Chapter 546 ตะวันสีทองล่วงหล่นจากสวรรค์
การเดิมพันของสามราชวงศ์ จงซานที่กลับมาด้วยชัยชนะ.
ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง ที่เฉลิมฉลองไปทั้งแผ่นดิน! การสามารถยึดครองเมือง 20 เมืองได้อย่างรวดเร็ว ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิงนับว่ามั่งคั่งเป็นอย่างมาก.
สามปี ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งที่ใช้เวลาสั่งสมพลังอยู่สามปี ในระหว่างนี้ เรื่องของพวกเขาที่มีผู้ฝึกตนราชันย์แท้ก็กระจายไปทั่วเช่นกัน.
กับการมีผู้ฝึกตนเช่นนี้ ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน ระดับราชันย์แท้อย่างงั้นรึ?
ระดับราชันย์แท้? เพียงแค่ราชวงศ์จักรพรรดิกับมีระดับราชันย์แท้เป็นข้าราชบริพารเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ ? น่าเกรงขามนัก!
อ๋องหมาป่า ซาโพว? ทุกคนที่เข้าใจได้ในทันทีว่า เผ่าหมาป่าได้เข้าร่วมกับพวกเขาแล้ว ด้วย "ชีวิตลิขิต"เกี่ยวข้องกับสายโลหิต พวกเขาไม่สามารถที่จะขัดขืนได้ ในเวลานี้พวกเขาต้องเข้าร่วมราชวงศ์วาสนา ดูเหมือนว่าวาสนาราชวงศ์ของพวกเขานั้นจะมากมายมหาศาล ราชวงศ์จักรพรรดิที่มีผู้ฝึกตนราชันย์แท้ให้ใช้งาน ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง ช่างเป็นราชวงศ์วาสนาที่ต่อต้านสวรรค์จริง ๆ .
แน่นอนว่า ยังมีสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ ที่ ราชวงศ์ต้าเจิ้งยังมีตัวตนระดับสวรรค์แท้ ราชาโครงกระดูก หวังคู อยู่ใต้บังคับบัญชาด้วย หากรู้ไพ่ลับใบนี้แล้วล่ะก็ ไม่รู้ว่าผู้คนจะคิดเช่นไร.
สามปี การบริการงานภายในของจงซานทำให้อาณาจักรรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก.
ทัพของต้าเจิ้ง ถึงแม้ว่าจะทรงพลัง ทว่าก็เพิ่งเกิดมาเพียงสิบปี เช่นนั้นพวกเขาจะต้องวางรากฐานให้มั่นคงในภพหยินแห่งนี้ก่อน.
......
วังหลวง ท้องพระโรง ภพหยางเรียก ตำหนักซ่างเฉิง(อายุยืนยาว) ส่วนท้องพระโรงของภพหยินได้ตั้งชื่อมันว่า วิหารปู่ซือ(อมตะ)
ภายในวิหารอมตะนี้ จงซานใช้เป็นพื้นที่ประชุมวางแผน.
"รายงานฝ่าบาท ราชวงศ์ราชันย์ไป๋อวิ๋นทางภาคตะวันตก ได้มีตะวันสีทองล่วงหล่นลงมา ทำให้เกิดแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนไปทั่วหล้า เหล่าวีรบุรุษมากมายต่างก็เดินทางไปชุมนุม ขอให้ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยด้วย!"เสนาธิการผู้หนึ่งกล่าวรายงาน.
"ตะวันสีทองล่วงหล่นอย่างงั้นรึ?"จงซานขมวดคิ้ว.
"ตะวันสีทองล่วงหล่นนั้น ดูเหมือนดวงอาทิตย์จริง ๆ ที่หล่นลงมาจากท้องฟ้า จมลงไปในเขตแดนภูตโคลนของราชวงศ์ราชันย์ไป๋อวิ๋น หากแต่มันกลับหายไป มีเหล่าภูตมากมายต่างค้นหา หากแต่ไม่สามารถพบสิ่งใดได้แม้แต่น้อย ราวกับว่ามันล่วงหล่นลงบนพื้นแล้วก็หายไป!"เสนาธิการกล่าว.
"อืม ข้ารู้แล้ว!"จงซานพยักหน้ารับ ไม่ได้ตอบแต่อย่างใด.
เหล่าข้าราชบริพารที่ออกไป ยังคงเหลือแค่เหล่าขุนนางคนสำคัญ.
ซึ่งแน่นอนว่ามีหลินเซียวและเซียนเซิงซืออยู่ด้วย.
"มีความเห็นว่าอย่างไร?"จงซานที่จ้องมองไปยังพวกเขา.
"ฝ่าบาท น่าจะมาจากโลกใบใหญ่!"เซียนเซิงซือเอ่ย.
"อืม!"จงซานที่พยักหน้ารับ สิ่งของที่ล่วงหล่นจากบนท้องฟ้า แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นสิ่งของจากโลกใบใหญ่.
"เห็นเหมือนดวงตะวันล่วงหล่นลงจากก้อนเมฆ หากแต่เมื่อหล่นลงพื้นกลับไม่เห็นสิ่งใด บางทีอาจจะเป็นของวิเศษ มีใครบางคนที่เดินทางมาจากโลกใบใหญ่!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.
"หืม?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"ต้องการเข้ามาในโลกใบเล็ก ไม่ใช่สิ่งที่เซียนจะทำสำเร็จได้ นี่คือการฝืนสวรรค์ การเข้ามาล้วนแล้วแต่ต้องเป็นความบังเอิญ เหมือนดังอุกกาบาต ทว่าการที่เห็นเหมือนดวงตะวันล่วงหล่นลงมา ชัดเจนว่าไม่ใช่อุกกาบาต ทว่าเป็นของวิเศษหรือใครบางคนเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไร ข้าคิดว่าคงจะดึงดูผู้คนมากมาย แน่นอนว่าย่อมมีคนเดินทางไปยังราชวงศ์ราชันย์ไป๋อวิ๋นกันมากมาย."เซียนเซิงซือกล่าวยืนยัน.
"อืม!"จงซานพยักหน้ารับ ครุ่นคิดอย่างระมัดระวัง.
"ฝ่าบาท พวกเราจะไปกันอย่างงั้นรึ?"หลินเซียวที่สอบถามออกไป.
"ไม่เพียงแค่ของวิเศษที่ล่วงหล่นเท่านั้น ทว่าเรื่องนี้จะต้องสั่นสะเทือนไปทั่วหล้า หลาย ๆ คนคงวางแผนที่จะนำสิ่งของดังกล่าวมา ราชวงศ์ราชันย์ไป๋อวิ๋นอย่างงั้นรึ? เขตแดนของภูตโคลนงั้นรึ? แน่นอนว่าข้าต้องไปดู หลินเซียวเจ้าอยู่ที่นี่!"จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.
"หือ ครับ!"หลินเซียวที่พยักหน้ารับ.
"พรุ่งนี้ในที่ประชุม ข้าจะเตรียมการทุกอย่างให้เจ้า ดูแลทุกอย่างของเมืองซ่างแทนข้า ข้าจะให้ซาโพวอยู่ช่วยเจ้าด้วย."จงซานกล่าว.
"รับทราบ!"หลินเซียวที่พยักหน้ารับอีกครั้ง.
มีขุนนางอีกสองคนที่ยกมือคำนับรับคำสั่งด้วยเช่นกัน.
"เซียนเซิงซือ เซียนเซียน เดินทางไปยังดินแดนภูตโคลนพร้อมกับข้า!"จงซานที่เอ่ยออกมา.
"ครับ!"เซียนเซิงซือที่ตอบรับในทันที.
ส่วนเซียนเซียนนั้น แน่นอนว่าไม่มีปัญหา หลายปีมานี้ นางที่เหมือนจะเบื่อหน่ายที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ภายในเมืองซ่างเรียบร้อยแล้ว.
..........
ราชวงศ์จักรพรรดิต้าหยิง วังหลวง.
เหยี่ยนฉงจื่อที่ได้ข่าวเกี่ยวกับอาณาเขตภูตโคลน ตะวันสีทองที่ล่วงหล่นลงมายังราชวงศ์ราชันย์ไป๋อวิ๋นแล้ว ซี่งราชวงศ์ราชันย์ไป๋อวิ๋นอยู่ทางทิศตะวันออกของภพหยิน นี่คือหนึ่งราชวงศ์ที่เข้าร่วมเดิมพันกับจงซานก่อนหน้านี้.
จักรพรรดิ เหยี่ยนฉงจื่อที่ได้จัดการประชุมกันขึ้นในท้องพระโรง.
ที่ด้านนอกตำหนักนั้น มีชายชราที่กลิ้งโถสุราไปมา จดจ้องมองไปยังพื้นที่ไกลออกไป พร้อมกับดมกลิ่นของสุราต่าง ๆ ชนิดกัน.
"อาวุโส!"เหยี่ยนฉงจื่อให้องค์รักษ์เรียกเขาเข้ามาในห้องโถง.
"หืม?"อาวุโสจิวที่ดวงตาปรือ ๆ ลืมขึ้นมาและหลับตาลงต่อ.
"อาวุโส เกิดเรื่องสำคัญขึ้นแล้ว!"เหยี่ยนฉงจื่อที่เอ่ยออกมา.
"มีเรื่องอะไรใหญ่โตกว่าความฝันของข้า!"อาวุโสจิวที่กล่าวงัวเงีย.
เหยี่ยนฉงจื่อที่ฝืนยิ้มออกมา "ทว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก!"
จากนั้นอาวุโสจิวที่ลืมตาขึ้นมา ความมึนเมาที่ราวกับว่าหายไปในทันที ก่อนที่จะกลับมานั่ง.
"เกิดอะไรขึ้น?"อาวุโสจิวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"อาวุโส คงต้องขอให้ท่านช่วยข้าค้นหาเรื่องที่เกิดขึ้นนี้แล้ว เมื่อไม่นานมานี้ มีเรื่องสำคัญที่ราชวงศ์ราชันย์ไป๋อวิ๋น ดวงตะวันสีทองล่วงหล่นจากท้องฟ้า พอหล่นลงพื้นก็หายไป! บางทีอาจจะเป็นสิ่งของบางอย่างที่มาจากโลกใบใหญ่ที่ล่วงหล่นลงมา!"เหยี่ยนฉงจื่อกล่าว.
"หืม?"อาวุโสจิวที่ขมวดคิ้วครุ่นคิด.
"อาวุโส ท่านมีความเห็นหรือไม่? หรือว่าเป็นลางบอกเหตุอะไร?"เหยี่ยนฉงจื่อที่ชำเลืองมองไปยังอาวุโสจิว.
"ลางบอกเหตุรึ? คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ ข้าคงต้องไปดู!"อาวุโสจิวที่สูดหายใจลึก.
"ข้าจะไปกับอาวุโส ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดที่มาจากโลกใบใหญ่!"เหยี่ยนฉงจื่อที่กล่าวออกมาในทันที.
อาวุโสจิวที่จ้องมองไปยังเหยี่ยนฉงจื่อ ท้ายที่สุดก็พยักหน้า "เอาล่ะ เจ้ามีเชาว์ปัญญาที่เหนือกว่าข้า บางทีในเวลานั้นอาจจะต้องใช้มันสมองของเจ้า."
"ข้าได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว พรุ่งนี้ตอนบ่าย พวกเราจะเดินทางไปยังราชวงศ์ราชันย์ไป๋อวิ๋นพร้อมกันกับอาวุโส"เหยี่ยนฉงจื่อกล่าว.
"อืม!"
..........
ระหว่างเส้นทางไปยังราชวงศ์ราชันย์ไป๋อวิ๋น.
จงซานที่นำเซียนเซิงซือ และเซียนเซียน มุ่งตรงไปยังจุดหมาย ด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายพันลี้ คนทั้งสาม เซียนเซิงซือที่มีระดับหลอมกายธาตุ ทว่าเซียนเซิงซือกับมีวิธีบางอย่าง ที่ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนเซียนเลย.
ส่วนจงซานนั้น ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ด้วยร่างแยกเงานั้น ระดับจักรพรรดิแท้ขั้นที่ห้า ความเร็วของเขานั้นแม้แต่ระดับราชันย์แท้ยังเทียบไม่ได้ ความเร็วของจงซานไม่ธรรมดา หากแต่ใช้ความเร็วเท่ากับความเร็วสูงสุดของเซียนเซียน.
พวกเขาผ่านโพ้นทะเล ตรงไปยังเขตแดนภูตโคลนตามแผนที่ที่ได้รับมา.
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น.
เขตแดนของภูตโคลน บนเทือกเขาแห่งหนึ่ง จงซานและพรรคพวกที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า.
ใกล้ ๆ เทือกเขาแห่งนี้นั้น ร่างสองร่าง ชายผู้หนึ่งในชุดสีดำที่ทรงพลัง และชายชราขี้เมา ที่พกขวดสุราตลอดเวลา.
ทันทีที่เห็นจงซาน อาวุโสจิวที่ดวงตาเปล่งประกาย ก่อนที่จะบินเข้ามาหา.
จงซานที่บินมาจึงต้องหยุดกลางอากาศจ้องมองมองคนทั้งสอง.
อาวุโสจิวที่หยุดกลางอากาศเช่นกันพร้อมกับค่อย ๆ หย่อนตัวลงบนหุบเขาแห่งนึ่ง ซึ่งเหยี่ยนฉงจื่อที่ตามมาช้า ๆ .
"ฮ่าฮ่า จงซาน พวกเราคงจะมีชะตาร่วมกัน! เจ้ามีสุราหรือไม่? เหมือนกับคราวที่แล้ว!"อาวุโสจิวที่เอ่ยออกมาในทันที.
"จักรพรรดิต้าเจิ้ง พบกันอีกแล้ว!"เหยี่ยนฉงจื่อเผยยิ้มออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"หืม?เหยี่ยนฉงจื่อ? ทำไมมาอยู่ที่นี่อย่างงั้นรึ?"จงซานที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"แน่นอนตะวันสีทองที่ล่วงหล่นลงมาจากสวรรค์ ไม่ใช่ว่าเจ้าเองก็สนใจหรอกรึ?"เหยี่ยนฉงจื่อที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
จงซานที่ขมวดคิ้ว ตัวเขาที่ได้มาพบกับเหยี่ยนฉงจื่อโดยบังเอิญ ทว่าเขากับตอบ ตะวันสีทองที่ล่วงหล่นจากสวรรค์ กับคำตอนนี้ได้บอกทุกอย่างที่เขาสอบถามแล้ว ดูเหมือนว่าเหยี่ยนฉงจื่อจะไม่ธรรมดา.
"พวกเราเองก็เช่นกัน!"จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"จงซาน ว่าแต่เจ้ามีสุรามาด้วยหรือไม่?"อาวุโสจิวที่ยังคงกล่าวออกมาอีกครั้ง.
จงซานที่สะบัดมือครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะน้ำไหสุราออกมา ก่อนที่จะส่งมันให้กับอาวุโสจิว.
"จะไม่แนะนำตัวหน่อยรึ?"จงซานที่จ้องมองไปยังอาวุโสจิว.
"เจ้าเรียกข้าว่าผู้เฒ่าจิวโถวได้ ส่วนชื่อจริงนั้นข้าลืมไปแล้ว!"อาวุโสจิวที่ยกไหสุราพร้อมกับปิดฝาออกมา.
เซียนเซียนที่เบ้ปาก แล้วกล่าวออกมาเบา ๆ "ทิ้งชื่อตัวเอง!"
"หืม?"อาวุโสจิวที่ตกใจเล็กน้อย พร้อมกับหันหน้าไปมองเซียนเซียน.
"เจ้าบอกว่าข้าทิ้งชื่ออย่างงั้นรึ?"อาวุโสจิวที่จ้องมองไปยังเซียนเซียนด้วยความประหลาดใจ.
"แน่นอน ข้าและจงซานเคยพูดคุยกันเรื่องนี้ บางทีชีวิตของเจ้าคงจะประสบความยากลำบาก จนยากที่จะเอ่ยถึง หรือจะเป็นชายแก่บ้าคลั่งที่ชอบปกปิดความลับ เจ้าเลือกที่จะทำเช่นนี้เอง ทิ้งชื่อตัวเองไป อย่างน้อยก็จะได้หนีไม่ให้ใครเห็น!"เซียนเซียนที่บิดริมฝีปากกล่าวออกมาด้วยความเหยียดหยัน.
อาวุโสเทียนที่รู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก! ประสบความยากลำบากมารึ? จนยากที่จะเอ่ยถึงรึ? เรื่องนี้ก็ยังพอทำเนา แต่เจ้าบอกว่าข้าเป็นชราที่เสียสติ เป็นโรคร้ายชอบปกปิดความลับรึ?
คิดถึงเรื่องของตัวเองก็ทำให้อารมณ์ลุ้งพล่านเช่นกัน ทว่าจ้องมองไปยังสาวน้อยเซียนเซียนแล้วแววตาของเขาที่แสดงท่าทางโศกเศร้าออกมา.
"เซียนเซียนอย่าได้เสียมารยาท!"จงซานที่ขวางนางเอาไว้.
แม้ว่าเซียนเซียนจะกล่าวเช่นนั้นออกมา ทว่ากับคนอื่นเขาที่ไม่ได้รู้จักอะไรเขาต้องดุร้ายด้วยรึ? มีอะไรที่ไม่สุภาพกัน?
"แล้วพวกท่านทำไมมาหยุดที่นี่กัน? ไม่ใช่ว่าต้องการเข้าไปยังพื้นที่ภูตโคลนหรอกรึ?” จงซานที่เอ่ยถามอาวุโสจิวโถว.
จงซานเห็นว่าคำพูดของเหยี่ยนฉงจือนั้นเต็มไปด้วยความรอบคอบ จึงไม่คิดจะสอบถามเขาออกไป จึงได้หันมาสอบถามอาวุโสจิวแทน.
"หืม ที่ด้านหน้ามีอันตราย!"อาวุโสจิวที่เอ่ยออกมาตามตรง.
เหยี่ยนฉงจื่อที่อยู่ใกล้ ๆ ขมวดคิ้วไปมา ต้องการจะห้าม ทว่าก็ไม่ทันแล้ว.
"มีอันตรายด้านหน้า? ท่านเข้าไปแล้วรึ?"จงซานกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"ไม่!"อาวุโสจิวกล่าวพลางดื่มสุรา.
"ไม่? แล้วรู้ได้อย่างไรว่ามีอันตราย?"เซียนเซียนที่กล่าวล้อออกมาในทันที.
"ข้าสัมผัสได้!"อาวุโสจิวกล่าว.
"สัมผัสได้อย่างั้นรึ?"เซียนเซียนจ้องมองด้วยสายตาที่แปลกประหลาด.
อาวุโสจิวที่ไม่ได้ใส่ใจเซียนเซียน แม้ว่านางจะเหน็บแนมเขา หากแต่เขาก็ไม่ได้ต้องการทำให้เหมือนกับคำพูดนางที่ว่าเขาเป็นคนเสียสติ.
"ข้าบอกว่ามีอันตรายก็ต้องมีอันตราย เชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่!"อาวุโสจิวที่เอ่ยออกมาตรง ๆ .
ได้ยินคำพูดของอาวุโสจิวโถวแล้ว ดวงตาของจงซานเปล่งประกาย สัมผัสได้อย่างงั้นรึ? หากแต่ไม่รู้ว่ามันคืออันตรายอะไร? แน่นอนว่าเซียนเซียนย่อมไม่เชื่อคำพูดของอาวุโสจิว ทว่าจงซานนั้นเชื่อ เพราะว่าร่างหลักของจงซานนั้นมีทักษะเช่นนี้.
นิมิตรโชคดีและโชคร้าย!
ร่างหลักจงซานนั้นสามารถที่จะพยากรณ์โชคดีและโชคร้ายได้ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ด้วยบัวหงหลวนเทียนทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงหายนะ ได้หลายครั้ง นี่อาจจะเรียกได้ว่าการบำเพ็ญโชคลาภ เป็นหนึ่งในสายการบำเพ็ญ จงซานไม่เคยกล่าวเรื่องนี้กับใคร บางทีอาวุโสจิวผู้นี้มีความสามารถนี้หรือไม่?