Chapter 393 เซอคง.
เพลงดาบของจงซานที่กวัดแกว่งออกไปเกิดระเบิดสาดไปรอบ ๆ โลหิตที่แตกกระจายพรมไปทั่ว พื้นดินและบรรยากาศรอบ ๆ แดงฉาน ไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็รู้สึกหวาดผวา ทว่าเหล่ากองกำลังอาชาปิศาจมายานั้นแตกต่างออกไป พวกมันไร้จิตใจ ยิ่งเห็นโลหิตสาดไปทั่วท้องฟ้า ราวกับว่าทำให้พวกมันตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม.
จงซานที่สังหารไม่หยุด สังหารตามสันชาติญาณไม่ได้มีความโกรธแค้นใด ๆ จงซานที่สังหารเหล่าโจรร้ายมากขึ้นและก็มากขึ้น.
จงซานที่ฟาดฟันสังหารเหล่าศัตรูไม่หยุดหย่อน ไม่ไกลออกไป หัวหน้าของโจรร้ายที่มีใบหน้าเย็นชาจับจ้องมา.
หัวหน้าโจรร้ายและเหล่าโจรร้ายตนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง มันยังคงถือหยกมรกตดูดซับวิญญาณทั่วทุกพื้นที่ และในเวลาเดียวกันมืออีกข้างของมันที่นำถุงขนาดเล็กสีดำออกมาจากเอว ส่ายไปมา จากนั้นถุงสีดำที่ลอยออกไป พร้อมกับปากถุงเปิดออกมาทันที.
ทันทีที่ถุงสีดำขนาดเล็กลอยออกไป ปรากฏจุดแสงมากมายนับไม่ถ้วน ที่โบกสะบัดอยู่บนท้องฟ้าทั่วเมืองเล็กแห่งนี้ ดูคล้าย ๆ กับค้างคาวมากมาย.
เหล่าค้างคาวมากมายที่บินฉวัดเฉวียนเต็มท้องฟ้า มากขึ้นและก็มากขึ้น ส่งเสี่ยงหึ่ง ๆ โบกสะบัดปีกไปมา ทุกหนทุกแห่งเวลานี้เกิดเสียงระเบิดเป็นระยะ ๆ .
เหล่าค้างคาวมากมายที่เต็มไปด้วยความกระหายโลหิต ทันใดนั้นก็หมุนวนไปมารอบ ๆ ถุงขนาดเล็ก จากนั้นหัวหน้าโจรร้ายที่โบกสะบัดมือ สั่งให้พุ่งตรงไปยังตำแหน่งของจงซาน.
เหล่าค้างคาวมากมายที่เต็มไปด้วยความกระหายโลหิตพุ่งตรงมายังจงซานอย่างรวดเร็ว.
ร่างกายรอบ ๆ ของจงซานนั้นมีม่านพลังวิญญาณปกป้องอยู่ ทำให้เหล่าค้างคาวถูกขวางเอาไว้ด้านนอก ทว่าเหล่าค้างคาวก็ยังมีผล ปิดบังสายตา พวกมันส่งคลื่นเสียงออกไป ทำให้สัมผัสเทวะของเขาไม่สามารถใช้ออกมาได้อีกด้วย.
"ชิ!"จงซานแค่นเสียง.
"เปรี้ยง ๆ ๆ "
บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของจงซาน ปรากฏเมฆสายฟ้าขึ้นมาในทันที.
เพียงแค่จงซานแค่นเสียงออกมาเท่านั้น เมฆสายฟ้าที่ส่องประกายแปบ ๆ และสายฟ้ามากมายก็อาบไปทั่วร่างของจงซาน ล่วงหล่นลงมาราวกับห่าฝน.
เมฆสายฟ้ามากมายไม่ได้มีอาณาเขตใหญ่นัก ทว่าก็เพียงพอที่จะปกคลุมร่างของจงซาน.
สายฟ้าที่บ้าคลั่งที่ล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ทันใดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างล้อมรอบร่างของจงซานก็ระเบิดออกมาไม่หยุดหย่อน สายฟ้าที่เหมือนกับห่าฝน เหล่าค้างคาวกระหายโลหิตที่ถูกกระแทกด้วยสายฟ้าระเบิดหายไป แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่สายฟ้าระดับไม่สูงนัก ทว่าเหล่าค้างคาวนั้นกับมีสถานะต่ำกว่าซะอีก.
พายุสายฟ้าที่ไร้ที่สิ้นสุด ไม่รู้ว่ามากมายเท่าไหร่มันได้ระเบิดทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ค้างคาวเพียงแค่สัมผัสเล็กน้อยก็ตายไปในทันที แม้แต่เหล่าโจรร้ายระดับต่ำเอง ยังถูกสายฟ้าระดับต่ำสังหารไปด้วย มีเพียงแค่เหล่าโจรร้ายที่มีพลังระดับสูงถึงจะต้านทานเอาไว้ได้ ทว่าแน่นอนไม่สามารถต้านทานดาบยักษ์ของจงซาน ดาบของจงซานยังคงขยับตวัดออกไปโจมตีพวกมันไม่หยุดเช่นกัน.
เจี้ยนอ้าวที่อยู่ไกลออกไปเห็นพายุสายฟ้า ที่มุมปากของเขาที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมกับเริ่มใช้ทักษะออกไปด้วยเช่นกัน.
"ตูมมม ตูมมมม ตูมมม ตูมมม ตูมมม ตูมมม"
บนสนามรบ ปราณกระบี่รูปดอกบัวที่ราวกับเปล่งประกายสาดแสงไปทั่วทิศ เริ่มสังหารเหล่าโจรร้ายมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม.
แต่ถึงกระนั้นเหล่าโจรร้ายที่ไม่รู้สึกหวาดกลัว ไม่รู้สึกเจ็บปวด มีเพียงหัวหน้าโจรที่อยู่ตรงกลางเวลานี้เริ่มสั่นสะท้าน ดวงตาตื่นตกใจ ขาทั้งสองข้างที่หนีบอาชาปิศาจมายา มองไปยังพื้นที่รอบ ๆ ต้องการที่จะหาทางหนี.
จงซานที่ดูร้ายกาจไร้เทียมทาน นอกจากนี้บนท้องฟ้าบนศีรษะของเขายังมีพายุสายฟ้ามากมาย กำลังล่วงหล่นสาดซัดราวกับมังกรลงมาด้านล่างไม่หยุด.
"โฮกกกกกกก"
และแล้วมังกรสายฟ้าตัวเขื่อง ที่อยู่ในการควบคุมของจงซาน ที่เกิดจากสายฟ้ารวมตัวกันก็พุ่งตรงไปยังหัวหน้าโจรร้ายในทันที.
"เปรี้ยง!!!"
พลังของสายฟ้าที่ทรงพลังส่องแสงสว่างจ้า หัวหน้าโจรร้ายหวาดหวั่นหวาดกลัวที่จะหลบซ่อนด้วยซ้ำ เขาที่ยังนั่งบนอาชาปิศาจมายา ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเลยทีเดียว.
"ย๊าก ๆ ๆ ๆ "
จงซานที่อยู่ไม่ไกลแล้วพลางกระโดดขึ้นฟันออกไปด้วยพลังมหาศาล.
บัญญัติสวรรค์! วายุตัด!
การโจมตีด้วยทักษะพิเศษของจงซาน ฟาดฟันออกไปพร้อมทั้งสร้างเสาสายฟ้ามากมาย ที่พุ่งออกไปตามคมดาบของเขาตรงไปยังหัวหน้าโจรร้ายด้วยพลังมหาศาล.
"ตูมมมมมมมมมมมมม"
ไร้ซึ่งการขวางกั้น กับการโจมตีของจงซาน หัวหน้าโจรร้ายไม่มีแม้แต่เวลาให้โอดครวญ ร่างกายระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ .
ค้างคาวมากมายนับไม่ถ้วน หลังจากที่หัวหน้าโจรตายไป ราวกับว่าไร้ซึ่งคนควบคุม ส่งเสียงหึ่ง ๆ ก่อนที่จะเคลื่อนที่กลับลงไปในถุงผ้า.
จงซานที่จ้องมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะรับถุงผ้ามา พร้อมกับหยกมรกตมา.
ไม่ไกลออกไปเจี้ยนอ้าวที่เห็นจงซานหยุดต่อสู้ ดวงตาที่มีสาดประกายด้วยความอัศจรรย์ใจและเผยยิ้มออกมา ก่อนที่กระบี่ยาวของเขาจะปักลงไปบนพื้น.
"ครืนนนนนนนน"
บนพื้นดิน ปรากฏเป็นปราณกระบี่นับพันสาย โผล่พุ่งขึ้นบนพื้นดิน สังหารเหล่าโจรร้ายอาชาปิศาจมายาสังหารพวกมันตายไปจนสิ้นทั้งหมดในทันที.
"เป็นจิตกระบี่ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก! ระดับก่อตั้งวิญญาณอย่างงั้นรึ? ถึงจะอยู่ในระดับก่อตั้งวิญญาณก็จำต้องระวังตัว."ที่ไกลออกมานั้นเป็นชายในชุดสีน้ำเงินขมวดคิ้วไปมา.
"ช่างดุดันก้าวร้าวนัก!"เนี่ยนโหยวโหยวที่กล่าวพึมพำเบา ๆ .
"หืม?ก้าวร้าวรึ?"ชายในชุดสีน้ำเงินจ้องมองไปยังเนี่ยนโหยวโหยว.
"เมื่อครู่นี้ข้าเห็นหุ่นเชิดค้างค้าวนั้น น่าสนใจดี!"เนี่ยนโห่วโหยวที่กล่าวต่อชายชุดสีน้ำเงินที่แสดงท่าทางสงสัย.
กองกำลังอาชาปิศาจมายาถูกจัดการแล้ว พวกมันถูกสังหารจนสิ้น จงซานที่สูดหายใจลึก ยับยั้งหัวใจที่โหดเหี้ยมเอาไว้ ฟื้นฟูกลับคืนสู่ใบหน้าท่าทางเหมือนกับบัณฑิตเช่นเดิม.
เจี้ยนอ้าวไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการแข่งขันอีกครั้ง ทั้งคู่เองไม่ได้สนใจเรื่องนี้แต่แรก ไม่ได้สนใจชัยชนะหรือพ่ายแพ้แม้แต่น้อย.
จงซานจ้องมองดูถุงผ้าสีดำทมิฬและหยกมรกต ทั้งสองสิ่งนั้นไม่สามารถเก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของได้ มันคืออะไรกัน?ของวิเศษระดับเก้าอย่างงั้นรึ? ไม่ใช่! ของวิเศษระดับเก้าจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
"ของวิเศษนี้คือสิ่งใด? คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถใส่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นได้? ที่ออกมาก่อนหน้านี้เป็นค้างคาวที่มีชีวิตจริง ๆ อย่างงั้นรึ?"ฉู่จิวที่จ้องมองไปยังถุงผ้าที่จงซานถืออยู่ด้วยท่าทางประหลาดใจ.
ฉู่จิวไม่รู้ เจี้ยนอ้าวย่อมไม่รู้เช่นกัน ทว่าเห็นสายตาของเซียนเซิงซือหรี่ตาจ้องมองแล้ว น่าจะรับรู้ ทว่าไม่ควรที่จะกล่าวสิ่งใดออกมาในเวลานี้.
แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด ทว่าจงซานก็รู้ว่าถุงผ้านี้ต้องไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงได้เก็บมันพร้อมกับหยกมรกตเข้าไว้ในอกเสื้อทันที.
เมืองเล็กถูกช่วยเอาไว้แล้ว ที่ใจกลางที่มีค่ายกลธวัชอยู่ เหล่าประชาชนคนทั่วไปยังไม่สามารถวางใจได้ คนสี่คนนี้ร้ายกาจยิ่งกว่ากองทัพอาชาปิศาจมายาซะอีก คนเหล่านี้ต้องการสังหารพวกเขาด้วยหรือไม่?
เหล่าคนที่เหลือรอดของเมืองเล็ก มีเพียงแค่นักบวชผู้หนึ่ง เป็นคนที่สร้างค่ายกลแห่งนี้ขึ้นมา เขาที่สะบัดมือ พร้อมกับปลดค่ายกลลงในทันที ธวัชขนาดเล็กหลายสิบอันที่หายไป ถูกนักบวชในผ้าคลุมสีเหลืองเก็บเอาไว้.
"ใต้ซือ ท่าน......."เหล่าประชาชนที่โอดครวญตัวสั่นงันงก.
นักบวชคนดังกล่าวปัดป้องกำมือของพวกเขาที่คว้าดึงเอาไว้ ด้วยท่าทางไม่แยแส ก่อนที่จะเดินออกมาในทันที.
"ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือ เซอคงซาบซึ้งยิ่งนัก!"
"ก่อตั้งวิญญาณ? ในเมืองเล็กมีนักบวชระดับก่อตั้งวิญญาณด้วยรึ?"ฉู่จิวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ข้าเป็นนักบวชของวิหารหลงเฟิงในค่ายกลอรหันต์แสนภูผา ด้วยออกมาทำธุระ จึงได้ผ่านมาที่นี่ โชคไม่ดีนักที่ได้พบเข้ากับกองกำลังปิศาจมายา บางทีหากไม่พบกับทุกท่าน ข้าคงต้องสิ้นอายุขัยแล้ว ขอบคุณ ๆ !"นักบวชเซอคงได้แสดงความเคารพอีกครั้งทว่าสายตาที่ลอบมองไปยังของวิเศษทั้งสองที่จงซานเก็บไป.
"ค่ายกลอรหันต์หนึ่งแสนภูผาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"ทุกท่านต้องการเข้าไปในข้างในค่ายกลอรหันต์แสนภูผาอย่างงั้นรึ?"นักบวชเซอคงจ้องมองไปยังคนทั้งสี่.
"เจ้ารู้ตำแหน่งของแดนเทพพิสุทธิ์หรือไม่?"เจี้ยนอ้าวสอบถาม.
"แดนเทพพิสุทธิ์?"นักบวชเซอคงที่แสดงท่าทางประหลาดใจ จากนั้นก็พยักหน้า "แน่นอน ตระกูลอาจารย์ของข้านั้นอยู่ในแดนเทพพิสุทธิ์ อาตมา แม้ว่าจะไม่เคยเข้าไปในแดนเทพพิสุทธิ์ ทว่าครอบครัวของอาจารย์ก็อยู่ใกล้ ๆ แน่นอนว่าย่อมรู้จักเป็นธรรมดา."
"เอาล่ะ พบกับคนรู้จักแล้ว"เจี้ยนอ้าวเผยยิ้มออกมากล่าวต่อจงซาน.
เซอคงที่ได้ยิน ใบหน้าสั่นไหวเล็กน้อย ทันใดนั้นก็กล่าวออกมาทันที "ท่านทั้งสี่ต้องการทำสิ่งใด ต้องการเดินทางไปยังแดนเทพพิสุทธิ์อย่างงั้นรึ? อาตมาสามารถนำทางได้ อย่างน้อยก็โปรดเดินทางไปยังวิหารหลงเฟิง เพื่อให้อาตมาได้ตอบแทนท่านทั้งสี่ที่ได้ช่วยชีวิตสักเล็กน้อย."
"จงซาน ข้าคงไม่สามารถนำทางเจ้าได้แล้ว โปรดระวังตัว!"เจี้ยนอ้าวกล่าวต่อจงซาน.
"ขอบคุณ!"จงซานที่พยักหน้าตอบ.
"พวกเราไม่ไป เจ้านำพวกเขาเดินทางไปยังดินแดนเทพพิสุทธิ์."เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"หืม?"เซอคงที่ชำเลืองมองออกไป เห็นเจี้ยนอ้าวชี้ไปยังจงซานและเซียนเซิงซือ ทันใดนั้นก็พยักหน้ารับคำด้วยรอยยิ้ม.
"ไว้พบกันใหม่คราวหน้า!"เจี้ยนอ้าวกล่าว.
"ไว้พบกันคราวหน้า!"จงซานที่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม.
จากนั้น เจี้ยนอ้าวและฉู่จิวที่บินจากไป เสียงหวีดหวิวฉีกกระชากสายลม หายไปที่ขอบฟ้าไกลในทันที.
ที่ไกลออกไปนั้นเหล่าประชาชนทั่วไปนั้น ยังไม่กล้าออกมาจากที่ซ่อนแต่อย่างใด.
"ประสกทั้งสอง เชิญ!"เซอคงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"เชิญ!"จงซานพยักหน้ารับ จ้องมองเซียนเซียนเซิงซือ ก่อนที่จะบินตามเซอคงไปทางทิศเหนือ.
ในป่าบนภูเขาที่อยู่ไกลออกไป.
"เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องว่ากล่าวสิ่งใด ท่านก็ไปตามทางของท่าน ข้าก็จะไปตามทางของข้า."เนี่ยนโหยวโหยวกล่าว จากนั้นนางก็บินออกไป.
จงซานและเซียนเซิงซือที่บินตามเซอคง โดยมีเนี่ยนโหยวโหยวลอบตามมาห่าง ๆ มาด้วย.
เซอคงนำจงซานและเซียนเซิงซือ ผ่านกลุ่มก้อนเมฆเข้าไปอย่างอย่างรวดเร็ว ผ่านเข้าไปในค่ายกลอรหันต์แสนภูผา ตลอดเส้นทาง เซอคงที่แสดงไมตรีจิตเป็นอย่างดี เฝ้าถามเรื่องราวต่าง ๆ ของจงซาน จงซานและเซียนเซิงซือที่เอ่ยเพียงนามของตน ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นไม่ได้บอกกล่าวตอบเซอคง ราวกับว่ารับรู้อะไรบางอย่างได้.
ทั้งคู่ที่บินผ่านมาสองวันครึ่ง จงซานและเซียนเซิงซือที่ดวงตาหดเกร็ง.
"เฮ้เฮ้ ภายในหมอกค่ายกลอรหันต์แสนภูผานั้น ยกเว้นผู้ฝึกตนเส้นทางอรหัน คนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ถูกระงับพลังฝึกตน อีกทั้งคนที่ฝึกฝนพลังฝึกตนเส้นทางพุทธะ จะทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย."เซอคงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
จงซานที่กวาดตามองพื้นที่รอบ ๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ดูแตกต่างกัน ทว่ากลับมีพลังบางอย่างมาปิดกั้นพลังฝึกตนของเขาเอาไว้.
"ภายในหมอกค่ายกลอรหันต์แสนภูเขา ทุกพื้นที่ เป็นเหมือนกันอย่างงั้นรึ?"จงซานกล่าวออกไปด้วยความสงสัย.
"เป็นเช่นเดียวกัน!"เซอคงกล่าว.
"หืม? มีขีดจำกัดความสูงด้วยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กวาดตามองท้องฟ้า เพราะว่าเหมือนกับตำหนักสังสารวัฏที่หนี่ปู่ซาเคยแสดงให้ดู เมฆสีขาวที่ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด ปกคลุมสูงขึ้นไป มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด.
"เป็นพลังของอรหันต์ เป็นธรรมดาที่จะมีพลังไร้ขอบเขตสูงไปจนถึงสวรรค์."เซอคงที่กล่าวตอบ.
จงซานที่หลับตาลง บัวหงหลวนที่ขยับไปมาทันที รู้สึกราวกับว่ายากที่จะเข้าใจ พื้นที่รอบ ๆ นี้เต็มไปด้วยความสงบ ก่อนที่จงซานจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ดังคลุมเครือ
"โอม มา นี บา บี ฮง" (บทสวดคาถาหัวใจพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ (พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์)
........................................***********
บทสวดคาถาหัวใจพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ (พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์)
คาถา "โอม มา นี บา บี ฮง" นี้ใช้สวดได้ในทุกอิริยาบถ ทุกเวลา ถ้ายิ่งสวดได้มากยิ่งเป็นการดี การสวดครั้งหนึ่งผู้ปฏิบัติควรจะท่องสวดด้วยจิตนอบน้อมถึงองค์พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ (อวโลกิเตศวร) จึงเป็นบุญเป็นผลอย่างอเนกอนันต์ เวลาสวดอย่ารีบร้อน โดยใช้วิธีนับประคำ 108 เม็ด สวด 1 จบ นับ 1 เม็ด สวดครบ 108 จบ เมื่อสวดจนครบแล้ว ให้พิมพ์หนังสือธรรมะและบทสวดมนต์นี้แจกเป็นธรรมทาน จำนวนมากกว่าอายุของผู้สวดหรือ 108 เล่ม หรือมากกว่านั้นยิ่งดี เพื่อเป็นการเสริมบารมีดวงชะตาราศีให้ผู้สวดอายุยืนยาว เป็นมงคลแก่ชีวิตอย่างยิ่ง
คาถา "โอม มา นี บา บี ฮง" ในภาษาจีน หรือ "โอม มณี ปัทเม หุม" ในภาษาสันสกฤต เป็นคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพุทธมหายานทั้งหลายไม่ว่าจะในประเทศอินเดีย ธิเบต จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เป็นต้น ต่างทราบกันดีว่าเป็นคาถาหัวใจของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ (อวโลกิเตศวร)
มูลเหตุแห่งพระคาถาบทนี้มีว่า ในครั้งอดีตอันยาวนาน ขณะที่พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรกำลังเข้าสมาธิบำเพ็ญบารมีอยู่นั้น หมู่มารได้มาราวีรังควาน แต่ด้วยพระมหาเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ไพศาลของพระองค์จึงมิได้ทรงตอบโต้แต่ประการใด หมู่มารเห็นเช่นนั้น ก็ได้ใจยิ่งราวีหนักขึ้นจนในที่สุดพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรได้ทรงเปล่งพระวาจาออกมาสั้น ๆ เพียง 6 คำ แต่เปี่ยมล้นด้วยบุญญาภินิหารอันยิ่งใหญ่ไพศาลมิอาจจะเปรียบประมาณได้ ซึ่งก่อกำเนิดมาจากก้นบึ้งแห่งดวงจิตที่ได้บำเพ็ญสั่งสมบุญบารมีมานานนับภพนับชาติไม่ถ้วนยิ่งกว่าเม็ดทรายในมหานทีคงคา ว่า "โอม มา นี บา บี ฮง" ซึ่งด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ของพระคาถาบทนี้เอง ทำให้หมู่มารทั้งหลายต่างขวัญหนีแตกกระเจิงไปสิ้น อีกทั้งเหล่าทวยเทพยดาบนชั้นฟ้าต่างต้องสะดุดลุกขึ้นมาโมทนาโดยทั่วถ้วน
"โอม มา นี บา บี ฮง" นี้คือคาถาหัวใจพระแม่กวนอิมนี้ คนจีนเรียกว่า หลัก ยี่ ไต่ เหม่ง อ้วง จิ่ว ทุกอักษรในคาถา เป็นทางแห่งปัญญาอันสว่างไสว มีความศักดิ์สิทธิ์ทรงพลานุภาพมหาศาล
ที่มา https://ru-clip.net/video/2S9Mmy3r8zc/โอม-มานีบาบีฮง-2-hour-om-mani-padme-hum-六字大明咒.html