ้น ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างที่ใหญ่โตร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า เป็นโลงศพสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่แผ่ออกมารอบ ๆ โลงศพ กลิ่นอายนี้ เต็มไปด้วยปราณสีม่วงที่ดูสง่ามีพลังอำนาจไม่ธรรมดา มีพลานุภาพในการสะกดข่มทุกคนที่จ้องมอง.
สายตาของทุกคนที่เห็นของวิเศษดังกล่าว ทำให้ภายในใจสั่นไหวด้วยความหวั่นเกรง ราวกับว่ามันมีอำนาจที่ข่มขวัญทะลวงเข้าไปถึงจิตวิญญาณ ร่างกายที่ราวกับว่าสั่นสะท้านยอมจำนนต่อโลงศพด้านหน้า.
"โลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลก หนึ่งในสิบสมบัติโบราณ!"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาพร้อมกับทอดถอนใจ.
โลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลก เป็นของหยิงตั้งแต่แรกแล้ว.
ทันทีที่โลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลกร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับเปลี่ยนไป เป็นสว่างใสบริสุทธิ์ผุดผ่อง.
แสงชำระล้างอย่างงั้นรึ?ดวงตาของจงซานที่หรี่เล็ก บรรยากาศรอบ ๆ เปลี่ยนไปอย่างงั้นรึ?
เทียนเสิ่นจื่อที่ชี้ไม้เท้าเคลื่อนภูผาออกไปเล็กน้อย ทันใดนั้นจากบนพื้นดิน ปรากฏภูเขาขนาดมหึมาผุดขึ้นมาจากแผ่นดิน พุ่งตรงไปยังโลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลก.
พลังที่ยิ่งใหญ่สองสายที่เคลื่อนที่เข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น.
“......”
ไร้ซึ่งเสียง ไม่มีเสียงอย่างงั้นรึ? ไม่ใช่แน่นอน เสียงที่เกิดขึ้นดังเกินไป ทำให้ทุกคนสูญเสียการได้ยินไปในทันที.
"กึก!"
ทุกคนที่หูดับไป เสียงดังหึ่ง ๆ ที่เกิดขึ้นในหูนั้นเป็นเพราะหูพวกเขาได้รับความเสียหาย เสียงที่เกิดขึ้นด้านนอกนั้นไม่สามารถได้ยินเลยแม้แต่น้อย.
หลังจากที่ไม้เท้าเคลื่อนภูผาและโลงศพกำราบโลกเข้าปะทะกัน อากาศรอบ ๆ ไม่ได้ฉีกขาด เพียงแค่เกิดเป็นลูกคลื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น.
สองของวิเศษโบราณที่เข้าปะทะกัน ทำให้เกิดคลื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นรึ? เป็นไปไม่ได้.
จงซานที่ไม่เชื่อแน่! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกันที่การต่อสู้ที่หนักหน่วงจะทำให้จงซานหูดับนับตั้งแต่ในอดีตแล้ว กับการเข้าปะทะกันของพลังสองสายที่ทรงพลังแข็งแกร่ง.
ไม่นานหลังจากนั้น ที่ไกลออกไปมีริ้วแสงเป็นทางยาว เป็นตี้เสวียนชาที่เร่งรีบเดินทางมานั่นเอง.