ตอนที่แล้วChapter 507 จงซานกับกระบี่ปิศาจ.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 509 เซียนหนานกงเซิ่ง.

Chapter 508 รื้อบ้าน


หกวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว.

21 กลุ่ม 21 หยกสัญญาณ ที่จริงควรจะมีกลุ่มที่ผ่านการแข่งขันที่สองเจ็ดกลุ่ม ทว่ารวมทีมของเจี้ยนอ้าวแล้วตอนนี้มีคนที่ผ่านมาได้แค่สี่กลุ่มเท่านั้น ที่เหลือถูกคัดออกไปแล้ว.

ผู้เยาว์เมล็ดมารนั้นนอกเหนือจากเจี้ยนอ้าว ก็ยังมีเมล็ดมารเหลืออยู่กลุ่มเดียว เป็นผู้เยาว์เมล็ดมารที่มีผมสีแดงเพลิง นับว่าเขาโชคดีเป็นอย่างมาก ที่ได้หยกสัญญาณจากเมล็ดมารคนอื่น ๆ  แน่นอนว่าตอนนี้เหลือกลุ่มของมารแท้เหลือสองกลุ่มเช่นกัน.

สี่กลุ่ม แปดคน ในเวลานี้ยืนอยู่ด้านนอกห้องโถงภูเขาคู่หยินหยาง.

คนทั้งแปดนั้น ต่างก็เป็นคนที่มีคุณสมบัติเป็นผู้สืบทอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้เยาว์เมล็ดมาร ระดับจักรพรรดิแท้ ที่ผ่านรอบแรกมาได้นับว่าหายากมาก

คนทั้งแปดไม่มีใครกล่าวอะไรออกมา ทุกคนต่างก็ยืนนิ่งรอคอยเวลา.

จงซานที่ยืนอยู่ด้านหลังเจี้ยนอ้าว จับจ้องมองไปยังตำหนักด้านหน้า.

สถานที่แห่งนี้นับว่าดูธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถมองเห็นความพิเศษของมันได้ พื้นที่รอบ ๆ นั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งได้กันคนให้ออกห่างออกไปสิบลี้จากพื้นที่แห่งนี้.

ภายในห้องโถงแห่งนี้มีบัลลังก์สีดำ ที่มีขนาดใหญ่ ทำจากวัสดุที่ไม่ธรรมดา อย่างน้อยจงซานก็ไม่เคยเห็น.

จงซานที่ยังคงจับจ้องมองไปยังบัลลังก์สีดำ บนบัลลังก์ ทันใดนั้นก็ปรากฏร่าง ๆ หนึ่งขึ้นในทันที.

ร่างกายที่ค่อยปรากฏออกมาเป็นรูปเป็นร่างตั้งแต่ผมลงมาถึงเท้า ดูน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก วิชาของคนผู้นี้ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก.

ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นมา จงซานไม่สามารถมองออกถึงวิชาที่เขาใช้เลย ภายในแดนเทพอเวจี คงมีเขาคนเดียวที่ใช้ได้ ประมุขแดนเทพอเวจี หนานกงเซิ่ง!

หนานกงเซิ่งสวมชุดคลุมสีขาว ร่างกายของเขาที่ค่อนข้างผอม ฝ่ามือที่ดูประณีต มีเล็บสีม่วง ใบหน้าที่ดูซีดเซียว ที่หน้าผากมีเส้นสีแดงสองเส้น ทุกคนรู้สึกราวกับว่าเป็นพลังบางอย่างที่ดูดกลืนจิตใจ เพียงแค่มองทำให้สายตาพร่ามัว จนต้องกวาดตามองไปทางด้านอื่น.

"คารวะพญามาร!"คนทั้งสี่ของแดนเทพอเวจีที่กล่าวออกมาพร้อมกัน.

"คารวะพญามาร."จงซานและคนอื่น ๆ ที่กล่าวต่อเนื่องจากถือว่าเป็นหนึ่งในมารยาทเช่นกัน.

หนานกงเซิ่งกวาดตามองคนทุกคน สายตาของเขาที่เป็นประกายเมื่อมองไปยังจงซาน ดวงตาที่หดเกร็ง เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าพบความลับบางอย่างของจงซาน และไม่เข้าใจจงซานได้ทั้งหมด.

หนานกงเซิ่งที่มองจงซานพักหนึ่ง ก่อนที่จะหันหน้าไปทางอื่นและกล่าวออกมาว่า "ยินดีกับทุกคนที่ผ่านการทดสอบด่านแรก."

"การทดสอบนั้น มีด้วยกันสองด่าน ด่านแรกคือดูความแข็งแกร่งของพวกเจ้า คนที่มีความแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเป็นผู้สืบทอด พวกเจ้าผ่าน ส่วนด่านที่สอง พวกเจ้าไม่ได้ทดสอบความแข็งแกร่งเหมือนด่านแรก."หนานกงเซิ่งกล่าว.

ทุกคนที่นิ่งงันรอคอยฟังกฎเกณฑ์ธรรมเนียมของการทดสอบด่านที่สอง.

"ภายในเทือกเขาคู่หยินหยางนั้น มีวิหารพุทธที่คงอยู่นานมาแล้ว ข้าเองได้ทำลายพื้นที่รอบ ๆ ภายในไปจนหมด ทว่าภายในนั้นข้าได้ซ่อนสมบัติวิเศษเอาไว้มากมาย ข้าให้เวลาพวกเจ้าสิบวัน ใครที่สามารถค้นหาสมบัติได้มากที่สุด คนนั้นจะได้เป็นพญามาร."หนานกงเซิ่งกล่าว.

หาสมบัติอย่างงั้นรึ?นี่ให้หาสมบัติเพื่อจะได้เป็นพญามารอย่างงั้นรึ? ใครโชคดีมีวาสนามากที่สุดก็ได้เป็นประมุข?

ทุกคนไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย นี่กำลังเล่นขายของอย่างงั้นรึ?ทำไมถึงได้ทดสอบอะไรเช่นนี้.

หนานกงเซิ่งที่กวาดตามองทุกคน กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล "ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดอะไรอยู่ คิดว่าการคัดเลือกผู้สืบทอด พลังคือที่สุดหรือ หากใช่ แล้วแดนเทพพิสุทธิ์ที่ทรงพลัง ทำไมถึงล่มสลายล่ะ?"

ได้ยินคำพูดของหนานกงเซิ่ง ทุกคนต้องขมวดคิ้วไปมาเช่นกัน.

"นอกเหนือจากความแข็งแกร่งแล้ว วาสนาก็เป็นสิ่งสำคัญ การทดสอบแรก พวกเจ้าได้เผยออกมาแล้วว่าไม่ได้ขาดความแข็งแกร่ง สิ่งที่ข้าต้องการหาคือโชควาสนา คนที่จะเป็นพญามารรุ่นต่อไป หากเป็นเช่นอรหันต์กุยหยวน ที่มีแต่พลังความแข็งแกร่งแต่ไร้ซึ่งวาสนา แดนเทพอเวจีไม่ช้าก็เร็วต้องก้าวตามแดนเทพพิสุทธิ์ไปแน่ วาสนาที่จะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์อันเลวร้ายให้กลายเป็นไร้เทียมทาน ทำไมข้าถึงต้องให้พวกเจ้าสามารถหาผู้ช่วยได้ล่ะ นั่นก็เพื่อต้องการให้พวกเจ้าค้นหาโชควาสนา ถึงแม้ว่าเจ้าไร้โชควาสนา ทว่าสหายของพวกเจ้าอาจจะมีวาสนา อาศัยเพียงโชควาสนาของเจ้า ข้าถึงจะสามารถมองเห็นอนาคตวันข้างหน้าได้ว่ามันจะเป็นเช่นไร."หนานกงเซิ่งกล่าว.

เกี่ยวกับทฤษฎีของหนานกงเซิ่ง ทุกคนที่ได้แต่เงียบ พวกเขาไม่สามารถประมาทได้เลย ใครกันที่จะได้เป็นพญามาร?

"ไปได้แล้ว สิบวันหลังจากนี้ ข้าจะไปหาพวกเจ้าเอง! หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!"หนานกงเซิ่งที่กล่าวออกมาเบา ๆ .

"รับทราบ!"ทุกคนที่รับคำ จากนั้นก็ออกมาด้านนอกห้องโถงในทันที พร้อมกับเข้าไปในเทือกเขาคู่หยินหยาง.

หนานกงเซิ่งที่หรี่ตาจ้องมองทุกคนที่จากไป สายตาของเขาที่จ้องมองไปยังจงซานที่อยู่ด้านหลังเจี้ยนอ้าว ด้วยสายตาที่แปลกประหลาด.

เทียบกับหกวันที่แล้ว เทือกเขาคู่หยินหยางในเวลานี้ ดูมืดครึ้มอึมครึม มีเมฆสีดำที่หนายิ่งกว่าเดิม อีกทั้งเมฆหนาที่ปกคลุมนี้ ยังมีฟ้าแลบออกมาเป็นระยะ ๆ ราวกับว่าสวรรค์กำลังเกรี้ยวโกรธ ขุ่นเคืองอะไรอยู่.

ขณะที่เข้ามาภายในเทือกเขาคู่หยินหยาง จงซานที่เห็นท้องฟ้าแปรปรวน สายฟ้าที่ส่องประกายออกมาเป็นระยะอย่างคาดไม่ถึง.

"เจี้ยนอ้าว หนานกงเซิ่งมีพลังฝึกตนระดับใด?"จงซานที่กล่าวออกมาเบา ๆ .

เจี้ยนอ้าวหันขวับจ้องมองกลับมายังจงซาน ทั่วหล้าทุกคนต่างก็รู้ดี ว่าเขามีระดับสวรรค์แท้ ทำไมจงซานถึงได้ถามออกมาเช่นนี้กัน.

เห็นท่าทางของเจี้ยนอ้าวแล้ว จงซานที่ถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวออกมาว่า "บางทีข้าคงจะคิดมากไป!"

คนทั้งสองที่เดินทางมายังส่วนหนึ่งของเทือกเขาคู่หยินหยาง.

พวกเขาจะต้องค้นหาสมบัติล้ำค่าที่หนานกงเซิ่งทิ้งเอาไว้อย่างเป็นทางการ.

"ของวิเศษที่หนานกงเซิ่งทิ้งไว้มีอะไรพิเศษอย่างงั้นรึ?"จงซานสอบถาม.

"มีกลิ่นอายของเขาซ่อนอยู่ คงเป็นเช่นนั้น"เจี้ยนอ้าวที่นำหยกสัญญาณอันแรกออกมา พร้อมกับปล่อยพลังเข้าไป ก่อนที่มันจะแผ่แสงสีม่วงออกมา.

จงซานที่กวาดสัมผัสเทวะ ตรวจสอบกลิ่นอายของมันและจดจำเอาไว้.

"ข้าจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง ของวิเศษใดที่เจ้าหาเจอ ทุกสิ่งหลังจากนั้นจะเป็นของเจ้า."เจี้ยนอ้าวกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.

"เฮ้เฮ้ งั้นข้าก็ไม่เกรงใจจริง ๆ นะ."จงซานที่ไม่ปฏิเสธ พร้อมกับพยักหน้ารับในทันที.

เป็นความจริงว่าหากสามารถช่วยเจี้ยนอ้าวได้เป็นผู้สืบทอดได้ แล้วยังมีสิ่งใดที่เจี้ยนอ้าวสนใจอย่างงั้นรึ?

"หลังจากนี้สองวัน ให้มาพบกันที่นี่!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.

"อืม!"จงซานพยักหน้า.

จากนั้นคนทั้งสองก็แยกกันออกไปหา แน่นอนว่าพื้นที่นั้นกว้างเป็นอย่างมาก แยกออกไปหาย่อมมีประโยชน์กว่า.

ของวิเศษอันใดกันที่หนานกงเซิ่งซ่อนเอาไว้?

เทือกเขาคู่หยินหยางนั้น มีขนาดใหญ่มาก และยังไม่รู้ร่องรอยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ทุกคนไม่รอให้เสียเวลา บินออกไปรอบ ๆ  ใช้สัมผัสเทวะกวาดมอง

ที่ซ่อนอยู่นี้ต้องเป็นของวิเศษไม่ธรรมดาแน่ เพื่อไม่ให้เสียเวลา จงซานได้สร้างร่างโคลนหลายร้อยร่างออกไป ดูซิว่าจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้.

ร่างโคลนหลายร้อยร่าง แม้ว่าคงสภาพได้แค่หนึ่งชั่วยาม ทว่าก็เพียงพอที่จะค้นหาพื้นที่หลายแห่ง คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถค้นพบอะไรได้?

ร่างแยกเงาที่กำลังนั่งขบคิด หากเป็นเช่นนี้ แม้จะใช้เวลาสิบวันก็ยากที่จะหาเจอ? หรือว่าต้องมีโชคลาภที่ต่อต้านสวรรค์จริง ๆ รึ?

วันถัดมา ร่างแยกเงาที่ปล่อยร่างโคลนออกไปและพบเข้ากับสมบัติวิเศษอย่างหนึ่ง เป็นชามขนาดเล็กสีทองซึ่งมีกลิ่นอายของหนานกงเซิ่งอยู่.

อย่างไรก็ตาม ของวิเศษชิ้นนั้นถูกซ่อนเอาไว้ลึกมาก คาดไม่ถึงเลยว่าจะลึกลงไปใต้ภูเขา.

เรื่องนี้?หากไม่ใช่ทักษะของร่างโคลน จะหาเจอได้อย่างไร?

สองวันผ่านไป จงซานและเจี้ยนอ้าวกลับมาพบกันอีกครั้ง.

"เจ้าพบของวิเศษแล้วรึ?"เจี้ยนอ้าวที่เผยสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก.

ฟังจากที่จงซานเล่า เจี้ยนอ้าวที่จ้องมองจงซานด้วยท่าทางแปลกประหลาด ลึกลงไปใต้ดินพันเมตรอย่างงั้นรึ? ไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าลึกถึงเพียงนั้นจะมีของวิเศษซ่อนอยู่ อีกทั้งท่ามกลางภูเขามากมาย ลึกลงไปใต้ดินกว่าพันเมตร เขาไปเจอได้ไง? นี่ต้องบอกว่ามีโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่นัก.

"ข้ามองคนไม่ผิดจริง ๆ !"เจี้ยนอ้าวจ้องมองไปยังจงซานด้วยความตื่นเต้น.

"หืม?"

"ในอดีตนั้นฉู่จิวที่มองเห็นพรสวรรค์ทางร่างกายของเจ้า เฮ้ เฮ้ อย่าให้ข้าต้องพูดเลย ชั่วชีวิตไม่มีทางก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณ ทว่าเพียงแค่สิบปีเจ้ากลับก้าวไปถึงระดับจักรพรรดิแท้ได้ ข้าคาดเดาได้อย่างแม่นยำ ชะตาของเจ้านั้นย่อมสูงล้ำมากกว่าคนทั่วไปมาก ไม่เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวไปถึงระดับจักรพรรดิแท้ได้ ด้วยความเร็วขนาดนี้ ข้าดูคนไม่ผิดจริง ๆ  วาสนาของเจ้า ต่อต้านสวรรค์อย่างไม่ธรรมดา ลำพังข้าใช้เวลานับปีก็ไม่รู้ว่าจะหาเจอหรือไม่?."เจี้ยนอ้าวกล่าวพลางทอดถอนใจ.

จงซานที่จ้องมองเจี้ยนอ้าวด้วยท่าทางแปลก ๆ  ที่เจี้ยนอ้าวเชิญเขามานี้ เพียงแค่ต้องการโชคของเขาอย่างงั้นรึ?

จงซานที่ต้องการจะกล่าวแย้งเช่นกัน ไม่ใช่แค่โชค เขายังมีความพยายามมากกว่าใคร ๆ  ทว่าถึงจะพูดไป เจี้ยนอ้าวจะเชื่ออย่างั้นรึ?

"พวกเราจะต้องค้นหาไปเรื่อย ๆ เช่นนี้นะรึ!"จงซานที่คิดครู่หนึ่งและกล่าวออกมา.

เจี้ยนอ้าวที่พยัก แต่ละกลุ่มสามารถค้นหาได้ แน่นอนว่าทุกคนต้องค้นหาไปทั่ว หากใครมีวาสนามากกว่ากัน พบสมบัติได้มากกว่า คนที่เหลือก็ต้องพ่ายแพ้.

"แล้วเจ้ามีวิธีอย่างงั้นรึ?"เจี้ยนอ้าวสอบถาม.

"สองวันก่อนหน้านี้ หนานกงเซิ่งกล่าวว่าที่นี่คือวิหารพุทธอย่างงั้นรึ?"จงซาน

"ใช่ พญามารบอกว่าเดิมที่ขุนเขาคู่หยินหยานเป็นที่อยู่อาศัยมาก่อน."เจี้ยนอ้าวพยักหน้า.

"พวกเราจะไปค้นหาที่บ้านของเขา!"ดวงตาของจงซานที่เปล่งประกายด้วยเชาว์ปัญญา.

ค้นที่บ้านเขารึ?ใบหน้าของเจี้ยนอ้าวที่เต็มไปด้วยแปลกประหลาด ให้ไปค้นหาที่บ้านพญามาร? ไม่คิดเลยว่าจงซานจะกล่าวกล่าวคำพูดนี้ออกมา.

"อย่างไร? หากเป็นสมบัติของหนานกงเซิ่ง แน่นอนว่าจะต้องอยู่ในที่พักของเขา ตราบเท่าที่เราไปที่นั่น พวกเราก็จะได้รับสมบัติมากมาย แม้แต่ตัวบ้านของเขา ก็นับว่าเป็นสมบัติเช่นกัน!"จงซานที่กล่าวความคิดที่มีความเป็นไปได้.

รื้อบ้านของพญามารอย่างงั้นรึ?เจี้ยนอ้าวถึงกับตื่นตระหนกตกใจกับความคิดของจงซาน

หนานกงเซิ่ง พญามารของยุคนี้ แม้ว่าเจี้ยนอ้าวจะไม่เข้าใจคนผู้นี้ แต่ก็สัมผัสได้ว่าคนผู้นี้ลึกลับ ราวกับซ่อนอยู่ในหมอกที่หนามาก ถึงจะเป็นระดับสวรรค์แท้ก็ยังรู้สึกกดดันเช่นกัน.

รื้อบ้านของหนานกงเซิ่งอย่างงั้นรึ?

"จะเป็นไปได้รึ? บางทีคงทำไม่สำเร็จ."เจี้ยนอ้าวที่สูดหายใจลึกพยายามทำใจให้สงบ.

"ทำไม?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา จงซานที่เป็นคนนอกกรอบ แม้ว่าจะไม่เข้าใจหนานกงเซิ่งก็ตาม ทว่าภายในใจก็ไม่เคยรู้สึกหวาดกลัว.

"บ้านของพญามารนั้น ข้าได้ผ่านไปครั้งหนึ่ง แม้ว่าข้าจะไม่คิดจะรื้อบ้านของเขา ทว่าข้าก็คิดว่าภายในบ้านของเขานั้นมีสมบัติบางอย่างอยู่ ขณะที่ข้าไปถึงที่นั้น ข้าก็พบว่า พญามารเองก็ได้เตรียมการเอาไว้แล้ว!"เจี้ยนอ้าวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"เตรียมการอย่างงั้นรึ?"

"พญามารนั้นได้สร้างค่ายกลลวงตาที่น่าเกรงขามเอาไว้ กั้นขวางที่อยู่อาศัย และพญามารยังมีชื่อเสียงที่สุดในทวีปศักดิ์สิทธิ์เป็นถึงปรมาจารย์ค่ายกล เขาได้กั้นขวางทุกอย่างเอาไว้แล้ว ไม่มีทางที่จะเข้าไปด้านในได้.

ปรมาจารย์อันดับหนึ่งด้านค่ายกล คือหนานกงเซิ่งอย่างงั้นรึ?

จงซานที่ครุ่นคิด ท้ายที่สุดก็ส่ายหน้าไปมา "ไม่ว่าอย่างไร นำข้าไปดูก่อน!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด