ตอนที่แล้วChapter 387 สร้างนครอัญมณีหลิงเซียว.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 389 ภารกิจทูตไปยังต้าหลี่

Chapter 388 ลักพาตัวกงจู.


"กงจู ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทได้ส่งข้อความมาว่า หากท่านกลับมาให้ไปพบ."อาต้ากล่าว.

"หืม? มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่แสดงท่าทางสงสัย.

"ข้าเองก็ไม่รู้!"อาต้าที่ส่ายหน้าไปมา.

"อืม!"กงจูเฉียนโหยวพยักหน้ารับ จากนั้นก็จ้องมองไปยังจงซาน.

"เจ้าไปเถอะ! นำอาต้าและอาเอ้อไปด้วย!"จงซานที่กล่าวเห็นด้วย.

"ครับ!"อาต้าและอาเอ้อ ตอบรับในทันที.

จากนั้นคนทั้งสาม ก็เดินทางไปพบกับกู่เฉิงตง.

"อู๋เหินและอู๋ซ่าง นำหลินเซียวไปดูกองกำลังจงของพวกเรา จัดเตรียมที่อยู่อาศัยให้กับทุกคนด้วย."จงซานกล่าวต่อสุ่ยอู๋เหินและหลิวอู๋ซ่าง.

"ครับ!"ทั้งสองที่ตอบรับในทันที ก่อนที่จะนำหลินเซียวออกไป.

ภายในห้องโถงนั้น เหลือแค่เพียงแค่เซียนเซิงซือและจงซาน จงซานที่โบกสะบัดปิดประตูห้อง.ปิดเสียงรอบ ๆ เอาไว้.

"ฝ่าบาท!"เซียนเซิงซือกล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"ในต้าเจิ้ง เจ้าเรียกข้าว่าฝ่าบาท หากแต่ที่นี่ ให้เรียกข้าว่า จอมพล!"จงซานผายมือ ให้เซียนเซิงซือนั่ง.

เซียนเซิงซือนั่งลงเบา ๆ  จ้องมองไปยังจงซานด้วยความสงสัย"จอมพลให้ข้าอยู่ที่นี่คนเดียว มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?"

"เจ้าจำได้หรือไม่ก่อนที่พวกเราจะออกมา ข้าได้นำเจ้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง?"จงซานที่สูดหายใจยาว.

"สำนักไคหยางอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"ถูกแล้ว ในเวลานั้นคนที่ข้าเคารพมากที่สุดคือ อาจารย์ของข้า เทียนซวินจื่อ เป็นเยวี่ยฟู่ของข้า การที่ข้ากลับไปยังเกาะหมาป่าสวรรค์นั้นก็เพื่อรวมเกาะหมาป่าสวรรค์หรือก็คือการสร้างราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง อีกด้านหนึ่งที่ข้าเดินทางไป ที่จริงก็เพราะเจ้า!"จงซานชำเลืองมองไปยังเซียนเซิงซือ.

"หืม?"เซียนเซิงซือแสดงท่าทางสงสัยเล็กน้อย.

"ข้ารู้ว่าภูมิหลังของเจ้านั้นไม่ธรรมดา แต่ไม่จำเป็นต้องบอกข้าก็ได้ ทว่าด้วยสายตาของข้า ย่อมสามารถมองมันออกได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ข้ารับรองว่าสิ่งที่ข้าเห็นนั้นยังไม่หมดเพียงเท่านั้นแน่ แม้แต่เมื่อเดินทางมายังนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเจ้ายังไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเมืองใหญ่ จากท่าทางของเจ้านั้นยังคงสุขุม ข้าไม่รู้ว่าเจ้ายังมีความสามารถใดซ่อนเอาไว้อีก ทว่ายื่นยันได้ว่ามันลึกล้ำอย่างแน่นอน เหนือกว่าคนทั่วไปจะคาดถึง เป็นความสามารถที่แข็งแกร่งมากจนไม่มีใครคาดคิด."จงซานกล่าว.

"อืม อาจเป็นดั่งที่ท่านกล่าว."เซียนเซิงซือประหลาดใจเช่นกันแต่ก็ตอบออกไปตรง ๆ .

"การที่ข้านำเจ้ามายังทวีปศักดิ์สิทธิ์นั้น ข้าต้องการให้เจ้ามาช่วยเรื่องสำคัญบางอย่าง เรื่องบางอย่างที่มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเจ้าจะยินดีหรือไม่?."จงซานที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.

เซียนเซิงซือที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย."อะไรรึ?"

"แย่งชิงกงจูราชวงศ์สวรรค์!"จงซานกล่าวออกมาช้า ๆ .

"หืม?"เซียนเซิงซือที่ดวงตาหดเกร็ง.

"กู่เฉียนโหยวยังไม่ใช่ของท่านอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือเต็มไปด้วยความสงสัย.

"ข้าไม่ได้บอกว่าเป็นเฉียนโหยว และไม่ได้บอกว่าเป็นราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ที่ข้าหมายถึงนั้นคือกงจูราชวงศ์สวรรค์ต้าหลีต่างหาก."ใบหน้าของจงซานที่กล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น.

ราชวงศ์สวรรค์ต้าหลีอย่างงั้นรึ? เซียนเซิงซือที่ต้องอ้าปากหวอที่เดียว ค่อนข้างประหลาดใจต่อจงซาน กับสิ่งที่จงซานทำแต่ละอย่าง กับภรรยาของเขาแต่ละคน ต้องการกงจูราชวงศ์สวรรค์อีกรึ?ตอนนี้ยังไม่พอ?ยังจะชิงตัวกงจูราชวงศ์สวรรค์อีกคน?

"นางเป็นภรรยาของข้าอยู่แล้ว!"จงซานสูดหายใจลึก.

เซียนเซิงซือที่ตะลึงงันยิ่งกว่าเดิมอีก จงซานมีอายุเท่าไหร่กัน ถึงได้มีความสัมพันธ์ได้ควบคุมเช่นนี้ แต่ละคนที่กล่าวออกมานั้น เป็นเชื้อพระวงศ์ที่ทรงพลังทั้งนั้น!

"ที่ข้าบอกว่าเป็นภรรยาข้านั้น เจ้าเองก็เคยเห็นมาก่อน!"จงซานกล่าว.

"หืม?"เซียนเซิงซือที่ขมวดคิ้วไปมา.

"เป็นบุตรสาวของอาจารย์ข้า ครั้งแรกที่พวกเราเคยพบกัน เจ้าก็เห็น เทียนหลิงเอ๋อนั่นเอง."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความจริงจัง.

"เป็นนางรึ?"เซียนเซิงซือที่ดวงตาหดเกร็ง.

"ใช่แล้ว เป็นนางเอง ข้าต้องการนำนางกลับมา กงจูราชวงศ์สวรรค์นั้นไม่เหมาะกับนาง แม้ว่านางจะดูเหมือนโง่เขลา แต่ก็เต็มไปด้วยความกล้าหาญ หลาย ๆ ครั้งที่ข้าต้องเจ็บปวดเพราะนาง ต้องช่วยชีวิตนางหลาย ๆ ครั้ง ข้าต้องเสี่ยงต่อความตายหลายครั้ง แต่นางก็คือภรรยาของข้า แม้ว่าโชคชะตาจะทำให้เส้นทางบำเพ็ญของข้าเต็มไปด้วยความลำบาก แต่ก็มอบโชคมาให้กับข้าหลายอย่าง นางเป็นคนที่ทำให้ภายในใจของข้าเต็มไปด้วยความอบอุ่น การมีนางอยู่ทำให้ข้ามีความสุข ข้าอาจจะเป็นคนน่าสงสารเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามข้าต้องการพบนาง ไม่ได้มีอะไรมากมายกว่านั้น ข้าต้องการนำกองทัพที่ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะไปพบกับนาง เพื่อแสดงให้นางเห็นความแข็งแกร่งของข้า!"จงซานคิดใคร่ครวญและกล่าวออกมา.

เทียนหลิงเอ๋อที่เป็นคนที่ค่อนข้างดื้อรั้น เอาแต่ใจไม่น้อย นำพาเขาไปสู่เรื่องอันตรายหลายต่อหลายครั้ง ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันได้สลักลงภายในใจของจงซาน ทำให้จงซานไม่สามารถลืมมันได้เลย.

เซียนเซิงซือที่จ้องมองไปยังจงซาน แล้วกล่าวออกมาว่า "ราชวงศ์สวรรค์ต้าหลีนั้นคงไม่ยินดีนัก การที่ท่านต้องการลักพาตัวเทียนหลิงเอ๋อกลับมา บางที ไม่ใช่แค่ว่าเป็นเรื่องยาก แต่มันเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะมีกองกำลังที่แข็งแกร่งเท่าใด มันก็ยังมองไม่เห็นเส้นทาง!"

"ความคิดของข้าเองก็คิดว่ามันอาจจะมากไป? อาจเป็นเรื่องที่ข้าใจร้อนเกินไป?  ทว่าบางสิ่งบางอย่างมันก็ไม่สามารถวัดด้วยเหตุผลได้ สิ่งสำคัญที่สุด เทียนหลิงเอ๋อนั้นมีความสำคัญต่อข้ามาก ถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะหาว่าข้าโง่ ทว่าภายในใจของข้าก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.

"ไม่! คิดว่าเป็นคนโง่ ก็เป็นคนโง่จริง ๆ  แม้ว่าเรื่องดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่อหังการเป็นอย่างมาก ทว่าทุกคนก็ย่อมมีเหตุผลเป็นของตัวเอง สำหรับบุรุษที่แท้จริงแล้ว การซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เท่าไหร่ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่หนักหนาและร้ายกาจ ทว่าหากสามารถก้าวผ่านมันไปได้ด้วยหัวใจที่ไร้ความลังเล ก็จะประสบความสำเร็จและก้าวผ่านเรื่องที่คนไม่ยอมรับได้ ในทางตรงกันข้าม หากเป็นคนที่โลเลไร้ซึ่งความหนักแน่น ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ล้มเหลว ไม่ต่างจากคนอ่อนแอ ที่ไม่มีวันสำเร็จไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตาม เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นส่วนประกอบ หากว่าสามารถข้ามผ่านเรื่องที่ยากได้ สามารถแบกรับเรื่องที่เหลือเชื่อได้ ก็จะสามารถทำเรื่องที่เหลือเชื่อได้เช่นกัน เรื่องทุกอย่างที่ฝืนสวรรค์นั้น มีแต่คนที่ไร้ความหวาดกลัวเท่านั้น ถึงจะประสบความสำเร็จได้."เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมาพลางถอนหายใจเบา ๆ .

"เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ทว่าเรื่องยาก ๆ ที่เจ้าเอ่ยถึงนั้น ข้าล้วนแล้วแต่เจอมามากมายนัก เรื่องของราชวงศ์สวรรค์ต้าหลี ข้าคงบอกได้เลยว่ามันเต็มไปด้วยอันตรายนับหมื่น ทุกคนทั่วทั้งราชวงศ์สวรรค์เป็นไปไม่ได้ที่ยอมให้ข้าง่าย ๆ  หากว่าเจ้าไม่ต้องการจะก้าวผ่านสายน้ำที่เชี่ยวกรากนี้กับข้า ข้าก็จะไม่ฝืน."จงซานที่กล่าวต่อเซียนเซิงซือ.

"เฮ้เฮ้ ข้าได้เตรียมใจมาแล้วถึงได้ตามท่านมาที่นี้ มีเหรอที่ข้าจะไม่พร้อม?ท่านไม่ได้หวาดกลัวต่อราชวงศ์สวรรค์ต้าหลี ข้าจำเป็นต้องกลัวอย่างงั้นรึ?นอกจากวันนั้น คงไม่มีใครทำให้ข้าหวาดกลัวได้อีก."เซียนเซิงซือยืนยัน.

"ดี ดูเหมือนว่าการกลับไปเกาะหมาป่าสวรรค์ในครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

เซียนเซิงซือที่เผยยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา!

เช้าวันถัดมา กงจูเฉียนโหยวที่กลับมาคฤหาสน์ตงฟางอีกครั้ง.

"อะไรนะ? กำลังจะไปใหนอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมากกล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

"ศาลาเจ็ดดาว ข้ามีกายสถิตธาตุวายุ เป็นความลับ ภายในต้าโหลวเองมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ ทว่าเหตุการณ์เรื่องที่หยิงหนิงถูกสังหารจากฝีมือของเฉินฉีเทียน ทำให้ข้อมูลถูกเปิดเผย ข้าจึงต้องกลับไปศาลาเจ็ดดาว เพื่อพูดคุยกับประมุขศาลลาเจ็ดดาว ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องไปเป็นการส่วนตัว เพราะว่าประมุขศาลาเจ็ดดาวต้องการจะพูดคุยและสอนอะไรบางอย่างกับข้า."กงจูเฉียนโหยวขมวดคิ้วไปมา.

"ประมุขศาลาเจ็ดดาวอย่างงั้นรึ? เขาเหนือกว่าเซิ่งซ่างอีกรึ? ถึงได้จำเป็นต้องสอนเจ้าเป็นการส่วนตัว?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"แน่นอนว่าเทียบกับเซิ่งซ่างไม่ได้ เพียงแต่การไปพูดคุยกับประมุขศาลาเจ็ดดาวนั้น เป็นคำสั่งของเซิ่งซ่าง."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ศาลาเจ็ดดาว? ใครเป็นประมุขศาลาเจ็ดดาวรึ?"จงซานขมวดคิ้วไปมาแสดงท่าทางกังวลไปมา.

"โปรดวางใจ เป็นผู้หญิง ข้าคงไม่กลายเป็นภรรยาของนางหรอก."กงจูเฉียนโหยวที่เห็นจงซานหึงหวงก็เผยยิ้มออกมา.

เห็นนางปั่นหัวเขา จงซานที่เผยยิ้มออกมา.

"ประมุขศาลาเจ็ดดาวนั้น เป็นประมุขที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก เดิมที่เซิ่งซ่างและนางเป็นคนรักกันมาก่อน ช่างน่าสงสารที่เซิงซ่างเลือกเส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่ สร้างราชวงศ์สวรรค์เพื่อเก็บเกี่ยววาสนา เหมือนกับเจ้า ฝ่าบาทนั้นมีหวงโห่วหลายคน ประมุขศาลาเจ็ดดาวนั้นไม่สามารถทนได้ที่จะใช้บุรุษร่วมกับคนอื่น ดังนั้นจึงไม่ยอมพบกับเซิ่งซ่างอีกครั้ง นางได้ก่อตั้งศาลาเจ็ดดาวขึ้นมา ทว่าคนทั้งสองนั้นก็ยังมีความรักที่ฝั่งแน่นอยู่ลึก ๆ  เป็นความรักที่ไม่สามารถตัดขาดจากกันได้ เซิ่งซ่างเองก็ไม่สามารถปล่อยวางได้เช่นกัน ทว่าก็ไม่ได้ฝืนใจนาง พร้อมกับยังอนุญาตให้ศาลาเจ็ดดาวเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ยกตัวอย่างเช่น คนของศาลาเจ็ดดาวที่มีระดับแกนทองหากได้รับการรับรองจากอาวุโสของศาลาเจ็ดดาวสามารถเข้ารับราชการเป็นขุนนางขั้นห้าได้ ประมุขศาลาเจ็ดดาวถึงจะไม่ยินดี ทว่ากับเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นประโยชน์ต่อสำนักตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"แท้จริงก็เป็นเช่นนี้นั่นเอง."จงซานที่สูดหายใจลึก.

"ใช่แล้ว หลังจากที่เซิ่งซ่างสร้างราชวงศ์สวรรค์ขึ้นมา ประมุขศาลาเจ็ดดาวเองก็ไม่ได้ลาขาดจากเซิ่งซ่างโดยสมบูรณ์ ทว่าก็ยังคงส่งข่าวไปมาดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีข้าเป็นผู้นำสาร แน่นอนว่าเรื่องนี้ ฝ่าบาทจะสามารถทำได้อย่างงั้นรึ? ดังนั้นข้าจึงเป็นเหมือนกับคนกลางในการส่งข่าวซะมากกว่า."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ประมุขศาลาเจ็ดดาวที่ให้เจ้าไปในครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องปรกติทั่วไป เจ้าเองก็ควรระวังตัวให้ดี!"จงซานกล่าว.

"ข้ารู้ ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นอาวุโสของศาลาเจ็ดดาว.เคยไปพบนางหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเห็นนางนางเลย การไปครั้งนี้ข้ายังมีศรเทพวายุไปด้วย และฝ่าบาทยังให้นำอาต้าและอาเอ้อไปด้วย........."กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.

"อืม ไปเถอะ ในเมื่อมีทั้งสองไปด้วยก็คงปลอดภัย ไม่ว่าอย่างไร ดูแลตัวเองให้ดี."จงซานกล่าว.

"อืม!"กงจูเฉียนโหยวพยักหน้า.

ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันไปมา ที่ด้านนอกตำหนักตงฟางนั้นก็ได้ยินเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมาในทันที.

"มีคำสั่งให้กงจิวโห่วตงฟางจงซาน เข้าพบที่ในตำหนัก."

เสียงแหลมเล็กของขันทีที่ดังขึ้นมา.

"หืม?"จงซานที่ชำเลืองมองออกไปเล็กน้อย.

"ฝ่าบาทได้ถามเกี่ยวกับเจ้าเมื่อวาน และรับรู้แล้วว่าเจ้ากลับมาแล้ว!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ทว่าพักร้อนของข้ายังไม่ครบ!"จงซานที่แสดงท่าทางประหลาดใจ.

"มีคำสั่งให้กงจิวโห่วตงฟางจงซาน เข้าพบที่ในตำหนัก."

เสียงของขันทีที่ยังคงดังสนั่นอยู่ด้านนอก.

จงซานจึงทำได้แค่เร่งรีบก้าวออกจากห้องโถง ออกไปหาขันทีในทันที.

เสียงของขันที่ที่ด้านนอกคฤหาสน์ตงฟาง ขณะที่จงซานก้าวออกมา ก็กล่าวออกมา."มีคำสั่งให้กงจิวโห่วตงฟางจงซาน เข้าพบที่ในตำหนัก."

"รับประสงค์!"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาพร้อมกับกล่าวออกมา.

จากนั้น จงซานที่ทำได้กวาดตามองด้วยความสงสัย ก่อนที่จะก้าวตามขันที มุ่งตรงไปยังส่วนหนึ่งของตำหนักหลวง เป็นวิหารไท่กู่ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการเข้าพบเป็นการส่วนตัวกับเซิ่งซ่างราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด