ตอนที่แล้วChapter 598 ปล้นงานแต่ง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 600 ฆ่าเพื่อสอบถาม

Chapter 599 กับดัก


ขณะที่จงซานนำหวังคูเดินทางออกจากเกาะหมาป่าสวรรค์นั้น ที่ทะเลทิศใต้.

ที่ก้นทะเลภาคใต้ มีสิ่งก่อสร้างมากมายใต้น้ำ ซึ่งเหมือนกับทะเลภาคตะวันออกที่มีตำหนักมังกร หากแต่พื้นที่ทะเลภาคใต้นั้นจะหนาวเย็น อยู่ห่างกับภูเขาน้ำแข็งไม่ไกล ทำให้พื้นที่รอบ ๆ นี้เต็มไปด้วยผลึกน้ำแข็งมากมาย.

ที่ใจกลางของภูเขาน้ำแข็งใต้ทะเลไม่ไกลออกไปนั้น มีตำหนักหยก และมีป้ายจารึกลอยเด่นด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัว.

เสวียนอู๋กง! (ตำหนักเต่าทมิฬ)

สถานที่แห่งนี้คือที่อยู่อาศัยของจื่อจุ้นเต่าทมิฬ ด้านในตำหนักเต่าทมิฬ มีชายชราผมขาว พร้อมกับนั่งเล่นหมากรุกกับเด็กชายผู้หนึ่ง ขณะที่เด็กชายกำลังครุ่นคิด ชายชราที่ยกน้ำชาขึ้นดื่ม พร้อมกับเผยยิ้มบาง ๆ ออกมา.

ไม่นานหลังจากนั้น ชายในชุดสีขาวก็เข้ามา.

"คารวะจื่อจุ้น คารวะเส้าเหยี่ย!"ชายในชุดสีขาวที่เอ่ยออกมาในทันที.

ชายชราผมขาวและเด็กหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นมอง.

"เรียนจื่อจุ้น เรื่องที่สั่งการเสร็จแล้ว อ๋องเต่าทมิฬเสวียนหยี่ยน ราว ๆ สองเดือนน่าจะไปถึงราชวงศ์ราชันย์ปิงเฟิง."ชายในชุดขาวที่กล่าวออกมาพร้อมโค้งคำนับ.

"อืม!"ชายชราผมขาวที่พยักหน้ารับ.

"เรื่องทางภาคตะวันออก มีอะไรอีกหรือไม่?"ชายหนุ่มกล่าว.

"เรียนเส้าเหยีย ไม่มีแล้ว!"

"หืม? หนึ่งปีครึ่ง พวกเจ้าทำงานอย่างดีหรือไม่?"ชายนุ่มที่ขมวดคิ้วไปมา.

"พวกเราทำงานอย่างเต็มที่!"

"ออกไปได้แล้ว!"ชายชรากล่าว.

"รับทราบ!"ชายในชุดสีขาวที่โค้งคำนับและจากไปในทันที.

"บรรพชน หนึ่งปีครึ่ง จะมีระดับสวรรค์แท้ออกมาสร้างปัญหาอีกอย่างั้นรึ?"ชายหนุ่มที่ขมวดคิ้วสอบถามออกมา.

"ทวีปศักดิ์สิทธิ์เวลานี้เต็มไปด้วยพยัคฆ์ซ่อน มังกรหมอบ ไม่มีใครรู้เลยว่าระดับสวรรค์แท้มีจำนวนมากเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครคาดคิดที่งานชุมนุมหมื่นเม็ดยาสวีฝู ก่อนหน้านี้ ข้าไม่เคยได้ยินนามของคนผู้นี้มาเลย!"ชายชรากล่าวพลางถอนหายใจ.

"ทว่ายังมีเรื่องที่แปลกประหลาดอีก เกาะร้างขนาดใหญ่ ถูกทำลายสิ้น พื้นที่สามแสนลี้ทุกสิ่งมีชีวิตตายไปทั้งหมด มันเกิดอะไรขึ้น? ทั้งที่พวกเราเองก็เร่งรีบไปตรวจสอบแล้ว ทว่าก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น! แปลก! แปลกมาก!"ชายหนุ่มที่กล่าวตอบออกมา.

"บางที อีกไม่นานแล้ว พวกเราก็จะรู้!"ชายชราที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"หืม?"

"ยุคสมัยแห่งความวุ่นวายใกล้เข้ามาแล้ว ไม่ว่าคนเหล่านี้จะซ่อนอยู่ลึกเท่าไหร่ ท้ายที่สุดจะต้องเผยตัวออกมาในยุคสมัยแห่งความวุ่นวายนี้!"ชายชรากล่าว.

"อืม!บรรพชน พวกเราต้องการที่จะเข้าร่วมแดนเทพอมตะจริง ๆ รึ?"ชายหนุ่มที่เผยท่าทางไม่พอใจนัก.

"ทวีปศักดิ์สิทธิ์นั้นกว่า 80,000 ปีมานี้ไม่เคยเข้าสู่ยุคแห่งความวุ่นวาย เจ้าควรรู้ว่ายุคแห่งความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในแต่ล่ะครั้ง ทวีปศักดิ์สิทธิ์จะถึงคราวผลัดเปลี่ยน เหล่ากลุ่มอิทธิพลมากมายเท่าไหร่ที่จะถูกทำลายจนสิ้นในยุคแห่งความวุ่นวาย? ไม่ว่าราชวงศ์สวรรค์หรือแดนทวะ เผ่าอสูร ล้วนแล้วแต่มีโอกาสสูญสิ้นไป ตอนนี้หากไม่เตรียมพร้อม หากปล่อยให้ถึงเวลาเผ่าของพวกเราอาจจะสูญพันธ์ก็เป็นได้ พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายแรงกับเผ่าเต่าทมิฬได้!"ชายชรากล่าวพลางทอดถอนใจ.

"แล้วพวกเราทำไมจะต้องเข้าร่วมแดนเทพอมตะ....."

"แดนเทพอมตะนั้นเป็นหนึ่งในแดนเทวะ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานที่สุดของทวีปศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดใหน นอกจากนี้แดนเทพอมตะยังเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย พวกเราควรจะร่วมมือกับพวกเขา! เมื่อผ่านยุคสมัยแห่งความวุ่นวายแล้ว เวลานั้นถอนตัวออกมาก็ยังไม่สาย!"ชายชราที่เผยยิ้มที่ขมขื่นออกมา.

"แล้วเมื่อถึงเวลานั้นแดนเทพอมตะ จะยอมรับอย่างงั้นรึ?"ชายหนุ่มที่กล่าวด้วยความกังวล.

"แน่นอนเป็นไปได้แน่!"ชายชราที่กล่าวพลางทอดถอนใจ.

"อืม!"ชายหนุ่มที่ตอบรับ แม้ว่าแววตายังคงซ่อนความแข็งกร้าวเอาไว้.

..............

ราชวงศ์ราชันย์ปิงเฟิง! ตำหนักหลวง.

ภายในห้องโถง ในเวลานี้มีชายสามคนยืนอยู่.

ชายที่ยืนอยู่หัวแถวนั้น สวมชุดสีขาว ผมสีขาวหิมะ คิ้วที่เลือนใส จนราวกับรู้สึกว่าไม่มีคิ้ว.

อีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เป็นชายในชุมคลุมสีน้ำเงิน ใบหน้าหล่อเหลา หากว่าจงซานอยู่ที่นี่ย่อมจำได้แน่นอนว่า คนผู้นี้คือ ปิงเสวียน ในเวลานี้เขาได้กลายเป็นราชันย์ของราชวงศ์ปิงเฟิงแล้ว.

ส่วนคนผมสีขาว มองไม่เห็นคิ้ว ก็คือเจ้าตำหนักชีพจรวารีแดนเทพอมตะ จิงเสวี๋ยเฉิน!

จิงเสวี๋ยเฉิน คนผู้นี้ที่ลอบโจมตีเป่ยชิงซือ พร้อมกับปิดผนึกพลังฝึกตนของนางเอาไว้.

