Chapter 397 บุตรของข้า.
แดนเทพพิสุทธิ์ ประตูหน้าที่ดูกว้างขวางเป็นอย่างมาก!
จงซานและเซียนเซิงซือที่ก้าวตามเนี่ยนโหยวโหยวเข้าไปด้านใน เพียงแค่ก้าวเข้ามา ก็มีนักบวชห่มเหลืองที่เดินเข้ามาหาทันที.
"พุทธองค์ทรงเมตตา!"นักบวชทั้งสองรูปออกมาขวางทางจงซานและเซียนเซิงซือ.
"แสดงมันให้พวกเขา!"เนี่ยนโหยวโหยวกล่าว.
จงซานและเซียนเซิงซือที่ยื่นตราแปดสิบเอ็ดออกมาให้นักบวชทั้งสองได้เห็น.
นักบวชทั้งสองที่ตรวจสอบและส่งมันคืนกลับให้กับจงซาน "ประสกทั้งสอง ล่วงเกินแล้ว เชิญ!"
"ไม่จำเป็น ข้าจะนำพวกเขาไปเอง!"เนี่ยนโหยวโหยวกล่าวออกมาในทันที.
นักบวชทั้งสองที่พนมมือขึ้น ก่อนที่จะถอยกลับเข้าไป.
เนี่ยนโหยวโหยวนำทาง คนทั้งสามก็ก้าวเข้าไปด้านในของวิหารพุทธ.
รอบ ๆ วิหารนั้นมีค่ายกล ป้องกันเหล่าสายลับ ป้องกันศัตรูเข้ามาโจมตี ภายนอกมีนักบวชเพียงสองคนเฝ้า ซึ่งดูเหมือนกับองค์รักษ์ คอยเฝ้าประตูด้านหน้า ที่ด้านในนั้นมีอักษรเหมือนกับด้านนอก เป็นอักษรสี่ตัวเช่นกัน.
แดนเทพพิสุทธิ์!
นับตั้งแต่เข้ามาด้านใน จงซานถึงกับต้องหรี่ตาจ้องมอง เพราะว่าภายในวิหารด้านในนั้น ไม่มีสิ่งใด เต็มไปด้วยความมืดมิด.
ราวกับว่าเข้ามาในโพรงที่ไร้แสง เป็นเหมือนกับเข้ามาในปากที่ใหญ่ยักษ์ กำลังกลืนกินพวกเขาเข้ามา ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด มีเพียงความมืดมิด แม้แต่ท้องฟ้า เป็นความมืดที่ลึกลับเป็นอย่างมาก.
"ไปเถอะ!"เนี่ยนโหยวโหยวกล่าว จากนั้นก็เดินนำทางพวกเขาไป.
จงซานที่ชำเลืองมองออกไป พร้อมกับก้าวตาม เซียนเซิงซือก็ด้วยเช่นกัน.
ก้าวแล้วก้าวเล่า พวกเขาก็ผ่านเส้นทางแห่งความมืด สุดทาง พื้นที่รอบ ๆ เปลี่ยนไปในทันที กลายเป็นแสงสว่างที่เจิดจ้า ประกายแสงมากมายที่สาดซัดเข้ามาหาจงซาน ทำให้เขานิ่งงันไปชั่วขณะ.
พื้นที่รอบ ๆ แห่งนี้คือด้านนอกห้องโถงอย่างงั้นรึ?
จงซานจดจำได้ว่าเขาได้ก้าวเข้ามาภายในตำหนักอย่างชัดเจน ตอนนี้สถานที่เขาอยู่ เป็นสถานที่เดียวกันอย่างงั้นรึ?
นี่คือห้องโถงรึ? จงซานที่ยืนนิ่ง ที่ด้านหลังที่เขาก้าวออกมา คือห้องโถงของแดนเทพพิสุทธิ์.
จงซานที่จ้องมองไปด้านหน้า ไม่ได้เป็นวิหารพุทธเหมือนที่เขามองเห็นก่อนหน้านี้ แต่เป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาล.
กว้างขวางยิ่งนัก! ก่อนหน้านี้คืออุโมงค์เคลื่อนมิติหรือไม่?
สิ่งที่เขาได้เห็นด้านหน้าเวลานี้ ทำให้จงซานถึงกับพ่นลมออกจากปากทีเดียว นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นทุ่งกว้างบนผืนโลกที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้.
ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆสีทอง ราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์ ประกายแสงที่ส่องสว่างลงมาด้านล่าง อาบไปยังพื้นที่รอบ ๆ เป็นประกายแสงที่มีสีทอง แสงสว่างที่โชติช่วง เป็นแสงสว่างที่งดงามมาก กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ที่กว้างขวางแห่งนี้.
ที่ไกลออกไปนั้น สามารถมองเห็นเทือกเขาสีทองอร่าม ทอดยาวไร้ที่สิ้นสุด ตำแหน่งตรงกลางเทือกเขา มีลานรูปจัตุรัสขนาดใหญ่โตมโหฬาร สูงขึ้นเทียมฟ้าและสะท้อนแสงสีทองออกไปรอบ ๆ ดูยิ่งใหญ่อลังการเป็นอย่างมาก.
บนท้องฟ้า มีเมฆสีทองมากมายนับไม่ถ้วน ทว่ากลับดูเหมือนว่างเปล่า เป็นเพียงภาพเลือน ๆ มองไม่เห็นชัดเจนนัก ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่บางคนเท่านั้นที่มองเห็น เหมือนกับวาสนาของเมืองบรรพการศักดิ์สิทธิ์ มีมีเมฆวาสนา รวมตัวปกคลุมท้องฟ้า.
ที่นี่บำเพ็ญกรรม เป็นไปได้ว่านี่คือกรรมวาสนา เป็นกรรมวาสนาที่มารวมตัวกัน จนมองเห็นเป็นรูปอรหันต์ ปู่ซา พุทธะและอื่น ๆ อีก.
"ฟู่!"
จงซานที่สูดหายใจยาว.
เนี่ยนโหยวโหยวจ้องมองไปยังท่าทางของคนทั้งสอง ที่พบกับสองโลกที่แตกต่าง คนทั่วไปครั้งแรกย่อมตกตื่นตะลึงตาโตอย่างแน่นอน ทว่าคนทั้งสองกับยังดูสุขุม จงซานรู้สึกประหลาดใจบ้าง ทว่าพริบตาเดียวก็สงบ ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาของจงซาน หมายความว่าอย่างไร? ไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย ไม่มีความรู้สึกอย่างงั้นรึ? ไม่แสดงท่าทางประหลาดใจเลยรึ?
จวบจนจงซานที่สูดหายใจลึก.
"เป็นอย่างไร?"เนี่ยนโหยวโหยวสอบถาม.
"แดนเทพพิสุทธิ์เป็นดินแดนที่น่าประทับใจ!"จงซานที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ไปเถอะ พวกเรามีตราประทับ ทุกคนที่มีตราแปดสิบเอ็ดจะมีที่พักรับรอง และรอคอยหลังจากนี้สองเดือนถึงจะมีการประชุมนิพพานมรรค."เนี่ยนโหยวโหยวกล่าว.
"สองเดือนอย่างงั้นรึ?"จงซานจ้องมองไปยังเนี่ยนโหยวโหยว.
"ใช่! ไปเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูรอบ ๆ !"เนี่ยนโหยวโหยวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
คนทั้งสองที่ตามเนี่ยนโหยวโหยว รอบ ๆ นั้นมีวิหารขนาดใหญ่มากมาย ถูกสร้างขึ้นบนผืนแผ่นดินเทพพิสุทธิ์ และมีเหล่านักบวชอาศัยอยู่ด้านในมากมาย พวกเขาที่บินผ่านพื้นที่หลายแห่ง ขณะที่บินผ่านนั้นได้ยินเสียงสวดมนต์เป็นระยะ ๆ .
มีเหล่านักบวชอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทว่าทุกคนไม่ได้สนใจที่จะทักทายจงซานและคนอื่น ๆ แม้แต่น้อย.
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็บินตรงมายังพื้นที่แห่งหนึ่ง เป็นภูเขาลูกหนึ่ง มีลานขนาดใหญ่ด้านบน มีคนกลุ่มหนึ่งอยู่รอบ ๆ ลาน ภูเขาหลังนี้ มีเกาะลอยฟ้าขนาดเล็กเหินอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีขนาดเล็กมา บางแห่งเป็นเพียงแค่ซุ้มไม้ เป็นที่พักให้กับคนชั่วคราวเท่านั้น.
"ทุกคนที่มีตราแปดสิบเอ็ดจะพักบนภูเขาลูกนี้ พวกเราจะไปพักทางทิศเหนือ."เนี่ยนโหยวโหยวกล่าว.
จากนั้น เนี่ยนโหยวโหยวได้นำจงซานและเซียนเซิงซือไปยังเรือนพักแห่งหนึ่ง.
เรือนพักแห่งนี้มาหลายห้อง เป็นพื้นที่รับรอง มีสวนหลังบ้านที่มีค่ายกลปิดกั้นเป็นการส่วนตัว แต่ล่ะห้องเองก็มีค่ายกลขนาดเล็กปิดกั้นเอาไว้แยกเป็นพื้นที่ส่วนตัวอีกชั้น.
จงซานและเซียนเซิงซือเลือกห้องพักธรรมดาห้องหนึ่ง.
"เจ้าเดินทางติดต่อกันมาหลายวันแล้ว ก่อนอื่นพักก่อนสักคืนก็แล้วกัน."เนี่ยนโหยวโหยวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"อืม!"จงซานและเซียนเซิงซือพยักหน้า.
........
วันต่อมา ยังถือว่าเช้าเป็นอย่างมาก จงซานและเนี่ยนโหยวโหยวที่เดินทางมายังเกาะลอยฟ้าขนาดเล็ก พร้อมกับดื่มชาด้วยกันบนศาลาแห่งหนึ่ง.
"จงซาน เจ้ารู้ใหม่ว่าที่นั่นคือที่ใหน?"เนี่ยนโหยวโหยวที่ชี้ไปยังภูเขาป่าแห่งหนึ่งที่มีแสงสีทองมากมายสาดส่องไปทั่วสารทิศ.
"ข้าเพิ่งเคยมาครั้งแรก ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นที่ใหน."จงซานที่สายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้ม.
"นั่นคือสุสานอรหันต์!"เนี่ยนโหยวโหยวกล่าว.
"หืม?สุสานอรหันอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"ใช่แล้ว เขตแดนนั่น เป็นที่ฝั่งศพของปู่ซาและอรหันต์มากกว่า 200 คนแล้ว เมื่อพวกเขาสิ้นอายุขัยจะถูกนำมาฝั่งที่แห่งนี้ ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าสุสานอรหันต์."เนี่ยนโหยวโหยวกล่าว.
"หืม? ดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องกับการจุติของวิญญาณดังนั้นจึงต้องนำร่างมาฝั่งภายในสุสานอรหันต์หรือไม่?"จงซานที่จ้องมองออกไปขณะพูด.
เนี่ยนโหยวโหยวที่จ้องมองไปยังจงซาน "เจ้ารู้ได้อย่างไร? ถึงได้คาดเดาได้แม่นยำขนาดนี้?"
"หึ หึ."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
"ข้ายังไม่ได้ต้องการกล่าวเกี่ยวกับสุสานอรหันต์ บนสุสานอรหันต์นั้นมีลานขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เจ้ามองเห็นหรือไม่?"เนี่ยนโหยวโหยวที่ชี้ไปยังป่าแห่งหนึ่ง ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ และสถานที่แห่งหนึ่งที่มีหลังคาเล็ก ๆ .
"มีปัญหาอะไรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"ที่นั่นเป็นที่พักของวิหารเพียวเซี่ยง เมื่อครั้งปู่ซาเพียวเซี่ยงมีชีวิตอยู่ นางเป็นผู้ดูแลสุสานแห่งนั้นเป็นอย่างดี ปกป้องสุสานอรหันต์ ทว่าที่สวนของนางนั้น นับว่าเป็นสวนสวรรค์ มีกุหลาบเจ็ดสี เป็นจักรพรรดิของกุหลาบ ภายในสวรรค์แห่งนี้มีเพียงแค่สามดอกเท่านั้น มันถูกเก็บอยู่ในที่พักของนาง หากว่าเจ้า........"เนี่ยนโหยวโหยวเผยยิ้มจ้องมองไปยังจงซาน.
เห็นท่าทางใบหน้าของเนียนโหยวโหยแล้ว จงซานถึงกับพูดไม่ออก นางที่เตือนความจริงของเขาเกี่ยวกับดอกไม้ ซึ่งเป็นดอกกุหลาบกว่า 3000 ดอก ทว่าตอนนี้มันยังขาดอยู่อีก 20 ชนิด.
"ปู่ซาเพียวเซี่ยงคงเอาใจใส่กุหลาบเจ็ดสีเป็นอย่างมาก?"จงซานที่กล่าวสอบถาม.
"ราวกับเลือดเนื้อของนาง นอกจากนี้ ภายในสุสานนั้น ไม่ต้องบอกเลยว่าไม่มีใครสามารถเข้าไปได้."เนี่ยนโหยวโหยวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
จงซานไร้ซึ่งคำพูด!
"แล้วเจ้าจะนำมันมาให้ข้าเมื่อไหร่?"เนี่ยนโหยวโหยวที่กล่าวทวง.
"ยังไม่ถึงเวลา วางใจได้!"จงซานที่เผยยิ้มออกมาให้ในทันที.
ขณะที่จงซานและเนี่ยนโหยวโหยวกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น บนลานแห่งหนึ่งก็ได้ยินเสียงวุ่นวายเกิดขึ้น เป็นสียงการต่อสู้.
"วิหารต้าหมิงรึ? ฮ่าฮ่าอ่า วิหารต้าหมิง มีผู้ฝึกตนเช่นนี้นะรึ? คิดว่าจะมีปัญญาก้าวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เหรอ มีปัญหาอะไร? ไม่ใช่ว่ามีความสามารถอย่างงั้นรึ? มาสังหารข้าสิ? มาสิ! อยากสังหารข้ารึ? ฮ่าฮ่าอ่าฮ่า."
จงซานที่หันหน้ากวาดตามอง เห็นเพียงชายในชุดคลุมสีดำ ตอนนี้ถูกชายผ้าคลุมสีเหลืองโจมตีจนนอนลงไปบนพื้น ก่อนที่จะถูกเหยียบเอาไว้ ไม่สามารถขยับได้.
"วิหารต้าหมิง ถุยยยย! บิดาจะสังหารคนของวิหารต้าหมิงแล้วไง มีปัญหาอะไร? ไม่ใช่ว่ามีความสามารถรึ? ไม่ใช่ว่ามีพลังที่ยิ่งใหญ่หรอกรึ?"ชายในชุดสีเหลืองที่เผยยิ้มอย่างชั่วร้าย พร้อมกระทืบลงไปบนแขนของชายชุดสีดำที่นอนอยู่บนพื้น.
"ปัง!!!"
"อ๊าก ๆ ๆ ๆ "ชายในชุดคลุมสีดำที่ร้องเจ็บปวดทรมาน.
ได้ยินเสียงเจ็บปวดทรมาน จงซานที่ลุกขึ้นในทันที ใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองจ้องมองลงไปยังลานด้านล่าง เนี่ยนโหยวโหยวที่แสดงท่าทางประหลาดใจ จ้องมองตามจงซาน.
ทว่าทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เกาะลอยฟ้า หลาย ๆ คนที่จ้องมองด้วยท่าทางไม่แยแส หลาย ๆ คนที่เผยยิ้มเฝ้ามองด้วยความสนใจ ไม่มีใครเข้าไปห้ามสักคน.
"ฮ่าอ่าอ่า เจ็บมากสินะ ลุกขึ้นมาสิ แน่นอนว่าข้านั้นเป็นคนดีมีเมตตา เพียงแค่เจ้าบอกว่าวิหารต้าหมิงคือพวกขยะ และเรียกข้าว่าปู่ ข้าจะปล่อยเจ้าไป เป็นอย่างไร?ฮ่าอ่าอ่าฮ่า."ชายในชุดสีเหลืองกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ยโสโอหัง.
"ฝันไปเถอะ."ชายในชุดสีดำที่นอนกองอยู่กับพื้นที่ตะเกียกตะกายด้วยความเจ็บปวดร้องออกมา.
"ถุยยย แส่หาความตาย!!!"ชายในชุดคลุมสีเหลืองที่ สะบัดมือ นำกระบองขนาดใหญ่ ที่ส่องแสงสีทอง พร้อมกับฟาดเล็งไปยังแขนของชายชุดคลุมสีดำ.
"ตูมมมมมมมม"
เสียงดังสนั่น กระบองของชายชุดคลุมเหลืองยังไม่โดนแขนของชายชุดด้วยซ้ำ ทว่าถูกดาบยักษ์ที่ฟาดฟันออกไป กระแทกกระบองอย่างรุนแรง จนทำให้ชายในชุดคลุมสีเหลืองต้องถอยหลังออกไปหลายก้าว.
เป็นจงซานนั่นเอง หลังจากที่ได้ยินเสียงของคนในชุดสีดำ ก็พุ่งลงมาจากเกาะลอยฟ้าขนาดเล็กและฟันดาบออกไปยังชายชุดคลุมสีเหลือง.
ดาบของจงซาน ที่ขวางชายชุดคลุมสีเหลืองเอาไว้ สายตาที่เย็นชาจดจ้องมองไปยังชายในชุดคลุมสีเหลือง แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย.
ชายในชุดคลุมเหลืองที่ถูกลอบโจมตี สายตาที่แสดงท่าทางประหลาดใจ และรู้สึกไม่คุ้นตากับคนด้านหน้า.
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เวลานี้ ราวกับว่ารู้สึกสนใจกว่าเดิมอีก เฝ้ามองว่าเกิดสิ่งใดขึ้น?
เนี่ยนโหยวโหยวที่จ้องมองจงซานที่ลงมือด้วยท่าทางสงสัย จงซาน? เป็นบ้าไปแล้วรึ? โดดเข้าไปต่อสู้ เพื่อหาความสนุกอย่างงั้นรึ? ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองเลย.
"เจ้าเป็นใคร?"ชายในชุดคลุมสีเหลืองที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ ไม่แน่ใจจ้องมองไปยังจงซาน.
"ข้าเป็นใครรึ? ข้าคือบิดาของเขา! ไม่เคยมีใครกล้ารังแกบุตรของข้าต่อหน้าข้า!"จงซานที่ชำเลืองมองออกไป.
ทุก ๆ คนที่รอคอยจ้องมองจงซานเป็นใครมาจากใหน เพื่อที่จะได้ไปรายงานอาจารย์ของตน ต้องไม่ลืมว่าที่นี่ คนที่มารอบสองนี้ดูน่าสะพรึงกลัวไม่น้อย ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดของจงซานแล้ว ทุกคนที่ราวกับว่านิ่งงันกลายเป็นหินไปในทันที! รู้สึกราวกับว่ามีอะไรบินหึ่ง ๆ อยู่รอบ ๆ ศีรษะ.
บุตรของข้า? นั่นคือบิดาของเขาอย่างงั้นรึ?
เนี่ยนโหยวโหยวที่อ้าปากค้าง คิดว่าจงซานกำลังผิดปรกติ ราวกับว่ากำลังหาเรื่องใส่ตัว? ต้องการช่วยคนอื่น คนที่ไม่รู้จักอย่างงั้นรึ?ทว่าเมื่อกี้เขาเรียกว่าบุตรของเขา เป็นบุตรของเขาอย่างงั้นรึ?
ทุก ๆ คนต่างก็คิดเหมือนกับเนี่ยนโหยวโหยว หากว่านั่นคือบุตรชายของเขา ก็ยังพอเข้าใจได้ ที่เขายื่นมือออกไปช่วย.
"ฟู่ฉิน!"เสียงของชายชุดดำที่ดังผ่านออกมาจากด้านหลังของจงซาน.