Chapter 548 กิเลน.
"เร็วเข้า ขวางทางพวกเขาเร็ว อย่าให้พวกเขาเห็นข้า!"ทันใดนั้นอาวุโสจิวที่เอ่ยออกมา.
ทว่าไม่มีเวลาพอแล้ว เพราะว่าคนในชุดขาวทั้งสามได้ร่อนบินลงมาพื้นที่ใกล้ ๆ แล้ว ขณะที่จ้องมองมายังจงซาน.
สายตาของทุกคนที่จ้องมองไปยังจงซาน ขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับเผยสีหน้าเหยียดหยัน ก่อนที่จะหันหน้าหนีและบินจากไป.
"หืม!"เซียนเซียนที่อุทานออกมาเล็กน้อย.
จงซานและคนอื่น ๆ เองก็เหมือน ๆ กัน เซียนเซียน ขณะที่จดจ้องมองไปยังอาวุโสจิว.
อาวุโสจิวในเวลานี้ ได้นำหน้ากากผีอันหนึ่งออกมาสวม ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เซียนเซียนที่เห็นอาวุโสจิวสวมหน้ากาก ท่าทางของเขาแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด.
ทุกคนจ้องมองไปยังอาวุโสจิวโถวด้วยท่าทางงงงวย.
ไม่สงสัยที่เห็นอาวุโสจิวต้องการให้ขวางทางบังเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้คนชุดขาวเห็นท่าทางมีพิรุธนี้ เขากำลังสวมหน้ากากภูตอยู่นี่เอง.
"อาวุโสจิวโถว เจ้ามีระดับราชันย์แท้ เกรงกลัวพวกเขาอย่างงั้นรึ?"เซียนเซียนที่ประหลาดใจกล่าวออกมาเสียงดัง.
อาวุโสจิวโถว"........."
"พวกเขาทั้งสามหาได้มีความแข็งแกร่งแต่อย่างใด เพียงแค่ระดับก่อตั้งวิญญาณเท่านั้น มีอะไรให้หวาดกลัว? ถึงกับนำหน้ากากผีน่าเกลียดนั่นมาสวม ขายหน้าจริง!"เซียนเซียนที่กล่าวเสียงดังอีกครั้ง.
อาวุโสจิวโถว"........."
"พอล่ะ เซียนเซียน!"จงซานที่กล่าวหยุดเซียนเซียนในทันที.
"สหายเหยี่ยน คนเมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้ทั้งสามคน มาจากราชวงศ์สวรรค์? หรือคนของแดนเทวะกัน?"จงซานกล่าว.
"ไม่ใช่ พวกเขามาจากตระกูลหนึ่ง เป็นตระกูลที่มีประวัติความเป็นมายาวนานที่สุดในภพหยิน."เหยี่ยนฉงจื่อกล่าว.
"หืม?"จงซานที่แสดงท่าทางสงสัย.
"พวกเขาคือตระกูล "เทียน" ภายในภพหยินแห่งนี้นับว่าลึกลับที่สุด พวกเขาเป็นเทพอารักษ์ขุมนรกขนาดหมื่นจั้งและเส้นทางแม่น้ำเหลียง(แม่น้ำยมโลก) แม้ว่าคนทั้งสามจะไม่ได้แข็งแกร่ง ทว่าก็ไม่มีใครกล้าท้าทายตระกูลเทียน พวกเขามีสถานะเทียบเท่ากับราชวงศ์สวรรค์เลย."เหยี่ยนฉงจื่อตอบ.
"เทียน? ตระกูลเทียนรึ?"จงซานที่เผยท่าทางสงสัยเป็นอย่างมาก.
เทียนหลิงเอ๋อที่มีสกุล"เทียน"ด้วยเช่นกัน มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลเทียนนี้หรือไม่?
"ราชันย์ไป๋อวิ๋นรึ?"เหยี่ยนฉงจื่อที่จ้องมองไปยังชายที่สวมชุดราชวงศ์ราชันย์ที่อยู่ไกลบนยอดเขาแห่งหนึ่งพลางขมวดคิ้วแน่น.
"ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ที่นี่ยังมีระดับราชันย์แท้อยู่อีก."อาวุโสจิวที่จ้องมองไปยังรอบ ๆ .
"นี่นับว่าเป็นการชุมนุมใหญ่จริง ๆ !"เหยี่ยนฉงจื่อกล่าว.
ทุกคนที่สอดส่องไปรอบ ๆ ขณะที่หลาย ๆ คนที่รอคอยอยู่ เรื่องนี้ก็ผ่านไปหกวันแล้ว ในเวลานี้ผู้ฝึกตนมากมายที่มารวมตัวกัน ต้องการที่จะหาความลับเกี่ยวกับการล่วงหล่นของดวงตะวันสีทอง อาจจะมีความลับสวรรค์ที่สั่นผืนปฐพีก็เป็นได้.
และทันใดนั้น พื้นที่รอบ ๆ บนท้องฟ้า ก็ปรากฏแสงสีครามแผ่ออกมาทันที จากนั้นแสงสีขาวที่ส่องประกายออกมามากมายนั้น ทำให้เหล่าวิญญาณที่ล่องลอยอยู่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานบ้าคลั่งหลาย ๆ ตนที่มุดลงไปในโคลนทันที ราวกับว่าแสงสีครามนี้ได้ทำร้ายพวกมัน.
แสงสีครามนั้นกระจายไปทั่วเขตดินเลน เหล่าพลังงานสีดำนับไม่ถ้วนหลังจากที่ถูกแสงสีครามสอดส่อง ร่างภูตควันมากมายต่างก็สลายหายเป็นควันในทันที ดวงวิญญาณทุกดวงที่ลอยอยู่บนอากาศถูกดึงไปใต้ดินเลนทั้งหมด.
บนดินเลนในเวลานี้ เหล่าวิญญาณและพลังสีดำได้สลายหายไปหมด เขตแดนภูตโคลน ทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก.
จงซานจ้องมองไปยังพื้นที่รอบ ๆ เพื่อตรวจสอบที่มาของแสงสีคราม.
"นี่เป็นค่ายกลขนาดใหญ่ ใครบางคนที่กำลังสร้างค่ายกลที่ทรงพลังขึ้นมา? ปกคลุมไปทั่วทั้งเขตแดนภูตโคลน?"อาวุโสจิวที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางตื่นตกใจ.
"ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการขับไล่ ดวงตะวันสีทองที่ล่วงหล่นลงมาบนท้องฟ้า?"เซียนเซียนที่ขมวดคิ้วไปมา.
เซียนเซียนที่พบว่าพื้นที่รอบเวลานี้มีคนอยู่มากมาย ทุกคนต่างก็เงียบงัน จับจ้องมองด้วยความสงสัย พวกเขาที่มาที่นี่รอคอยมานานแล้ว ทว่าดวงตะวันสีทองนั้นก็ยังไม่เผยออกมา มันคืออะไรกันแน่.
เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่มาค้นหาความจริง ทว่าก็ยังไม่พบเห็นสิ่งใด ทว่าตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันกำลังเผยออกมาแล้ว.
"ตรงนั้น!"เซียนเซียนที่ชี้นิ้วออกมา สถานที่ดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ที่มีแสงสีครามแผ่ออกมานั่นเอง.
บนท้องฟ้ามีคนในชุดสีขาวกำลังร่อนลงมาช้า ๆ คนผู้นี้ค่อนข้างผอม มีเล็บสีม่วง ผิวที่ดูประณีต ที่หน้าผากมีเส้นสีแดงคู่หนึ่ง ใบหน้าที่ดูมืดครึ้มอย่างที่สุด.
"ผู้ฝึกตนค่ายกลลำดับหนึ่งของโลกใบนี้ หนานกงเซิ่ง?"จงซานที่ชำเลืองมองไปยังคนที่ค่อย ๆ ร่อนลงมา.
หนานกงเซิ่ง? นี่คือตัวตนที่ทรงพลังของทวีปศักดิ์สิทธิ์ในภพหยาง ประมุขแดนเทพอเวจี เขาที่กำลังจะเป็นเซียนผู้หนึ่งแล้ว นี่เขามายังภพหยินอย่างงั้นรึ? ไม่ใช่ว่าเขากลายเป็นเซียนไปแล้วหรอกรึ? โลกใบเล็กไม่ได้ขับไล่เขาอย่างงั้นรึ?
จงซานที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ ใบหน้าของหนานกงเซิ่งที่ค่อย ๆ ร่อนลงมาบนเนินเขาของบึงเลน จดจ้องมองไปยังพื้นผิวดินเลนด้วยความสงบ.
ประกายแสงสีครามที่ส่องประกายอยู่นั้น ดูเหมือนว่าจะส่องประกายออกไปหลายหมื่นลี้ ส่องออกมารอบ ๆ หนานกงเซิ่ง ราวกับว่าเขาเป็นประมุขของสวรรค์และปฐพี ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอหังการอย่างที่สุด ถึงแม้ว่ารอบ ๆ จะมีระดับราชันย์แท้หลายคน ทว่าก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรหนานกงเซิ่งได้.
ผู้ฝึกตนสวรรค์แท้ภายใต้สวรรค์แห่งนี้คือผู้ฝึกตนระดับสูงสุด ที่กำลังจะกลายเป็นเซียน เป็นตัวตนในตำนาน หนานกงเซิ่งที่ดูดซับหมอกเมฆม่วงเข้ามา ตอนนี้ทำให้เขาทรงพลังเทียบเท่าเซียน กลิ่นอายพลังกดดันวิญญาณที่แผ่ออกมานั้น ทรงพลังจนทำให้ผู้ฝึกตนรอบ ๆ หวาดหวั่น.
คนผู้นี้เป็นใครกัน?
ผู้คนมากมายที่จ้องมองไปยังพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ของชายผู้นี้ที่ลอยอยู่บนอากาศ.
สามารถสร้างค่ายกลขนาดใหญ่ ปกคลุมไปทั่วทั้งเขตแดนภูตโคลนเลยอย่างงั้นรึ?
ค่ายกลนี้คือค่ายกลอะไร? น่าเกรงขามขนาดนี้เลยรึ? จะต้องรับรู้ด้วยว่าเขตแดนภูตโคลนนั้นกว้างใหญ่มาก มีขนาดไม่น้อยกว่าพื้นที่ของราชวงศ์จักรพรรดิสองแห่งรวมกัน พื้นที่ขนาดนี้ยังสามารถที่จะกางค่ายกลล้อมรอบได้อย่างงั้นรึ?
หัวใจของทุกคนที่สั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะมีผู้ฝึกตนที่มีความสามารถต่อต้านสวรรค์เช่นนี้มาก่อน.
นี่เป็นการกระทำของคนผู้นี้อย่างงั้นรึ?
"เป็นเซียนที่แข็งแกร่งทรงพลังมาก!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"อืม!"อาวุโสจิวที่หรี่ตาจ้องมองพร้อมกับพยักหน้ารับ.
"สหายจง รู้จักบุคคลผู้นี้หรือไม่?"เหยี่ยนฉงจื่อที่กล่าวด้วยเสียงเบา ๆ .
เหยี่ยนฉงจื่อที่มีความสามารถที่โดดเด่น เพียงแค่จ้องมองท่าทางจงซานก็สามารถคาดเดาได้อย่างถูกต้องแล้ว.
จงซานที่จ้องมองไปยังเหยี่ยนฉงจื่อ พลางพยักหน้า.
"เขาคืออดีตประมุขแดนเทวะภพหยาง นามว่าหนานกงเซิ่ง! ในภพหยางนั้นเขาคือผู้ฝึกตนค่ายกลลำดับหนึ่ง!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ฝึกฝึกตนค่ายกลลำดับหนึ่งอย่างงั้นรึ?"เหยี่ยนฉงจื่อที่ขมวดคิ้วกล่าวออกมาด้วยเสียงที่เคร่งขรึม.
ผู้คนรอบ ๆ เริ่มคาดเดาตัวตนของหนานกงเซิ่ง ทว่าไม่มีใครรู้จักหนานกงเซิ่ง แม้นว่าจะในภพหยางเอง แม้ว่าจะได้ยินชื่อของเขา ทว่ารูปร่างหน้าตาจริง ๆ แล้ว มีน้อยคนมากที่เห็น ในเวลานี้หนานกงเซิ่งมาอยู่ที่นี่ย่อมไม่มีใครรู้จัก ในเวลานี้ทำให้พวกเขาได้แต่คาดเดาเท่านั้น.
ที่ไกลออกไปนั้น สามผู้เยาว์ตระกูลเทียนที่จ้องมองหน้ากันและกัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาพบกับค่ายกลที่ทรงพลัง จำเป็นต้องกลับไปรายงานตระกูล!
ใบหน้าของหนานกงเซิ่งนั้นดูเคร่งขรึมน่าเกรงขามมาก จดจ้องมองลงไปยังพื้นที่ดินเลน สายตาที่ค่อนข้างจริงจัง ทำการชำระล้างพื้นที่รอบ ๆ บึงเพื่อบังคับบางสิ่งบางอย่างออกมา.
นิ้วมือที่ประณีตของเขาที่ชี้ลงไปยังบึง แสงสีม่วงที่ส่องประกายถูกยิงลงไปในบึงเลยเช่นกัน.
ทันใดนั้น พื้นที่รอบ ๆ ของบึงเลนปรากฏร่างเงามากมายขึ้นมาในทันที แสงสีครามที่เป็นค่ายกลเต็มไปด้วยอักษรรูน มากมายนับไม่ถ้วนปกคลุมบึงขนาดใหญ่โต.
"เป็นค่ายกลที่ซับซ้อน เหมาะสมแล้วที่เป็นผู้ฝึกตนค่ายกลอันดับหนึ่ง!"เหยี่ยนฉงจื่อที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"นี่มันค่ายกลอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นได้ยินมาก่อนเลย?"อาวุโสจิวที่เต็มไปด้วยท่าทางหวั่นเกรงต่อค่ายกลดังกล่าว.
อาวุโสจิวที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ ไม่ว่าอย่างไรด้วยประสบการณ์ที่เขามีนั้น เกี่ยวกับค่ายกล เขาย่อมพอรับรู้มาบ้าง.
"ท่านปู่บอกว่าหนานกงเซิ่งนั้นแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยกว่าตัวเองเลย ทว่าหนานกงเซิ่งนั้นกลับสามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ มากมายหลากหลาย จนกลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งเลย!"
เซียนเซียนที่กล่าวออกมา ทำให้เหยี่ยนฉงจื่อขมวดคิ้วจ้องมองไปยังเซียนเซียน ท่านปู่รึ?
จงซานที่ฝืนยิ้มจ้องมองไปยังเซียนเซียน ไม่ทันได้ตำหนินางที่เผยความลับ.
บนบึงเลน ยังไม่เปลี่ยนไป ดวงตาของหนานกงเซิ่งที่เปลี่ยนเป็นเย็นชา เผยยิ้มออกมาด้วยท่าทางเหยียดหยัน.
นิ้วของเขาที่ชี้ออกไป ค่ายกลที่ปกคลุมบึง ทันใดนั้นก็หายไป จมลงบึงเลนด้านล่างในทันที.
หนานกงเซิ่งที่จ้องมองด้วยความสนใจ ทุกคนที่เปลี่ยนเป็นเงียบ จับจ้องมองอย่างสนใจ เป็นสิ่งใดจากโลกใบใหญ่กัน ด้วยพลังของหนานกงเซิ่งนั้นน่าเกรงขามมาก ไม่มีใครที่จะกล้าเข้าไปยุ่งกับเขา.
"ออกมา! ต้องการให้ข้าเชิญเจ้าออกมารึอย่างไร?"หนานกงเซิ่งที่เผยสีหน้าแววตาจริงจัง.
เขาพูดกับใครกัน? ภายในดินโคลนนั้น ซ่อนสิ่งใดไว้ คนอย่างงั้นรึ?ผู้ฝึกตนชั้นยอด? เป็นผู้ฝึกตนจากโลกใบใหญ่อย่างงั้นรึ?
เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่ชักอาวุธออกมาอย่างพร้อมเพรียงเพื่อเตรียมปกป้องตัวเอง เฝ้าดูด้วยความระมัดระวัง ต้องไม่ลืมว่าโลกใบใหญ่นั้นคือดินแดนในตำนาน ในความทรงจำของทุกคนนั้น คนในโลกใบเล็กในมุมมองของพวกเขาเป็นเหมือนกับคนป่าเถื่อนไร้อารยะ ส่วนโลกใบใหญ่กลับเต็มไปด้วยยอดฝีมือที่ทรงพลังน่าเกรงขามมากมาย.
"มีปัญหาอะไร? ไม่ต้องการออกมาอย่างงั้นรึ?"หนานกงเซิ่งที่แค่นเสียงเย็นชา.
"โฮกกกกกกกก!"
ด้านล่างดินเลนในเวลานี้ มีเสียงที่โหยหวนดังขึ้นมาในทันที เสียงแตกหักของโลหะกำลังแตกร้าว พลังที่ไม่ธรรมดากำลังดังสนั่นเลื่อนลั่นปฐพี พลังที่น่าเกรงขามกำลังแผ่ออกมา.
เหล่าผู้ฝึกตนมากมาย ที่ได้ยินเสียงที่โศกเศร้าโหยหวนแล้ว ดวงตาเปล่งประกาย.
"ออกมา!"หนานกงเซิ่งที่กล่าวด้วยเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมาอีกครั้ง ในมือของเขาที่ปล่อยแสงสีม่วงลงไปในบึงเลนอีกครั้ง.
"โฮกกกกกกก"
บึงเลนที่สั่นไหวไปมา เสียงความเจ็บปวดทรมานที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ .
จากนั้น สายตาของทุกคนที่จ้องมองไปยังพื้นที่ตรงกลาง บนบึงเลนนั้นนั้นมีฟองน้ำที่ผุดออกมา ปุด ๆ ขึ้นมาไม่หยุด จนเกิดเสียงดัง.
สายตาของทุกคนที่แสดงท่าทางกระตือรือร้นต้องการรับรู้.
ไม่นานหลังจากนั้น จากพื้นที่ตรงกลาง แสงสีแดงก็ส่องประกายไปทุกสารทิศ ไม่ น่าจะเป็นลำแสงขนาดใหญ่ที่ถูกยิงขึ้นมา มันพุ่งขึ้นไปทะลวงชั้นเมฆ.
แสงสีแดงที่น่าเกรงขามนี้ถูกส่องขึ้นไปบนท้องฟ้า ปราณฟ้าดินทันใดนั้นก็วุ่นวายโกลาหล เมฆห้าสีที่กำลังรวมตัวขึ้นในทันที ก่อนทีมันจะหมุนวนรอบ ๆ ลำแสงสีแดงดังกล่าว อากาศรอบ ๆ ที่ปรากฏพลังกดดันวิญญาณมหาศาลโถมกระหน่ำขึ้นมาในทันที เหล่าผู้ฝึกตนที่มีระดับพลังฝึกตนต่ำ ตกตายไปในทันที.
ผู้เยาว์สามคนที่มีอักษรเทียนปักอยู่บนชุด แววตาที่จ้องมองด้วยท่าทางไม่ดีนัก ด้วยพลังวิญญาณที่หนักหน่วง พวกเขาที่มีพลังฝึกตนไม่สูงไม่สามารถที่จะบินหลบหนีได้.
ลำแสงที่พุ่งขึ้นบนฟ้านั้น สิ่งดังกล่าวนี้คือสิ่งใด? ผู้เยี่ยมยุทธ์อย่างงั้นรึ?
ท้ายที่สุดหลังจากที่ลำแสงถูกยิงขึ้นไป จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีทองที่ส่องประกายระยิบระยับส่องไปทุกทิศทุกทาง.
เขาคู่ที่ส่องประกายใบหน้าเหมือนกับมังกรที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากบึงเลน แสงสีทองที่ลุกไหม้เหมือนกับเปลวเพลิง เขาขนาดใหญ่ที่ค่อย ๆ เลื่อนผุดขึ้นมา ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
"นี่มัน นี่มัน กิเลน! สัตว์อสูรเทพบรรพชนของโลกใบใหญ่ลำดับที่ 96 กิเลน! หนีเร็วเข้า!"เซียนเซิงซือที่เอ่ยออกมาด้วยความตื่นตกใจ.