Chapter 553 ความร้ายกาจของเนตรสังสารวัฏ.
หลุมสีเขียวนั้น มีพลังดูดที่น่าสะพรึง เป็นหลุมแห่งการทำลายล้างโลก กลืนกินทุกอย่าง อย่างบ้าคลั่ง แม้แต่ดินแดนภูตโคลน ค่ายกลของหนานกงเซิ่ง และร่างของเทพอสูรซือเนา.
"ฮึมมมมมม!"
เสียงตะโกนที่เจ็บปวดอย่างน่าอนาถใจ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเทพอสูร เป็นอสูรชั้นสูง ในโลกใบใหญ่มีลำดับที่ 94 ทว่าต่อหน้าการดูดของหลุมสีเขียวนี้ คาดไม่ถึงว่ามันไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านได้เลย.
อสูรซือเนาในเวลานี้ ยิ่งมองลงไปในหลุมดูด มันยังเต็มไปด้วยด้วยความหวาดกลัว.
พลังดูดที่น่าหวาดกลัว สำหรับอสูรซือเนาแล้ว แม้แต่ค่ายกลของหนานกงเซิ่ง ยังไม่ได้น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้.
อสูรซือเนาที่หวาดผวา ตะเกียกตะกาย ร่างของมันที่บิดตัวไปมาอย่างบ้าคลั่งหนีหลุมดูดนี้ให้ได้.
หลุมสีเขียวคืออะไร? นี่คือหลุมสังสารวัฏที่เนตรสังสารวัฏเปิดขึ้น.
เพราะว่าจงซานมีพลังไม่มากนัก ไม่สามารถที่จะเพิ่มพลังในการทำลายล้างในกระบวนท่าก่อนหน้าได้ จึงทำการเปิดหลุมสังสารวัฏขึ้น แม้นว่าหลุมสังสารวัฏจะไม่ได้ใหญ่โตนัก ทว่าเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว.
อสุรกายซือเนาในโลกใบเล็กนี้ ด้วยกฎเกณฑ์ของที่นี้ ได้ควบคุมพลังของมันเอาไว้ด้วย พลังของมันลดลงไปไม่น้อย แต่ที่คาดไม่ถึงเลย มันกลับโชคร้ายพบกับหลุมสังสารวัฏ ต้องบอกว่าไม่มีคำว่าโชคร้ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว มันไม่มีวันตายจริง ๆ อย่างงั้นรึ?
อสูรซือเนาที่กำลังตะเกียกตะกายอย่างบ้าคลั่ง ร่างของมันที่เป็นเหมือนโคลนหลุดร่อนถูกดึงลงมายังหลุมสังสารวัฏเรื่อย ๆ .
ร่างของมันที่หลุดลอกไปเรื่อย ความแข็งแกร่งของมันย่อมลดลงเป็นธรรมดา อสูรซือเนาที่กำลังตะเกียกตะกาย ร่างที่ลดขนาดเล็กลงมากขึ้น มากขึ้น ทำให้การขัดขืนของมันดูยากขึ้นเรื่อย ๆ .
"ฮึมมมมมมมม"
อสูรซือเนาที่ร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง มันกำลังจะไร้สิ้นพลังต่อต้านหลุมสังสารวัฏแล้ว กายเนื้อของมันหลุดเข้าไปหายไปจนไม่เหลือแล้ว.
"ตูมมมมมมมมมมมมมมม"
ในเวลาเดียวกันนั้น แรงดูดที่รุนแรงมหาศาลนั้น บางทีหลุมสังสารวัฏนี้คงดูดกลืนแม้แต่กฎของฟ้าดิน ค่ายกลเซียนของหนานกงเซิ่ง ระเบิดเสียงดังสนั่น.
เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่น่าหวั่นเกรงยิ่งนัก.
ทว่าหลังจากนั้น หลุมสังสารวัฏก็หดลงไปในทันที ก่อนที่จะหายไป ทิ้งไว้เพียงแค่หลุมที่กว้างใหญ่ไพศาลเอาไว้เบื้องหลัง.
"อสูรซือเนาร้ายกาจนัก ไม่สามารถกำจัดได้หมดอย่างงั้นรึ?"จงซานหายใจแฮก ๆ กล่าวออกมาด้วยท่าทางหวั่นเกรง.
เวลานี้ เซียนเซิงซือและเซียนเซียนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ในทันที พริบตาเดียวที่เซียนเซิงซือตั้งสติได้ ร่างกายที่ราวกับคว้าไปยังอะไรบางอย่าง ทั่วร่างหลั่งเหงื่อที่เย็นเยือบออกมา ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังดูดที่น่าสะพรึงกลัว เซียนเซิงซือที่ก้มหน้าลงไป เห็นเพียงแค่แสงสีเขียวที่ค่อย ๆ สลายหายไป.
หมายความว่าอย่างไรกัน? น่าหวาดกลัวขนาดนี้เลยรึ? นี่คือฝีมือของฝ่าบาทงั้นรึ?
เซียนเซิงซือที่ได้แต่ครุ่นคิดพร้อมกับจ้องมองไปยังจงซาน.
ในเวลานี้ จงซานที่พยุงร่างเอาไว้ด้วยความเหนื่อยอ่อน ทว่าตอนนี้ ที่ด้านหน้าหน้าของเขามีกลุ่มดวงวิญญาณสีม่วงดำ.
"อสูรซือเนารึ?"
"ฝ่าบาท ท่านทำลายกายเนื้อของมันไปแล้วรึ?"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาด้วยสีหน้าตกใจ.
"ใช่ ทว่าจิตสำนึกของมันแข็งแกร่งนัก คาดไม่ถึงว่าข้าไม่สามารถทำลายได้....."
จงซานต้องการที่จะกล่าวเกี่ยวกับหลุมสังสารวัฏเล็กน้อย ทว่าด้วยพลังทำลายเช่นนี้ เขาไม่กล่าวออกไปดีกว่า.
"เทพอสูร จิตสำนึกเทพอสูรซือเนารึ? ฝ่าบาท จิตสำนึกของมันนั้นพิเศษมาก หากว่าจิตสำนึกของมัน แม้นว่าจะไม่มีร่างกายหรือดวงวิญญาณก็ตาม ทว่าก็ยังกล่าวว่าทรงพลังไม่น้อย หากว่าปล่อยให้มันจมลงไปใต้พื้นดินล่ะก็ ไม่นานมันก็สามารถสร้างร่างใหม่ได้ มันต้องการเพียงดินเลน ก็สามารถฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เฉินจะใส่มันไว้ในขวด!"เซียนเซิงซือกล่าวออกมาในทันที.
เซียนเซิงซือที่นำขวดใสสีแดงออกมาในทันที.
จิตสำนึกของอสุรซือเนาที่ส่ายไปมา ทว่าด้วยเนตรสังสารวัฏยังเปิดอยู่ ไม่มีทางที่มันจะขยับหนีไปใหนได้.
เซียนเซิงซือที่นำจิตสำนึกของมันใส่ขวาดพิเศษ จงซานที่หลับตาลง ก่อนที่จะค่อย ๆ คลายดวงเนตรกลับคืนสีเดิม.
จงซานที่ทรุดลง เซียนเซียนที่เร่งรีบเข้ามาพยุง.
"จงซาน เจ้าเป็นไรไหม?"เซียนเซียนที่กล่าวออกมาด้วยความกังวล.
"ข้าใช้พลังมากเกินไป ไม่เป็นไร พวกเราอยู่นี่นี่นานไม่ได้ เร่งรีบไปกันเถอะ!"จงซานกล่าวพร้อมกับเก็บยันต์หยกทมิฬกลับมา.
เซียนเซียนสร้างเมฆสีขาว ก่อนที่จะพาทุกคน พุ่งตรงหนีออกไปยังพื้นที่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว.
หลังจากที่พวกเขาหนีออกมาแล้ว จากนั้นก็มีคนอีกหลายคนที่เดินทางมา ทว่าเมื่อมาถึงสถานที่ดังกล่าวแล้ว หลังจากจ้องมองไปยังดินแดนภูตโคลนเวลานี้มันหายไปหมดแล้ว พื้นที่หนึ่งแสนจั้งกลายเป็นหลุมลึก พังทลายเสียหายไปทั้งหมด แม้แต่บึงเลนก็ยังไม่เหลือ ผืนปฐพีที่แยกออกมา มองไม่เห็นก้นหลุม ภูเขาใหญ่ถูกทำลาย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ใครกันที่ทำเช่นนี้?
จงซานที่บินไกลออกมา ขณะที่ผ่านเทือกเขาแห่งหนึ่ง.
"วางพวกเขาไว้ตรงนั้น แล้วสร้างค่ายกลคุ้มกันเอาไว้!"จงซานกล่าว.
"อืม!"
จากนั้น เซียนเซียนได้นำเหยี่ยนฉงจื่อและอาวุโสจิววางไว้ในหุบเขาแห่งหนึ่ง พร้อมกับสร้างค่ายกลป้องกันพวกเขาเอาไว้.
จากนั้นพวกเขาที่บินไปอีกสองวัน และได้ไปหยุดที่หุบเขาที่มีบรรยากาศงดงามแห่งหนึ่ง จงซานที่ทรุดลงเริ่มบำเพ็ญฟื้นฟู.
การเปิดหลุมสังสารวัฏนั้น กินกำลัง ใช้พลังวิญญาณมหาศาล.
ระหว่างนี้เซียนเซิงซือและเซียนเซียนที่ได้แต่รอ.
เซียนเซียนที่คอยปกป้องจงซานอยู่ข้าง ๆ ส่วนเซียนเซิงซื่อที่จริงแล้วนั่งอยู่ใกล้ ๆ ลำธารแห่งหนึ่ง ขณะที่เขาล้างมืออยู่ในลำธาร เขาได้นำขวดใบหนึ่งออกมา.
สายตาของเขาที่จ้องมองไปยังสิ่งของที่อยู่ด้านใน เซียนเซิงซือที่ถอนหายใจอีกครั้ง.
อสุรกายซือเนา? ฝ่าบาททำได้อย่างไรกัน? ถึงแม้ว่าจะอยู่ในโลกใบเล็ก ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนสวรรค์แท้ อสูรกายซือเนานี้ก็ทำให้พวกเขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้าได้ คาดไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะจัดการมันได้เลยรึ? ทำลายร่างและดวงวิญญาณ เหลือเพียงแค่จิตสำนึกของมัน.
น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
นี่คือวิชาเนตรอย่างงั้นรึ?วิชาเนตร เป็นวิชาเนตรที่ร้ายกาจนัก.
ในโลกใบใหญ่นั้น วิชาเนตรเป็นวิชาที่สืบทอดผ่านสายโลหิต และมีเพียงตระกูลใหญ่ที่น่าน่าเกรงขามเท่านั้น นี่ฝ่าบาทสืบสายโลหิตตกทอดมาอย่างงั้นรึ?
คิดถึงความร้ายกาจน่าเกรงขามนั่น เซียนเซิงซือที่หันหน้าไปมอง จงซานที่พักผ่อนอยู่โดยมีเซียนเซียนคอยปกป้อง.
"ดูเหมือนว่า ข้าจะพบที่อยู่ที่ข้าต้องการแล้ว ฝ่าบาท เฉินจะช่วยเหลือท่านอย่างสุดกำลังอย่างแน่นอน หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ความเคียดแค้นของเฉินนั้น คงจะต้องอาศัยฝ่าบาทแล้ว!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาช้า ๆ .
สามวันหลังจากนั้น ภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง อาวุโสจิวที่หายใจแฮก ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นมาทันที พร้อมกับนั่งและจ้องมองไปยังพื้นที่รอบ ๆ ที่ด้านข้างมีเหยี่ยนฉงจื่อที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาช้า ๆ เช่นกัน.
"พวกเราปลอดภัยแล้วรึ?"อาวุโสจิวที่ตื่นตระหนกเล็กน้อย.
เหยี่ยนฉงจื่อที่จ้องมองไปยังอาวุโสจิว.
"อาวุโส จงซานไปแล้วอย่างงั้นรึ?"เหยี่ยนฉงจื่อที่กล่าวสอบถามออกมา.
"ข้าเองก็เพิ่งตื่น!"อาวุโสจิวที่ขมวดคิ้วไปมา.
ทั้งสองที่ลุกขึ้น กวาดตามองรอบ ๆ .
"อาวุโสแล้วตอนนี้ท่านรู้อะไรบ้าง?"เหยี่ยนฉงจื่อที่สอบถามอาวุโสจิวอีกครั้ง.
อาวุโสจิวที่ส่ายหน้าไปมา.
"พวกเรากลับไปดูที่เดิมก่อนดีไหม!"เหยี่ยนฉงจื่อพยักหน้า.
"อืม!"
คนทั้งสองที่บินออกจากหุบเขา เพื่อคลายความสงสัย พวกเขาที่กลับไปยังเขตแดนภูตโคลน.
ทว่า เมื่อพวกเขาทั้งคู่ไปถึงเขตแดนภูตโคลน ในเวลานี้ข้าง ๆ มีเหล่าผู้ฝึกตนมากมายได้มาชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก.
เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่จ้องมองด้วยแววตาขวัญหนีดีฝ่อจดจ้องมองไปยังอาณาเขตภูตโคลน.
พื้นที่รอบได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ บึงเลนทั้งหมดหายไปอย่างคาดไม่ถึง เหลือไว้เพียงหลุมขนาดใหญ่ แผ่นดินที่แตกแยกออกมา ที่ตรงกลางนั้น มีหลุมขนาดหมื่นจั้ง ดูน่าหวาดกลัว ค่ายกลของหนานกงเซิ่งเองก็ได้หายไปแล้ว.
ที่จริงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เหยี่ยนฉงจื่อและอาวุโสเทียนที่มองหน้ากันและกัน แววตาของทั้งคู่ที่เต็มไปด้วยสีหน้าแววตาหวาดผวา.
"เจ้าเห็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือไม่?"อาวุโสจิวที่กล่าวสอบถามต่อเหยี่ยนฉงจื่อ.
"จงซานผู้นี้ ข้าไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์."เหยี่ยนฉงจื่อที่สูดหายใจลึก.
"ไปเถอะ พวกเรากลับกันก่อน!"อาวุโสจิวกล่าว.
"อืม!"เหยี่ยนฉงจื่อพยักหน้า.
จงซานที่พักไปถึงหนึ่งเดือน.
ครั้งนี้เขาใช้พลังไปมากมายมหาศาล.
จงซานที่ลืมตาขึ้นช้า ๆ แม้นว่าตอนนี้ยังคงมีอาการล้าอยู่ก็ตาม.
"จงซาน เจ้าฟื้นแล้ว!"เซียนเซียนที่ดีใจและประหลาดใจไปด้วย.
"อืม!"จงซานพยักหน้า จ้องมองไปยังเซียนเซียนพลางเผยยิ้มออกมา.
"ฝ่าบาท ดินแดนภูตโคลนในเวลานี้ ต่างเป็นที่สนใจต่อคนทั่วหล้า คนมากมายต่างก็เดินทางมาดูดินแดนดังกล่าวกันอย่างล้นหลาม หวังว่าเหยี่ยนฉงจื่อและอาวุโสจิวเอง คงจะไม่เผยความลับของพวกเราออกไป."เซียนเซิงซือกล่าวด้วยท่าทางเป็นกังวล.
"ไม่มีปัญหา ไปเถอะ รอให้พวกเรากลับไป พวกเขาก็จะมาขอเป็นคนของราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งของพวกเราเอง."จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"หืม!"เซียนเซิงซือที่ตกใจเล็กน้อย.
"อสูรซือเนาล่ะ?"จงซานที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.
เซียนเซิงซือที่นำขวดกักเก็บออกมาในทันที.
"ฝ่าบาท อสูรซือเนานี้จำเป็นต้องใช้ไฟเผา เป็นเวลา 49 วัน ถึงจะสามารถทำลายจิตสำนึกของมันได้อย่างสมบูรณ์."เซียนเซิงซือกล่าว.
"หืม?เผารึ?ทำไมต้องเผาด้วยล่ะ?"จงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
เซียนเซิงซือที่เต็มไปสีหน้าแววตางงงงวย.
"ฝ่าบาท อสูรซือเนานี้ ตราบเท่าที่ล่วงหล่นลงพื้น มันสามารถที่จะสร้างร่างขึ้นมาใหม่ ไม่สามารถที่จะประมาทได้ ไม่เช่นนั้น ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งของพวกเราจะต้องพบกับภัยพิบัติอย่างแน่นอน."เซียนเซิงซือกล่าวตอบ.
เป็นความจริง อสูรซือเนาเวลานี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังจงซาน มันไม่มีทางยอมง่าย ๆ อย่างแน่นอน.
"ข้ายังมีวิธีใช้งานมัน."จงซานกล่าว.
"ครับ!"เซียนเซิงซือพยักหน้า ไม่ได้สอบถามอีกต่อไป.
"กลับกันเถอะ!"จงซานกล่าว.
"ครับ!"
จากนั้น จงซานก็นำคนทั้งสอง ออกจากหุบเขาดังกล่าว มุ่งตรงกลับไปยังราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง.
ในเขตแดนทั้งสามเวลานี้ กำลังอยู่ในสภาวะตึงเครียด กัวเฟิงราชวงศ์จักรพรรดิต้าซุน หลังจากที่รู้ว่าจงซานและเหยี่ยนฉงจื่อออกจากอาณาเขต ทันใดนั้นก็เริ่มสงครามในทันที.
ด้วยสภาพของสามราชวงศ์ ต้าเจิ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุด กัวเฟิงจึงต้องการรวมต้าหยิงเป็นอันดับแรก เพื่อรักษาความสมดุลกับต้าเจิ้ง.
ด้วยโอกาสที่สวรรค์ส่งมา จะให้กัวเฟิงทิ้งโอกาสนี้ไปได้อย่างไร?
นี่คือโอกาสที่จะยึดครองต้าเจิ้งและต้าหยิง.
สองราชวงศ์จักรพรรดิในเวลานี้ โดยธรรมชาติพวกเขาย่อมขาดความพร้อมและขวัญกำลังใจ การโจมตีราชวงศ์ที่ไม่มีจักรพรรดิ พวกเขาย่อมได้เปรียบกว่าเป็นอย่างมาก.
ด้วยต้าเจิ้งนั้นมีกำลังที่เหนือกว่า กัวเฟิงที่เลือกราชวงศ์ต้าหยิงก่อน เขาได้ส่งกองกำลังลงใต้เพื่อยึดดินแดนของต้าหยิง ตราบเท่าที่ยึดต้าหยิงได้ เขาก็จะมีกำลังเพียงพอยึดครองต้าเจิ้ง.
ใครบอกให้จงซานและเหยี่ยนฉงจื่อจากไปในเวลาเช่นนี้ เป็นการกระทำที่โง่เง่านัก ไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ แน่นอนว่าศัตรูย่อมเคลื่อนกำลังอยู่แล้ว.
กองกำลังที่เคลื่อนที่เพื่อยึดครองต้าหยิง เริ่มยึดครองได้ไม่กี่เมือง
ทว่าทัพของหลินเซียวก็ได้เคลื่อนออกไปยึดครองเมืองของกัวเฟิงได้เป็นจำนวนมาก.
"จะเป็นไปได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิไม่อยู่ แล้วหลินเซียวกลับกล้าเคลื่อนทัพอย่างงั้นรึ?"กัวเฟิงที่รู้เรื่องแสดงท่าทางตื่นตกใจออกมา.
หลินเซียวกล้าเคลื่อนทัพได้อย่างไร? ก่อนหน้าที่จงซานจะออกไป ได้สั่งการทุกอย่างเอาไว้แล้ว นอกจากนี้หลินเซียวยังมีอำนาจในการเคลื่อนทัพได้อย่างอิสระ ต้าเจิ้งที่มีกองกำลังที่ทรงพลัง เมื่อมีโอกาส พวกเขาจะไม่เคลื่อนทัพได้อย่างไร?