ตอนที่แล้วChapter 534 เก้าคนสู่ภพหยิน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 536 ราชาโครงกระดูก.

Chapter 535 สนามรบโบราณแดนอเวจี.


เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองประตูที่กำลังปิด แสดงท่าทางงงงวย.

"จงซานเจ้า เจ้าทั้งสองเหมือนกันอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกแปลกประหลาดใจเป็นอย่างมาก.

จงซาน"............"

"เป็นคน ๆ เดียวกัน แน่นอนว่าเหมือนกันทุกอย่าง!"จงซานที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.

เหล่าหญิงสาว"........."

ภายในตำหนักหยินหยาง.

ประตูตำหนักที่ปิดแน่น คนทั้งเก้าที่ยืนอยู่ รอคอยเส้นเทางหยินหยางเปิดใช้งาน พื้นที่รอบ ๆ นั้น มีกำแพงและหลังคาปิดแน่น รอบ ๆ ถูกสลักไปด้วยอักขระที่แปลกประหลาด สูงต่ำกระจาย ๆ ไปทั่ว มีรูปปั้นมังกรขนาดใหญ่ 16 ตน ที่หมุนวนอยู่รอบ ๆ ห้องโถง.

แผนที่ก่อเกิดบรรพกาลที่กางอยู่บนพื้น.

ก่อนที่มันจะค่อย ๆ หมุนวนไปมาช้า ๆ  ส่องประกายแสงเรื่อ ๆ ออกมา พร้อมกับกระจายไปยังอักขระที่อยู่รอบ ๆ รอบห้อง ทำให้อักขระเหล่านั้นส่องสว่างราวกับว่ากำลังกระโดดออกมาจากกำแพง.

ค่ายกลเปิดใช้งาน.

หนี่ปู่ซาที่ยืนอยู่ด้านหน้าแผนที่ก่อเกิดบรรพกาล ซึ่งเวลานี้ประกายแสงของอักขระกำลังกระพริบไปมารอบ ๆ .

ทันใดนั้นแผนที่ก่อเกิดบรรพกาลก็เริ่มโคจรเร็วขึ้นเรื่อย ๆ  จนไม่สามารถมอบเห็นรูปร่างของมัน มองเห็นเพียงแค่ประกายแสงที่ส่องสว่างออกมา.

มังกรทองม่วงทั้ง 16 ตนทันใดนั้นก็พ่นพลังงานแสงสีเหลืองออกมา พุ่งตรงไปยังแผนที่ก่อเกิดบรรพกาล.

แสงบาง ๆ ของแผนที่และพลังงานสีเหลืองเข้าปะทะกัน ทันใดนั้นก็ปรากฏประตูค่อย ๆ ถูกสร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่าปรากฏอยู่ด้านหน้า.

ที่ด้านหน้าเป็นประตูบานหนึ่ง ประตูที่มีสีดำสนิท ไม่สามารถมองเห็นแสงได้เลยแม้แต่น้อย.

"ไป!"หนี่ปู่ซาที่เอ่ยออกมาในทันที.

จากนั้น หนี่ปู่ซาก็ก้าวเข้าไปในประตู.

จงซานที่จ้องมองไปยังประตูด้านหน้า ก่อนที่จะก้าวตามไป.

ตามมาด้วยคนอื่น ๆ ที่เหลือที่ก้าวเข้าไปในประตู.

จงซานที่ก้าวเข้าไปในประตู นั้นสัมผัสความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก เหมือนกับแดนเทพพิสุทธิ์ที่มีทางเข้าขนาดเล็ก เขาที่ก้าวตรงไปยังช่องทางที่ลู่เข้าไปด้านใน.

จงซานสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม.

"ฟิ้ว!"

ทุกคนที่ก้าวเข้าไปในด้านใน ก่อนที่อีกฝั่งนั้นก็เป็นตำหนักหยินหยางของอีกฝั่ง.

?จงซานที่ตื่นตกใจเล็กน้อย.

ทุกคนที่พยามพยุงตัว ในเวลานี้พบว่ามีสะพานที่พลิกกลับ พวกเขากลับมาที่เดิมอย่างงั้นรึ?

"ภพหยิน นี่คือภพหยิน."หนี่ปู่ซากล่าว.

"ใช่รึ? นี่ไม่ใช่ตำหนักหยินหยางที่พวกเราเข้ามาก่อนหน้านี้หรอกรึ?"เห่าเม่ยลี่ที่เอ่ยออกมาในทันที.

"ที่นี่คือภพหยิน ตำหนักหยินหยางนั้น ข้าได้สร้างมันขึ้นมาสองแห่ง แห่งหนึ่งอยู่ในภพหยาง อีกแห่งอยู่ในภพหยิน ทั้งสองแห่งต่างก็มีเหมือน ๆ กัน ที่ด้านนอกนั้นก็คือภพหยินแน่นอน."หนี่ปู่ซากล่าว.

"กล่าวอีกอย่างหนึ่ง หลังจากนี้เส้นทางเคลื่อนย้ายจะถูกระบุตำแหน่งเอาไว้อย่างงั้นรึ?"จงซานที่ดวงตาส่องประกาย.

"ฝ่าบาททางเชาว์ปัญญานัก!"หนี่ปู่ซากล่าว.

หนี่ปู่ซาในเวลานี้รู้สึกดีเป็นอย่างมาก.

"เปิดประตูก็จะรู้เอง!"เซียนเซียนที่เอ่ยออกมาทันที ก่อนที่จะค่อย ๆ เปิดประตูออก.

ประตูหยินหยางที่เปิดออกเสียงดัง สายตาของทุกคนที่จับจ้องมองไปยังนอกตำหนัก เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาต่างก็คาดหวัง ที่ด้านหน้าคือภพหยิน บรรยากาศของภพหยินจะเป็นอย่างไร?

"แคก ๆ  ๆ  ๆ  ๆ ...."

พริบตาเดียวประตูตำหนักหยินหยางก็เปิดออกมา เสียงของประตูที่ดังเอี๊ยดอ๊าด จากนั้นก็มีโครงกระดูกมากมายยั้วเยี้ยเต็มไปหมด.

"อ๋า!!"

เซียนเซียนที่ตื่นตกใจจนต้องถอยหลังออกมา นางที่เป็นเหมือนกับเด็กสาว และยังถูกเลี้ยงดูอย่างดีเหมือนกับดอกไม้ในเรือนกระจก เมื่อนางเปิดประตูออกมาเจอโครงกระดูกมากมาย ทำให้นางตื่นตกใจขึ้นมาในทันที.

"ครืนนนน"

ซาโพวที่ปล่อยแรงกดดันออกไป เหล่าโครงกระดูกที่ลอยโด่งออกไป.

เซียนเซียนที่ตั้งตัวได้ แลบลิ้นเล็ก ๆ ออกมา.

ปราณหยินมากมาย ทันทีที่เปิดประตูออกมา ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงปราณหยิน เซียนเซียนที่ต้องขมวดคิ้ว ซึ่งต่างจากเซียนเซิงซือที่หลับตาสูดหายใจลึก ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคย.

"ออกไปได้!"จงซานที่ก้าวเดินออกไปจากห้องโถง ซึ่งคนอื่น ๆ ที่ก้าวตามเช่นเดียวกัน.

หลังจากที่ก้าวออกมาจากห้องโถง จงซานที่สูดหายใจลึก.

ภพหยินและภพหยางนั้นแตกต่างกันมาก.

ในเวลาเดียวกันนี้ ภูเขาที่อยู่รอบ ๆ นั้น เต็มไปด้วยโครงกระดูกมากมาย นี่คือแดนนรก ไม่ ภพหยินก็คือแดนอเวจีนั่นเอง.

ภายใต้กองกระดูกมากมายนับไม่ถ้วน เหล่าโครงกระดูกที่เดินไปมารอบ ๆ  ไร้ทิศทาง เดิน แล้วก็เดิน ด้วยท่าทางแปลกประหลาด.

ทันใดนั้น ราวกับว่าเหล่าโครงกระดูกสัมผัสถึงอะไรได้ ก่อนหน้านั้นที่เดินไร้จุดหมาย ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นตรงมายังทิศทางของจงซานช้า ๆ .

เหล่าโครงกระดูกมากมายที่เดินตรงมา ล้อมรอบตำหนักหยินหยางอย่างรวดเร็ว.

คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะปรากฏขึ้นมามากมายขนาดนี้.

ซาโพวที่ปล่อยกลิ่นอายออกไป โครงกระดูกกว่าสิบร่างที่ลอยออกไป ผู้ฝึกตนระดับราชันย์แท้ แน่นอนแม้ว่าภพหยินและภพหยางจะต่างกัน ทว่าพลังฝึกตนราชันย์แท้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน.

พลังกดดันวิญญาณที่หนักหน่วง ของซาโพว ทำให้เหล่าโครงกระดูกไม่กล้าเข้าใกล้.

ที่ไกลออกไปนั้น จงซานสามารถมองเห็น ไม่ใช่แค่โครงกระดูกรูปมนุษย์ ยังมีม้าโครงกระดูก หมาป่าโครงกระดูก สัตว์อื่น ๆ อีกมากมาย ทว่าดูเหมือนว่ามันจะยังไม่มีเชาว์ปัญญา.

"สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นสนามรบโบราณ!"เซียนเซิงซือครุ่นคิดและกล่าวออกมา.

"หืม?"ฝ่าบาทจ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.

"ฝ่าบาท หากว่ายังจำได้เมื่อครั้งที่ข้ายังอยู่ในราชวงศ์จักรพรรดิหยินเยว่ เพื่อต่อกรกับค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง ข้าได้อัญเชิญกองทัพโครงกระดูกขึ้นมา."เซียนเซิงซือกล่าว.

"อืม!"

"ที่นั่นก็เป็นสนามรบโบราณ ที่ด้านล่างพื้นดินนั้นมีศพมากมายถูกฝังอยู่ หลังจากที่กายเนื้อเน่าเปื่อยไปแล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่กระดูกมากมายนับไม่ถ้วน ในภพหยางนั้นปราณหยินจะน้อยและอ่อนแอ เมื่อกลายเป็นโครงกระดูกไปแล้วไม่สามารถที่จะใช้ปราณหยินในการชำระล้าง ทว่าภายในภพหยินนั้นแตกต่างออกไป ภายในสนามรบโบราณนั้น ยิ่งผ่านเวลาไปนานเท่าไหร่ เหล่าโครงกระดูกที่ดูดซับปราณหยิน จะทำให้มันสามารถเคลื่อนไหวได้ ทว่าการจะมีเชาว์ปัญญานั้นก็นับว่ายาก ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ นัก."เซียนเซิงซือกล่าวตอบ.

"เช่นนั้นสถานที่แห่งนี้ก็มีปราณหยินมากกว่าที่อื่นอย่างงั้นรึ?"จงซานสอบถาม.

"ครับ!"เซียนเซิงซือพยักหน้ารับ.

จงซานที่จ้องมองไปยังโครงกระดูกมากมายที่อยู่รอบ ๆ  พยักหน้ารับ ต้องไม่ลืมว่า เขาไม่ได้หวาดกลัวความตาย ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน.

"เอ๊ะ? บนท้องฟ้านั่น? นั่นดวงอาทิตย์? หรือดวงจันทร์กัน?"เซียนเซียนแสดงท่าทางสงสัยจ้องมองขึ้นไปบนฟ้า.

สายตาของทุกคนที่จ้องมองขึ้นไป บนท้องฟ้านั้น มีดวงดาวมากมาย ทว่ายังมีอะไรบางอย่างที่ต่างออกไปเพราะมันมีสีแดงทว่าไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์.

"นั่นคือจันทร์แดง!"เซียนเซิงซือตอบ.

"ภพหยางนั้นมีดวงอาทิตย์สีทองและดวงจันทร์สีเงิน ส่วนภพหยินมีดวงอาทิตย์สีม่วงและดวงจันทร์สีแดง เป็นสิ่งทั่วไป เพียงแค่รูปร่างแตกต่างกัน."เซียนเซิงซือกล่าวตอบ ๆ .

"นี่คือดวงจันทร์ภพหยินสินะ!"เซียนเซียนที่สูดหายใจลึก.

"ฝ่าบาท เมื่อคราวอยู่ภพหยาง เฉินเคยเอ่ยต่อฝ่าบาทว่า สายโลหิตของหนี่ปู่ซานั้นได้ทิ้งอะไรบางอย่างไว้ในภพหยิน เฉินต้องการไปนำมันกลับมา อาจจะใช้เวลาราว ๆ สามปี แล้วหนี่ปู่ซาจะกลับมารับใช้ฝ่าบาทอย่างแน่นอน!"หนี่ปู่ซาที่เอ่ยปากกล่าวต่อจงซานในทันที.

จงซานที่จ้องมองไปยังหนี่ปู่ซา ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพิ่ม เพียงแค่พยักหน้ารับรู้.

"ตำหนักหยินหยางอยู่ที่นี่ หวังว่าคงจะไม่ถูกทำลาย!"หนี่ปู่ซาที่โค้งคำนับให้กับจงซานเล็กน้อย.

"โปรดวางใจ พวกเรายังจำเป็นต้องใช้เส้นทางหยินหยาง แน่นอนว่าข้าจะต้องปกป้องมันเอาไว้."จงซานพยักหน้า.

หนี่ปู่ซาที่โค้งคำนักอีกครั้ง ก่อนที่จะบินจากไป ราวกับว่ารับรู้เส้นทางที่นี่.

หนี่ปู่ซาจากไปแล้ว เซียนเซิงซือที่จ้องมองไปยังทิศทางที่หนี่ปู่ซาจากไปพลางสูดหายใจลึก สถานที่นี่ ยกเว้นจงซานแล้ว หนี่ปู่ซาคือคนที่เซียนเซิงซือไม่สามารถเข้าใจได้เช่นกัน.

เส้นทางหยินหยางรึ?

ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ย? เซียนเซิงซือรู้สึกสนใจขึ้นมาเช่นกัน.

"จงซาน ข้าและอาจารย์ก็ต้องการจะไปเช่นกัน!"เห่าเม่ยลี่ที่กล่าวออกมาทันที.

"หืม?"จงซานที่จ้องมองเห่าเม่ยลี่ด้วยท่าทางประหลาดใจ.

"ไปกับพวกเรา ไม่ดีกว่ารึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ข้าไม่ต้องการรู้สึกผิดมากกว่านี้แล้ว!"เห่าเม่ยลี่ที่เผยแววตาที่มุ่งมั่นออกมา.

ไม่อยากให้ตัวเองดูน่าสงสารรึ? แน่นอนเห่าเม่ยลี่ย่อมรับรู้ว่าการที่จงซานนำนางมาด้วยนั้น เกรงว่านางจะถูกอ้าวซือไห่จับตัว ดังนั้นเขาจึงได้นำนางมายังภพหยินด้วย บนภพหยางเอง ไม่มีที่ใหนที่ปลอดภัย มีเพียงที่นี่ หลังจากที่นางฝึกฝนจนแข็งแกร่งแล้ว หลังจากนั้นค่อยกลับไปยังภพหยาง ซึ่งจะสามารถที่จะกำราบอ้าวซือไห่และเผ่ามังกรทั้งหมดได้.

กับการช่วยเหลือของจงซานนั้น เห่าเม่ยลี่รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก การที่นางขอแยกตัวออกไป นั้นเป็นเพราะความอหังการของตัวเอง เพื่อที่จะลดความเสียใจที่มีต่อผู้อื่นอย่างงั้นรึ?

จักรพรรดิพิษที่อยู่ข้าง ๆ ฝืนยิ้มออกมา.

จงซานที่จ้องมองไปยังเห่าเม่ยลี่พอจะคาดเดาความคิดของเห่าเม่ยลี่ได้ ก่อนที่จะสูดหายใจลึก ไม่ได้กล่าวห้ามอีกต่อไป ก่อนที่จะนำหยกบันทึกสีขาวออกมา!

"ในเมื่อเจ้าต้องการจากไปตามเส้นทางของเจ้า ก็จงระมัดระวังให้ดี ข้าคิดว่ายกเว้นระดับสวรรค์แท้ ไม่มีใครสามารถขวางเจ้าได้ หากหลังจากนี้มีอะไรเกิดขึ้นให้กลับมาหาข้า สิ่งนี้ข้าได้รับมาโดยบังเอิญ วิชาอาคมมารสวรรค์ ข้าได้ยินมาว่า มันเหมาะกับกายสถิตเช่นเจ้า และมันยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันจากอาคมย้อนกลับอีกด้วย เจ้าศึกษาดู เจ้าอาจจะเห็นวิธีที่จะจัดการกับอ้าวซือไห่ได้."จงซานที่นำหยกบันทึกสีขาวมอบให้กับนาง.

วิชาอาคมมารสวรรค์ นี่คือไพ่ลับของหานจื่อกวง เป็นวิชาลับสืบทอดของมารเฒ่าส่วยจิง หลังจากที่เขาตกตายไปอันหวงได้นำมันมาด้วย นี่เป็นอาคมวิชาคำสาปซึ่งมันได้ตกมาอยู่ในมือของจงซานนั่นเอง.

เห่าเม่ยลี่จ้องมองจงซานด้วยสายตาที่ซับซ้อน ไม่ได้ปฏิเสธพร้อมกับรับมันมา.

"จงซาน เจ้ายังจำได้หรือไม่ ว่าเจ้าจะช่วยข้าหาอนุสาวรีย์อมตะอีก 22 อัน."

"โปรดวางใจ!"จงซานพยักหน้า.

"อาจารย์ พวกเราไปเถอะ!"เห่าเม่ยลี่กล่าว.

ดูเหมือนว่านางจะยอมรับจักรพรรดิพิษเป็นอาจารย์ของนางอย่างเต็มใจแล้ว.

จักรพรรดิพิษที่ฝืนยิ้มออกมา ทำได้แค่กล่าวว่า "ลาก่อน"ก่อนที่จะตามเห่าเม่ยลี่ไป.

"ฝ่าบาท ข้าคิดว่าฝ่าบาทจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างรากฐาน ทว่าข้าคงรอไม่ได้ บ่าวชราขอไปตามหาด้วยตัวเอง"เหว่ยไท่จงที่โค้งคำนับให้จงซานในทันที.

"เจ้าเองก็ต้องการจะไปอย่างงั้นรึ?"เซียนเซียนที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.

จงซานที่จ้องมองไปยังเหว่ยไท่จง พลางถอนหายใจเบา ๆ  "ระวังตัวให้ดีด้วย.

"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"เหว่ยไท่จงที่โค้งคำนับให้จงซาน.

จากนั้นเหว่ยไท่จงก็บินไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว.

ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีสี่คนที่จากไป ตอนนี้ยังคงเหลือจงซาน เซียนเซียน ซาโพว เซียนเซิงซือและหลินเซียวห้าคน.

เซียนเซียนที่เห็นคนอื่น ๆ จากไป นางที่จีบปากเล็ก ๆ ของนางออกมา.

คนทั้งสามที่หันหน้ามามองจงซาน รอให้จงซานสั่งการ.

"ซาโพว เจ้าไปตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ  ว่ามีสถานที่ใดบ้าง.

"รับทราบ!"ซาโพวที่บินจากไปอย่างรวดเร็ว.

ด้วยการใช้ผู้ฝึกตนระดับราชันย์แท้เป็นผู้สังเกตการณ์ บางทีคงมีแค่จงซานเท่านั้น.

"เซียนเซิงซือ โครงกระดูกเหล่านี้ เจ้าสามารถควบคุมได้หรือไม่?"จงซานที่หันหน้าจดจ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด