ตอนที่แล้วChapter 393 เซอคง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 395 องค์กรลึกลับ.

Chapter 394 ผนึกเทวะ.


"ประสกทั้งสอง ที่นี่คือวิหารหลงเฟิง."เซอคงที่ชี้ไปยังเส้นทางที่ขมุกขมัวด้านหน้า.

หมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ไม่ใหญ่นัก ทว่าก็สามารถมองเห็นเส้นทางลึกเข้าไปด้านใน ดูเหมือนว่าหมอกมืดจะปกคลุมรัศมีห้ากิโลเมตรเลยทีเดียว แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับคฤหาสน์ตงฟางของเขาที่เมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ได้แต่อย่างใด.

จงซานและเซียนเซิงซือที่สบตากันและกันแสดงท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมาก.

ก่อนหน้านี้ตลอดหลายวัน ที่เข้ามาในเขตค่ายกลอรหันต์แสนภูผา จงซานที่ได้ใช้บัวหงหลวน ทว่ากับได้ยินเพียงเสียงสวดมนต์ทีดังขึ้นไม่หยุด ดูเหมือนว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลอรหันต์แสนภูผา เสียงของอรหันต์ที่ดังกระจายก้องไปทั่วทิศทาง.

คนอื่น ๆ ย่อมไม่ได้ยินเสียง มีเพียงแค่จงซานที่มีบัวหงหลวนถึงจะได้ยินเสียงดังกล่าวนี้ได้ ดังนั้นจึงอดไม่ได้เลยที่จะทำให้จงซานเต็มไปด้วยความสงสัย.

"ศิษย์พี่ ข้าพาแขกมา!"เซอคงกล่าวต่อคนดูแลค่ายกล ใบหน้าที่แสดงท่าทางมีความสุข.

เสียงของเซอคงที่ดังผ่านเข้าไปในค่ายกลหมอก ก่อนที่จะมีแสงสีทองผ่านออกมา เป็นแสงของพระพุทธที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก.

ทันทีที่หมอกสลายหายไปช้า ๆ  ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นฉากของวิหารหลงเฟิง.

วิหารหลงเฟิงนั้นมีแท่นบูชาขนาดใหญ่บนยอดเขา ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีขนาดใหญ่ มีรูปร่างเหมือนพลั่ว ซึ่งมีตำหนักขนาดใหญ่อยู่ด้านบน ด้านในนั้นมีเหล่านักบวชห่มเหลืองที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่เต็มไปหมด.

ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ไกลออกไป มีนักบวชสามคนที่บินตรงมาทันที สวมผ้าคลุมสีเหลืองเหมือนกับเซอคง.

"เสี่ยวเซิงเซอ สองคนนี้คือผู้ศรัทธาที่เจ้านำมาอย่างงั้นรึ!"นักบวชทั้งสามที่เอ่ยออกมาในทันที.

"คารวะใต้ซือทั้งสาม!"จงซานที่เอ่ยออกมาเล็กน้อย.

"ศิษย์พี่ทั้งสาม คนทั้งสองคือผู้ช่วยชีวิตของข้า ในเวลานั้นกองกำลังปิศาจมายาได้ล้อมกรอบข้า ทว่าคนเหล่านี้ได้สังหารกองกำลังดังกล่าวไปจนสิ้น พรุ่งนี้ข้าจะนำผู้ช่วยชีวิตทั้งสองเดินทางไปยังดินแดนเทพพิสุทธิ์ วันนี้ข้าต้องการให้ผู้ช่วยชีวิตทั้งสองพักอยู่ในวิหารหลงเฟิงของพวกเราก่อน."เซอคงกล่าว.

"ดี!"นักบวชทั้งสามที่พยักหน้าทันที ก่อนที่จะกวาดตามองไปยังจงซานและเซียนเซิงซือ.

"เชิญผู้มีพระคุณท้องสอง วิหารหลงเฟิงนั้นเป็นวิหารเล็ก ๆ  ดังนั้นจึงมีพื้นที่ไม่ใหญ่นัก นอกจากนี้ค่ายกลยังดูหยาบกระด้าง ดังนั้นอาจะไม่แข็งแกร่ง บางครั้งก็มีคนนอกลอบผ่านเข้ามา."เซอคงที่กล่าวขณะนำจงซานไปยังที่พัก.

"ไม่มีปัญหา!"จงซานเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.

ไม่นานหลังจากนั้น จงซานและเซียนเซิงซือถูกนำมายังส่วนหนึ่งของภูเขา นับว่าเป็นวิหารที่ดูเงียบงันเป็นอย่างมาก.

ศิษย์พี่ทั้งสามของเซอคงเองดูเหมือนว่าจากไปแล้ว มีเพียงเซอคงที่นำจงซานและเซียนเซิงซือเข้ามาด้านใน.

จงซานและเซียนเซิงซือถูกนำมายังห้องรับรองแห่งหนึ่ง เป็นหนึ่งในห้องโถงของวิหารหลงเฟิง เซอคงที่อธิบายรายระเอียดข้อห้ามต่าง ๆ ภายในค่ายกลอรหันต์แสนภูผาให้ฟังเล็กน้อย.

"ไม่ได้พักมานานแล้ว ข้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย."จงซานกล่าวออกมาด้วยความสุภาพต่อเซอคง.

"ที่ด้านหลังนั้นมีน้ำพุร้อน ทั้งสองพักผ่อนเถอะ แล้วตอนเย็นข้าจะมาขอบคุณและต้อนรับทั้งสองอีกครั้ง."เซอคงกล่าว.

"ขอบคุณ!"จงซานกล่าวตอบรับ.

เซอคงที่ถอนตัวกลับไปในทันที หลังจากทีนั้นภายในวิหารแห่งนี้ที่ดูเงียบงัน จนจงซานต้องหรี่ตาจ้องมอง.

"เซียนเซิงซือ มีกลิ่นธูปป่วนจิต ระวังตัวด้วย."จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"อืม!"เซียนเซิงซือที่พยักหน้ารับ.

คนทั้งสองที่จ้องมองหน้ากันและกัน แสดงท่าทางจริงจัง.

"ท่านพบอะไรอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือจ้องมองไปยังจงซาน.

"ข้าสงสัยตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว แต่ไม่แน่ใจ คาดไม่ถึงเลยว่าเซอคงจะมีเจตนาร้ายแฝงอยู่."จงซานที่สูดหายใจลึก.

"หืม?"เซียนเซิงซือจ้องมองไปยังจงซาน.

"สำนักเล็ก ๆ อย่างงั้นรึ? เป็นไปไม่ได้ว่าที่นี่คือสำนักเล็ก ๆ  เซอคงมีระดับก่อตั้งวิญญาณ ศิษย์พี่ของเขาเองก็ควรจะมีระดับก่อตั้งวิญญาณ และพวกเขายังกล่าวถึงอาจารย์ของตัวเองอีก กับการมีคนที่มีระดับสูงหลายคน ถึงแม้ว่าจะเป็นสำนักที่กำลังตกต่ำ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสำนักขนาดเล็ก? บางทีนี่อาจจะไม่ใช่สำนักด้วยซ้ำ นอกจากนี้จากท่าทางของศิษย์พี่ของเซอคงแล้ว ราวกับว่าพวกเขารับรู้มาก่อนแล้วว่า เซอคงนั้นเดินทางไปยังเมืองเล็ก กับไม่กล่าวถึงว่าเกิดสิ่งใดขึ้น? เขาที่จงใจบอกว่าให้พวกเรารอ ก่อนที่จะพาไปยังแดนเทพพิสุทธิ์อย่างงั้นรึ? แน่นอนว่าเรื่องนี้ข้าก็พอคาดเดาได้แล้ว จนกระทั่ง ข้าได้กลิ่นของธูปป่วนจิตที่อยู่ในวิหารแห่งนี้ ชิ ข้าบอกได้อย่างมั่นใจว่าเซอคงมีเจตนาร้ายอย่างแน่นอน."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ.

"นี่มัน ผงป่วนทะเลลึกล้ำ ไร้สีไร้กลิ่น ท่านพบมันได้อย่างไร?"เซียนเซิงซือที่ไม่เข้าใจจ้องมองไปยังจงซาน.

"หืม?"จงซานที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือด้วยท่าทางประหลาดใจ.

เขาที่พบเข้ากับควันป่วนจิตนี้ เพราะว่าบัวหงหลวน ส่วนเซียนเซิงซือรู้ได้อย่างไร?นอกจากนี้ยังรู้จักชื่อมันด้วยรึ?

"เจ้าคิดว่าข้ารู้ได้อย่างไร."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย หากแต่ไม่ได้คิดจะกล่าวถึงเหตุผล ไม่ต้องการให้เซียนเซิงซือรับรู้.

เซียนเซิงซือจ้องมองไปยังจงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่ได้ตอบเขา จึงไม่ได้ถามต่อไป.

"ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหมายสมบัติสองอย่างที่ท่านเก็บมา!"เซียนเซิงซือกล่าว.

จงซานที่นำสิ่งของทั้งสองอย่างออกมาจากอกเสื้อ เป็นถุงผ้าขนาดเล็กและหยกสีเขียว.

"เจ้ารู้จักสิ่งของทั้งสองสิ่งนี้รึ?"จงซานจ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.

"ข้าเคยเห็น."เซียนเซิงซือพยักหน้า.

"หืม?"

"ศิลามรกต มันถูกเรียกว่า ศิลาครวญวิญญาณ สามารถเก็บวิญญาณเอาไว้ได้พันวัน."เซียนเซิงซือกล่าว.

"พันวัน?"

"ใช่ วิญญาณธรรมดาไม่สามารถอยู่ในภพหยางได้นานถึงหนึ่งพันวัน ด้วยปราณหยางที่หนาแน่น สามารถทำร้ายพวกเขาได้ ดังนั้นศิลาครวญวิญญาณนั้น สามารถป้องกันพลังหยางไม่ให้เข้ามาทำลายดวงวิญญาณ แน่นอนว่าภายในนั้นมีวิญญาณอยู่ ทำให้ไม่สามารถเก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของ."เซียนเซิงซือตอบ.

"พวกเขานำดวงวิญญาณไปทำอะไร?"จงซานกล่าว.

"ใช้ฝึกวิชามารและกลั่นเป็นของวิเศษที่ร้ายกาจ ยกตัวอย่าง  ยันต์ร้อยปิศาจ หรือ ธวัชกลืนกินหมื่นปิศาจ และอีกมากมาย."เซียนเซิงซือตอบ.

กับคำอธิบายของเซียนเซิงซือ จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา เข้าใจบางอย่างและสัมผัสได้ถึงปราณแห่งความมืดที่แผ่ออกมา ดูทรงพลังอยู่ไม่น้อย.

"ตอนนี้ไม่สามารถเก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของ หลังจากนี้พันวัน เหล่าดวงวิญญาณจะกลายเป็นพลังงานให้กับหยกมรกตนั่นโดยสมบูรณ์ และจะสามารถเก็บเข้าไปได้."เซียนเซิงซือตอบ.

"แล้วใช้เก็บดวงวิญญาณได้อย่างไร?"จงซานสอบถาม

"เพียงแค่เปิดใช้งานก็สามารถเก็บดวงวิญญาณที่อยู่ในรัศมีห้ากิโลเมตรได้ ดวงวิญญาณนั้นไม่สามารถทนต่อพลังหยาง ทว่าการจะนำดวงวิญญาณภายในออกมา จำเป็นต้องใช้อีกวิธี."เซียนเซิงซือตอบ.

จงซานที่สูดหายใจลึกขมวดคิ้วไปมา.

"ส่วนถุงผ้านั้น ข้าไม่ขอพูด ทางที่ดีท่านไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับมัน ไม่ ไม่ควรจะนำออกมาใช้ต่อหน้าคนอื่น ๆ  เพราะมันเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนอื่นเป็นอย่างมาก."เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา ดูเหมือนว่าภูมิหลังของถุงผ้านี้ จะเกี่ยวข้องกับความลับของภูมิหลังเซียนเซิงซือด้วย.

จงซานจ้องมองเซียนเซิงซือด้วยท่าทางประหลาดใจ พร้อมกับพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเก็บของทั้งสองสิ่งเข้าไปในอกเสื้ออีกครั้ง.

"พวกเราควรทำอย่างไรเวลานี้?"เซียนเซิงซือที่จ้องมองไปยังจงซาน.

"แน่นอนว่าเซอคงสนใจสิ่งของดังกล่าวนี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่เล่นละครพาพวกเรามาที่นี่ สถานที่แห่งนี้ไม่ควรจะอยู่นาน พวกเราควรจะหาสถานที่หลบหนีจากที่นี่."จงซานที่กล่าวออกมา.

"คาดไม่ถึงว่าวิหารแห่งนี้ถึงจะมีขนาดเล็ก หากแต่สัมผัสเทวะกับไม่สามารถตรวจค้นได้."เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"อืม ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกปิดกั้นเอาไว้ในค่ายกล ตั้งแต่แรกที่เข้ามาก็ไม่สามารถใช้สัมผัสเทวะได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่า นี่ไม่ใช่ที่พักที่พวกเขาได้เตรียมให้พวกเรา ทว่าเป็นที่คุมขังถึงจะถูก."

"จงซาน."

"เซียนเซิงซือ."

ทันในนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านนอก.

"เซอคง ดูเหมือนว่าจะมาตรวจสอบผลของควันป่วนจิตอย่างงั้นรึ?

"ให้เขาเข้ามา! พวกเราจะได้ใช้โอกาสนี้จับเขาขังไว้ในคุกแห่งนี้!"

จงซานและเซียนเซิงที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง.

"แอ๊ด ๆ  ๆ  ๆ "

ประตูวิหารที่ถูกผลักออกไปช้า ๆ .

"ตูมมมมม"

จงซานที่ยกดาบฟันออกไปอย่างรุนแรง พร้อมกับร่างของเขาก็พุ่งออกไปยังทางออกในทันที.

เซอคงที่บินออกไป เซอคงคิดว่าคนทั้งคู่ติดอยู่ในโลกลวงตาไปแล้ว ก่อนที่จะผลักประตูออก คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งคู่จะไม่ได้รับผลอะไรเลย ชั่วระยะเวลาที่เขาเปิดประตูออกมา ก็หนีออกมาได้ในทันที.

เซอคงที่หลบดาบของจงซานบินลอยออกมา.

ทันทีที่จงซานบินออกมา เวลานี้เหล่านักบวชมากมายได้ออกมารออยู่แล้ว ทุกคนต่างก็ถือดาบยาว ยืนอยู่ไม่ห่าง ดูเหมือนว่าพวกเขาได้เตรียมพร้อมที่จะสังหารพวกเขาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว สายตาของทุกคนที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวจ้องมองไปยังจงซานเป็นสายตาเดียวกัน.

"โฮกกกกกก"

ซือคงที่ถูกลอบโจมตี บินตามออกมา ลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมกับเสียงคำรามดังออกมา ทั่วร่างปรากฏปราณสีดำปะทุขึ้นมาทันที ก่อนที่จะหยุดตัวลง พร้อมกับหันหน้ามา จ้องมองไปยังจงซานด้วยความดุร้าย.

ในเวลานี้จงซานก็เข้าใจทุกอย่างได้ทั้งหมด บนหน้าผากของเซอคงนั้น มีตัวอักษรสีดำ พร้อมกับปราณความมืดหมุนวนอยู่รอบ ๆ ตัวอักษรที่ส่องประกายกลิ่นอายความมืดมิด.

อักษร "เหยา" !

คาดไม่ถึงเลยว่าบนหน้าผากของเซอคงจะมีอักษรเหยา ทว่าเขาไม่ได้เป็นนักบวชหรอกรึ? และคนอื่น ๆ เองก็เหมือน ๆ กัน ทุกคนที่มีปราณแห่งความมืดแผ่ออกมา บนหน้าผากมีอักษรเหยาปรากฏอยู่กันทุกคน.

กองกำลังปิศาจมายารึ? ทุกคนคือกองกำลังปิศาจมายา เนื่องจากมีอักษรเหยาขึ้นบนหน้าผากนั่นเอง.

จงซานที่ตกใจเล็กน้อย เซอคงเองคือหนึ่งในกองกำลังอาชาปิศาจมายาอย่างงั้นรึ? ไม่ได้การ ที่แห่งนี้ นักบวชเหล่านี้ เกี่ยวข้องกันกับกองกำลังปิศาจมาอย่างรึอย่างไร?

วิหารพุทธ ดูเหมือนว่าจะถูกเปิดค่ายกลอีกครั้งแล้ว มีเพียงแค่จงซานที่ออกมาได้ เซียนเซิงซือยังอยู่ด้านใน ทว่าสามารถมองออกมาจากด้านในได้ ทุกคนบนหน้าผากที่มีอักษรเหยา ใบหน้าของเซียนเซิงซือแสดงท่าทางประหลาดใจไม่น้อยเลย.

ดูเหมือนว่าเซอคงต้องการสมบัติเหล่านั้นคืนตั้งแต่แรกแล้ว นี่เป็นแผนของเขา.

"เจ้าไม่เป็นไรได้อย่างไร?"เสียงของเซอคงที่เต็มไปด้วยความเย็นชา.

"เจ้าเป็นคนของกองกำลังปิศาจมายาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจัง.

การที่เขาพบกับคนของกองกำลังปิศาจมายาเข้านั้นนับว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังอีก คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังควบคุมการเคลื่อนไหวของกองกำลังปิศาจมายาอีกชั้นหนึ่ง คนเหล่านี้มีสาขาอยู่ที่นี่อย่างงั้นรึ? เป็นองค์กรในการไล่ล่าสังหารอย่างงั้นรึ?

"ส่งถุงค้างคาว และผนึกครวญวิญญาณมา."เซอคงแค่นเสียงเย็นชา.

"มีปัญญาอย่างงั้นรึ?? เซอคง เจ้าเองก็มีระดับก่อตั้งวิญญาณ ก่อนหน้านี้ที่สนามรบเจ้าก็เห็นแล้ว เจ้าต้องการถูกข้าฟันด้วยดาบนี้อย่างงั้นรึ? ทุกคนที่อยู่นี่ยังไม่พอให้ข้าสังหารเลย."จงซานแค่นเสียงกล่าวออกไป.

"พวกนั้นก็แค่พวกคนโง่ใช้แล้วทิ้ง ที่เปิดผนึกเทวะได้เท่านั้น เป็นพวกไร้ฝีมือที่ถึงจะเปิดผนึกเทวะ แต่กลับไม่สามารถเพิ่มพลังขึ้นมาได้หนึ่งอาณาจักร ด้วยผนึกเทวะตอนนี้ข้ามีพลังระดับหลอมกายธาตุ สถานที่แห่งนี้ทุกคนสามารถเปิดผนึกเทวะได้ ถุงค้างคาวและศิลาครวญวิญญาณ ไม่สามารถเปิดเผยสู่ภายนอกได้ ส่งกลับคืนมาให้ข้าซะ!"เซอคงที่แค่นเสียงเย็นชา.

ผนึกเทวะรึ? จงซานจ้องมองไปยังหน้าผากของเซอคงที่มีอักษร"เหยา."

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด