Chapter 558 การไล่ล่าของเจี้ยนหง
จงซานและจ้าวโส่วเซี่ยงที่เป็นสหายเก่ากัน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องการพูดคุยปรับทุกข์กัน ซึ่งเวลานี้พวกเขาอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งตามลำพัง โดยจงซานได้นำศาลาขนาดเล็กออกมา ทั้งคู่ที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องโชคดีโชคร้ายที่เกิดขึ้นมา
"ที่จริงกงตงฟาง จงซาน ก็คือเจ้านั่นเอง!"จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
นามจงซานที่สั่นสะเทือนไปทั่วสวรรค์ ราชวงศ์วาสนาทุกแห่ง แม้แต่เหล่าทัพต่าง ๆ ก็ได้ยินนามจงซานทั้งนั้น.
แน่นอนว่าจ้าวโส่วเซี่ยงต้องได้ยินมาบ้าง หากแต่สิ่งที่เขาได้ยินมา ในเวลานั้นเขาไม่คิดว่าจะเป็นจงซาน ต้องไม่ลืมว่าสิบกว่าปีก่อน จงซานที่มีระดับเซียนเทียนเท่านั้น ถึงจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ก็ยังไม่เพียงพอที่จะมีชื่อเสียงขนาดนั้น จงซาน นามจงซาน ภายในทวีปศักดิ์สิทธิ์มีชื่อนี้นามนี้มากมาย แน่นอนเขาจึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าคนที่มีชื่อเสียงจะเป็นจงซานที่เขารู้จัก.
จ้าวโส่วเซี่ยงที่คิดมาตลอดว่าเป็นคนที่มีนามเหมือนกัน คาดไม่ถึง ตงฟางโห่ว หรือแม้แต่จักรพรรดิต้าเจิ้งจงซาน ผู้มีชื่อเสียงจะเป็นสหายเก่าของเขาหรอกรึ?
"เพียงเรื่องเล็กน้อย อย่าได้กล่าวถึง!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"เรื่องเล็กน้อยรึ? เจ้าสังหารระดับราชันย์แท้ เป็นความจริงอย่างงั้นรึ?"จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวสอบถามอีกครั้ง.
"อืม!"จงซานที่พยักหน้ารับ ไม่ได้ปฏิเสธ.
"ดูเหมือนว่า การประลองระหว่างพวกเรา จำเป็นต้องเลื่อนออกไปอีกแล้ว!"จ้าวโส่วเซี่ยงกล่าวพลางฝืนยิ้มออกมา.
"นั่นก็เพราะว่าข้าโชคดี พลังฝึกตนจึงได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว."จงซานกล่าว.
"ไม่ว่าอย่างไร ความแข็งแกร่งของเจ้าก็ก้าวไปอยู่ในระดับแนวหน้าของทวีปศักดิ์สิทธิ์แล้ว."จ้าวโส่วเซี่ยงกล่าวพลางทอดถอนใจ.
"เจ้า? หลายปีมานี้ เดินทางมายังราชวงศ์จักรพรรดิหลานเหยี่ยนเองรึ?"จงซานสอบถาม.
"หลังจากที่ข้าจากมา ข้าได้นำเหล่าอาจารย์อาบินมายังทวีปศักดิ์สิทธิ์ ทว่าก็ถูกไล่ตามเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมาพบสำนักใหญ่ที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์ ทว่าก็มีผู้ฝึกตนมากมายล้อมรอบพวกเรา พวกเราตัดสินใจที่จะหนีไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็มาถึงราชวงศ์ราชันย์หลานเหยี่ยน พวกเขาช่วยพวกเราไว้ นับจากนั้นมาข้าก็เป็นนายทหารของราชวงศ์ราชันย์หลานเหยี่ยน ตอบแทนบุญคุณ."จ้าวโส่วเซี่ยงกล่าวตอบ.
"โอ้ว?ด้วยความสามารถของเจ้า ทำไมราชวงศ์ราชันย์ให้เจ้าเป็นนายทหารเองรึ? ไม่ได้ให้เป็นแม่ทัพอย่างงั้นรึ?
"ที่จริง ตอนนี้ข้าก็ได้เป็นแม่ทัพกองกำลังที่สาม หนึ่งในทัพของพวกเรามีทหารห้าพันนาย ข้าที่ใช้ปราณหอกเพื่อช่วยกู้สถานการณ์เป็นครั้ง ๆ ไป นอกจากตัวข้าแล้วยังมีอาจารย์อาและเหล่าศิษย์พี่ที่นำมาด้วย."จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
ได้ยินคำพูดของจ้าวโส่วเซี่ยงแล้ว ทำให้หัวใจของจงซานสั่นไหว.
"มีจำนวนเพียง 5 พันคน คนเหล่านี้คือรากฐานของสำนักทวนเหล็กของเจ้าอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามด้วยรอยยิ้ม.
"ใช่ เพื่อสำนักทวนเหล็ก ทว่า ดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะสมที่จะสร้างสำนักขึ้นมาประจำที่ใดที่หนึ่ง เพราะพวกเราต้องออกสู่สนามรบตลอดเวลา และมีเพียงแค่ในสนามรบเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างความร้ายกาจให้กับปราณหอกให้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นได้."จ้าวโส่วเซี่ยงที่ส่ายหน้าไปมาพลางทอดถอนใจ.
"ราชันย์ของราชวงศ์หลานเหยี่ยนรุ่นที่หนึ่งได้ตายไปเมื่อห้าสิบปีที่แล้วอย่างงั้นรึ!"จงซานสอบถาม.
"อืม!"จ้าวโส่วเซี่ยงพยักหน้า.
"เจ้ามีความสนใจในราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งของข้าหรือไม่?"จงซานที่กล่าวสอบถามจ้าวโส่วเซี่ยง.
จ้าวโส่วเซี่ยงที่จ้องมองจงซานด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ขมวดคิ้วไปมา รับรู้จุดประสงค์ของจงซาน พร้อมกับฝืนยิ้มออกมา "ข้าจะไปเยี่ยมราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งอย่างแน่นอน."
จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อนเพื่อที่จะปฏิเสธคำขอของจงซาน.
ทว่าจงซานยังไม่ยินดีที่จะยอมแพ้ จ้าวโส่วเซี่ยงนั้นไม่ใช่แค่เพียงสหายเก่า เขาคือแม่ทัพทะลวงฟัน จงซานไม่หวังที่จะเจอเขาในสนามรบด้วยเช่นกัน.
"หลายปีมานี้การที่เจ้าบุกเบิกดินแดน ข้าคิดว่า น่าจะเพียงพอตอบแทนบุญคุณได้แล้ว หรือว่าเจ้าเตรียมตัวที่จะอยู่ราชวงศ์ราชันย์หลานเหยี่ยนไปชั่วชีวิตอย่างงั้นรึ?"จงซานที่จ้องมองไปยังจ้าวโส่วเซี่ยง.
จ้าวโส่วเซี่ยงที่ส่ายหน้าไปมากล่าวออกมาด้วยเสียงที่เคร่งขรึม "หากว่าข้าเจอกับเจ้าก่อนแน่นอนว่าข้าย่อมเข้าร่วมราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง ทว่าราชวงศ์หลานเหยี่ยนคงไม่มีทางปล่อยข้าไป ข้าเองก็ไม่เคยคิดทรยศด้วย."
การปฏิเสธเช่นนี้ของจ้าวโส่วเซี่ยง ยิ่งทำให้จงซานให้ความสำคัญต่อเจ้าโส่วเซียง เขาเป็นคนที่หนักแน่นยิ่งนัก แน่นอนยากที่จะหาคนเช่นนี้ได้ จงซานเองแม้ว่าจะมีบุญคุณกับเขา แต่ก็ไม่คิดจะใช้มันเพื่อบังคับจ้าวโส่วเซี่ยง.
"อย่าได้พูดเรื่องนี้เลย เจ้ามาที่นี่ทำไมอย่างงั้นรึ?"จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวเปลี่ยนหัวข้อทันที.
"เข้าร่วมงานชุมนุมหมื่นเม็ดยา เจ้าสำนักไท่ตานเชวียนเป่าเอ๋อ คือภรรยาข้า!"จงซานที่กล่าวพร้อมกับชี้ไปยังเป่าเอ๋อที่อยู่ไกลออกไป.
สำนักไท่ต่าน จ้าวโส่วเซี่ยงครั้งหนึ่งเคยอยู่เกาะหมาป่าสวรรค์ แน่นอนย่อมรู้จักสำนักไท่ต่าน พร้อมกับจ้องมองจงซานด้วยท่าทางประหลาดใจ ก่อนที่จะพยักหน้ารับ.
"ก่อนหน้านี้มีฝูงวานรมากมาย เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ?"จงซานสอบถามออกมา.
"เรื่องนี้กล่าวย้อนไปเมื่อ 20 ปีที่แล้วราชวงศ์ราชันย์หลานเหยี่ยนได้มีขุนนางที่ทรงพลังคนหนึ่งเข้ามา! บางทีเจ้าควรจะรู้จัก."จ้าวโส่วเซี่ยงกล่าว.
"หืม?"จงซานที่แสดงท่าทางประหลาดใจ.
"เฉินฉีเทียน ดูเหมือนว่าครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว หลังจากที่ออกมาเขาก็เข้าร่วมราชวงศ์ราชันย์หลานเหยี่ยน ซึ่งได้นำเหล่าเผ่าวานรมายังราชวงศ์ราชันย์หลานเหยี่ยนเป็นอาณาจักรคู่บารมีด้วย ฝ่าบาทที่ยินดีเป็นอย่างมาก ที่เฉินฉีเทียนเข้าร่วม."จ้าวโส่วเซี่ยงกล่าว.
"เฉินฉีเทียนอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ตกใจเล็กน้อย.
อดีตฉีเทียนโห่วของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว และที่แดนเทพอเวจีเขาได้วางแผนสังหารจงซาน คาดไม่ถึงเลยว่าจะเข้าร่วมราชวงศ์ราชันย์หลานเหยี่ยน?
"เจ้าเองก็รู้จักอย่างงั้นรึ?"จ้าวโส่วเซี่ยงที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ข้าและเขาคือศัตรู ไม่ใช่สหาย แล้วเขาเป็นอย่างไร?"จงซานสอบถาม.
ได้ยินท่าทางจงซานที่สนใจ จ้าวโส่วเซี่ยงขมวดคิ้วไปมาเหมือนกัน.
"เผ่าวานร แม้ว่าจะด้อยกว่าเผ่ามังกร เผ่าหงส์เพลิงและอีกหลาย ๆ เผ่าก็ตาม ทว่าในทวีปศักดิ์สิทธิ์ก็นับว่าเป็นเผ่าที่พิเศษ เฉินฉีเทียนที่เข้าร่วมราชวงศ์ราชันย์หลานเหยี่ยน เขาที่สร้างอิทธิพลมากขึ้นและก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็มีอำนาจแม้แต่ท้าทายคุกคามอำนาจของฝ่าบาท."จ้าวโส่วเซี่ยงกล่าว.
"คุกคามอำนาจของฝ่าบาทราชวงศ์ราชันย์หลานเหยี่ยนอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"ด้วยข้าราชบริพารนั้นเป็นคนของราชันย์องค์แรก ดังนั้นการรวมตัวของเหล่าข้าราชบริพารจึงค่อนข้างบอบบาง ทว่าข้าเองก็คิดว่าบางทีเฉินฉีเทียนได้ฉวยโอกาสนี้สร้างอิทธิพลเพราะต้องการบัลลังก์ของฝ่าบาท."จ้าวโส่วเซี่ยงเอ่ย.
"อืม เฉินฉีเทียนคนนี้ จิตใจเหี้ยมโหด เพื่อแผนการแล้วทำได้ทุกอย่าง เพียงแค่ตำแหน่งขุนนางของราชวงศ์ราชันย์ไม่ทำให้เขาพอใจแน่นอน เขาที่ต้องการยึดครองบัลลังก์นั่นเป็นไปได้มาก และเผ่าวานรเองก็เชื่อเพียงคำพูดของเขาด้วย."จงซานกล่าว.
"ทว่า แผนการอยู่ที่คนความสำเร็จอยู่ที่ฟ้า ไม่นานหลังจากนั้น ไม่รู้ว่าศัตรูคู่แค้นของเฉินฉีเทียนมาจากใหน! และยังเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไล่ล่าเฉินฉีเทียนอย่างบ้าคลั่ง มีพลังที่น่าเกรงขาม มีเพลงกระบี่ชั้นเลิศ ในพันลี้สามารถสร้างทะเลกระบี่ได้ เฉินฉีเทียนที่ยากจะต่อกร เหล่าวานรมากมาย เองได้สละตัวเอง เพื่อซื้อเวลาให้เฉินฉีเทียนหนี ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากนั้นก็มีคำสั่ง ให้สังหารเผ่าวานรทั่วทั้งแผ่นดิน."จ้าวโส่วเซี่ยงกล่าว.
"ศัตรูคู่แค้นรึ? ไล่ล่า?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เป็นสตรี ในชุดสีแดง เพราะว่ามีคนมากมายเดินทางมาร่วมชุมนุมหมื่นเม็ดยา แน่นอนย่อมมีคนรู้จักนาง นางคือเจ้าตำหนักเทพกระบี่ เจี้ยนหง ตำหนักเทพกระบี่ มีเพลงกระบี่ที่ยอดเยี่ยมโดดเด่นมาแต่ใหนแต่ไรแล้ว!"จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวพลางทอดถอนใจ.
"เจี้ยนหง? นี่นางยังไล่ตามอยู่อีกรึ?"จงซานที่ตกใจเล็กน้อย.
"เจ้ารู้จักอย่างงั้นรึ?"จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"รับรู้มานานแล้ว ทว่าข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายสิบปีแล้ว ในเวลานั้นเฉินฉีเทียนได้สังหารอุปราชราชวงศ์ราชันย์ต้ากวงเสี่ยวหวัง ส่วนเจี้ยนหงก็คือภรรยาของเสี่ยวหวัง นางไล่ตามอีกฝ่ายมาหลายสิบปีแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าจะยังไม่หยุด!"จงซานที่กล่าวออกมาพลางทอดถอนใจ.
"ไม่สงสัยเลยว่าเจี้ยนหงที่ดูบ้าคลั่ง เต็มไปด้วยความเกลียดชังเฉินฉีเทียน แน่นอนว่าฝ่าบาทเองก็ไม่มีทางปล่อยเขาเช่นกัน เฉินฉีเทียนนั้นมีเหล่าวานรมากมายคอยคุ้มกัน จากนั้น เจี้ยนหงที่ไล่ล่าเขาออกไป ส่วนพวกเราก็ถูกส่งออกมา กระจายไปทั่วทุกสารทิศเพื่อสังหารเผ่าวานร."จ้าวโส่วเซี่ยงตอบ.
"กองกำลังของเจ้า มีเพียงแค่สิบเอ็ดคนอย่างงั้นรึ?"จงซานที่จ้องมองไปยังจ้าวโส่วเซี่ยงด้วยความประหลาดใจ.
"ไม่ ยังมีคนอื่น ๆ ที่แยกไป ข้านำคนมาเพียงสิบคนก็พอแล้ว!"จ้าวโส่วเซี่ยงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"เทือกเขาสุ่ยเหลี่ยน เจ้าไปสำรวจหมดแล้วรึ?"จงซานสอบถาม.
"มีอะไร เจ้าต้องการไปด้วยอย่างงั้นรึ?"จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"แน่นอน ข้าต้องการเห็นวาระสุดท้ายของเฉินฉีเทียนและความน่าเกรงขามของเจี้ยนหง!"จงซานที่ครุ่นคิดและกล่าวออกมา.
"พลังฝึกตนของข้าเพิ่งทะลวงผ่านระดับ เอาเป็นว่าข้าจะพาเจ้าไปด้วย!"จ้าวโส่วเซี่ยงกล่าว.
"เช่นนั้นก็ดี!"
จ้าวโส่วเซี่ยงที่จ้องมองไปยังเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมกับสั่งการให้เตรียมตัว ก่อนที่จะนำคนของจงซาน บินตรงไปยังทิศตะวันตกด้วย.
ระหว่างหนี้ จ้าวโส่วเซี่ยงก็เข้าใจได้ว่าคนทั้งสิบคนที่มากับจงซานน่าเกรงขามทุกคน มีพลังฝึกตนไม่ต่ำเลยสักคนเดียว.
พวกเขาที่บินเป็นระยะเวลาสองวัน สุดท้ายก็ไปถึงเทือกเขาสุ่ยเหลียน.
ยังไม่เข้าไปด้านในเทือกเขาสุ่ยเหลียนด้วยซ้ำ ก็เห็นศพของวานรมากมายนับไม่ถ้วน โลหิตที่กลายเป็นสายน้ำ.
พื้นที่รอบ ๆ ในเวลานี้พังทลายกลายเป็นซากปรักหักพัง ถูกตัดออกเป็นผิวเรียบ ด้วยพลังตัดที่น่าเกรงขาม.
เห็นเช่นนี้แล้ว จงซานที่รู้สึกจริงจังขึ้นมาทันที แม้ว่าจะยังไม่ก้าวเข้าไป ทว่าก็สามารถบอกได้ถึงพลังความแข็งแกร่งของเจี้ยนหง.
จ้าวตำหนักเทพกระบี่ มีพลังที่น่าเกรงขามจริง ๆ .
ทุกคนยังคงบินตรงเข้าไปด้านใน สถานที่ด้านในนั้น ถูกทำลายด้วยฝีมือของเจี้ยนหง มีศพของวานรมากมายมหาศาล.
หลังจากผ่านมาอีกไม่กี่ชั่วยาม ที่ไกลออกไปนั้นสามารถมองเห็นภาพได้บ้างเล็กน้อย.
จากพื้นที่ไกลออกไป บนท้องฟ้า เห็นปราณกระบี่ที่มากมายมหาศาล ปราณกระบี่ที่ทะลวงชั้นเมฆ แตกสลายหายไป ไม่มีเหล่าหมู่มวลเมฆาที่อยู่รอบ ๆ เลย.
ทั่วท้องฟ้าปราณกระบี่นั้นปกคลุมไปหมด เต็มท้องฟ้าราวกับห่าฝนที่ล่วงหล่นลงมา ปราณกระบี่ไม่เพียงแต่เฉือนร่างเหล่าพื้นที่รอบ ๆ เท่านั้น เหล่าวานรที่มีพลังฝึกตนต่ำ ถูกสังหารตกตายไปในทันที แม้แต่เหล่าวานรที่มีพลังฝึกตนสูงยังต้องพยายามหาที่กำบัง.
"ดูเหมือนจะไม่แตกต่างจากเมื่อก่อน เจี้ยนหงในเวลานี้มีพลังระดับจักรพรรดิแท้ขั้นปลาย!"จงซานที่กล่าวต่อจ้าวโส่วเซี่ยง.
"อะไร? ระดับจักรพรรดิแท้อย่างงั้นรึ? เป็นไปไม่ได้ ภายในกลุ่มวานรนั้น มีอ๋องวานร ระดับราชันย์แท้ด้วย เจี้ยนหงที่มีระดับจักรพรรดิแท้จะสามารถสยบพวกเขาได้อย่างงั้นรึ?"จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
จื่อเห่า อาต้าและคนอื่น ๆ ก็ไม่อยากเชื่อเช่นกัน ระดับจักรพรรดิแท้อย่างงั้นรึ? เจี้ยนหงมีระดับจักรพรรดิแท้อย่างงั้นรึ?เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทรงพลังเทียบเท่าระดับราชันย์แท้เลย ปราณกระบี่ที่ปกคลุมท้องฟ้าราวกับสายฝน ทรงพลังน่าหวาดหวั่นอย่างที่สุด.
"มีระดับจักรพรรดิท้อย่างแน่นอน หลายปีมานี้เจี้ยนหงไล่ตามเฉินฉีเทียนไปทั่วทุกสารทิศ ไม่มีเวลาฝึกฝนวิชาเลย นอกจากนี้หากว่านางสำเร็จระดับราชันย์แท้ เหล่าวานรทั้งหมดหรือแม้แต่อ๋องวานรคงไม่มีทางต้านทานได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตมาถึงวันนี้."จงซานกล่าวด้วยความมั่นใจ.
ความแข็งแกร่งของเจี้ยนหงนั้นทรงพลังน่าเกรงขามนัก น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก.