ตอนที่แล้วChapter 540 ความกังวลใจของเนี่ยนโหยวโหยว.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 542 สงครามเดิมพัน.

Chapter 541 มันน้อยไปไหม?


การเดิมพันของสามราชวงศ์ สถานที่จัดงานอยู่บนสถานที่เชื่อมต่อของทั้งสามอาณาจักร เทือกเขาหยินมี่!

สถานที่แห่งนี้มีเทือกเขาที่มีพื้นที่ราบมีเวทีขนาดใหญ่ เรียกว่าลานหยินมี่.

ผู้ที่ไปถึงเป็นคนแรกนั้นเป็นราชวงศ์จักรพรรดิต้าหยิง.

ราชวงศ์จักรพรรดิต้าหยิงนั้น เป็นราชวงศ์จักรพรรดิของเหล่าภูต พวกเขามีภูตชรากว่าหนึ่งพันตน.

ใต้สวรรค์แห่งนี้แยกภพหยินหยาง หลังจากที่คนตายไป มีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ที่มีโอกาสเกิดเป็นภูต ทว่าเหล่าภูตเหล่านั้นเอง มีเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เช่นกันที่มีโอกาสจุติกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ดังนั้นเหล่าภูตมากมายจึงเลือกที่จะไม่จุติ พร้อมกับอาศัยอยู่ในภพหยิน คล้าย ๆ กับคนภพหยางที่ไม่ต้องการตกตายไปนั่นเอง.

ราชวงศ์จักรพรรดิของเหล่าภูต จักรพรรดิต้าหยิงมีนามว่า เหยี่ยนฉงจื่อ.

เหยี่ยนฉงจื่อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สีดำทมิฬ บัลลังก์ที่เหมือนกับแร้งมังกร สีดำมืดมน มงกุฎของเขาก็เป็นสีดำล้วนเช่นกัน มีหยกประดับบนมงกุฎงดงาม ใบหน้าขาวซีดดวงตาสีแดงเพลิง.

เขานำกองกำลังมาราว ๆ  แปดแสนนาย ชุดเกาะของทหารที่สวมชุดสีดำล้วน จนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทหารทั้งแปดแสนคนนี้ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ราวกับว่ากำลังลอยอยู่ตลอดเวลา.

ทหารภูตแปดแสนนาย เป็นกองทัพที่บ่มเพาะวิชาของเหล่าภูตนั่นเอง.

เหยี่ยนฉงจื่อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ซึ่งรอบ ๆ เขานั้นมีเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิท พวกเขาเองก็ไม่ต่างจากมนุษย์ ทว่าพวกเขาฝึกฝนวิชาของภูต ทำให้ใบหน้าของพวกเขาซีดขาว ไม่มีสีโลหิต ดูค่อนข้างน่าหวาดกลัวเช่นกัน.

พวกเขาไม่กล้าก้าวเลยออกมาด้านหน้าแม้เพียงครึ่งก้าว ตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังเยี่ยนฉงจื่อ ที่ด้านหลังบัลลังก์นั้นมีบรรยากาศที่แปลก ๆ  กลิ่นกายพลังวิญญาณของเหล่าภูตนั้นดูอึมครึมมืดมนเป็นอย่างมาก.

ที่บรรยากาศดูอึมครึมนั้น ดูเหมือนว่าที่ด้านหลังบัลลังก์มังกรนั้น มีเก้าอี้ยาว เป็นเก้าอี้ยาวที่ดูหรูหราไม่น้อย บนเกาะอี้ยาวนั้นมีชายชราผู้หนึ่ง จมูกที่มีสีแดง ดวงตาที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น สวมชุดสีเทาที่ดูชำรุด ครึ่งนอนครึ่งนั่งบนเก้าอี้ยาว ที่ข้าง ๆ กายเขานั้นมีน้ำเต้าสุราขนาดใหญ่ เขาครึ่งนั่งครึ่งนอนกอดมันพลางยกมันขึ้นมาจิบเป็นระยะ พร้อมหลับตาพริ้ม.

ท่าทางของชายชราที่อยู่หัวแถว การกระทำของเขา ความน่าเกรงขามของเขากลับไม่มีให้เห็นเลย ทว่าเหยี่ยนฉงจื่อกลับไม่ได้ว่ากล่าวอะไร และไม่ได้หยุดชายชราผู้นี้แต่อย่างใด.

กองทัพของเขาที่ประจำอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เหยียนฉงจื่อที่นั่งวางมือบนพนักพิงมังกร หลับตารอคอย.

ขณะที่เหยี่ยนฉงจื่อรอคอยอยู่นั้น ราชวงศ์จักรพรรดิที่สองก็เดินทางมากถึง.

ราชวงศ์จักรพรรดิต้าซุน.

จักรพรรดิต้าซุน โดยมีจักรพรรดินามว่า กัวเฟิง.

กัวเฟิงที่ดูเหมือนมนุษย์ กองทัพของเขาก็เคลื่อนทัพเหมือนกับมนุษย์.

กัวเฟิงที่สวมชุดจักรพรรดิสีแดงชาด มงกุฎหยกสีแดงชาด ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึม ดวงตาที่ราวกับว่าเปิดไม่สนิท ทว่ากับแฝงไปด้วยจิตสังหาร ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

กัวเฟิงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ซึ่งมีกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชื่อใจยืนอยู่ด้านหลัง เป็นชายที่ทั่วร่างมีสีผิวโลหิต ยืนอยู่ด้านหลังของเขาเล็กน้อย แม้ว่าจะมีสถานะต่ำกว่าเกาเฟิง ทว่าเห็นได้ชัดเจน ในกลุ่มคนนั้น เขามีสถานะที่สูงส่งเป็นอย่างมาก.

ด้านล่างเวที เป็นกองกำลังของราชวงศ์จักรพรรดิต้าซุน.

กองกำลังของราชวงศ์จักรพรรดิต้าซุน แยกออกเป็นสองทัพ หนึ่งคือทหารราบ อีกหนึ่งคือกองกำลังเคลื่อนที่เร็ว ทัพหมาป่า.

ทหารราบมี 300,000 นาย และกองกำลังหมาป่ามี 200,000 นาย.

ทหารสองแสนนาย ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หมาป่าขนาดใหญ่ หมาป่าเหล่านี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ทุกตนที่มีรัศมีแสงสีแดงโลหิตแผ่ออกไปทั่วร่าง แม้แต่ดวงตาเองก็ด้วย ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมา เป็นหมาป่าโลหิตที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก.

กองกำลังหมาป่าโลหิตที่อยู่ด้านหน้า ดูทรงพลังน่าเกรงขาม.

ราชวงศ์จักรพรรดิต้าซุนร้ายกาจไม่น้อย ซึ่งนั่นก็เพราะว่ามีกองกำลังหมาป่านั่นเอง.

ทัพของพวกเขาที่ก้าวเข้ามา กัวเฟิงที่โบกสะบัดให้พวกเขาเข้าไปประจำตำแหน่งในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขาหยินมี่.

ทัพของพวกเขาที่เข้าประจำที่อย่างเป็นระเบียบ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก.

เกาเฟิงที่ยกมือขึ้นวางบนพนักบัลลังก์ เงยหน้าขึ้นมองเหยี่ยนฉงจื่อที่ไกลออกไป.

ทัพใหญ่ของราชวงศ์จักรพรรดิทั้งสองมาถึงแล้ว พวกเขาที่จ้องมองหน้ากันและกัน.

"เหยี่ยนฉงจื่อ รู้สึกว่าจะไม่ได้เห็นเจ้านานแล้วสินะ!"กัวเฟิงที่เผยยิ้มออกมา จ้องมองอย่างมีเลศนัย

"!" เหยี่ยนฉงจื่อที่พยักหน้าให้เท่านั้น.

นี่คือการพูดคุยของจักรพรรดิทั้งสอง แน่นอนว่าคนอื่นไม่สามารถออกความเห็นได้ พวกเขาที่รอคอยคำพูดของผู้นำทั้งสอง.

"ครั้งนี้เจ้าต้องการที่จะเดิมพันเท่าไหร่?"กัวเฟิงที่กล่าวออกมาตรง ๆ .

"เจ้าคิดว่าอย่างไร?"เหยี่ยนฉงจื่อที่ไม่กล่าวตอบออกไป.

นี่คือการชิงไหวชิงพริบ ไม่มีใครเผยความในใจของตัวเองออกมาก่อน.

"ต้าเซียนได้ล่มสลายไปแล้ว ในเวลาไม่นานก็มีราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งโผล่ขึ้นมา เจ้ารู้หรือไม่?"กัวเฟิงที่สอบถามออกไป.

"ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง ควบคุมผู้มีอำนาจควบคุมข้าราชบริพารพวกเขาเอาไว้ แสดงว่าจักรพรรดิหาได้ใช่คนดี!"เหยี่ยนฉงจื่อกล่าว.

"งั้นเจ้าก็เป็นคนดีอย่างงั้นรึ?"กัวเฟิงที่กล่าวล้อเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.

สายตาของเหยี่ยนฉงจื่อที่เปลี่ยนเป็นเย็นชา ภายในใจที่เผยความเป็นปฏิปักษ์ออกมา "อย่างน้อยก็ไม่ใช่วิธีลับ ๆ ล่อ!"

"เขา? จงซาน? คนผู้นี้ ใช้เวลาไม่ถึงสิบปีก็สามารถสร้างราชวงศ์จักรพรรดิขึ้นมา ข้าเองก็ต้องการเจอเขา เขาไม่มาอย่างงั้นรึ?ข้าละอย่างพบจริง ๆ ."กัวเฟิงเผยยิ้มเหยียดหยันออกมา.

กัวเฟิงผู้นี้เป็นคนที่ยโสโอหังเป็นอย่างมาก ต่อหน้าราชวงศ์จักรพรรดิทั้งสองที่มีกองกำลังกำลังรวมกันมากกว่าล้านคน ไม่คิดเลยว่าเขาจะเต็มไปด้วยความเหยียดหยันฝังตรงขาม และยังแสดงท่าทางดูแคลนจงซานอย่างชัดเจน ความอหังการนี้ อีกไม่นานจะต้องถูกคิดบัญชีอย่างสาสม.

เหยี่ยนฉงจื่อจ้องมองไปยังกัวเฟิง เผยท่าทางเหยียดหยัน.

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันนั้น ทันใดนั้นก็พบเงาร่างจากทิศตะวันออก.

ทัพของต้าเจิ้งเดินทางมาแล้วนั่นเอง.

จงซานที่นำกองกำลัง 800,000 นาย ออกมาจากเมืองซ่าง.

กองทัพที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีมาหลายปี แม้แต่การเดินขบวนถึงกับทำให้ราชวงศ์จักรพรรดิทั้งสองต้องขมวดคิ้วแน่น.

พร้อมเพรียงขนาดนี้เลยรึ?

แม้ว่าจงซานจะนำทหารมาเพียง 8 แสนนาย ทว่าทหารทั้งแปดแสนนี้ เดินขบวน จังหวะยกเท้า ที่ลงสู่พื้นและยกขึ้น เหมือน ๆ กันเป็นอย่างมาก ทุก ๆ  การก้าวเดินเป็นไปตามจังหวะกลองรบ.

เสียงเท้าที่กระทืบพื้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แลดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

ธงจักรพรรดิขนาดใหญ่โต ปักอยู่บัลลังก์มังกร จงซานในชุดมังกรทองเก้าเล็บ ดูสง่างามน่าเกรงขาม มงกุฎสีทองที่แผ่กลิ่นอายที่แข็งแร่งราวกับปราณราชันย์.

บัลลังก์เก้ามังกรที่ดูยิ่งใหญ่ เผยให้เห็นถึงอำนาจของจักรพรรดิ บนแท่นขบวนมังกร เหล่าผู้บังคับบัญชาที่น่าเกรงขาม เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ใบหน้าของทุกคนที่ดูเคร่งขรึมและดูน่าเคารพ กลิ่นอายจักรพรรดิที่แผ่ออกมานั้น เต็มไปด้วยแรงกดดัน.

จักรพรรดิ นี่คือจักรพรรดิอย่างงั้นรึ? ทำไมอำนาจบารมีถึงได้ดูน่าเกรงขามถึงขนาดนี้.

ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง.

เหยี่ยนฉงจื่อและกัวเฟิงจดจ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชา.

ทัพของต้าเจิ้งที่ก้าวเข้ามาช้า ๆ  ท้ายที่สุดก็มาอยู่ที่ด้านหน้าลานหยินมี่ ไม่จำเป็นต้องให้จงซานกล่าวออกมา เพียงแค่โบกมือหลินเซียวก็เข้าใจแล้ว ทัพทั้งหมดที่หยุดอยู่อย่างพร้อมเพียง เขาแถวตรงไม่ขยับเคลื่อนไหว.

นี่เป็นกองทัพที่เข็มงวดเป็นอย่างมาก ราชวงศ์ฝ่ายตรงข้ามทั้งสองที่ขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงแม้แต่น้อยจะมีทัพที่พร้อมเพียงถึงเพียงนี้ ทว่าไม่คาดคิดเช่นกันเพียงสองปี ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งจะพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ ระยะเวลาสั้น ๆ กลับสามารถฝึกฝนทัพได้แข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?

อย่างไรก็ตาม เหยี่ยนฉงจื่อและกัวเฟิงยังคงรู้สึกดูแคลนในใจ.

ที่ด้านข้างบัลลังก์มังกรของจงซานนั้น มีเหล่าเสนาธิการใหม่และมีเซียนเซิงซือ หลินเซียว เซียนเซียนและซาโพว.

เซียนเซียนที่จ้องมองผ่านลานหยินมี่ จับจ้องมองไปยังหมาป่าโลหิตที่อยู่ไกลออกไป ก่อนที่จะจ้องมองไปยังกองทัพภูตที่มีจำนวนแปดแสนตน.

เหล่าหมาป่า มีอะไรน่าสนใจ? เซียนเซียนที่มั่นใจ ก่อนที่จะจ้องมองไปยังทัพภูต ที่ดูแปลกประหลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าภูตกว่าแปดแสนตน ส่งกลิ่นอายแห่งความตายออกมา.

เซียนเซียนที่ดูกองทัพภูตที่ดูธรรมดา หากแต่เซียนเซิงซือนั้นเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.

ส่วนซาโพวนั้นจับจ้องมองไปยังตำแหน่งของหมาป่าโลหิต! พร้อมกับจดจ้องมองไปยังคนผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังกัวเฟิง.

จ้องมองไปยังชายคนดังกล่าวดวงตาของซาโพวที่เปลี่ยนเป็นประกาย ที่มุมปากเผยยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา ซาโพวที่จ้องมองไปยังชายที่มีผิวสีโลหิต เช่นเดียวกันชายคนดังกล่าวก็จ้องมองมายังซาโพวและเซียนเซียน.

ชายผิวโลหิตที่ขมวดคิ้วไปมาหากแต่ยังควบคุมตัวเองเอาไว้.

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถมองเห็นพลังฝึกตนของทั้งสองคน ทว่าชายผิวโลหิตก็สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาด ความสัมพันธ์ของเผ่าหมาป่า สัญชาตญาณที่ดูคล้ายคลึงกับพวกเขา.

ชายชราที่เมาอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้เมื่อทัพของกัวเฟิงมา เขาหาได้ใส่ใจ ยังคงหลับตานอนอย่างเกียจคร้าน ทว่าขณะที่ทัพของจงซานมาถึง ดวงตาของเขาที่ลืมขึ้น ส่องประกาย จากนั้นก็หลับตาลง และนอนต่อ เหมือนกับก่อนหน้านี้.

จงซานที่นั่งบนบัลลังก์มังกร พร้อมกับวางแขนบนพนักพิงมังกร จดจ้องมองไปยังจักรพรรดิทั้งสองคน.

"ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง จงซาน ยินดีที่ได้พบท่านทั้งสอง!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ราชวงศ์จักรพรรดิต้าหยิง เหยี่ยนฉงจื่อ ยินดีที่ได้พบจงซาน!"เหยี่ยนฉงจื่อที่จ้องมองไปยังตำแหน่งของจงซาน.

"ราชวงศ์จักรพรรดิต้าซุน กัวเฟิง ยินดีที่ได้เห็น!"สายตาของกัวเฟิงเผยรอยยิ้มอันอัปลักษณ์ออกมา.

จากนั้น จักรพรรดิทั้งสองต้องการที่จะทดสอบจงซาน.

"จงซาน! เกี่ยวกับประเพณี เจ้ารู้หรือไม่?"กัวเฟิงที่จ้องมองไปยังจงซาน.

"ย่อมได้ยินมาบ้าง มีปัญหาอะไร มีการปรับเปลี่ยนกฎอย่างงั้นรึ?"จงซานที่เผยยิ้มกล่าวต่อกัวเฟิง.

"เปลี่ยนกฎ? ข้าต้องการถามราชวงศ์ต้าเจิ้งที่มีเมืองหลายเมืองเตรียมจะนำมาเดิมพันเท่าไหร่?"กัวเฟิงที่เผยรอยยิ้มที่เหยียดหยัน.

"ต้าเจิ้งนั้นเป็นผู้มาใหม่ แน่นอนว่าต้องขอฟังความเห็นของทั้งสองก่อน."จงซานที่เป็นมารยาท.

"ข้าต้องการเดิมพันสิบเมืองเป็นอย่างไร?"กัวเฟิงที่เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา.

สิบ? ในอดีตของสามราชวงศ์ที่เดิมพันกันนั้น จะอยู่ที่ห้าเมือง มากสุดคือแปดเมือง ตอนนี้กัวเฟิงเริ่มที่สิบเมืองอย่างคาดไม่ถึง ต้องไม่ลืมว่าแต่ละราชวงศ์นั้นมีอยู่ด้วยกันสามสิบเมือง สิบเมืองก็เป็นจำนวนถึงหนึ่งในสาม นับว่ากัวเฟิงพูดจาใหญ่โต ราวกับว่าจะกินผู้มาใหม่อย่างจงซานอย่างอร่อย.

"เหยี่ยนฉงจื่อ ท่านเห็นว่าอย่างไร?"จงซานชำเลืองมองไปยังเหยี่ยนฉงจื่อ.

"สิบเมือง ราชวงศ์ต้าหยิงเองก็ยอมรับ "เหยียนฉงจื่อที่รับคำกัวเฟิงในทันที ราวกับว่าเขาต้องการเห็นปฏิกิริยาของจงซาน.

"..."จงซานเผยยิ้มออกมาเงียบ ๆ .

"มีปัญหาอะไร? ต้าจิ้งไม่กล้าอย่างงั้นรึ?"กัวเฟิงที่เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูแคลน.

เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่เผยยิ้มด้วยความพึงพอใจกับความโชคร้ายของคนอื่น ส่วนเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังจงซานที่เผยแววตาโกรธเกรี้ยว ส่วนคนอื่น ๆ ยังคงสงบ.

คำพูดของเหล่าจักรพรรดิทั้งสาม คนอื่น ๆ ย่อมไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ นี่คือประเพณีนั่นเอง.

จงซานที่เผยยิ้มอย่างแปลกประหลาด "สิบเมือง มันน้อยไปไหม?."

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด