Chapter 565 เจ้าไม่ควรทดลอง
"พรตเต๋ามือใหม่ราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน สวีฟู่."ชายในชุดสีม่วงที่กล่าวแนะนำตัวออกมาทันที.
"สวีฝู่?" ดวงตาของจงซานที่หรี่เล็กจดจ้องมองด้วยท่าทางประหลาดใจ.
สวีฝู่? ได้ยินนามนี้ จงซานที่ต้องคิดใคร่ครวญอย่างละเอียดทีเดียว เขาไม่รู้ว่าสวีฝู่น่าเกรงขามขนาดใหน ขณะที่เขากำลังค้นหาความทรงจำทั้งหมดที่เขาเคยมี.
สวีฝู่ นักปรุงยาราชวงศ์ฉิน จักรพรรดิฉิน ซือหยิงต้องการความเป็นอมตะจึงได้เดินทางข้ามทะเลไปหาเซียนเม็ดยา สวีฝู่!
หากจะกล่าวล่ะก็ จงซานไม่คิดว่าจะมีคนที่มีนามว่าสวีฝู่สองคน หรือว่าพวกเขาจะคือคน ๆ เดียวกัน.
ราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน เซิ่งซ่างหยิง เมืองหลวงเซียนหยาง นามที่คล้ายกันจริง ๆ หรือว่าแค่บังเอิญซ้ำกัน ต้องไม่ลืมว่าเซิ่งซ่างเจียงซือหยิงนั้นได้หลับไปกว่าหมื่นปี ทว่าในเวลานี้ต้าฉินได้ปรากฏออกมาบนผืนโลกในยุคนี้ ส่วนอีกฝั่งก็คือจักรพรรดิฉินซี หากแต่เรื่องนี้มีอายุเพียงไม่กี่พันปีเท่านั้น มันแตกต่างกันเกินไป ราชวงศ์ฉินที่เหมือนว่าจะไม่เกื้อหนุนเรื่องเวลากันเท่าใดนัก.
ทว่า จากท่าทางของสวีฝู่แล้ว ทำให้จงซานไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เขาคาดเดานั้นผิดหรือไม่ สวีฝู่ผู้นี้คือ ปรมาจารย์ปรุงยาสวีฝู่อย่างงั้นรึ?
ราชวงศ์สวรรค์ต้าฉินนั้น ความจริงแล้วอาจจะมีเส้นสายอยู่มากมายก็เป็นได้.
"โอ้ว? นี่ท่านรู้จักพรตมือใหม่ด้วยอย่างงั้นรึ?"สวีฝู่ที่แสดงท่าทางประหลาดใจ.
ไป๋เย่ที่จ้องมองจงซานด้วยสายตาแปลกประหลาด.
"ได้ยินมาเล็กน้อย!"จงซานที่พยักหน้ารับ.
ได้ยินมาเล็กน้อย? ราวกับสายฟ้าฟาดก้องอยู่ในหู! สวีฝู่ ที่ครั้งหนึ่งคือจักรพรรดินักแปรธาตุ
"หืม?"สวีฝู่ที่แสดงท่าทางประหลาดใจจดจ้องมองจงซานด้วยสายตาแดง สายตาคู่นี้ ราวกับว่าต้องการเข้าใจตัวตนของจงซาน.
ไป๋เย่ที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับใบหน้ากระตุก จดจ้องมองจงซานด้วยสายตาแปลกประหลาด.
"จักรพรรดิจงช่างมีทักษะเทวะที่กว้างขวางจริง ๆ !"สายตาของสวีฝู่ที่จ้องมองจงซาน ราวกับคิดอะไรบางอย่าง เผยรอยยิ้มแปลก ๆ พร้อมกับพยักหน้าให้.
ได้ยินคำพูดของสวีฝูงจงซานรับรู้ว่าไม่ค่อยดีนัก ราวกับว่าเขาได้เตือนจงซานว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด.
"จักรพรรดิจงที่เข้าใจราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน! ที่จริงข้าเองก็พอจะเข้าใจราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งเล็กน้อย นี่คงจะเป็นเจ้าสำนักไท่ต่านสินะ!"สวีฝู่ที่จ้องมองไปยังเป่าเอ๋อ.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อยจดจ้องมองไปยังสวีฝู่.
"คารวะสหายเต๋าสวี!"เป่าเอกล่าว.
"สำนักหวานกู่ในอดีตก็คือสำนักไท่ตานที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ภายใต้สวรรค์แห่งนี้คือนักปรุงยามือหนึ่ง แม้แต่กล่าวได้ว่าแท่นปรุงยาหมื่นเม็ดยาบรรพกาล ก็คือสิ่งของสำนักเจ้า ซึ่งเคยเป็นสำนักปรุงยาอันดับหนึ่งมาก่อน สวีฝู่คาดหวังเป็นอย่างมาก!"สวีฝู่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
ได้ยินคำพูดของสวีฝู่แล้ว ดวงตาของเป่าเอ๋อแสดงท่าทางประหลาดใจ นี่เขารู้ได้อย่างไร?
เป๋าเอ๋อที่จ้องมองไปยังจงซานทันที เพราะเรื่องนี้เอง นางก็เพิ่งรับรู้จากจงซาน แม้แต่คนอื่น ๆ เหล่าอาวุโสของสำนักยังไม่มีใครรับรู้ เกี่ยวกับความลับของเจ้าสำนักไท่ต่าน จวบจนประมุขคนก่อนได้สิ้นชีวิตไป ในเวลานี้สวีฝู่รู้ได้อย่างไร?
จงซานที่แสดงท่าทางประหลาดใจ ต้องรู้ด้วยว่าเจ้าสำนักไท่ตานจงใจที่จะปิดความลับดังกล่าวนี้เอาไว้ด้วย.
สำนักหว่านกู่(เม็ดยานิรันดร์)ที่เริ่มตกต่ำลง จึงได้หลบเลี่ยงจากทวีปศักดิ์สิทธิ์และได้เปลี่ยนชื่อเป็นสำนักไท่ตาน ต้องไม่ลืมว่าหลังจากนั้นสำนักไท่ตานอีกหลายรุ่นที่กลับมารุ่งเรืองขึ้นมาในทวีปศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง จนกลายเป็นอีกหนึ่งสำนักที่มีชื่อเสียง แม้ว่าผ่านมาอีกยุคจะตกต่ำลงอีกครั้ง แต่ไม่มีใครคิดว่าทั้งสองคือสำนักเดียวกัน.
กับท่าทางประหลาดใจของเป่าเอ๋อ สวีฝู่ที่เผยยิ้มที่แปลกประหลาด.
"สหายเต๋าสวีช่างมีความจำที่เป็นเลิศ! เชวียนเป่าเอ๋อขอชื่นชม!"เป๋าเอ๋อที่กล่าวออกมาในทันที
สวีฝู่ที่พยักหน้า จดจ้องมองจงซานคราหนึ่ง ที่มุมปากเผยยิ้มที่แปลกประหลาด เผยท่าทางเหยียดหยัน.
สวีฝู่ที่โค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนที่จะนำไป๋เย่จากไป ขณะที่ทั้งสองจากไปแล้ว ไป๋เย่ที่เผยท่าทางประหลาดใจจ้องมองจงซานคราวหนึ่ง.
"ทำไมท่าทางของคนทั้งสองถึงได้แปลกประหลาดนัก?"กู่เฉียนโหยวที่กล่าวออกมาหลังจากทั้งคู่จากไป.
"สวีฝู่?"ดวงตาของจงซานที่หดเล็ก หรือว่าเขาจะเข้าใจผิดไป.
เกี่ยวกับการปกครองของจงซาน แน่นอนว่าเขาจะต้องส่งสายสืบกระจายไปทั่วแผ่นดิน แม้ว่าจะไม่สามารถรับรู้เรื่องได้ทั้งหมด ทว่าอย่างน้อยภายในราชวงศ์สวรรค์ทั้งสามย่อมมีคนของเขาแฝงตัวอยู่ แน่นอนว่าเหล่าทหารสังเกตการณ์ที่แฝงอยู่เป็นเหมือนกับประชาชนทั่วไป.
เกี่ยวกับข้อมูลที่เขาได้มาจากต้าฉินนั้น ไม่มีคนที่มีนามว่าสวีฝู่ หรือว่าคนผู้นี้เป็นคนที่ไม่เปิดเผยตัว หากแต่ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้ยินคนที่มีคนที่มีนามนี้ หากแต่ได้ข้อมูลมาเล็กน้อยเท่านั้น.
คราวแรกที่เขาบอกว่าได้ยินนามนี้มา ไม่สงสัยเลยว่าคนทั้งสองแสดงท่าทางประหลาดใจ และยังแสดงท่าทางเหยียดหยันด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะแสดงสิ่งที่เขารู้ตบหน้าจงซานออกมา แสดงให้รับรู้ว่าจงซานไม่ได้รับรู้อะไรเลย.
อย่างไรก็ตาม เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว.
จงซานที่จ้องมองสวีฝู่ที่จากไป พลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง.
กงไป๋เย่ นับว่าเป็นตัวตนที่น่าเกรงขามของต้าฉินทว่าไป๋เย่กับยืนอยู่ด้านหลังสวีฝู่ ดูเหมือนว่าสถานะของสวีฝู่สูงกว่าอย่างชัดเจน!
สวีฝู่ ผู้นี้เป็นใครกัน?
"เหล่าเย่ มีอะไรอย่างงั้นรึ?"เป่าเอ๋อสอบถามออกไป.
"ไม่มีอะไร!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา ระงับความสงสัยเอาไว้ในใจ.
ทุกคนที่ก้าวเดินตรงเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ที่อยู่ไม่ไกลออกไป.
"ทุกท่านต้องการเข้าร่วมแข่งขันงานชุมนุมหมื่นเม็ดยาอย่างงั้นรึ?"เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่กล่าวสอบถาม.
"ใช่แล้ว! นี่คือเทียบเชิญ!"เป่าเอ๋อที่ส่งเทียบเชิญออกไป.
เจ้าหน้าที่รับมาตามมารยาท ก่อนที่จะกล่าวออกมา "ไม่ว่าจะมีเทียบเชิญหรือไม่ ก็จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เจ้าสำนักไท่ต่าน คาดไม่ถึงเลยว่าเซิ่งต่านจะเชิญ ทุกคนล้วนแล้วแต่ทรงเกียรติ ทว่าประเพณีไม่สามารถละเลยได้ ต้องขออภัยด้วย!"
"อืม!"เป่าเอ๋อพยักหน้า.
"แล้วจะตรวจสอบอย่างไร?"จงซานสอบถาม.
"ง่ายมาก เพียงแค่หลอมเม็ดยาระดับเจ็ดขึ้นมาหนึ่งหม้อ ถึงจะลงทะเบียนได้เสร็จสิ้น และอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ถึงจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการได้! ในเวลานี้ เซิ่งต่านจะเป็นคนตรวจสอบด้วยตัวเอง!"เจ้าหน้าที่กล่าว.
จงซานและเป่าเอ๋อที่จ้องมองหน้ากันและกัน ก่อนที่เป่าเอ๋อจะพยักหน้า.
เม็ดยาระดับเจ็ด ด้วยวิธีนี้จะสามารถคัดแยกเหล่านักปรุงยาทั่วไปออกไปได้ คนที่สามารถหลอมเม็ดยาระดับเจ็ดได้นั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นปรมาจารย์ปรุงยาทั้งนั้น ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ปรมาจารย์ปรุงยาเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันหมื่นเม็ดยาครั้งนี้ได้.
"เจ้าสำนัก ไท่ต่าน ถือว่าเป็นแขกของเซิ่งต่าน เช่นนั้นเชิญเลือกเตาปรุงยาได้ ต้องไม่ลืมว่าหลังจากนี้ต้องปรุงยาขึ้นมา หากว่าสามารถ ข้าจะมอบตราเข้าร่วมการแข่งขันให้!"เจ้าหน้าที่กล่าว.
"อืม!"ทุกคนพยักหน้ารับ.
จากนั้น เป่าเอ๋อที่เลือกเตาปรุงยา ที่อยู่ไกลออกมา.
"สำหรับวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการปรุงยา สามารถซื้อได้จากฝังนั้น?"เจ้าหน้าที่กล่าว.
"พวกเราเตรียมมาเอง!"จงซานส่ายหน้าไปมา.
"เชิญ!"เจ้าหน้าที่กล่าว.
เป่าเอ๋อพยักหน้าก่อนที่จะเดินตรงไปยังด้านหน้าเตาปรุงยา สะบัดมือ ฝ่าหม้อยาก็เปิดขึ้น เป่าเอ๋อนำกล่องหยกมากมายออกมา วัตถุดิบปรุงยามากมายที่เปิดออกมา ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว.
"โสมทองม่วงหมื่นปี ปลาฟูหลิงหมื่นปี หญ้าเฉียนเย่หมื่นปี จิตวิญญาณทมิฬสามหมื่นปี......."ใบหน้าของเจ้าหน้าที่อ้าปากค้างด้วยความงงงวย.
สำนักไท่ตานอยู่ที่ใหนกัน? ถึงได้มีวัตถุดิบสมุนไพรที่มีคุณภาพขนาดนี้? ทุกอันล้วนแล้วแต่มีอายุหมื่นปี นี่นำมาใช้เพียงแค่รอบทดสอบเองอย่างงั้นรึ?
ขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่อยากเชื่อกับวัตถุดิบที่เป่าเอ๋อนำมาใช้ สมุนไพรทั้งหมดที่ถูกส่งเข้าไปในเตาหลอมยา ฝ่าเตาปุรงยาที่ปิดลง กระบวนการหลอมก็เริ่มขึ้น.
ปราณวิญญาณมากมายกำลังถูกดึงเข้ามาในหม้อปรุงยา กลิ่นของสมุนไพรที่อบอวล ปราณของเตาปรุงยาที่ลุกโชนทำให้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ส่งเสียงฮือฮา.
ถ้าจะให้กล่าวล่ะก็ การหลอมยานั้นจะต้องทำให้ปราณวิญญาณจากวัตถุดิบไม่กระจายหายไป ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพของยาไม่ลดลง ส่วนการปรุงยาของเป่าเอ๋อนั้นเป็นการดึงพลังปราณวิญญาณทั่วทุกสารทิศดูดเข้าไปในเตา.
สำหรับการหลอมยาแล้ว สมุนไพร 100 ส่วน 70 ส่วนจะกลายเป็นของเสีย.
เจ้าหน้าที่ข้าง ๆ ที่จ้องมองเป่าเอ๋อที่นำสมุนไพรทั้งหมดใส่ลงไปในเตา แทบไม่สามารถทนมองได้เลย มันจะเกินไปแล้ว เป็นใครมาจากใหนกัน ถึงได้ร่ำรวยขนาดนี้! มั่งคั่ง จนไม่สนใจว่าจะสิ้นเปลื้องอย่างงั้นรึ?
การปรุงยาแต่ละครั้ง ยิ่งใช้วัตถุดิบมากเท่าไหร่ ของเสียก็จะมากขึ้นเท่านั้น เช่นนั้นการปรุงยาแต่ละครั้ง ทุกคนจึงจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ครุ่นคิดอย่างละเอียด.
การปรุงยานั้น โดยปรกติต้องใช้เวลาสามชั่วยามในการหลอมเม็ดยาระดับเจ็ดขึ้นมา ซึ่งในเวลานี้มีคนอยู่ไม่น้อยที่กำลังหลอมยาอยู่ ส่วนเป่าเอ๋อนั้นใช้เวลาไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูปเท่านั้น!
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป เป่าเอ๋อที่ใช้วิชากายกลางในการขึ้นรูปเม็ดยาในทันที.
เหล่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้าง ๆ ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองกันและกัน เสร็จแล้วรึ? เร็วขนาดนี้เลยรึ?เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเม็ดยาระดับสองก็ยังไม่รวดเร็วขนาดนี้.
ในเวลาเดียวกัน กลิ่นของเม็ดยาที่ลอยฟุ้งไปในอากาศ ทำให้สายตาของคนจำนวนมากจับจ้องมองมาเป็นสายตาเดียวกัน จดจ้องมองมายังทิศทางของกลุ่มจงซาน.
"หนึ่งก้านธูปอย่างงั้นรึ? ใช้เวลาหลอมหนึ่งก้านธูปอย่างงั้นรึ?"ไม่รู้ว่าจะต้องอุทานอะไรออกมา.
"ไม่มีทาง! ใช้เวลาแค่หนึ่งก้านธูปรึ?
"บิดาเห็นกับตา นับตั้งแต่พวกเขาใส่วัตถุดิบลงไป ข้าเห็น ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูป."
"ใช้เวลาหนึ่งการธูปหลอมยา ยาที่ได้มีแต่ขยะเท่านั้น!"
..............................
..................
ผู้คนรอบ ๆ ที่แค่นเสียงวิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา.
ส่วนเป่าเอ๋อ ที่สะบัดมือ เม็ดยาระดับเจ็ดที่มีสีเขียวและส่องประกายแสงก็ลอยออกมาอยู่ในมือของนาง
"หลอมเสร็จจริง ๆ รึ?นี่เม็ดยาอะไร? ได้เพียงไม่กี่เม็ด?"
"เพียงแค่เจ็ดเม็ดรึ? ด้วยวัตถุดิบที่ใช้ก่อนหน้านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบที่มีอายุหมื่นปีทั้งหมด ใช้เงินหลายล้านศิลาวิญญาณ การปรุงยาครั้งนี้ใช้วัตถุดิบ 13 ชนิด มันมีราคาถึงพันล้านศิลาวิญญาณระดับสูง!"
ทุกคนที่เข้ามาล้อมรอบอย่างบ้าคลั่ง.
เหล่าเจ้าหน้าที่ที่กลืนน้ำลายเดินเข้ามา จดจ้องมองเม็ดยาในมือเป่าเอ๋ออย่างระมัดระวัง สีเขียวมันเงาแทบจะมองผ่านเข้าไปด้านใน.
"นี่คือ?"เจ้าหน้าที่ที่แสดงท่าทางประหลาดใจและไม่แน่ใจ.
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบลงทะเบียน ที่เข้าใจและรู้จักเม็ดยาเป็นอย่างดี ทว่าเม็ดยาที่อยู่ด้านหน้านั้น คาดไม่ถึงว่าเขาไม่รู้จัก.
"ไม่ว่าอย่างไรคงต้องของลองชิมดูก่อนสักเม็ด?"เจ้าหน้าที่กล่าว.
โดยปรกติแล้ว ไม่สามารถให้กระทำเช่นนี้ได้ ต้องไม่ลืมว่าเม็ดยาทุกเม็ดล้ำค่ามาก มีราคาแพง หากไม่เพราะว่าเขาเห็นวัตถุดิบก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวคงไม่กล้าร้องขอเช่นนี้อย่างแน่นอน.
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างรู้สึกอิจฉา ใช่แล้ว หาว่ามันคือเม็ดยาระดับเจ็ดจริง ๆ แม้นเพียงกินแค่เม็ดเดียว ก็จะเกิดผลประโยชน์มหาศาล แม้แต่คนมากมายต่างก็ต้องการทดสอบเม็ดยาดังกล่าวนี้ด้วย.
"เจ้าต้องการทดสอบอย่างงั้นรึ? คงไม่ดี!"เป่าเอ๋อส่ายหน้า.
"แต่ว่าหากข้าไม่ทดสอบ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าทำได้สำเร็จ!"เจ้าหน้าที่ขมวดคิ้ว คิดว่าเป่าเอ๋อที่ใช้วิธีแปลก ๆ อาจจะกำลังเสแสร้งหลอกลวงอยู่.
เม็ดยาระดับเจ็ดนั้น หากไม่ทดสอบ จะรู้ได้อย่างไรว่าผ่านคุณสมบัติ?
"ใช่ เม็ดยาของเจ้าไม่มีใครเคยเห็น ใครรู้บ้างว่าเม็ดยาระดับเจ็ดนี้คือเม็ดยาอะไร?
"ที่เจ้าไม่ให้ทดสอบไม่ใช่ว่ากำลังหลอกลวงเพื่อโกงสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันหรอกรึ?"
ผู้คนรอบ ๆ เวลานี้ส่งเสียงอื้ออึ้งขึ้นมาในทันที.
เจ้าหน้าที่แสดงท่าทางไม่เป็นมิตรกับเป่าเอ๋อเป็นอย่างมาก.
เป่าเอ๋อที่ฝืนยิ้มออกมา "ข้าไม่ได้ห้ามเจ้าทดสอบ เพียงแค่เจ้าไม่สามารถลอง เนื่องจากเจ้าไม่สามารถทนได้!"
"น่าขัน เม็ดยาระดับแปดข้ายังทดสอบมาแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่สามารถทนได้?"เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเอ่ยออกมาด้วยความเหยียดหยัน.
"เม็ดยานี้มีชื่อว่า "หมื่นพิษกร่อนใจละลายกระดูก หากว่าเจ้าสามารถทนได้แล้วล่ะก็ ข้าจะไม่ห้ามเจ้า!"เป่าเอ๋อที่ยื่นเม็ดยาออกไปขณะพูด.