Chapter 394 ผนึกเทวะ.
"ประสกทั้งสอง ที่นี่คือวิหารหลงเฟิง."เซอคงที่ชี้ไปยังเส้นทางที่ขมุกขมัวด้านหน้า.
หมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ไม่ใหญ่นัก ทว่าก็สามารถมองเห็นเส้นทางลึกเข้าไปด้านใน ดูเหมือนว่าหมอกมืดจะปกคลุมรัศมีห้ากิโลเมตรเลยทีเดียว แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับคฤหาสน์ตงฟางของเขาที่เมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ได้แต่อย่างใด.
จงซานและเซียนเซิงซือที่สบตากันและกันแสดงท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมาก.
ก่อนหน้านี้ตลอดหลายวัน ที่เข้ามาในเขตค่ายกลอรหันต์แสนภูผา จงซานที่ได้ใช้บัวหงหลวน ทว่ากับได้ยินเพียงเสียงสวดมนต์ทีดังขึ้นไม่หยุด ดูเหมือนว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลอรหันต์แสนภูผา เสียงของอรหันต์ที่ดังกระจายก้องไปทั่วทิศทาง.
คนอื่น ๆ ย่อมไม่ได้ยินเสียง มีเพียงแค่จงซานที่มีบัวหงหลวนถึงจะได้ยินเสียงดังกล่าวนี้ได้ ดังนั้นจึงอดไม่ได้เลยที่จะทำให้จงซานเต็มไปด้วยความสงสัย.
"ศิษย์พี่ ข้าพาแขกมา!"เซอคงกล่าวต่อคนดูแลค่ายกล ใบหน้าที่แสดงท่าทางมีความสุข.
เสียงของเซอคงที่ดังผ่านเข้าไปในค่ายกลหมอก ก่อนที่จะมีแสงสีทองผ่านออกมา เป็นแสงของพระพุทธที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก.
ทันทีที่หมอกสลายหายไปช้า ๆ ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นฉากของวิหารหลงเฟิง.
วิหารหลงเฟิงนั้นมีแท่นบูชาขนาดใหญ่บนยอดเขา ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีขนาดใหญ่ มีรูปร่างเหมือนพลั่ว ซึ่งมีตำหนักขนาดใหญ่อยู่ด้านบน ด้านในนั้นมีเหล่านักบวชห่มเหลืองที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่เต็มไปหมด.
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ไกลออกไป มีนักบวชสามคนที่บินตรงมาทันที สวมผ้าคลุมสีเหลืองเหมือนกับเซอคง.
"เสี่ยวเซิงเซอ สองคนนี้คือผู้ศรัทธาที่เจ้านำมาอย่างงั้นรึ!"นักบวชทั้งสามที่เอ่ยออกมาในทันที.
"คารวะใต้ซือทั้งสาม!"จงซานที่เอ่ยออกมาเล็กน้อย.
"ศิษย์พี่ทั้งสาม คนทั้งสองคือผู้ช่วยชีวิตของข้า ในเวลานั้นกองกำลังปิศาจมายาได้ล้อมกรอบข้า ทว่าคนเหล่านี้ได้สังหารกองกำลังดังกล่าวไปจนสิ้น พรุ่งนี้ข้าจะนำผู้ช่วยชีวิตทั้งสองเดินทางไปยังดินแดนเทพพิสุทธิ์ วันนี้ข้าต้องการให้ผู้ช่วยชีวิตทั้งสองพักอยู่ในวิหารหลงเฟิงของพวกเราก่อน."เซอคงกล่าว.
"ดี!"นักบวชทั้งสามที่พยักหน้าทันที ก่อนที่จะกวาดตามองไปยังจงซานและเซียนเซิงซือ.
"เชิญผู้มีพระคุณท้องสอง วิหารหลงเฟิงนั้นเป็นวิหารเล็ก ๆ ดังนั้นจึงมีพื้นที่ไม่ใหญ่นัก นอกจากนี้ค่ายกลยังดูหยาบกระด้าง ดังนั้นอาจะไม่แข็งแกร่ง บางครั้งก็มีคนนอกลอบผ่านเข้ามา."เซอคงที่กล่าวขณะนำจงซานไปยังที่พัก.
"ไม่มีปัญหา!"จงซานเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
ไม่นานหลังจากนั้น จงซานและเซียนเซิงซือถูกนำมายังส่วนหนึ่งของภูเขา นับว่าเป็นวิหารที่ดูเงียบงันเป็นอย่างมาก.
ศิษย์พี่ทั้งสามของเซอคงเองดูเหมือนว่าจากไปแล้ว มีเพียงเซอคงที่นำจงซานและเซียนเซิงซือเข้ามาด้านใน.
จงซานและเซียนเซิงซือถูกนำมายังห้องรับรองแห่งหนึ่ง เป็นหนึ่งในห้องโถงของวิหารหลงเฟิง เซอคงที่อธิบายรายระเอียดข้อห้ามต่าง ๆ ภายในค่ายกลอรหันต์แสนภูผาให้ฟังเล็กน้อย.
"ไม่ได้พักมานานแล้ว ข้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย."จงซานกล่าวออกมาด้วยความสุภาพต่อเซอคง.
"ที่ด้านหลังนั้นมีน้ำพุร้อน ทั้งสองพักผ่อนเถอะ แล้วตอนเย็นข้าจะมาขอบคุณและต้อนรับทั้งสองอีกครั้ง."เซอคงกล่าว.
"ขอบคุณ!"จงซานกล่าวตอบรับ.
เซอคงที่ถอนตัวกลับไปในทันที หลังจากทีนั้นภายในวิหารแห่งนี้ที่ดูเงียบงัน จนจงซานต้องหรี่ตาจ้องมอง.
"เซียนเซิงซือ มีกลิ่นธูปป่วนจิต ระวังตัวด้วย."จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"อืม!"เซียนเซิงซือที่พยักหน้ารับ.
คนทั้งสองที่จ้องมองหน้ากันและกัน แสดงท่าทางจริงจัง.
"ท่านพบอะไรอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือจ้องมองไปยังจงซาน.
"ข้าสงสัยตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว แต่ไม่แน่ใจ คาดไม่ถึงเลยว่าเซอคงจะมีเจตนาร้ายแฝงอยู่."จงซานที่สูดหายใจลึก.
"หืม?"เซียนเซิงซือจ้องมองไปยังจงซาน.
"สำนักเล็ก ๆ อย่างงั้นรึ? เป็นไปไม่ได้ว่าที่นี่คือสำนักเล็ก ๆ เซอคงมีระดับก่อตั้งวิญญาณ ศิษย์พี่ของเขาเองก็ควรจะมีระดับก่อตั้งวิญญาณ และพวกเขายังกล่าวถึงอาจารย์ของตัวเองอีก กับการมีคนที่มีระดับสูงหลายคน ถึงแม้ว่าจะเป็นสำนักที่กำลังตกต่ำ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสำนักขนาดเล็ก? บางทีนี่อาจจะไม่ใช่สำนักด้วยซ้ำ นอกจากนี้จากท่าทางของศิษย์พี่ของเซอคงแล้ว ราวกับว่าพวกเขารับรู้มาก่อนแล้วว่า เซอคงนั้นเดินทางไปยังเมืองเล็ก กับไม่กล่าวถึงว่าเกิดสิ่งใดขึ้น? เขาที่จงใจบอกว่าให้พวกเรารอ ก่อนที่จะพาไปยังแดนเทพพิสุทธิ์อย่างงั้นรึ? แน่นอนว่าเรื่องนี้ข้าก็พอคาดเดาได้แล้ว จนกระทั่ง ข้าได้กลิ่นของธูปป่วนจิตที่อยู่ในวิหารแห่งนี้ ชิ ข้าบอกได้อย่างมั่นใจว่าเซอคงมีเจตนาร้ายอย่างแน่นอน."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ.
"นี่มัน ผงป่วนทะเลลึกล้ำ ไร้สีไร้กลิ่น ท่านพบมันได้อย่างไร?"เซียนเซิงซือที่ไม่เข้าใจจ้องมองไปยังจงซาน.
"หืม?"จงซานที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือด้วยท่าทางประหลาดใจ.
เขาที่พบเข้ากับควันป่วนจิตนี้ เพราะว่าบัวหงหลวน ส่วนเซียนเซิงซือรู้ได้อย่างไร?นอกจากนี้ยังรู้จักชื่อมันด้วยรึ?
"เจ้าคิดว่าข้ารู้ได้อย่างไร."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย หากแต่ไม่ได้คิดจะกล่าวถึงเหตุผล ไม่ต้องการให้เซียนเซิงซือรับรู้.
เซียนเซิงซือจ้องมองไปยังจงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่ได้ตอบเขา จึงไม่ได้ถามต่อไป.
"ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหมายสมบัติสองอย่างที่ท่านเก็บมา!"เซียนเซิงซือกล่าว.
จงซานที่นำสิ่งของทั้งสองอย่างออกมาจากอกเสื้อ เป็นถุงผ้าขนาดเล็กและหยกสีเขียว.
"เจ้ารู้จักสิ่งของทั้งสองสิ่งนี้รึ?"จงซานจ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.
"ข้าเคยเห็น."เซียนเซิงซือพยักหน้า.
"หืม?"
"ศิลามรกต มันถูกเรียกว่า ศิลาครวญวิญญาณ สามารถเก็บวิญญาณเอาไว้ได้พันวัน."เซียนเซิงซือกล่าว.
"พันวัน?"
"ใช่ วิญญาณธรรมดาไม่สามารถอยู่ในภพหยางได้นานถึงหนึ่งพันวัน ด้วยปราณหยางที่หนาแน่น สามารถทำร้ายพวกเขาได้ ดังนั้นศิลาครวญวิญญาณนั้น สามารถป้องกันพลังหยางไม่ให้เข้ามาทำลายดวงวิญญาณ แน่นอนว่าภายในนั้นมีวิญญาณอยู่ ทำให้ไม่สามารถเก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของ."เซียนเซิงซือตอบ.
"พวกเขานำดวงวิญญาณไปทำอะไร?"จงซานกล่าว.
"ใช้ฝึกวิชามารและกลั่นเป็นของวิเศษที่ร้ายกาจ ยกตัวอย่าง ยันต์ร้อยปิศาจ หรือ ธวัชกลืนกินหมื่นปิศาจ และอีกมากมาย."เซียนเซิงซือตอบ.
กับคำอธิบายของเซียนเซิงซือ จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา เข้าใจบางอย่างและสัมผัสได้ถึงปราณแห่งความมืดที่แผ่ออกมา ดูทรงพลังอยู่ไม่น้อย.
"ตอนนี้ไม่สามารถเก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของ หลังจากนี้พันวัน เหล่าดวงวิญญาณจะกลายเป็นพลังงานให้กับหยกมรกตนั่นโดยสมบูรณ์ และจะสามารถเก็บเข้าไปได้."เซียนเซิงซือตอบ.
"แล้วใช้เก็บดวงวิญญาณได้อย่างไร?"จงซานสอบถาม
"เพียงแค่เปิดใช้งานก็สามารถเก็บดวงวิญญาณที่อยู่ในรัศมีห้ากิโลเมตรได้ ดวงวิญญาณนั้นไม่สามารถทนต่อพลังหยาง ทว่าการจะนำดวงวิญญาณภายในออกมา จำเป็นต้องใช้อีกวิธี."เซียนเซิงซือตอบ.
จงซานที่สูดหายใจลึกขมวดคิ้วไปมา.
"ส่วนถุงผ้านั้น ข้าไม่ขอพูด ทางที่ดีท่านไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับมัน ไม่ ไม่ควรจะนำออกมาใช้ต่อหน้าคนอื่น ๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนอื่นเป็นอย่างมาก."เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา ดูเหมือนว่าภูมิหลังของถุงผ้านี้ จะเกี่ยวข้องกับความลับของภูมิหลังเซียนเซิงซือด้วย.
จงซานจ้องมองเซียนเซิงซือด้วยท่าทางประหลาดใจ พร้อมกับพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเก็บของทั้งสองสิ่งเข้าไปในอกเสื้ออีกครั้ง.
"พวกเราควรทำอย่างไรเวลานี้?"เซียนเซิงซือที่จ้องมองไปยังจงซาน.
"แน่นอนว่าเซอคงสนใจสิ่งของดังกล่าวนี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่เล่นละครพาพวกเรามาที่นี่ สถานที่แห่งนี้ไม่ควรจะอยู่นาน พวกเราควรจะหาสถานที่หลบหนีจากที่นี่."จงซานที่กล่าวออกมา.
"คาดไม่ถึงว่าวิหารแห่งนี้ถึงจะมีขนาดเล็ก หากแต่สัมผัสเทวะกับไม่สามารถตรวจค้นได้."เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"อืม ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกปิดกั้นเอาไว้ในค่ายกล ตั้งแต่แรกที่เข้ามาก็ไม่สามารถใช้สัมผัสเทวะได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่า นี่ไม่ใช่ที่พักที่พวกเขาได้เตรียมให้พวกเรา ทว่าเป็นที่คุมขังถึงจะถูก."
"จงซาน."
"เซียนเซิงซือ."
ทันในนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านนอก.
"เซอคง ดูเหมือนว่าจะมาตรวจสอบผลของควันป่วนจิตอย่างงั้นรึ?
"ให้เขาเข้ามา! พวกเราจะได้ใช้โอกาสนี้จับเขาขังไว้ในคุกแห่งนี้!"
จงซานและเซียนเซิงที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง.
"แอ๊ด ๆ ๆ ๆ "
ประตูวิหารที่ถูกผลักออกไปช้า ๆ .
"ตูมมมมม"
จงซานที่ยกดาบฟันออกไปอย่างรุนแรง พร้อมกับร่างของเขาก็พุ่งออกไปยังทางออกในทันที.
เซอคงที่บินออกไป เซอคงคิดว่าคนทั้งคู่ติดอยู่ในโลกลวงตาไปแล้ว ก่อนที่จะผลักประตูออก คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งคู่จะไม่ได้รับผลอะไรเลย ชั่วระยะเวลาที่เขาเปิดประตูออกมา ก็หนีออกมาได้ในทันที.
เซอคงที่หลบดาบของจงซานบินลอยออกมา.
ทันทีที่จงซานบินออกมา เวลานี้เหล่านักบวชมากมายได้ออกมารออยู่แล้ว ทุกคนต่างก็ถือดาบยาว ยืนอยู่ไม่ห่าง ดูเหมือนว่าพวกเขาได้เตรียมพร้อมที่จะสังหารพวกเขาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว สายตาของทุกคนที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวจ้องมองไปยังจงซานเป็นสายตาเดียวกัน.
"โฮกกกกกก"
ซือคงที่ถูกลอบโจมตี บินตามออกมา ลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมกับเสียงคำรามดังออกมา ทั่วร่างปรากฏปราณสีดำปะทุขึ้นมาทันที ก่อนที่จะหยุดตัวลง พร้อมกับหันหน้ามา จ้องมองไปยังจงซานด้วยความดุร้าย.
ในเวลานี้จงซานก็เข้าใจทุกอย่างได้ทั้งหมด บนหน้าผากของเซอคงนั้น มีตัวอักษรสีดำ พร้อมกับปราณความมืดหมุนวนอยู่รอบ ๆ ตัวอักษรที่ส่องประกายกลิ่นอายความมืดมิด.
อักษร "เหยา" !
คาดไม่ถึงเลยว่าบนหน้าผากของเซอคงจะมีอักษรเหยา ทว่าเขาไม่ได้เป็นนักบวชหรอกรึ? และคนอื่น ๆ เองก็เหมือน ๆ กัน ทุกคนที่มีปราณแห่งความมืดแผ่ออกมา บนหน้าผากมีอักษรเหยาปรากฏอยู่กันทุกคน.
กองกำลังปิศาจมายารึ? ทุกคนคือกองกำลังปิศาจมายา เนื่องจากมีอักษรเหยาขึ้นบนหน้าผากนั่นเอง.
จงซานที่ตกใจเล็กน้อย เซอคงเองคือหนึ่งในกองกำลังอาชาปิศาจมายาอย่างงั้นรึ? ไม่ได้การ ที่แห่งนี้ นักบวชเหล่านี้ เกี่ยวข้องกันกับกองกำลังปิศาจมาอย่างรึอย่างไร?
วิหารพุทธ ดูเหมือนว่าจะถูกเปิดค่ายกลอีกครั้งแล้ว มีเพียงแค่จงซานที่ออกมาได้ เซียนเซิงซือยังอยู่ด้านใน ทว่าสามารถมองออกมาจากด้านในได้ ทุกคนบนหน้าผากที่มีอักษรเหยา ใบหน้าของเซียนเซิงซือแสดงท่าทางประหลาดใจไม่น้อยเลย.
ดูเหมือนว่าเซอคงต้องการสมบัติเหล่านั้นคืนตั้งแต่แรกแล้ว นี่เป็นแผนของเขา.
"เจ้าไม่เป็นไรได้อย่างไร?"เสียงของเซอคงที่เต็มไปด้วยความเย็นชา.
"เจ้าเป็นคนของกองกำลังปิศาจมายาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจัง.
การที่เขาพบกับคนของกองกำลังปิศาจมายาเข้านั้นนับว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังอีก คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังควบคุมการเคลื่อนไหวของกองกำลังปิศาจมายาอีกชั้นหนึ่ง คนเหล่านี้มีสาขาอยู่ที่นี่อย่างงั้นรึ? เป็นองค์กรในการไล่ล่าสังหารอย่างงั้นรึ?
"ส่งถุงค้างคาว และผนึกครวญวิญญาณมา."เซอคงแค่นเสียงเย็นชา.
"มีปัญญาอย่างงั้นรึ?? เซอคง เจ้าเองก็มีระดับก่อตั้งวิญญาณ ก่อนหน้านี้ที่สนามรบเจ้าก็เห็นแล้ว เจ้าต้องการถูกข้าฟันด้วยดาบนี้อย่างงั้นรึ? ทุกคนที่อยู่นี่ยังไม่พอให้ข้าสังหารเลย."จงซานแค่นเสียงกล่าวออกไป.
"พวกนั้นก็แค่พวกคนโง่ใช้แล้วทิ้ง ที่เปิดผนึกเทวะได้เท่านั้น เป็นพวกไร้ฝีมือที่ถึงจะเปิดผนึกเทวะ แต่กลับไม่สามารถเพิ่มพลังขึ้นมาได้หนึ่งอาณาจักร ด้วยผนึกเทวะตอนนี้ข้ามีพลังระดับหลอมกายธาตุ สถานที่แห่งนี้ทุกคนสามารถเปิดผนึกเทวะได้ ถุงค้างคาวและศิลาครวญวิญญาณ ไม่สามารถเปิดเผยสู่ภายนอกได้ ส่งกลับคืนมาให้ข้าซะ!"เซอคงที่แค่นเสียงเย็นชา.
ผนึกเทวะรึ? จงซานจ้องมองไปยังหน้าผากของเซอคงที่มีอักษร"เหยา."