Chapter 582 ต้อนรับสูงสุด.
"หืม? ไม่เลยแม้แต่น้อยรึ? ทำไมเจ้าไม่สามารถกำจัดกลุ่มคนเหล่านั้นได้?"ท่าทางของไท่จื่อเหล่ยเทียนที่กล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา.
กับคำถามของไท่จื่อฉงเทียน ใบหน้าของหวังเฉินไม่ได้แสดงท่าทางตื่นตกใจแม้แต่น้อย.
"ค่ายกลธารโลหิต ผู้น้อยได้ใช้พลังเต็มที่แล้ว จู่เหรินเองก็น่าจะสามารถมองเห็นได้ ทว่ากลุ่มคนดังกล่าวนั้นนับว่ามีความแข็งแกร่งไม่น้อย ทว่าผู้น้อยเองก็ไม่คิดที่จะเปิดผนึกเทวะ แน่นอนว่าพวกเราสามารถเพิ่มพลังได้อีก สามารถคว่ำศัตรูได้ในทันที หากแต่ว่าการต่อสู้นี้มันไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้น!"หวังเฉินที่กล่าวอย่างจริงจัง.
"อืม!"ไท่จื่อเหล่ยเทียนที่หลับตาพยักหน้า.
"หากว่าผู้น้อยเปิดผนึกเทวะ แน่นอนว่าย่อมจัดการฝ่ายตรงข้ามได้ในทันที หากแต่ควรแล้วที่จะใช้อย่างงั้นรึ? เช่นนั้นผู้น้อยจึงไม่ได้ใช้ออกมา!"หวังเฉินกล่าว.
"หืม?"
"ตราผนึกเทวะของผู้น้อยนั้นแตกต่างจากคนอื่น เป็นตราผนึก"เทวะโลหิต"หากว่าข่าวเรื่องนี้กระจายออกไป จะไม่เป็นประโยชน์ต่อจู่เหริน ถึงแม้ว่าจะเป็นเซิ่งซ่างต้าสุ่ย ก็ไม่ควรจะรู้เรื่องนี้!"หวังเฉินกล่าวอย่างจริงจัง.
"อืม เจ้าทำได้ดีแล้ว!"ไท่จื่อเหล่ยเทียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ.
...........
หลังจากนั้นสามวัน จงซานก็เปิดประตูออกมา ก้าวออกมายังห้องโถง.
ซึ่งมีจ้าวโส่วเซี่ยงที่เป็นองค์รักษ์ปกป้องทางเข้าเอาไว้ ในเวลาเดียวกันด้านนอกเองก็มีเหล่าขุนนางกลุ่มหนึ่งอยู่ด้วยเช่นกัน.
พริบตาเดียวที่จงซานเปิดประตู คนทั้งหมดก็เอ่ยออกมา "คารวะจักรพรรดิจง!"
จงซานที่จ้องมองคนที่อยู่รอบ ๆ เพียงสายตาของเขาก็ทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน จงซานที่เผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา.
สายตาของเหล่าขุนนางที่มองจงซาน ด้วยความชื่นชม หวาดกลัว อิจฉา เหมือนกับอารมณ์ของปุถุชนทั่วไป.
"อืม!"จงซานพยักหน้ารับหากแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา.
"เหล่าจ้าว คนของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"จงซานสอบถาม.
"พี่น้องพวกเราตายไป 20 คน ส่วนคนอื่น ๆ นั้นกำลังรักษาตัวเองอยู่ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง!"จ้าวโส่วเซี่ยงกล่าวออกมาในทันที.
"อืม!"จงซานพยักหน้า.
"จักรพรรดิจง การรุกรานของศัตรู โชคดีที่มีท่าน หาไม่แล้ว ราชวงศ์จักรพรรดิเหยี่ยนหงคงจะอยู่ในอันตราย!"กงเหว่ยที่กล่าวออกมากล่าวด้วยความเคารพ.
"อย่าได้เกรงใจ ในเมื่อการรุกรานของศัตรูถูกจัดการแล้ว พวกเราคงไม่ขอรบกวนแล้ว!"จงซานกล่าว.
"ไม่ ไม่เลย จักรพรรดิจงที่ช่วยเหลือราชวงศ์ของพวกเรา พวกเราไม่มีของตอบแทน ทว่ามีสมบัติราชวงศ์ขอให้จักรพรรดิจงไปกับข้า ตราบเท่าที่จักรพรรดิจงพอใจ สามารถเลือกได้เลย!"กงเหว่ยที่กล่าวออกมาในทันที.
"หืม?"จงซานจ้องมองกงเหว่ยด้วยท่าทางแปลกประหลาด.
"เรื่องนี้พวกเราเหล่าขุนนางได้ปรึกษาหารือกันแล้ว ขอจักรพรรดิจงอย่าได้ปฏิเสธ!"กงเหว่ยที่กล่าวออกมาในทันที.
จงซานที่จ้องมองด้วยใบหน้าที่จริงจัง กวาดตามมองทุกคน ท้ายที่สุดก็ส่ายหน้าไปมา."ไม่จำเป็น!"
"จักรพรรดิจง เรื่องนี้....."กงเหว่ยที่แสดงท่าทางร้อนใจ.
แววตาของจงซานที่กลายเป็นเย็นชา พร้อมกับกล่าวออกมาว่า"แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คนของราชวงศ์จักรพรรดิเหยี่ยนหง ทว่าข้าขอแนะนำพวกเจ้าสักอย่าง สมบัติของอาณาจักรนั้นเป็นของคลังสำรองของราชวงศ์จักรพรรดิ มันคือรากฐานของราชวงศ์ ไม่ใช่สิ่งของ ของเหล่าข้าราชบริพาร ไร้ซึ่งการอนุญาตจากจักรพรรดิ ไม่มีใครสามารถกระทำการอะไรได้ ส่วนพวกเจ้าเป็นเพียงขุนนาง จึงควรรับรู้ว่าอะไร ควรทำไม่ควรทำ การกระทำครั้งนี้ ถือเป็นอาชญากรรมของอาณาจักร!"
จงซานที่กล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา ทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน ตื่นตกใจ.
"ขอบคุณจักรพรรดิจงที่ย้ำเตือน!"กงเหว่ยที่ปาดเหงื่อที่เย็นเยือบขณะพูด.
"หากว่าเจ้าต้องการขอบคุณข้า จงนำคำพูดของข้าไปมอบให้กับเสี่ยวจงซิง!"จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.
"จักรพรรดิจงเชิญกล่าว พวกเราย่อมนำคำพูดไปแจ้งฝ่าบาทแน่นอน!"กงเหว่ยที่กล่าวออกมาในทันที.
"บอกกับเขาว่าเรื่องระหว่างราชวงศ์จักรพรรดิเหยี่ยนหงและราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยหลังจากนี้ ให้เขาไปพบกับข้าที่ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง!"จงซานกล่าว.
"รับทราบ ข้าและคนอื่น ๆ จำนำคำพูดของจักรพรรดิจงไปแจ้งฝ่าบาท!"กงเหว่ยที่กล่าวออกมาทันที.
"อืม เช่นนั้นขอลา!"จงซานกล่าว.
จากนั้น เขาไม่ได้สนใจคนเหล่านั้นอีกต่อไป นำจ้าวโส่วเซี่ยงจากไปอย่างรวดเร็ว.
ระหว่างทาง จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวสอบถามด้วยความสงสัย "ฝ่าบาท ขุนนางที่ไม่เป็นขุนนาง ไม่ว่าอย่างไร ทำไมพวกเราไม่ไปดูสมบัติอาณาจักรก่อนล่ะ บางทีอาจจะพบอะไรที่แปลกประหลาด!"
จงซานส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเผยยิ้มเล็กน้อย "หัวใจขุนนางที่ไม่เป็นขุนนาง อาณาจักรที่ไม่เป็นอาณาจักร ราชวงศ์จักรพรรดิเหยี่ยนหงที่ยังคงอยู่มีเพียงแค่นามเท่านั้น อีกนานเท่าไหร่กันที่พวกเขาจะกลายเป็นของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย ทำไมจะต้องไปเสียเวลากับเหล่าวายร้ายเหล่านี้? ทำไมจะต้องเอาตัวเองให้ไปแปดเปื้อนกับคนเหล่านี้?"
ตอนมาจงซานค่อนข้างสั่นไหว ทว่าขากลับเขารู้สึกดีไม่น้อย เพราะว่าหลังจากที่เห็นไท่จื่อเหล่ยเทียนแล้ว เขาสามารถกักเก็บความบ้าคลั่งเอาไว้ได้ ท้ายที่สุดเขาก็ควบคุมตัวเองได้ ไม่หลุดการควบคุม หลังจากนี้จะเป็นเรื่องที่สมบูรณ์ เขาที่อยู่ในสภาพสุขุม ย่อมสามารถที่จะต่อกรกับไท่จื่อเหล่ยเทียนได้ง่าย.
จากนี้ จงซานที่คิดถึงไท่จื่อเหล่ยเทียน แม้ว่าจะเกลียดชัง แต่ก็ไม่ทำให้เขาบ้าคลั่ง เขาสามารถใช้ปัญญาในการวางแผนเพื่อล้างแค้นได้ ไม่กลายเป็นคนโง่ที่กระทำการอย่างไร้สติ.
จ้าวโส่วเซี่ยงแม้ว่าจะไม่เข้าใจความหมายของจงซานเท่าใดนัก แต่ก็รับคำ"ครับ!"
ทัพของพวกเขาที่เดินทางกลับราชวงศ์ราชันย์หลานเหยี่ยน ส่วนคนของราชวงศ์จักรพรรดิหลานเหยี่ยน ที่จ้องมองจงซานนำกองกำลังทวนเหล็กจากไป แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าแววตาที่แตกต่างกันไป รู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก.
...
แดนเทวะ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทางเข้าแดนเทพอเวจี.
ชายในชุดไว้ทุกข์ ชุดสีขาวล้วน ที่หน้าผากคาดผ้าขาวเช่นกัน ที่ด้านหลังสะพายกระบี่ที่คลุมด้วยผ้าสีขาวทั้งหมด กำลังบินลงมาหยุดที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง ที่ด้านข้างนั้นมีโลงศพหยกสีขาวมาด้วย.
แววตาของชายคนดังกล่าวที่ดูซับซ้อน กัดริมฝีปากแน่น พร้อมกับนำโลงศพสีขาว บินตรงไปยังทางเข้าของแดนเทพอเวจี.
"ผู้มาเป็นใคร?"เสียงที่เย็นชาดังก้องกังวาน.
ที่ทางเข้านั้น ปรากฏคนสองคนที่ถือกระบี่ยาว.
"นั่นมันหยกโหลวหลานคุณภาพสูง เจ้าเด็กนี้ที่นำมายังแดนเทพอเวจี ไม่คิดเลยว่าจะมีคนนำมาให้ยังแดนเทพอเวจี มารเฒ่าต้องการวัตถุดิบนี้อยู่ ข้ายังขาดเด็กหนุ่มอยู่ ไม่ ๆ หากว่ามอบมันมาข้า ข้าจะให้เจ้ามาติดตามข้า!"ในเวลานั้น ชายในชุดสีดำใบหน้าน่าเกียจก็ปรากฏขึ้น.
"คารวะ มารคูไห่!"ผู้เฝ้าประตูสองคนที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
ชายในชุดสีดำที่น่าเกลียดนั้น จับจ้องมองไปยังโลงศพที่อยู่ข้าง ๆ มือของชายในชุดสีขาวสายตาไม่กระพริบ.
ชายที่น่าเกลียดนั้นไม่ได้สนใจชายในชุดสีขาวแม้แต่น้อย.
"มีปัญหาอะไร? เจ้าหนูเจ้าไม่ต้องการรึ?"ชายในชุดสีดำที่แสดงท่าทางโกรธเกรี้ยว.
"ข้าเกรงว่าท่านจะไม่กล้ารับ!"ชายในชุดไว้ทุกข์แค่นเสียง.
"โห่ว? เจ้าหนูเจ้าแส่หาความตาย?"มารคูไห่แค่นเสียงเย็นชา.
ในเวลานั้น ชายในชุดสีขาวก็แกะผ้าคลุมกระบี่ยาวออกมา.
ทันใดนั้นความหนาวเย็นยะเยือก็แผ่ออกมาจากกระบี่ยาวดังกล่าว.
"ของวิเศษระดับเก้ารึ?"มารคูไห่ที่ตกใจเล็กน้อย.
ทันใดนั้น มารคูไห่ก็เร่งรีบถอยหลังออกไปเตรียมพร้อมสู้ในทันที สายตาของเขาที่จ้องมองไปยังกระบี่ยาวด้วยความโลภ สมบัติระดับเก้า นี่คือของวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า.
"ชิ!"ชายในชุดไว้ทุกข์แค่นเสียงเย็นชา หาได้สนใจคนกลุ่มนี้.
"กระบี่นี่และโลงศพหยก จะต้องส่งมือถึงท่านประมุขแดนเทพอเวจี!"ชายในชุดไว้ทุกที่เอ่ยต่อชายเฝ้าประตู.
พญามารอย่างงั้นรึ?
ได้ยินคำพูดของชายคนดังกล่าว ทุกคนที่เผยสีหน้าท่าทางประหลาดใจ มารคูไห่เวลานี้ดวงตาที่มืดครึ้มดูลังเลไม่แน่ใจ พญามารรึ? ต้องการพบพญามารรึ? คนผู้นี้เป็นคนรู้จักพญามารรึ?
หากเพียงแค่พูด คนเหล่านี้ย่อมไม่สนใจฟัง เขาจึงได้กล่าวอ้างพญามาร เพื่อที่จะส่งของรึ?
ทว่า สมบัติระดับเก้า ภายใต้สวรรค์แห่งนี้ทุกคนย่อมรับรู้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะนำมาใช้เพื่อแสดงความเคารพ? หยกโหลวหลานที่มีคุณภาพสูง ของสองอย่างล้วนแล้วแต่ล้ำค่า เขาต้องการทำอะไร?
"แล้วเจ้าคือ?"ผู้ดูแลประตูที่กล่าวสอบถาม.
"ของสองสิ่งนี้ต้องมอบให้กับประมุขแดนเทพอเวจี เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องรู้!"ชายในชุดไว้ทุกข์กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ได้ พวกเราจะนำไปด้วยตัวเอง!"ชายเฝ้าประตูทั้งสองที่เร่งรีบจากไปในทันที.
ใช้ของวิเศษระดับเก้าเพื่อเปิดทาง เป็นเรื่องที่ยากจะอดใจได้ คนเฝ้าประตูทั้งสองที่เร่งรีบเข้าไปแจ้งในทันที.
แดนเทพอเวจีนั้นเป็นบ่อขนาดใหญ่ ลึกลงไปด้านใน.
พื้นที่ที่ทางเขานั้นมีสิ่งก่อสร้างมากมาย และทางเข้าย่อมมีคนอาศัยอยู่.
"สหายเต๋า เชิญมาดื่มชารอก่อน สิ่งของทั้งสองสิ่งนั้นจะต้องส่งถึงมือของพญามารอย่างแน่นอน!""คนอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่รอบ ๆ กล่าวออกมา.
"ข้าต้องการรอที่นี่!"ชายไว้ทุกข์กล่าว.
"หืม ตามใจเจ้า!"ชายคนดังกล่าวไม่กล้าอะไรต่อไป.
รอคอยรึ? คิดว่าพญามารจะพบเจ้าอย่างงั้นรึ? ส่วนมารคูไห่ในเวลานี้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยท่าทางแปลก ๆ ยังไม่ต้องการจากไป ยังคงรอดูอยู่เงียบ ๆ .
จากนั้นไม่นาน กระบี่ระดับเก้าและโลงศพหยกก็ถูกนำไปด้านใน.
ชายไว้ทุกข์ยังคงรอคอยอย่างอดทน.
หลังจากนั้น สิ่งของดังกล่าวก็ถูกส่งไปถึงเทือกเขาคู่หยินหยาง.
ตำหนักที่สร้างใหม่ ที่พักชั่วคราวของเจี้ยนอ้าว.
ห้องโถงกระบี่!
โถงกระบี่นั้นยื่นขึ้นมาจากบนพื้นดิน เป็นเหมือนกระบี่ที่ปักอยู่บนดิน เป็นกระบี่เทวะที่ทรงพลังขนาดใหญ่ปักอยู่บนผืนปฐพีนั่นเอง.
ห้องโถงกระบี่นั้นอยู่บนโก่งกระบี่เป็นห้องโถงที่ติดอยู่รอบ ๆ ตัวกระบี่ ซึ่งมีผู้ฝึกตนมากมายที่ปกป้องพญามารที่อยู่ด้านใน ซึ่งผู้นำก็คือคนที่ติดตามเจี้ยนอ้าวมาก่อนหน้า มารฉู่จิว.
ไม่นาน ของสองสิ่งกระบี่ล้ำค่าและโลงศพโหลวหลานก็ถูกนำมายังโถงกระบี่.
"อะไร?"มารฉู่จิวที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
"ที่ด้านนอกนั้นมีคนให้นำสิ่งของสองสิ่งมามอบให้กับพญามาร ขอให้มารฉีจิวได้โปรดแจ้งท่านประมุขด้วย!"ชายทั้งสองคนเอ่ย.
ฉู่จิวที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย ก่อนที่จะรับกระบี่ยาวมา ทันทีที่สัมผัส แววตาที่ขมวดไปมา แววตาที่หวาดผวาขึ้นมาทีเดียว จากนั้นก็ใช้สัมผัสเทวะกวาดตามองโลงศพซึ่งมีผนึกลับผนึกอยู่ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที.
"คนล่ะ?"มารฉู่จิวที่สอบถามออกมาทันที.
"รออยู่ที่ทางเขาแดนเทพอเวจี."ชายทั้งสองกล่าว.
"เร็วเขา รีบต้อนรับด้วยการต้อนรับสูงสุด ไม่ ๆ พวกเจ้าไม่ต้อง พญามารมีความเร็วสูงกว่า!"มารฉู่จิวกล่าวเสร็จ ก็นำโลงศพหยกและกระบี่วิเศษเร่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงในทันที.
ทว่าคนเฝ้าประตูทั้งสองที่จ้องมองหน้ากันและกัน แววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ ให้รับรองด้วยการต้อนรับสูงสุดรึ? พญามารออกไปเร็วกว่ารึ? เป็นไปได้ว่าสิ่งของสองสิ่งนี้ทำให้พญามารต้องเร่งรีบออกไปอย่างงั้นรึ?
คนทั้งสองที่รู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีที่ไม่ได้ล่วงเกินชายคนดังกล่าวไป.