ที่ด้านหน้าเขามีชายในชุดสีดำสะพายกระบี่ด้านหลัง.

"เรียนเจิ้นจวินทั้งสอง ในเวลานี้เป่ยชิงเหยี่ยนน่าจะเดินทางไปถึงเกาะหมาป่าสวรรค์แล้ว!"มือกระบี่ในชุดสีดำกล่าวรายงานด้วยความเคารพ.

"อืม! ออกไปได้แล้ว จับตาเป่ยชิงเหยี่ยนไว้ ติดตามทุก ๆ คำพูดทุก ๆ การกระทำ แล้วมารายงานพวกเรา!"จิงเสวี๋ยเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"รับทราบ!"มือกระบี่ที่ถอยกลับไป.

"อาจารย์ ท่านต้องการทำอะไรอย่างงั้นรึ? นี่จะปล่อยเป่ยชิงซือให้กับจงซานจริง ๆ รึ?"ปิงเสวียนที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ใช่!"จิงเสวี๋ยเฉินที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"ทำไม?"

"ท่านไม่ต้องการเป่ยชิงซือแล้วรึ?"

"อย่างงั้นก็ควรมอบเป่ยชิงซือให้ศิษย์ ทำไมต้องปล่อยให้จงซานด้วยล่ะ?"

"เจ้าจำไม่ได้รึว่าเป่ยชิงซือได้ฝากข้อความใดไปให้เป่ยชิงเหยี่ยน? เป่ยชิงซือจะมอบสิ่งใดให้กับจงซาน?"จิงเสวี๋ยเฉินกล่าว.

"หรือว่าจะเป็นสมบัติอย่างงั้นรึ?"

"แน่นอนว่าเป็นสมบัติแน่ อีกอย่างจากข้อมูลของเต๋าจวินเซิ่งหยา จงซานคือศัตรูที่ทรงพลังของแดนเทพอมตะในอนาคต เขาจึงต้องการข้อมูลของจงซาน กับคำพูดของเป่ยชิงซือเอง ที่นางกล่าวว่าจะมอบอะไรบางอย่างให้จงซาน หากว่านี้คือสมบัติล้ำค่า หากว่าข้านำมันกลับแดนเทพอมตะได้ เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเราขนาดใหน?"จิงเสวี๋ยเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"นอกจากนี้ หากว่าเป่ยชิงซือไม่ยินยอมมอบสมบัติออกมา ถึงแม้ว่าจะเป็นข้าก็ไม่สามารถบังคับนางได้ หาไม่แล้ว ข้าจะต้องใช้แผนการแต่งงานนี้ทำไม?"จิงเสวี๋ยเฉินที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.

"แต่ว่า เป่ยชิงซือแม้นว่าพลังฝึกตนจะถูกผนึกในตอนนี้ ถึงแม้ว่าพวกเราไม่สามารถแย่งชิงได้แต่ก็สามารถขอให้เต๋าจวินลงมือได้ เช่นนั้นก็สามารถนำสมบัติกลับมาได้ไม่ใช่รึ!"ปิงเสวียนที่ขมวดคิ้วไปมา.

"นี่มันเรื่องของตำหนักชีพจรวารี หากขอให้คนอื่นเข้ามาช่วย พวกเราไม่ต้องกลายเป็นตัวตลกไปทั่วแดนเทพอมตะอย่างงั้นรึ?"จิงเสวี๋ยเฉินกล่าวด้วยความอหังการ.

"ครับ!"ปิงเสวียนพยักหน้ารับ.

"นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเกี่ยวกับคำพูดของเต๋าจวินเซิ่งหยา!"จิงเสวี๋ยเฉินที่สูดหายใจลึก.

"หืม?"

"หืมเมื่อสองปีที่แล้ว ไท่จื่อเหล่ยเทียนของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยได้เดินทางมายังแดนเทพอมตะ พูดคุยกับเต๋าจวินเซิ่งหยาสามวันสามคน และจากนั้นจงซานก็ถูกขึ้นบัญชีศัตรูตัวร้ายของแดนเทพอมตะ จงซานผู้นี้เป็นคนที่ลึกล้ำ แม้นว่าหากพวกเรารับมือไม่ไหว ทว่าเต๋าจวินเซิ่งหยาจะปล่อยให้จงซานหนีออกไปได้อย่างงั้นรึ? ในเวลานี้ พวกเราเพียงแค่จับตามอง รับรองไร้ซึ่งปัญหา!"จิงเสวี๋ยเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"แล้วเต๋าจวินเซิ่งหยาจะให้ความร่วมมืออย่างงั้นรึ?"ปิงเสวียนกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.

"ข้าเพียงแค่ต้องการให้เต๋าจวินเซิ่งหยารับมือตี้เสวียนชาเท่านั้น! หากตี้เสวียนชาไม่มา ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งเต๋าจวินเซิ่งหยา!"จิงเสวี๋ยเฉินกล่าว.

"ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง เพียงแค่ใช้ค่ายกลชีพจรน้ำด้วยกำลังห้าสิบเปอร์เซ็นต์ หากมีเพียงแค่จงซาน ไม่มีทางที่เขาจะหนีรอดไปไหนได้!"ปิงเสวียนที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"ถูกต้อง นี่คือกับดักที่ทรงพลัง แผนการของเรา ด้วยกำลังจากราชวงศ์ราชันย์ปิงเฟิงและเผ่าเต่าทมิฬ และค่ายกลชีพจรวารี และเต๋าจวินนวีชิงเฮวย จงซานไม่มีทาง ได้กลับไปแน่."จงเสวี๋ยเฉินกล่าว.

"จงซานที่ต้องตายด้วยค่ายกลสงคราม นับเป็นเกียรติกับเขาแล้ว!"ปิงเสวียนที่เผยยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา.

"แม้ว่าแผนการนี้จะไม่สง่างามเท่าใด ทว่าก็นับว่าได้ผลประโยชน์มหาศาล เจ้าได้เป่ยชิงซือ แดนเทพอมตะได้สมบัติตกทอด พร้อมกับเผ่าเต่าทมิฬที่ตกต่ำได้แดนเทพอมตะเป็นที่พึง จงซานจะต้องตาย ต้าเจิ้งถูกทำลาย! นี่คือแผนการที่สมบูรณ์แบบ!"จิงเสวี๋ยเฉินที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"หากจะโทษก็ต้องโทษจงซานเองที่แส่มาหาความตาย!"ภายในใจของปิงเสวียนที่รู้สึกมีความสุข.

......

สองเดือนหลังจากนั้น จงซานและหวังคูได้เดินทางมาถึงเขตแดนของราชวงศ์ราชันย์ปิงเฟิง.

ในเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง จงซานที่พบกับหอการค้าต้าหรง.

ที่ลานด้านหลัง จงซานที่นำหวังคูในชุดสีดำมาพบกับคนผู้หนึ่ง.

"จดหมายนี้ ส่งมันไปให้ถึงวิหารต้าหมิง ส่งให้ถึงมือเจ้าวิหาร จงเทียน!"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"ครับ!"ชายคนหนึ่งที่รับจดหมายมาด้วยความเคารพ.

จงซานที่มอบให้กับผู้ดูแลหอการค้าของเมืองที่ต่างกันสามคน เพื่อส่งจดหมายนี้เพื่อให้ไปถึงมือของจงเทียน พร้อมกับนำหวังคูเดินทางต่อ.

"ฝ่าบาท พวกเราไปตอนนี้เลยรึ?"หวังคูกล่าวถาม.

"อี้เซียนเทียน พวกเราจะไปขวางขบวนแต่งงานที่นั่น!"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"รับทราบ!"

อี้เซียนเทียน คือหนึ่งในสถานที่ภายในเขตแดนอาณาจักรปิงเฟิง จงซานที่เดินทางมาเพื่อวิเคราะห์ตรวจสอบสถานที่ต่าง ๆ และเส้นทางของขบวนแต่งงานซึ่งเขาได้ข้อมูลมาจากหอการค้าต้าหรงนั่นเอง.

สถานที่แห่งนี้เป็นเทือกเขาที่สูงใหญ่ มีความสูงกว่าหมื่นจั้ง และยังมีรอยแยกระหว่างเทือกเขาไปจนถึงพื้นดินราวกับว่ามันถูกฟันแยกออกเป็นสองส่วน.

ทำให้มีร่องภูเขาที่ลึกแคบและยาว!

นี่ขบวนคุ้มกันจะผ่านเส้นทางนี้จริง ๆ รึ?

จงซานและหวังคูที่มารอที่นี่เป็นเวลาหนึ่งแล้ว.

วันถัดมา คนทั้งสองยังคงรอคอยอยู่ และได้ยินเสียงที่ดังกึกก้องมาจากที่ไกลออกไป เป็นขบวนงานแต่งนั่นเอง ซึ่งมีคนกว่าหนึ่งล้านคน มากมายกำลังเคลื่อนที่ผ่านมาตามเส้นทางที่จงซานกับเฝ้ามอง.

เสียงแตรและเครื่องดนตรีที่ดังกึกก้อง แม้นว่าจะดูคึกครื้นนอย่างผิดปรกติ แต่ก็นับว่ามีชีวิตชีวาทีเดียว.

ราชันย์ของราชวงศ์ปิงเฟิงแต่งตี้โห่ว(จักรพรรดินี)แน่นอนว่าย่อมไม่สามารถละเลย งานจะต้องดูมีชีวิตชีวิต จะเทียนกับขบวนของสามัญชนทั่วไปได้อย่างไร ขบวนแห่งในครั้งนี้จึงดูเอิกเกริกอย่างที่สุด ทุกคนทั่วหล้าจะต้องรับรู้ว่าราชันย์กำลังแต่งตี้โห่ว.

ปิงเสวียนที่ให้ความสำคัญกับเป่ยชิงซือ แน่นอนว่าจะต้องจัดงานอย่างใหญ่โต.

กองทัพหนึ่งล้านคน เพื่อคุ้มกันขบวนแต่งงาน รักษาความปลอดภัยขณะเดินทาง.

จงซานที่ยืนอยู่บนเทือเขา อี้เซียนเทียน จับจ้องมองดูอย่างใจเย็น.

ที่ไกลออกไป กองกำลังหนึ่งล้าน ดูเหมือนว่าจะเป็นทัพที่ได้ฝึกฝนมาเป็นพิเศษ เป็นกองกำลังลับของราชวงศ์ราชันย์ปิงเฟิง.

ส่วนฝั่งจงซาน มีแค่สองคน.

"เจ้าอย่าเพิ่งลงมือ ข้าเป็นคนจัดการเอง!"จงซานที่กล่าวต่อหวังคู.

"ขอรับ ฝ่าบาท!"หวังคูรับคำและถอยออกไปด้านหลัง.

ทัพหนึ่งล้าน ที่เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ  ห่างออกไปเพียงแค่ร้อยจั้งเท่านั้น.

กองกำลังหนึ่งล้าน ที่เรียงหน้าเป็นกำแพงมนุษย์หลายชั้น ดูเหมือนว่าจะทำการฝึกฝนมาโดยเฉพาะและยังมีความสามารถในสภาพภูมิอากาศพื้นที่รอบ ๆ นี้อีกด้วย.

หัวหน้าของกองทัพดังกล่าวนั้นนั่งอสูรพยัคฆ์ขนาดมหึมา ขณะที่มองไปยังจงซานที่ออกมาขวางหน้า ก็โบกมือให้ทัพหยุด.

จงซานที่จ้องมองไปยังเกี้ยวแต่งงานที่อยู่กลางฝูงชน.

เกี้ยวแต่งงานดูเหมือนว่าจะมีการวางค่ายกลรอบ ๆ  ไม่สามารถตรวจสอบด้านในได้เลยแม้แต่น้อย ทว่าตามประเพณีแล้ว ข้างในนั้นควรจะเป็นตี้โห่ว เป่ยชิงซือ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด