Chapter 549 ปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว.
"นี่มัน นี่มัน กิเลน! สัตว์อสูรเทพบรรพชนของโลกใบใหญ่ลำดับที่ 96 กิเลน! หนีเร็วเข้า!"เซียนเซิงซือที่เอ่ยออกมาด้วยความตื่นตกใจ.
กิเลนรึ?
คาดไม่ถึงเลยว่าเซียนเซิงซือจะตื่นตกใจขนาดนั้นเลยรึ? สัตว์อสูรเทพบรรพชนลำดับที่ 96 ของโลกใบใหญ่อย่างงั้นรึ?
เห็นเซียนเซิงซือตื่นตกใจ จงซานที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย พาเซียนเซียนและเซียนเซิงซือถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็ว.
ทว่า มันสายไปแล้ว.
กิเลน อสูรเทพบรรพชน แข็งแกร่งทรงพลังมาก.
กิเลนที่ก่อนหน้านี้โผล่ออกมาเพียงเขา ขณะที่หนานกงเซิงไม่ได้โจมตีออกไป ร่างกายของมันก็สะบัดอย่างรุนแรง.
"ตูมมมมมมมมมมมมม"
จงซานที่เห็นราวกับระเบิดนิวเคลียร์ที่เขาเห็นในวัยเด็ก ไม่ ดูเหมือนว่าจะทรงพลังกว่าหลายร้อยหลายพันเท่าด้วยซ้ำ.
รอบ ๆ ร่างของกิเลนนั้นปรากฏลำแสงนับล้าน ๆ ที่ปะทุขึ้นมา เปลวเพลิงที่ไม่ต่างจะระเบิดนิวเคลียร์ กระแทกออกมาดังสนั่น ภูเขารอบ ๆ แหลกสลายกลายเป็นจุน เปลวเพลิงที่ปกคลุมทั่วดินแดนภูตโคลน เปลวเพลิงที่ลุกท่วมอย่างรุนแรงน่าหวั่นเกรงมาก.
จงซานและอีกหลายคนที่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง อาวุโสเทียนที่ช่วยสนับสนุน เปิดม่านพลังป้องกันพลังที่รุนแรงกระแทกออกมานี้ ส่วนเหล่าคนที่มีพลังฝึกตนไม่สูงนักต่างก็ถูกกระแทกโดยเปลวเพลิงกลืนหายไปในทันที คนที่มีพลังฝึกตนสูงก็ถูกกระแทกลอยออกมาเช่นเดียวกัน.
แรงกดดันวิญญาณที่ปะทุกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง.
พลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ที่โถมกระหน่ำกดทับลังมา หลาย ๆ คนถึงกับต้องคุกเข่าลงกับพื้น.
ระดับสวรรค์แท้อย่างงั้นรึ? ไม่ ดูเหมือนว่าจะทรงพลังกว่าระดับสวรรค์แท้สะอีก น่าเกรงขามมาก.
จงซานที่นำเซียนเซียนถอยห่างออกมา จ้องมองออกไปด้วยความยากลำบาก ทว่าพวกเขาสามารถมองเห็นได้ว่าร่างของกิเลนที่ทรงพลังมาก เพียงแค่สะบัดร่างก็สามารถกระแทกพวกเขาลอยโด่งออกมาในทันที.
ร่างกายที่มีขนาดใหญ่ 30 เมตร ทั่วร่างลุกโชนด้วยเปลวเพลิง.
หัวเป็นมังกร เขาเหมือนกวาง ดวงตาเหมือนราชสีห์ หลังเหมือนพยัคฆ์ เอวเหมือนหมี มีเกล็ดเหมือนอสรพิษ มีกีบเท้าเหมือนม้า หางเหมือนวัว ดูน่าเกรงขามนัก กิเลนที่ราวกับจะรวบรวมความร้ายกาจของอสูรทั่วปฐพีมารวมในตัวมัน ปล่อยแรงกดดันวิญญาณออกมาเป็นระลอก ๆ .
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่จ้องมองไปยังร่างของมัน จิตสำนึกถึงกับสั่นคลอนไปในทันที.
น่าเกรงขามนัก!
ถึงแม้ว่าจะเป็นจงซานยังสัมผัสได้ ทันทีที่เห็นกิเลน ท่าทางน่าเกรงขามนี้ ทำให้จงซานนึกถึงบุคคล ๆ หนึ่งในทันที ประมุขแดนเทพอมตะเต๋าจวิน อีกาเทวะ ในครั้นนั้นที่จงซานเห็นเขา ก็สัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามที่สั่นคลอนจิตใจ.
กิเลนเพลิง ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงมากมาย กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง เปี่ยมไปด้วยพลังที่น่าหวาดกลัว ทว่าน่าแปลกมาก ปากของกิเลนในเวลานี้ กำลังคาบตำราสีเทาอยู่ ดวงตาของมันที่จ้องมองไปยังหนานกงเซิงที่ลอยอยู่บนอากาศ.
กิเลนคาบตำราอยู่อย่างงั้นรึ? ตำราอะไร ล้ำค่าขนาดนั้นเลยรึ?ถึงได้ทำให้กิเลนตนนี้ไม่ยินยอมที่จะทิ้งมันไป?
"เป็นเพียงสัตว์ร้าย! ไม่คิดที่จะยอมจำนนอย่างงั้นรึ?"หนานกงเซิงที่แสดงท่าทางโกรธเกรี้ยว.
ดวงตาทั้งสองข้างของกิเลน ที่ปล่อยพลังกดดันวิญญาณที่รุนแรงออกมา กลิ่นอายที่แข็งแกร่งโถมกระหน่ำไปยังร่างของหนานกงเซิง ไม่ยอมเช่นกัน ส่วนคนอื่น ๆ ในเวลานี้ แน่นอนว่าไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับกิเลนตนนี้.
เพียงแค่มันขยับเท้า เปลวเพลิงก็ลุกไหม้ไปทั่วทิศทาง ทะเลเพลิงที่มากมาย เผาไหม้ในรัศมีแปดลี้ ลุกไหม้บึงเลน สร้างความเสียหายต่อพื้นที่รอบ ๆ อย่างหนัก.
อาวุโสจิวที่จ้องมองไปยังจงซานที่ถอยห่างออกมา กิเลนกำลังต่อสู้กับเซียนอย่างงั้นรึ?
"อสูรเทพบรรพชน กิเลน เกิดมาก็มี"ชะตาเซียน"แล้ว ยิ่งมันโตขึ้นก็จะยิ่งแข็งแกร่ง แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ก็มีพลังเทียบเท่ากับเซียนแล้ว ในโลกใบใหญ่นั้น มันคืออสูรเทพบรรพชนลำดับที่ 96!"เซียนเซิงซือที่กล่าวต่อจงซาน.
"ความแข็งแกร่งของเซียนรึ? เรื่องนี้?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
เพราะว่าที่จงซานเห็นนั้น มีเหล่าคนและภูตหลายคนที่ถูกโจมตีด้วยเพลิงที่รุนแรงก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะทรงพลัง ทว่าก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถทนได้.
"เพราะว่าที่นี่คือโลกใบเล็ก ในโลกใบเล็กนั้น พลังฝึกตนจะถูกระงับเอาไว้ ด้วยกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพี!"เซียนเซิงซือกล่าว.
"ที่ปากของกิเลนมีอะไร?"จงซานสอบถาม.
"ไม่รู้เช่นกันว่าคืออะไร ทว่าสามารถบอกได้ว่าจะต้องเป็นสมบัติที่ไม่ธรรมดา ร่างกายของกิเลนนั้นแข็งแกร่งแทบจะไร้เทียมทาน มีพลังที่น่าเกรงขาม สิ่งนี้ต้องไม่ใช่สิ่งของธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพียงเซียนฉีทั่วไป กิเลนนั้นหาได้มองสมบัติที่ไร้ค่า ตำรานี้จะต้องเป็นสุดยอดของวิเศษแน่!"เซียนเซิงซือตอบออกมาในทันที.
"เจ้าปิศาจร้าย เซียนเหรินผู้นี้ยังขาดสัตว์ขี่อยู่ วันนี้ข้าจะรับเจ้าก็แล้วกัน!"หนานกงเซิงใบหน้าที่แสดงท่าทางดีใจที่ยากจะเห็น.
สัตว์ขี่ ต้องการรับกิเลนเป็นสัตว์ขี่อย่างงั้นรึ?
เซียนเหรินรึ?
กับคำพูดของเขา ทำให้ทุกคนสะดุ้งขึ้นมาทันที เซียน?เซียนเหรินอย่างงั้นรึ? เช่นนั้นไม่น่าแปลกใจเลยว่า ถึงได้สร้างค่ายกลที่สั่นสะเทือนสวรรค์ได้เช่นนี้!
"โฮกกกกก"
เสียงของกิเลนที่คำรามลั่น ดวงตาของมันจับจ้องมองไปยังหนานกงเซิ่ง ร่างกายของมันทันใดนั้น ก็ปรากฏเพลิงสีม่วงที่ลุกโชนพร้อมกับพุ่งออกไปราวกับน้ำตกตรงไปยังร่างของหนานกงเซิ่ง.
หนานกงเซิ่งที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมกับสะบัดมือออกไป พลังที่มองไม่เห็นพุ่งตรงไปยังเปลวเพลิงสีม่วง พริบตาเดียว ทั่วทั้งอากาศ บรรยากาศที่ราวกับว่าถูกฉีกกระชาก เพลิงสีม่วงนั้นสามารถเผาไหมอากาศ จนอากาศรอบ ๆ บิดเบี้ยวไปเลยทีเดียว.
เพลิงสีม่วงรึ?
ภายในใจของทุกคนถึงกับเย็นเยือบขึ้นมา จดจ้องมองไปยังภาพที่เกิดขึ้น อสุรกายตนนี้ร้ายกาจมาก เปลวเพลิงของมันทรงพลังขนาดนี้เลยรึ?
หนานกงเซิ่งที่เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา.
กิเลนเพลิงเพิ่มความแรงของเปลวเพลิงสีม่วงเพิ่มขึ้นไปอีกโถมกระหน่ำส่งไปยังร่างของหนานกงเซิง.
และในเวลานี้ด้วยการกระทืบเท้าไปมา ทั่วร่างของมันที่ปะทุเพลิงสีม่วงออกมาไม่หยุด ก่อนที่เปลวเพลิงดังกล่าวนั้นจะรวมตัวกัน พุ่งตรงไปยังหนานกงเซิ่ง.
หนานกงเซิ่งที่จ้องมองไปยังเพลิงสีม่วงที่รวมตัวกันพุ่งตรงมายังเขา ฉีกกระชากอากาศพุ่งเข้าหาด้วยความเร็ว.
แท่งเพลิงที่พุ่งตรงมายังร่างหนานกงเซิง.
"ตอนนี้ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่า ในปากของเจ้ามันคืออะไร? ยอมแพ้ซะ ในเมื่อเจ้าเป็นสัตว์ขี่ของข้า ตำราโลหะเล่มนั้นต้องมอบให้ข้า!"หนานกงเซิ่งที่เผยยิ้มออกมา ก่อนที่จะขยับมือออกไปคว้าแท่งเปลวเพลิงที่พุ่งมา.
กิเลนเพลิงที่เห็นหนานกงเซิ่งจับแท่งเปลวเพลิง ภายในใจของมันที่หวาดหวั่นขึ้นมาในทันที มันไม่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บให้กับหนานกงเซิ่งเลย แทบจะไม่สามารถสร้างความลำบากต่ออีกฝ่ายเลยรึ?
และทันใดนั้นกิเลนเพลิงที่ก้าวกระโดดพุ่งเป็นลำแสงบินตรงไปยังทิศทางแห่งหนึ่ง.
"คิดจะหนีอย่างงั้นรึ?"หนานกงเซิ่งที่เผยยิ้มล้อเลียน.
เป็นไปด้วยความเร็วเป็นอย่างมาก กิเลนเพลิงที่ลอยออกไปบนอากาศทันใดนั้นร่างของมันก็หยุดนิ่งขึ้นมาในทันที.
พลังสีครามตอนนี้ได้ปกคลุมไปทั่วร่างของกิเลนเพลิง สะกดกักขังมันเอาไว้.
ดวงตาของกิเลนเพลิงกำลังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวจ้องมองไปยังหนานกงเซิ่ง ร่างกายของมันที่ดิ้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง จวบจนอากาศรอบ ๆ นั้นบิดเบี้ยวสั่นสะท้านเป็นระลอก หากแต่ไม่สามารถหลุดออกมาได้.
นี่คือผู้ฝึกตนค่ายกลลำดับหนึ่งของโลกใบนี้ ต่อหน้าหนานกงเซิ่ง มันจะหนีไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
พลังสีคราม เป็นค่ายกลของหนานกงเซิ่งที่แข็งแกร่งมาก กิเลนเพลิงไม่สามารถหนีได้เลย
กิเลนเพลิงที่จ้องมองด้วยความโกรธเกรี้ยวต่อหนานกงเซิ่งเป็นอย่างมาก ในสายตาของมันนั้น ตัวมันที่มาจากโลกใบใหญ่ จะยอมให้ถูกดูแคลนได้อย่างไร.
หนานกงเซิ่งที่ใช้ค่ายกลดักจับสัตว์เทพบรรพชนได้!
ที่ไกลออกไปนั้นเซียนเซิงซือและคนอื่น ๆ ต่างก็เผยสีหน้าประหลาดใจกัน.
"กิเลนเพลิงที่เข้ามาในโลกใบเล็ก คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกกำราบได้?"เซียนเซิงซือที่เต็มไปด้วยท่าทางอัศจรรย์ใจ.
หนานกงเซิ่งที่เคลื่อนที่ไปยังกิเลนเพลิงช้า ๆ ตรงไปอยู่ที่ด้านหน้าของกิเลนเพลิง จดจ้องมองตำราที่กิเลนเพลิงคาบเอาไว้แน่น ราวกับว่าต่อให้ตายก็จะไม่ยอมปล่อย.
"ตำราอะไร ที่ทำให้เจ้าไม่ยอมปล่อย?"หนานกงเซิ่ง ขณะยืนมือเตรียมคว้าไปยังตำราดังกล่าว.
กิเลนเพลิงที่สะบัดหน้าไปมาอย่างบ้าคลั่ง ไม่ยอมให้นานกงเซิงแตะต้องตำรา ในเวลานี้มันพยายามเพิ่มพลังขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะถูกพลังโลกใบเล็กขับไล่ก็ตามที่ มันจะไม่ยอมโดยเด็ดขาด.
ขณะที่ทุกคนคิดว่ากิเลนเพลิงนั้นไม่สามารถหนีไปใหนได้.
ทันใดนั้นที่บนท้องฟ้า สายฟ้าขนาดใหญ่ก็ฟาดลงมาเสียงดังสนั่น.
"เปรี้ยง!!!"
ถึงกับทำให้ทุกคนหูอื้อไปเลยทีเดียวกับสายฟ้าที่รุนแรงเช่นนี้.
จากนั้นเมฆสายฟ้ามากมายที่กระจายออกไปรอบ ๆ สายฟ้าที่แลบแปบ ๆ ท้องฟ้าที่เกิดรอยแยก รอยแยกที่เกิดจากสวรรค์และปฐพีได้พบเห็นศัตรูที่ต้องขับไล่ออกไป.
"ฮ่าฮ่าฮ่าอ่า เจ้าสัตว์ร้าย ท้ายที่สุดก็พบเจ้าแล้ว ดูสิว่าจะหนีไปถึงใหน!"เสียงของใครคนหนึ่งที่ดังออกมาจากรอยแยกบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงหัวเราะ.
กับเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความยโสโอหังที่ดังลั่น หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ท้องฟ้าที่สั่นคลอน พลังสีเขียวที่ส่องประกายไปทั่วทั้งท้องฟ้า พริบตาเดียวเท่านั้นก็ย้อมบรรยากาศเป็นสีเขียวทั้งหมด.
"นี่คือพลังของคนจากโลกใบใหญ่!"เซียนเซิงซือที่แสดงท่าทางประหลาดใจขึ้นมาอีกครั้งแล้ว.
นี่คือพลังจากโลกใบใหญ่ น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก นี่เป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดา สามารถที่จะแหวกม่านพลังของโลกใบเล็กได้อย่างคาดไม่ถึง? ถึงแม้ว่าม่านพลังภพหยิน จะอ่อนแอก็ตาม ทว่าก็ไม่ใช่เซียนทั่วไปจะเปิดได้.
กับเสียงหัวเราะที่น่าเกรงขามนี้ สั่นคลอนจิตใจของทุกคนเป็นอย่างมาก.
ยอดยุทธ์ นี่คือยอดฝีมือ พื้นที่ตรงกลางในเวลานี้ ไม่มีใครสามารถหลบหนีออกไปได้.
หนานกงเซิ่งที่จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความโกรธ.
ทว่าในเวลาเดียวกันที่ท้องฟ้าแตกแยกออกมา พลังสีเขียวที่ระเบิดทุกสิ่งทุกอย่าง ก่อนที่จะมีฝ่ามือจากบนฟ้ากำลังแหวกรอยแยกออกมา.
แทบจะในทันทีที่ฝ่ามือดังกล่าวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า แรงกดดันวิญญาณที่น่าเกรงขามอย่างที่สุดก็โถมกระหน่ำลงมา จนในเวลานี้แทบจะทุกคนต้องล่วงหล่นลงไปบนพื้น ไม่สามารถบินอยู่บนอากาศได้.
ทว่าฝ่ามือนั้นได้มุ่งเป้าไปยังหนานกงเซิ่ง และกิเลน
กิเลนเพลิงก่อนหน้านี้ที่เต็มไปด้วยความยโสโอหัง ทันใดนั้นแววตาของมันที่ตื่นตกใจอย่างรุนแรง.
ฝ่ามือดังกล่าวนั้น ดูเหมือนว่าจะปิดไปทั่วผืนฟ้า ราวกับว่าเพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็ปิดท้องฟ้าทั้งหมดเอาไว้ได้.
นี่คือปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว!
ท้ายที่สุดจงซานก็เข้าใจ ปิดท้องฟ้าเพื่อป้องกันการขับไล่ บางทีการปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียวได้ ฝ่ามือสีเขียวนั่นย่อมทรงพลัง ผิดปรกติอย่างแน่นอน.
ฝ่ามือดังกล่าวที่กำลังคว้ามายังทิศของหนานกงเซิ่งเพื่อนำเขาออกไปยังโลกใบใหญ่อย่างงั้นรึ?
หนานกงเซิ่งที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว สะบัดมือหนึ่งครั้ง ก่อนที่บนศีรษะของเขานั้น จะปรากฏค่ายกลขนาดใหญ่ขึ้นมาในทันที.
พริบตาเดียวที่ค่ายกลถูกสร้างขึ้น ด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา พลังที่มากมายของสวรรค์และปฐพีที่ปรากฏขึ้นกระจายไปยังพื้นที่รอบ ๆ ถูกดูดซับ ปราณวิญญาณมากมายที่เอ่อล้น ถูกดูดเข้ามา ด้วยความเร็วสูง.
ทั่วทั้งเขตแดนภูตโคลน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายเมือง และผู้ฝึกตนอีกนับไม่ถ้วน ทันนั้นพวกเขาก็พบว่าพื้นที่รอบ ๆ ปราณวิญญาณที่มากมายนั้น พริบตาเดียวได้หายไป.
พลังวิญญาณที่มากมายมหาศาลถูกหนานกงเซิ่งสร้างค่ายกลดึงดูดมานั่นเอง.
เพียงชั่วอึดใจ พื้นที่รอบ ๆ ก็ปรากฏเป็นผนึกที่อัดแน่นด้วยปราณวิญญาณ.
หนานกงเซิ่งที่ยื่นมือไปบนท้องฟ้า ฝ่ามือของเขาที่พร้อมเข้าปะทะฝ่ามือสีเขียวขนาดใหญ่โตที่กำลังล่วงหล่นลงมา.
แทบจะในทันทีเช่นกัน ผลึกพลังงานที่หนาแน่น ที่หนานกงเซิ่งดูดมานั้นก็เปลี่ยนเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ยักษ์สีขาวที่พุ่งออกไปบนท้องฟ้าเพื่อรับการโจมตีของฝ่ามือสีเขียว.