Chapter 369 ระดับก่อตั้งวิญญาณ.
"ขอบพระทัยฝ่าบาท ทรงเจริญหมื่นปีหมื่น ๆ ปี!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ
กงชั้นสาม กงจิวโห่วชั้นสามอย่างงั้นรึ?รองเสนาธิการกระทรงพิธีการอย่างรึ? จงซานที่ได้รับวาสนาของราชวงศ์สวรรค์มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เดิมที่ด้วยชื่อเสียงและสถานะของเขาก่อนหน้า กรรมวาสนาที่ได้รับมีความเร็วแปดเท่า หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกงจิว ณ เวลานี้จงซานได้รับ มรรคาระดับกลางแล้ว กรรมวาสนาที่ได้รับพลังฟ้าดินกลายเป็นความเร็วฝึกฝน 10 เท่า.
ความเร็วการฝึกฝนสิบเท่า หมายความว่าการบำเพ็ญของเขา 100 ปี จะเทียบเท่ากับการฝึกฝนในสภาพปกติ 1000 ปีนั่นเอง.
ขณะที่จงซานซาบซึ้งกับมหากรุณาของฝ่าบาท เหล่าเสนาธิการและขุนนางอื่น ๆ ต่างก็ขมวดคิ้วไปมา.
รองเสนาธิการกระทรวงพิธีกรรม? เสนาธิการกระทรวงพิธีกรรม? เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้รับตำแหน่งเสนาธิการกระทรวงพิธีกรรม? ต่อไปจะไม่กลายเป็นเสนาธิการกระทรวงกลาโหมอย่างงั้นรึ?เสนาธิการพิธีกรรม ไม่ควรจะเรียกว่าเสนาธิการกระทรวงพิธีกรรม แต่ควรจะเรียกเสนาธิการต่างประเทศด้วยซ้ำ? ด้วยความสามารถในการบัญชาทัพ เซิ่งซ่างต้องการที่จะให้เขาเป็นเสนาธิการต่างประเทศหรือไม่?
ภายในท้องพระโรง เหล่าข้าราชบริพารไม่เข้าใจแม้แต่น้อย แม้แต่ไท่จื่อทั้งสี่ก็ไม่เข้าใจ มีเพียงแค่อาวุโสเทียนที่จ้องมองไปยังกู่เฉิงตงเป็นนัย.
"ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เชื่อใจ นี่คือกระบี่อาญาสิทธิ์ที่ฝ่าบาทมอบให้ ตอนนี้ขอคืนต่อฝ่าบาท!"จงซานที่ยื่นกระบี่อาญาสิทธิ์ออกไป.
"อืม!"กู่เฉิงตงที่พยักหน้า.
จากนั้นขันทีก็นำกล่องก้าวออกมา รับกระบี่อาญาสิทธิ์จากจงซาน.
"ฝ่าบาท คันศรเทพวายุนี้ แม้ว่าจะเป็นอาวุธในคดีฆาตกรรม แต่ก็นับว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่า เฉินขอประทานอนุญาต ร้องขอให้ฝ่าบาทมอบมันให้กับกงจูเฉียนโหยว เพื่อปลอบประโลมที่นางต้องทนทุกข์กับข้อกล่าวหาเป็นเวลาถึงสองเดือน."จงซานที่กล่าวทูลออกไป.
คันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุนี้ เดิมทีก็เป็นของบิดาแท้จริงของนาง โดยเนื้อแท้แล้วก็ควรจะเป็นของกงจูเฉียนโหยว นอกจากนี้กงจูเฉียนโหยวที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม กับคำที่จงซานเอ่ยปากออกมานั้น เหล่าข้าราชบริพารจำนวนมากเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ไม่มีใครกล้ากล่าวขัดอย่างแน่นอน.
"ได้!"กู่เฉิงตงพยักหน้า.
"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"กงจูเฉียนโหยวที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
จงซานที่นำคันศรเทพวายุ มอบให้กับกงจูเฉียนโหยว ซึ่งนางเวลานี้ไม่ได้มองไปที่ของวิเศษระดับเก้า ทว่าจ้องมองด้วยความหลงไหลไปยังตัวจงซาน.
จากนั้น จงซานที่ก้าวออกมา พร้อมกับนำอะไรบางอย่างออกมาจากที่ด้านในอกเสื้อ เป็นจีวรไหมม่วงนั่นเอง.
"ขอบคุณอาวุโสเทียนที่ช่วยเหลือในครั้งนี้ นี่เป็นสิ่งที่ผู้เยาว์รับปากเอาไว้."จงซานที่ส่งจีวรไหมม่วงให้กับอาวุโสเทียน.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย อาวุโสเทียนที่เผยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา พร้อมกับเอื้อมมือออกไป ในเวลาเดียวกันนั้นกู่เฉิงตงบนบัลลังก์เองก็จ้องมองลงมาด้วยเช่นกัน ดวงตาของเขาที่หลับตาลง ราวกับว่าเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างกับคนทั้งสอง.
ไท่จื่อทั้งสี่และหานถูหลงที่จ้องมองด้วยความสงสัยไปยังจีวรไหมม่วง ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมอาวุโสเทียนถึงได้สนใจจีวรนี้.
จงซานที่อยู่ด้านหน้าเหล่าข้าราชบริพาร พร้อมกับยื่นจีวรไหมม่วงมอบให้กับอาวุโสเทียน เป็นการบอกกับทุกคนด้วยว่า จีวรไหมม่วงนี้ ไม่ใช่ของตัวเขาอีกต่อไป นี่คือสมบัติจิตวิญญาณระดับเก้า เดิมทีมันก็ไม่ใช่ของตัวเขาอยู่แล้ว นี่เป็นของวิเศษที่ใช้เก็บข้อมูลจงซานของจินฉาน จีวรนี้ เป็นสิ่งที่เขาถูกบังคับให้ได้รับมา.
อาวุโสเทียนที่รับจีวรไหมม่วงมา จากนั้นก็คำนับกู่เฉิงตงเล็กน้อย กู่เฉิงตงที่พยักหน้าให้.
ทันใดนั้นร่างของอาวุโสเทียนก็หายไป หายไปจากห้องโถงหลักในทันที.
"เรียนฝ่าบาท สงครามภาคใต้ได้จบลงแล้ว ทว่าความรู้สึกของเฉินนั้นยังคงคุกรุ่นอยู่ในสนามรบ เฉินจึงใคร่ขอให้ฝ่าบาทประทานวันหยุดยาว สักสองถึงห้าปี เพื่อปรับตัวเอง ก่อนที่จะสามารถเข้าร่วมการเมืองของราชวงศ์ต้าโหลวด้วยสภาพที่พร้อมที่สุด."จงซานที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
?ขอลาหยุดอย่างงั้นรึ?เหล่าสนาธิการและเหล่าข้าราชบริพารต่างก็จดจ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางแปลกประหลาด ภายในท้องพระโรงแห่งนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่เหมาะที่สุดในการบำเพ็ญ การอยู่ที่นี่จะได้สัมผัสถึงพลังของเซิ่งซ่าง ทำให้ยกระดับพลังฝึกตนเป็นอย่างมาก กับการได้อยู่ที่นี่ ราวกับว่าได้สัมผัสถึงพลังของฟ้าดินที่เหนือล้น เปี่ยมล้นด้วยพลังวิญญาณ ทุกคนแทบต้องการเข้ามาอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยสามารถยกระดับพลังให้กับตัวเองได้ ยิ่งได้รับกลิ่นอายของฝ่าบาทมากเท่าไหร่ แม้จะไม่ทุกวัน ในทุก ๆ สิบวันก็ถือว่าเพิ่มพลังฝึกตนได้มากโขแล้ว.
จงซานผู้นี้กับขอลาหยุดอย่างงั้นรึ? เพื่อปรับความคิดตัวเองอย่างงั้นรึ? เหล่าเสนาธิการและขุนนางต่าง ๆ ถึงกับต้องหลั่งเหงื่อที่เย็นเยือบออกมา! มีคนเช่นนี้ในโลกด้วยรึ?
"ได้!"
เซิ่งซ่างเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน!
"ขอบพระทัยฝ่าบาท."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
"เลิกประชุม!"เซิ่งซ่างกล่าวออกมาเบา ๆ .
"เลิกประชุม!"ขันทีที่ขานเสียงดังลากยาว.
"ทรงเจริญหมื่นปีหมื่น ๆ ปี!"
สองวันหลังจากนั้น จงซานที่กลับมายังคฤหาสน์ตงฟางพร้อมกับมอบหมายเรื่องต่าง ๆ ให้กับสุ่ยอู๋เหินและหลิวอู๋ซ่าง ก่อนที่จะนำจื่อเห่าเดินทางมายังตำหนักของกงจูเฉียนโหยวอย่างรวดเร็ว.
ตลอดระยะเวลาสองวันนี้ กงจูเฉียนโหยวจำเป็นต้องรับแขกมากมาย ส่วนใหญ่แล้วเป็นญาติพี่น้องตระกูลกู่ ที่เดินทางมาขออภัยนาง พร้อมกับมอบของขวัญปลอบใจนาง จวบจนถึงวันนี้ ตำหนักกงจูเฉียนโหยวก็สงบลงได้ในที่สุด.
จงซานที่ก้าวเข้าไปในตำหนัก ส่วนจื่อเห่าพร้อมอาต้า อาเอ้อ ออกจากตำหนักเพื่อไปเตร็ดเตร่ด้านนอก.
ทีด้านหน้าตำหนัก กงจูเฉียนโหยวที่มายืนรอเขา.
วันนี้กงจูเฉียนโหยวที่แต่งตัวเผยสัดส่วน รัดรูปมองเห็นหน้าอกที่ล้นออกมา ผมยาวทิ้งลงด้านหลัง รูปร่างโค้งเว้าได้สัดส่วน วาบหวิว สะโพกผายใหญ่ ขายาวเรียวเผยให้เห็นต้นขาเล็กน้อย ทำให้จงซานรู้สึกกระชุมกระชวยเป็นอย่างมาก.
จงซานที่ก้าวเข้าไปหาช้า ๆ จ้องมองกงจูเฉียนโหยว ด้วยแววตาเสน่หา
เมื่อจงซานก้าวเข้ามาใกล้ กงจูเฉียนโหยวที่เผยรอยยิ้มที่เฉิดฉาย "เจ้ามาแล้ว!"
จงซานไม่ได้กล่าวสิ่งใด ยื่นมือออกไปสัมผัสแก้มนางเบา ๆ เชยค้างขึ้นมาอย่างนุ่มนวล กงจูเฉียนโหยวที่ขวยเขิน ใบหน้าแดงระเรื่อ จากนั้นก็หลับตาพริ้ม จงซานที่ก้าวเข้าหาพลางจุมพิตลงอย่างนุ่มนวล.
กับจูบที่นุ่มนวลลึกล้ำเนินนาน จงซานที่รุกเร้าไม่มีสิ่งใดต้องอธิบายออกมา.
"อึบ!"
กงจูเฉียนโหยวที่สำลักน้ำลายเบา ๆ จงซานที่บรรเลงจูบอันดูดดื่ม ทำให้ใบหน้าของกงจูเฉียนโหยวแดงแล้วแดงอีก.
แก้มที่แดงระเรือ ใบหน้าที่หลับตาพริ้มไม่กล้าที่จะลืมขึ้น ริมฝีปากของทั้งคู่ที่จูบกันอย่างหนัก ผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่เหมือนกัน.
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า."
จงซานที่หัวเราะร่วน พร้อมกับช้อนไปข้างล่างลำตัว พร้อมกับอุ้มกงจูเฉียนโหยวขึ้นมาในทันที.
"อ๋า!"
กงจูเฉียนโหยวที่สะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับยื่นมือออกไปคว้าลำคอของจงซาน.
จงซานที่อุ้มกงจูเฉียนโหยว พร้อมกับก้าวเข้าไปยังตำหนักของนาง เข้าไปยังห้องนอนพร้อมปิดประตูเสียงดัง.
"ปัง!"
ภายในตำหนักของกงจูเฉียนโหยว จงซานที่อุ้มนางเข้าไปในห้องนอนพลางวางนางลงไปบนเตียงหยกอย่างนุ่มนวล กงจูเฉียนโหยวที่รับรู้ว่าจะเกิดอะไรจากนั้น ใบหน้าที่เขินอาย หลับตาพริ้มไม่กล้าลืมขึ้นมา และแล้วร่างของจงซานเวลาก็เลือนขึ้นไปทับบนร่างกายของนาง.
.....
เช้าวันถัดมา ตำหนักกงจูเฉียนโหยว แสงตะวันที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างส่องมาถึงเตียงของกงจูเฉียนโหยว ซึ่งเวลานี้ร่างของจงซานและกงจูเฉียนโหยวที่ยังคงกอดรัดคลอเคลียกันอยู่ จงซานที่ยังคงนอนหลับ ดวงตาปิดแน่นด้วยความสบายใจ.
ร่างของกงจูเฉียนโหยวที่อยู่บนอกของจงซาน ถใบหน้าไปมาอย่างนุ่มนวล จ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับของจงซาน คลอเคลียไปมาบนหน้าอกของจงซานด้วยความสุข.
ขาเรียวงามเหมือนหยกสลักของนางยังคงหนีบขาซ้ายของจงซานแน่น พร้อมกับจ้องมองลงไปยังต้นขาของตัวเองซึ่งเวลานี้มีสีแดงอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะนำผ้าเช็ดหน้าสีขาวบริสุทธิ์ออกไปซับโลหิตที่ปรากฏขึ้นออกไป ซึ่งบนร่างของจงซานบางแห่งก็มีโลหิตอยู่เล็กน้อย ขณะที่นางเช็ดทำความสะอาดไปด้วย.
นางที่ยังคงไถไปมาบนหน้าอกของจงซาน รู้สึกเหมือนว่าไม่ค่อยสบายเหมือนตอนแรก! ทันใดนั้นก็รับรู้ได้ในทันทีว่าจงซานในเวลานี้ไม่ได้หลับ ทว่าเขาได้ทะลวงระดับและอยู่ในช่วงทำให้มันคงที่.
จงซานจวนเจียนจะทะลวงระดับแล้ว นับตั้งแต่ในท้องพระโรง การที่เขาได้รับกรรมวาสนามากมาย ก็มีสัญญาณที่จะทะลวงระดับแล้ว ในเวลานี้ ดูเหมือนว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง พลังวิญญาณของเขาที่มีเพียงพอแล้ว มีเพียงแค่ร่างกายที่ยังคงถ่วงการเลื่อนระดับของเขาเอาไว้.
อย่างไรก็ตาม ด้วยการมีสัมพันธ์กับเฉียนโหยว ท้ายที่สุดจงซานก็ทะลวงระดับได้ บางทีอาจจะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของธาตุทั้งห้า การรับธาตุหยินที่จำเป็น เป็นเหตุให้จงซานเมื่อได้รับพลังหยินบริสุทธิ์แลกเปลี่ยนเข้ามาในร่าง จนทำให้ก่อเกิดพลังหยวน แน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดนั้นเพราะว่าเฉียนโหยวนั้นเป็นกายสถิตธาตุวายุด้วยนั่นเอง.
ร่างสถิตทั้งเก้า ที่เหมาะสมที่จะเป็นคู่บำเพ็ญช่วยเพิ่มพลังฝึกตน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระดับแกนทองที่มีห่วงโซ่ที่แน่นหนารัดตรึงอยู่ แต่แล้วเวลานี้จงซานก็สามารถทะลวงผ่านระดับจนได้.
ในพริบตาเดียว เรือนหยางของจงซานที่จมลึกลงไปในจิตสำนึกภายในร่างกาย.
เรือนหยาง ที่มีพลังหยางบริสุทธิ์มากมาย กำลังก่อตัวกันขึ้น ท้ายที่สุดในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาก็สามารถทะลวงผ่านระดับไปได้ เวลานี้กำลังอยู่ในการรวบรวมพลัง สร้างรากฐานพลังก่อกำเนิดรวมตัวกันขึ้น มากขึ้นและก็มากขึ้น.
ไม่นานหลังจากนั้น มันได้รวมตัวกันที่จุดศูนย์กลาง เป็นบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นช้า ๆ เป็นร่างกายที่เหมือนกับจงซานร่างเล็กขนาดเท่ากำปั้น.
ภายในจิตสำนึกของจงซานเวลานี้ ร่างเล็กที่ปรากฏขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปยังเรือนหยางขนาดใหญ่.
ก่อตั้งวิญญาณ นี่คือวิญญาณก่อตั้ง 10% วิญญาณก่อตั้งที่เกิดขึ้น จงซานที่ราวกับสัมผัสได้ถึงสวรรค์และปฐพี สามารถเชื่อมต่อกับพลังฟ้าดิน ไม่แปลกใจเลยว่าคนที่มีระดับก่อตั้งวิญญาณนั้นจะสามารถสร้างเมฆขึ้นมาขับขี่ได้ เพราะว่าจงซานในเวลานี้สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานลม พลังงานน้ำ ตราบเท่าที่เขาสร้างวิญญาณก่อตั้งสำเร็จ เขาจะสามารถสร้างเมฆสีขาวขึ้นมาได้ในทันที.
มันคือวิชาที่ง่ายที่สุด ต่อไปเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งของวิเศษเหมือนกับระดับแกนทองแล้ว ในเวลานี้ จงซานที่ก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์ของธรรมชาติแล้ว.
ก่อตั้งวิญญาณ ท้ายที่สุดก็ก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณแล้ว!
เมื่อพลังหยางบริสุทธิ์กลายเป็นวิญญาณก่อตั้งสมบูรณ์ เขาก็จะอยู่ในระดับก่อตั้งวิญญาณ ทันใดนั้นยันต์หยกทมิฬก็สั่นไปมาในทันที.
จงซานชำเลืองมองเล็กน้อย เพียงแค่มันขยับ ยันต์หยกทมิฬก็แปรเปลี่ยนไปปะทับที่แกนวิญญาณก่อตั้งของเขาทันที มันได้เกาะติดอยู่ที่แกนร่างวิญญาณแรกก่อตั้ง.
ดูเหมือนว่าวิญญาณก่อตั้งจะพยายามศึกษามัน ทว่าไม่สามารถทำได้ ดังนั้นจึงได้ทำการเก็บมันเอาไว้ด้านนอกของร่าง.
ยันต์หยกทมิฬนั้นได้ประทับแกนหยางของจงซานมานาน บางทีเมื่อปราณหยางบริสุทธิ์ได้เปลี่ยนไป แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมยันต์นี้ได้ ทว่าจงซานกับสัมผัสถึงมันได้ วิญญาณก่อตั้งที่ขยับเบา ๆ ทันใดนั้นภาพของยันต์ก็ปรากฏมากมาย ราวกับเป็นภาพลวงตา เหมือนดังที่เคยสามารถผนึกเมืองเฟิงหลิงได้ก่อนหน้านี้ สามารถผนึกสวรรค์ให้หยุดนิ่งได้เหมือนก่อน.
จงซานลืมตาขึ้นมาในทันที.
"ฟรึบ!"
ทั่วทั้งห้อง ราวกับว่าปรากฏเป็นเงาของยันต์มากมายนับไม่ถ้วน มันได้กระจายไปทุกทิศทุกทาง แม้แต่บนหน้าอกและหน้าผากของกงจูเฉียนโหยวก็เช่นกัน.
ทุกอย่างที่หยุดนิ่ง ทั่วทั้งห้องโถงถูกผนึกเอาไว้ แม้แต่กงจูเฉียนโหยวก็ถูกผนึกอย่างงั้นรึ?
จงซานที่ชำเลืองมองออกไป เรียกกงจูเฉียนโหยว ทว่านางไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย.
ทว่าจงซานที่สามารถที่จะเปิดการใช้งานมันได้ ทว่ากับไม่รู้วิธีในการเรียกมันกลับมา รู้เพียงแต่วิธีใช้ แต่ไม่รู้วิธีเก็บ.
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาที่รอหนึ่งชั่วโมง ภาพของยันต์ก็ค่อย ๆ จางลงเรื่อย ๆ ก่อนที่จะหายไปโดยสมบูรณ์.