ตอนที่แล้วChapter 550 ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรเทพบรรพชน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 552 หลุมสังสารวัฏ.

Chapter 551 ไม่มีที่ให้หนี.


กลุ่มของจงซานในเวลานี้เร่งรีบออกจากเขตแดนภูตโคลนอย่างบ้าคลั่ง.

จงซานที่รับรู้ถึงความตึงเครียดจากการที่เซียนเซิงซือเอ่ยถึงเทพอสูรซือเนา ในโลกใบใหญ่มันมีระดับที่สูงกว่ากิเลนเพลิง แน่นอนว่าเทพอสูรตนนี้ย่อมน่าหวาดหวั่นขนาดใหน.

ทุกคนที่จ้องมองลงไปในบึงเลนที่กำลังปั่นป่วน ทุกคนรับรู้ได้ในทันที เทพอสูรซือเนาตอนนี้กำลังจะออกมาแล้ว แม้นเกิดเรื่องที่ผิดปรกติขึ้นรอบ ๆ  จงซาน ก็ไม่คิดจะหยุดรั้งรอดูเลยแม้แต่น้อย.

ก่อนหน้านี้หนานกงเซิ่งได้สะกดมันเอาไว้ ตอนนี้หนานกงเซิ่งและกิเลนเพลิงได้หนีไปแล้ว นอกจากนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเทพอสูรซือเนา(อสูรกินสมอง)นั้นฉลาดกว่ากิเลนเพลิง มันรู้จักอดทนรอ รอให้ผู้ฝึกตนจากโลกใบใหญ่หายไป รอให้หนานกงเซิ่งจากไป กิเลนเพลิงหนีไป ตอนนี้มันกลายเป็นไร้เทียมทานจึงกล้าโผล่ออกมา.

"ความสามารถของซือเนาคืออะไร?"จงซานที่สอบถามขณะบินอยู่.

"เรียนฝ่าบาท มันสามารถสะกดจิต และสร้างความสับสนปั่นปวนการรับรู้ของผู้คนได้ รวมทั้งควบคุมเหยื่อ ควบคุมการสั่งการของสมอง ตราบเท่าที่สัมผัสเข้ากับโคลนที่มันปล่อยออกมา มันจะชอนไชเข้าไปในผิวหนัง จากนั้นก็จะเข้าควบคุมจิตสำนึก ความคุมความนึกคิด ควบคุมทุกอย่าง ไม่ต่างจากเจียงซือ ดังนั้นจึงห้ามแตะต้องการโจมตีของมัน เพราะมันอาจจะควบคุมพวกเราได้!"เซียนเซิงซือกล่าวตอบในทันที.

ได้ยินคำพูดของเซียนเซิงซือ ร่างของเซียนเซียนถึงกับสั่นเทิ้ม น่าหวาดกลัวมาก เป็นความสามารถที่น่ารังเกียจจริง ๆ .

ขณะที่ทุกคนหนีอยู่นั้น ที่ไกลออกไปนั้น เทพอสูรซือเนาที่อยู่ในบึงเลน ท้ายที่สุดก็เผยร่างออกมาในที่สุด.

ร่างที่ราวกับลูกบอลขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาจากบึง สายตาของทุกคนสัมผัสได้ว่ามันคล้ายกับปลากหมึกยักษ์ที่ใหญ่โต ทว่ากลับไม่มีหนวดเหมือนกันปลาหมึกแต่กับมีร่างดำเมี่ยม มีโคลนที่หยดลงมาเป็นระยะ ๆ หยดกระเด็นออกไปรอบ ๆ  เม็ดโคลนที่มีขนาดสิบเมตร หากแต่เมื่อหล่นลงบึงกับไม่จมหายไป.

ดวงตาที่ส่องประกายแสงมืดครึ้ม ประกายแสงที่แปลกประหลาดราวกับจะกัดกร่อนจิตใจให้สิ้นสติ.

หยดโคลนที่สามารถสาดกระจายไปทุกทิศทุกทาง มันได้ส่งออกไปรอบ ๆ  ยิงไปยังทิศทางของผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ .

หลายคนที่ไม่สามารถป้องกันได้ ทันใดนั้นก็จะถูกชโลมไปทั่วร่าง ก่อนที่โคลนจะซึมหายเข้าไปในผิวหนัง จากนั้นคนที่ถูกโจมตีจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าเปลี่ยนไป ไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้อีกต่อไป.

ร่างของคนที่ถูกเม็ดโคลนคลุมจะถูกอสูรซือเนาควบคุมทันที.

น่ากลัว เหล่าผู้ฝึกตนมากมายถูกควบคุมแทบจะในทันที พวกเขาที่เกิดประสาทหลอน ถูกอสูรซือเนาควบคุม เข้าโจมตีผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ อย่างบ้าคลั่ง

"ไม่มีที่ให้หนีแล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่ในค่ายกลของหนานกงเซิ่ง และถูกปิดผนึกเอาไว้กับภูตโคลนนี้ทั้งหมด แม้ว่าจะไปถึงชายขอบก็ไม่มีทางออก."อาวุโสจิวที่เอ่ยออกมาในทันที.

เพราะว่าอาวุโสจิวรับรู้ได้ถึงค่ายกลที่น่าเกรงขามที่อยู่ไกลออกไป.

"ผนึกรึ?"เซียนเซิงซือที่แสดงท่าทางงงงวยขึ้นมาทันที.

ใบหน้าของเซียนเซียนที่เต็มไปด้วยความกังวล พร้อมกับกุมแขนของจงซานเอาไว้ในทันที.

จงซานที่สูดหายใจลึก ร่างแยกเงาของเขานั้น ภายใต้โลกใบหนีมีที่ใหนที่จะไปไม่ได้? ค่ายกลที่ทรงพลังรึ? ไม่มีค่ายกลใหนกักขังเขาได้ หากแต่ที่สำคัญนั้นเซียนเซียน และเซียนเซิงซือล่ะ พวกเขาจะทำอย่างไร? ไม่มีทางที่จะพาพวกเขาออกไปได้.

"ต้องสังหารอสุรกายตนนี้!"

เหล่าผู้ฝึกตนที่ฉลาด ในเวลานี้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาพบต้นตอของปัญหา เป็นอสุรกายตนหนึ่ง ที่กำลังผุดขึ้นมาจากด้านล่างบึงเลน.

ในเวลานั้นมีผู้ฝึกตนเผ่าโครงกระดูก โครงกระดูกสีทองที่มีระดับจักรพรรดิแท้.

ในมือของโครงกระดูกทองมีดาบยักษ์สีดำ พุ่งเข้าไปฟันอสูรซือเนา.

ปราณดาบที่พุ่งลงไป ราวกับน้ำตกยักษ์ที่ล่วงหล่นลงจากท้องฟ้า.

"ตูมมมมมมมมมมม"

พลังโจมตีระดับจักรพรรดิแท้นับว่าร้ายกาจมาก ทว่าภายในใจของจงซานนั้น สามารถบอกได้เลยว่า ยังห่างไกลที่จะทำอะไรเทพอสูรซือเนาได้ นี่คือเทพอสูรที่มีระดับเหนือกว่ากิเลนเพลิงสะอีก ไม่มีทางที่มันจะอ่อนแอ.

ทว่า เป็นความจริงที่ทุกคนไม่ได้คาดหวังอะไร.

ดาบดังกล่าวนั้น กลับได้ผล! แม้แต่ จงซานและคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ ดาบที่ฟันอสูรซือเนาแยกออกเป็นสองส่วน สามารถที่จะตัดอสูรซือเนาได้อย่างงั้นรึ?

ดาบที่ฟันออกไปนั้น แยกร่างของเทพอสูรซือเนาแยกลอยออกไปสองส่วน.

?ทุกคนที่จ้องมองด้วยท่าทางอัศจรรย์.

อสรูซือเนาตายแล้วรึ?

"ภูตโครงกระดูกคงจะจบอย่างอนาถ!"เซียนเซิงซือที่ฝืนยิ้มออกมา.

โครงกระดูกทองที่รู้สึกตื่นเต้นดีใจ กับเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้น ตัดอสูรซือเนาออกเป็นสองส่วน ทว่าทันทีที่มันล้มลงก็ลุกขึ้นมาใหม่จากบึงเลน คาดไม่ถึงเลยว่าในเวลานี้มีอสูรซือเนาสองตน.

อสูรซือเนาสองตนที่มีรูปร่างเหมือนกันเป็นอย่างมาก.

เห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้ว ทุกคนรู้สึกราวกับว่าหนังหัวชาหนึบขึ้นมาทันที.

โครงกระดูกทองในเวลานี้เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย ทว่าในพริบตาเดียวนั้น โครงกระดูกทองก็เร่งรีบถอยออกมาจากรวดเร็วเช่นกัน หากแต่ถูกเม็ดโคลนคลุมร่างไปทันที สายตาของทุกคนที่จับจ้องต่างก็เผยสีหน้าหวาดผวา.

คราวแรกโครงกระดูกสีทองที่โจมตีเทพอสูรซือเนา ทำให้ทุกคนสนใจเป็นอย่างมาก จ้องมองการกระทำของเขา ขณะที่เห็นโครงกระดูกทองแยกร่างของอสูรซือเนาออกเป็นสองส่วน ทุกคนที่รู้สึกดีใจ ราวกับว่าตัวเองได้รอดพ้นแล้ว ทว่าทันทีที่มันแยกออกเป็นสองส่วน พร้อมกับลุกขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจของพวกเขาที่ล่วงหล่นลงพื้นอีกครั้งแล้ว.

"ไม่ได้การ โครงกระดูกทองนั่น ถูกอสูรซือเนาควบคุมไปแล้ว!"เซียนเซียนที่เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ.

ไม่ใช่แค่เพียงแค่เซียนเซียนที่ตื่นตกใจ คนอื่นก็เปลี่ยนเป็นวุ่นวายด้วยเช่นกัน ฆ่าไม่ตายอย่างงั้นรึ? แยกร่างได้อีกด้วย? นี่มันอสุรกายอะไรกัน?

"อสูรซือเนานั้นมีพลังป้องกันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก ทว่ามันกับฆ่าไม่ตาย ในโลกใบใหญ่นั้น มันคือตัวตนแห่งหายนะ ฝ่าบาท พวกเราเร่งรีบหาทางหนีออกไป ไม่เช่นนั้นเมื่อมันกินสมองของทุกคนรอบ ๆ นี้ไปหมด มันจะพุ่งความสนใจมายังพวกเรา."เซียนเซิงซือที่ฝืนยิ้มออกมา.

อสุรกายซือเนานั้นมีรูปร่างเป็นโคลน เวลานี้ยังควบคุมผู้ฝึกตนเป็นจำนวนมาก ไล่สังหารคนที่อยู่รอบ ๆ นี้ เป็นภาพที่น่าสยดสยองเป็นอย่างมาก น่าหวาดกลัวยิ่งกว่ากองทัพเจียงซือของเซียนเซิงซือสะอีก.

เจียงซือที่จัดการเพียงสิ่งมีชีวิต และเปลี่ยนให้เป็นเจียงซือ อีกทั้งพลังความแข็งแกร่งยังลดลงครึ่งหนึ่งของเมื่อครั้งมีชีวิตอีกด้วย ส่วนการควบคุมสมองของอสูรซือเนา ความแข็งแกร่งพวกเขาไม่ลดลงเลย ราวกับว่าสามารถควบคุมดวงวิญญาณภายในได้ด้วย.

ในเวลาเดียวกัน ที่ไกลออกไป อสูรซือเนาที่แยกออกมาสองร่าง เวลานี้คาดไม่ถึงมันจะเคลื่อนที่เข้าหากันและรวมตัวกันอีกครั้ง.

มีผู้ฝึกตนเป็นจำนวนมากที่โจมตีไปยังอสูรซือเนา ทว่าไร้ซึ่งประโยชน์ ราวกับฟาดฟันโคลนตม ไม่มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย ร่างกายของมันที่ไร้รูปร่าง เหมือนกับโคลนตมที่รวมร่างกันขึ้นมา ไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย.

เหล่าผู้ฝึกตนที่เข้าโจมตีมัน แทบจะทุกคนถูกมันควบคุมไปอย่างสมบูรณ์.

จงซานที่พาทุกคนบินออกมาถึงชายขอบ.

จงซานที่บินอยู่บนอากาศนั้น สามารสัมผัสได้ถึงค่ายกล จงซานที่สามารถผ่านไปได้ ทว่าเซียนเซียนและคนอื่น ๆ ไม่สามารถผ่านออกไปได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นอาวุโสจิวจะโจมตีสุดกำลังก็ตาม หากแต่ค่ายกลกับไม่เป็นรอยเลยแม้แต่น้อย.

ค่ายกลเซียน ไม่ใช่ค่ายกลที่คนทั่วไปจะสามารถทำลายได้.

"ช่วยด้วย......"

"ช่วยข้าด้วย....."

"อย่าเข้ามา..........

พื้นที่รอบ ๆ นั้นมีเสียงดังโหยหวนเสียงครวญคราง เสียงที่ก้องไปทั่วท้องฟ้า อสูรซือเนา ที่แข็งแกร่งกว่ากิเลนเพลิง พวกเขาจะสามารถทำอะไรได้.

"ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกตนระดับราชันย์แท้ก็ไล่ตามกิเลนเพลิงออกไปหรอกรึ? ทำไมพวกเราออกไปไม่ได้? ทำไมถึงออกไปไม่ได้ล่ะ!"เซียนเซียนที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ.

"ก่อนหน้านี้กิเลนเพลิงได้ทำลายค่ายกล ทำให้ระดับราชันย์แท้ออกไปตามรอยแตก ตอนนี้ รอยแตกนั่นไม่มีเหลือแล้ว ค่ายกลสามารถซ่อมแซมตัวเองได้!"อาวุโสจิวที่เต็มไปด้วยความหดหู่.

จากนั้นอาวุโสจิวที่จ้องมองไปยังจงซาน.

ในเวลานี้พื้นที่รอบ ๆ  เหล่าคนที่ถูกควบคุมได้ไล่ล่าสังหารผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ตกตายไป ทุกคนที่ล้มลง จะถูกทะลวงกินสมองไปในทันที เสียงโหยหวน จากกะโหลกที่ถูกเจาะ พร้อมกับถูกดึงออกมาส่งไปยังร่างอสูรซือเนา เป็นภาพที่สยดสยองเป็นอย่างมาก.

สมองที่ถูกดึงออกมาก่อนที่จะถูกดึงเข้าไปในร่างของอสูรซือเนา ดึงเข้าไปในร่างของมันแล้วหายไป.

บนสนามรบในเวลานี้ ถูกไล่ล่าสังหาร เหล่าคนที่ไม่ถูกควบคุม ตายไปคนแล้วคนเล่า.

ส่วนคนที่ถูกควบคุม หากว่าล้มลงไม่สามารถขยับได้ ก็จะถูกชอนไชเจาะกะโหลกถูกดึงสมองออกมาทันที

นี่คือภัยพิบัติ เป็นภัยพิบัติที่น่าหวาดกลัวนัก.

พริบตาเดียว เหล่าผู้ฝึกตนที่ยังไม่ตาย เหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยคนด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ยังโชคดี ยังรอดอยู่ได้ แน่นอนว่ารวมถึงจงซานที่อยู่ตรงชายขอบซ่อนตัวอยู่.

ทุกคนที่ซ่อนตัวเองเอาไว้ด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้ม.

เหล่าผู้ฝึกตนที่ยังรอดอยู่ ทว่ารอแค่เพียงเวลาเท่านั้น อันตรายที่ใกล้เข้ามาทุกเวลา เพราะว่าคนหลายพันที่ตายกันไปจนหมดแล้ว.

อสูรซือเหนาที่จดจ้องมองไปยังคนที่เหลืออยู่ กวาดตามองคนร้อยคนที่ยังโชคดี รอดชีวิต ด้วยพลังที่แข็งแกร่งของมัน เพียงแค่ร่างของมันขยับ ก็ทำให้บึงเลนสั่นสะเทือนไปในทันที อสูรซือเนานั้น ไม่มีความเหนื่อยล้า ไม่บาดเจ็บ ดูไร้เทียมทานเป็นอย่างมาก.

สายตาของทุกคนที่กำลังจ้องมองบึงเลนกำลังสั่นไหว อสูรซือเนาที่กำลังเคลื่อนที่ ดวงตาของทุกคนที่เต็มไปด้วยความกังวล เผยท่าทางหวาดผวาขวัญหนีดีฝ่อทันที.

"อสุรซือเนาร้ายกาจเกินไปแล้ว จงซานเจ้ายังไม่ลงมืออีกรึ? เร็วเข้า!"อาวุโสซือจิวที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางหวาดหวั่น.

เพราะว่าอาวุโสจิวรู้ดี เขาที่เห็นแสงสว่างแห่งการรอดชีวิตจากจงซาน ทว่าในเวลานี้ อสูรซือเนาเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว เขาจึงต้องการให้จงซานลงมือเร็ว ๆ !

จงซานจ้องมองไปยังอาวุโสจิว ในเวลานี้เขาไม่ลังเลอีกต่อไป.

จงซานที่ยืนมือออกไป ชี้นิ้วไปด้านหน้า พร้อมกับปล่อยเงายันต์หยกทมิฬออกมา ก่อนที่มันจะพุ่งออกไปพื้นที่รอบ ๆ  ปิดผนึกทุกอย่างเอาไว้ กลายเป็นเงายันต์มากมาย กระจายติดไปทั่ว กวาดไปทั่วทุกสารทิศ.

พริบตาเดียวเท่านั้น ยันต์หยกทมิฬที่ประทับไปยังพื้นที่ทุกอย่าง ประทับไปทั่วร่างของอสุรกายซือเนา.

"ครืนนนนนนน"

บนร่างของอสุรกายซือเนา ถูกประทับไปด้วยแผ่นยันต์มากมาย.

ร่างของอสูรซือเหนาถูกยันต์หยกทมิฬประทับไปหมด ร่างกายของมันที่หยุดนิ่ง แม้แต่บึงเลนรอบ ๆ ยังถูกผนึกไปด้วยทันที.

กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สายตาของทุกคนที่เปล่งประกาย ผนึกอย่างงั้นรึ?

"เหว่ยฉีรึ?"อาวุโสจิวที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

เหยี่ยนฉงจื่อที่จ้องมองจงซานด้วยความอัศจรรย์ใจ เหว่ยฉี? เป็นของวิเศษระดับเดียวกับเซียนฉี คาดไม่ถึงเลยว่าจงซานจะมีมัน?

ผู้ฝึกตนกว่าร้อยคนจดจ้องมองมายังจงซานที่ผนึกอสูรซือเนา ใบหน้าของทุกคนที่เต็มไปด้วยความยินดี.

หลังจากนั้น แม้นว่าจะผนึกทั่วร่างของมันก็ตาม อสูรซือเนาที่กลับขยายร่างออกมา ทะลวงยันต์ผนึก ขยับผลักผนึกออกมา ร่างกายของมันที่ดันผนึกออกมาอย่างรุนแรง จนทะลวงยันต์ผนึกออกมาได้เรื่อย ราวกับว่ามันมีเรี่ยวแรงที่ไม่สิ้นสุด สายตาที่โกรธเกรี้ยวของมันกำลังจดจ้องมายังจงซาน.

"ไม่ได้การ ในโลกใบใหญ่นั้น หากพบเทพอสูรเช่นนี้ มีแต่ต้องหนีเท่านั้น ไม่มีทางเลือก แต่ว่าตอนนี้พวกเราไม่มีเส้นทางให้หนีเลย!"ใบหน้าของเซียนเซิงซือที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ จากนั้นราวกับว่าตัดสินใจอะไรได้ ต้องการจะกระทำอะไรบางอย่าง.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด