Chapter 365 การเชิญหน้าที่ท้องพระโรง.
จงซานที่แลมองไปยังไท่จื่อทั้งสอง ไท่จื่อทั้งสองที่จ้องมองมายังจงซานเช่นเดียวกัน.
ขณะที่ทั้งคู่เห็นกระบี่อาญาสิทธิ์ ไท่จื่อทั้งสองที่ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย จงซาน! จงซานก็รู้จักพวกเขา พวกเขาเองก็รับรู้ว่าเป็นจงซาน ใครคือจงซาน นี่คนที่มีความสามารถ ไท่จื่อทั้งสองย่อมได้รับข้อมูลมาด้วยเช่นกัน.
อ๋องไท่จง จ้องมองไปยังจงซาน เผยยิ้มออกมาเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่น่าเกรงขาม ใบหน้าที่ดูแจ่มใส พยักหน้าเล็กน้อย แสดงท่าทางเป็นมิตร.
ส่วนอ๋องจ้านเทียนนั้น เผยยิ้มที่ดูอหังการแฝงด้วยความดุร้ายออกมา จากนั้นก็หันหน้ากลับไป.
ไท่จื่อทั้งสองนั้นไม่ได้กล่าวสิ่งใดกับจงซาน.
ไท่จื่อทั้งสองนั้นเพิ่งเดินทางกลับมายังเมืองหลวง ตามพิธีของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว การที่จะเข้าประจำแถวของข้าราชบริพารนั้น จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากเซิ่งซ่างซะก่อน.
ตำหนักไท่กู่!
"ทรงเจริญหมื่นปีหมื่น ๆ ปี"
กลุ่มของเครือญาติตระกูลกู่มากมายรวมทั้งเหล่าข้าราชบริพารที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"อืม!"กู่เฉิงตงที่กล่าวรับเบา ๆ .
กู่เฉิงตง ผู้ยืนอยู่เหนือปวงชน ในวิหารไท่กู่ กู่เฉิงตงที่เหมือนกับกฎเกณฑ์ของสวรรค์ ที่กำหนดกฎเกณฑ์ทุกอย่าง.
"ประกาศออกไป!"กู่เฉิงตงที่กล่าวออกไปอย่างนุ่มนวล.
ขันทีที่อยู่ข้าง ๆ โค้งคำนับ ก่อนที่จะก้าวออกไป.
"ประกาศอ๋องไท่จงเข้าสู่ตำหนักได้."
"ประกาศอ๋องจ้านเทียนเข้าสู่ตำหนักได้."
"ประกาศตงฟางโห่วเข้าสู่ตำหนักได้."
ภายในตำหนักเหล่าขันทีที่เอ่ยตะโกนออกไปเสียงดังผ่านออกไปด้านนอกตำหนัก.
"ประกาศอ๋องไท่จงเข้าสู่ตำหนักได้."
......
เสียงที่ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านลงมาด้านล่าง.
จงซานที่ทำความเคารพไท่จื่อทั้งสองเล็กน้อย คนทั้งสองที่ก้าวออกไปก่อน.
อ๋องไท่จงที่ก้าวนำ ตามด้วยอ๋องจ้านเทียน และจงซานคนสุดท้าย ทั้งสามที่เคลื่อนที่ไปยังวิหารไท่กู่อย่างรวดเร็ว.
คนทั้งสามที่ก้าวเข้าไปในห้องโถง.
"เอ้อเฉินคารวะฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาทก้าวสู่ความเป็นเซียน มีชีวิตเป็นนิรันดร์เหมือนดั่งสวรรค์!"ไท่จื่อทั้งสองที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
"เฉินจงซานคารวะฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปีนับ ๆ หมื่น ๆ ปี!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"กลับสู่ตำแหน่งเดิมของพวกเจ้า!"กู่เฉิงตงที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.
"รับด้วยเกล้า!"ไท่จื่อทั้งสองที่กล่าวออกมาในทันที.
จากนั้น อ๋องไท่จงก็ก้าวไปยืนต่อแถวจากต้าเสวียนอ๋อง อ๋องจ้านเทียนที่ไปยืนต่อแถวของอ๋องไท่จงต่อไป ที่ใจกลางห้องโถง มีเพียงแค่จงซานคนเดียวเท่านั้น.
ในห้องโถงนั้น ทุกคนที่เต็มไปด้วยความจริงจัง ไม่มีใครกล้ากล่าวสิ่งใดออกมา.
จงซานสามารถบอกได้ว่าแถวของข้าราชบริพารนั้นมีเหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่ต่อแถวเพิ่มขึ้นมาด้วย ทุก ๆ คนต่างก็รอคอยอย่างอดทน รอคอยการพิพากษากงจูเฉียนโหยว.
"ตงฟางโห่วจงซาน!"กู่เฉิงตงที่เอ่ยออกมา.
"เฉินอยู่นี่แล้ว!"จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.
"ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน เจ้าสามารถหาข้อสรุปได้แล้วหรือยัง?"กู่เฉิงตงที่สอบถามออกมา.
"เรียนฝ่าบาท เกี่ยวกับคดีนั้นได้ผลสรุปที่ชัดเจนแล้ว วันนี้พร้อมที่จะรายงานฝ่าบาท พร้อมกับเหล่าพี่น้องตระกูลกู่ และคนทั่วหล้าแล้ว!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่จริงจัง.
ได้ยินคำพูดของจงซานแล้ว ทุกคนต่างก็จ้องมองไปยังจงซาน ราชครูหวนถูหลงที่จ้องมองจงซานเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
อ๋องเจิ้งอี้ที่จ้องมองจงซาน เหมือนเมื่อก่อนเป็นดวงตาที่ขุ่นมัว ไม่สามารถบอกความในใจของเขาออกมาได้.
ต้าเสวียนอ๋องจ้องมองไปยังจงซาน สายตาที่ชำเลืองมองเพ่งพิศด้วยความสนใจ.
อ๋องไท่จง ดวงตายังคงแจ่มใส่เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน.
อ๋องจ้านเทียน ที่แสดงท่าทางอหังการเหมือนเดิม จ้องมองจงซานที่ไม่ต่างจากสามัญชนทั่วไป.
ที่มุมหนึ่งของห้อง ฟ่านอี้พินยังคงนิ่งงัน ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร.
ส่วนฉีเทียนโห่วนั้นดวงตาที่หรี่เล็กลง แววตาดูจริงจัง จ้องมองอย่างเย็นชาไปยังจงซาน.
ทุกคนของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวที่ราวกับว่าจับตาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ.
ท้ายที่สุดก็ได้เวลาพิพากษากงจูเฉียนโหยวแล้ว.
"ประกาศ!"กู่เฉิงตงที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
ขันทีชราที่อยู่ข้าง ๆ ที่ตอบรับในทันที ก่อนที่จะนำราชโองการออกมาพร้อมประกาศออกมาว่า "ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ซานเยว่ 8014 วันที่ห้า อู่สือซันเค่อ จวินจู่หยิงหนิง ได้ถูกสังหารด้วยศรเทพวายุในตำหนักตัวเอง รองเสนาธิการหม่าจูหรีที่เป็นคนแรกที่เข้าไปถึงเหตุการณ์ พบว่าในเวลานั้น ตำหนักจวินจู่มีแขกเหรื่อมากมาย เป็นพยานเห็นเหตุการณ์ ในเหตุฆาตกรรม จวินจู่หยิงหนิง ที่นำกงจูเฉียนโหยวออกไป และถูกศรเทพวายุยิงเข้าที่ด้านหลัง ทำลายเรือนหยาง ตายไปในทันที ไม่มีโอกาสแม้แต่พูดจาสักคำ!"
[午时三刻 "อู่สือซันเค่อ" ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือเวลาประมาณ 11:43 ซึ่งเป็นเวลาที่เงาคนเราจะสั้นที่สุดและเป็นเวลาที่คนเราจะเริ่มง่วง]
ระหว่างที่ขันที่อ่านราชโองการนั้น กงจูเฉียนโหยวที่ถูกองค์รักษ์หลวงคุมตัวเข้ามาในห้องโถง พร้อมกันนี้ยังมีถาดของกลาง เป็นคันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุวางอยู่บนนั้น.
ผู้ต้องสงสัยมากที่สุด กงจูเฉียนโหยว.
จงซานที่เห็นเฉียนโหยวเข้ามาก็พยักหน้าให้ เพื่อให้นางวางใจ กงจูเฉียนโหยวที่พยักหน้ารับ พร้อมกับไปยืนอยู่ด้านข้าง.
ขณะที่ฉีเทียนโห่วเห็นกงจูเฉียนโหยวเข้ามาในห้องโถง สายตาของเขาที่จ้องมองออกไป ระหว่างทางที่เห็นท่าทางของจงซาน หลังจากนั้นทำให้เขาต้องสูดหายใจลึก จากสิ่งที่เห็น แววตาของเขาที่ปะทุความโกรธออกมาทันที จ้องเขม็งมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
ไท่จื่อทั้งสองที่ชำเลืองมองทว่าสายตายังคงนิ่ง.
"กู่เฉียนโหยว ข้าขอถามเจ้า เจ้าสังหารหยิงหนิงอย่างงั้นรึ?"กู่เฉิงตงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจัง แผ่พลังกดดันราวกับอำนาจของสรรค์ที่กำลังจะพิพากษา.
"เรียนฝ่าบาท ข้าไม่ได้สังหารหยิงหนิง!"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวตอบออกมาในทันที.
ขณะที่กงจูเฉียนโหยวกล่าว ฉีเทียนโห่วอีกฝั่งที่ถมึงตามองออกไป ชำเลืองมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
"ฉีเทียนโห่ว เจ้ามีสิ่งใดจะกล่าวอย่างงั้นรึ?"กู่เฉิงตงที่หันหน้าไปมอง.
ได้ยินคำพูดของฝ่าบาทที่เอ่ยถึงตน ฉีเทียนโห่วที่ก้าวออกมาในทันที.
"เรียนฝ่าบาท เฉียนโหยวโกหก ในวันนั้นมีเหล่าขุนนางมากมายที่เห็นเหตุการณ์ เรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับหยิงหนิง ไม่สามารถเพิกเฉยได้ เฉินได้ให้คำมั่นแล้วว่าคนที่สังหารน้องสาวของเฉินต้องได้รับการชดใช้ เลือดเนื้อเชื่อไขของตระกูลกู่ที่เลวทรามเช่นนี้ จะต้องถูกตัดออก นี่คือสิ่งที่ควรกระทำ ไม่เช่นนั้นแล้วตระกูลกู่จะตกต่ำลง!"ฉีเทียนโห่วที่กล่าวออกมาเสียงดังราวกับเต็มไปด้วยความชอบธรรม.
กับคำพูดของฉีเทียนโห่ว ทำให้เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่ต่างก็พยักหน้า ให้กันและกัน ใช่แล้ว หากวันนี้กงจูเฉียนโหยวที่สังหารญาติพี่น้องตัวเองไม่ได้รับการลงโทษ นับจากวันนี้ เหล่าเชื้อสายตระกูลกู่คงถึงกาลตกต่ำอย่างแน่นอน.
เหล่าข้าราชบริพารเองต่างก็พยักหน้าให้ด้วยเช่นกัน.
ไท่จื่อทั้งสี่ที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว หากแต่ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา.
"กล่าวได้ดี กับคนเลวทราม ต้องตัดทิ้งไป นี่คือความจริงที่จะต้องทำ ในเมื่อเจ้ามั่นใจว่าเป็นกู่เฉียนโหยว หากเป็นเรื่องจริงข้าจะให้เจ้าเป็นคนลงโทษกู่เฉียนโหยวก็แล้วกัน."กู่เฉิงตงกล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"ฉีเทียนโห่วที่สูดหายใจลึก.
"จงซาน รายงานผลของการสืบสวนของเจ้าในหลายวันที่ผ่านมา!"กู่เฉิงตงกล่าว.
"รับด้วยเกล้า!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
จงซานที่จ้องมองไปยังคนที่อยู่รอบ ๆ พร้อมกับก้าวไปข้าง ๆ ขันที่ที่ถือคันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุ.
"ใต้เท้าหม่า!"จงซานกล่าวออกมาในทันที.
รองเสนาธิการกระทรวงยุติธรรมที่ขมวดคิ้ว ทว่าก็ก้าวออกมา.
"ในวันที่เกิดเรื่องเป็นท่านที่เห็นเหตุการณ์เป็นคนแรกอย่างงั้นรึ?"จงซานสอบถาม.
"ครับ!"หม่าจูหรีกล่าวรับคำ.
"กับเหตุการณ์ที่ท่านเห็น โปรดใช้วิชาสร้างภาพให้เห็นด้วย!"จงซานกล่าว.
หม่าจูหรีที่ขมวดคิ้วแน่น ทว่าภายในห้องโถงนั้น ได้มีการใช้วิชาพิเศษ รวบรวมภาพทั้งหมด ก่อนที่จะฉายให้ทุกคนทั่วเมืองได้เห็นด้วยเช่นกัน.
ภายในสวน กงจูเฉียนโหยวที่จับคันศรเทพวายุ โดยที่หยิงหนิงหันหลังให้กับกงจูเฉียนโหยว ร่างกายของนางถูกลูกศรเทพวายุสังหารไปอย่างโหดร้าย.
กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่ต่างก็ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
ภาพเหตุการณ์ที่กงจูเฉียนโหยวสังหารนั้นไม่เห็นอย่างชัดเจนอย่างงั้นรึ?
ฉีเทียนโห่วที่แค่นเสียงเย็นชา "ในวันนั้น รอบ ๆ ไม่มีใครอยู่ ใต้เท้าหม่าที่เห็นเหตุการณ์คนแรก กู่เฉียนโหยวที่สังหารหยิงหนิงด้วยลูกศรเทพวายุ หรือว่าเจ้าต้องการที่จะพลิกลิ้นช่วยนางอย่างงั้นรึ?"
"เรียนฝ่าบาท ใต้เท้าหม่าเป็นคนแรกที่เห็นเหตุการณ์ กับสิ่งที่เขาเห็น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนเห็นเหตุการณ์มากกว่าเขา เช่นนั้นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ จะมีใครบอกความจริงได้อย่างชัดเจนมากกว่านี้กัน?แต่กระนั้นถึงกับมีพยานบางคนที่บอกว่าเห็นกงจูเฉียนโหยวสังหารหยุนหนิง เช่นนั้น เพื่อความยุติธรรม ขอให้กงจูเฉียนโหยวกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น."จงซานกล่าว.
"อืม!"ฝ่าบาทรับคำ.
จากนั้นทุกคนที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว กงจูเฉียนโหยวที่ใช้วิชาฉายภาพออกมาเหมือนดั่งที่หม่าจูหรีทำก่อนหน้านี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น.
"เรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้ ขณะที่ข้าใช้สัมผัสเทวะกวาดตามองไปยังศาลา ฆาตกรก็หนีไปแล้ว!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"เหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ฮ่าอ่า กู่เฉียนโหยว เจ้าสังหารหยิงหนิง ตอนนี้ต้องการจะพลิกลิ้นอย่างงั้นรึ? ขุนนางมากมายต่างก็เห็น ทว่าเจ้ากลับโกหกได้หน้าตาเฉยขนาดนี้เลยรึ? คันศรเทพวายุ ลูกศรเทพวายุ นั่นเป็นอาวุธของบิดาแท้จริงของเจ้า คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะบอกว่ามันแยกกันอยู่? มันจะเป็นได้รึอย่างไรที่ฆาตกรจะสังหารหยิงหนิงแล้วป้ายความผิดให้กับเจ้านะ? น่าขัน! น่าหัวเราะที่สุด!"ฉีเทียนโห่วที่หัวเราะออกมาเสียงดังพลางกล่าวออกมาด้วยความโกรธ.
[一派胡言Yīpài húyán เหตุผลค่อนข้างจะข้าง ๆ คู ๆ ไร้สาระ.]
กับคำพูดของฉีเทียนโห่ว ทำให้เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่ต่างก็จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยวด้วยความโกรธเกรี้ยว.
เล่นลิ้น นี่คือข้อเท็จจริงที่นำมาโต้แย้ง ทั้งพยานและหลักฐานที่มีและเกิดขึ้น คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดที่เป็นเพียงแค่คำกล่าวหา กับการโต้แย้ง กับกลายเป็นคำว่าพลิกลิ้น.
กงจูเฉียนโหยวที่ชำเลืองมองไปยังฉีเทียนโหยวด้วยความชิงชัง ทว่าก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาเพราะว่านางเชื่อในตัวจงซาน.
"เฮ้ เฮ้ ฉีเทียนโห่ว ไม่จำเป็นต้องร้อนใจ ความจริงจะเป็นเช่นใด ไม่มีทางบิดเบือนความเป็นจริงได้ ทุกอย่างจะต้องกล่าวไปตามหลักฐาน."จงซานที่กล่าวขัด.
"หลักฐาน?! หลักฐานก็นี่ไง คันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุ พยานใต้เท้าหม่าก็เห็นด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่านี้คือหลักฐานอย่างงั้นรึ?"ฉีเทียนโห่วที่โกรธเกรี้ยวหัวเราะออกมาเสียงดัง.
"พยานอย่างงั้นรึ?ใต้เท้าหม่ารึ? ใต้เท้าหม่าเป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ตอนท้ายแล้ว เหตุการณ์แท้จริงที่เกิดขึ้นในสวน จวบจนหยิงหนิงตายไป มีคนผู้หนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นอกจากนี้ยังเห็นด้วยว่า ถูกสังหารอย่างไร ใครเป็นคนสังหาร เห็นฆาตกรได้อย่างชัดเจน."จงซานกล่าว.
กับคำพูดของจงซานนั้น ทำให้เหล่าข้าราชบริพารจ้องมองหน้ากันและกัน ส่วนเหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่เองต่างก็พูดคุยกันเสียงดังอื้ออึง.
ยังมีพยานอีกคนอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไร เขาไปหาใครมาอย่างงั้นรึ?จงซานไปหามาจากใหนกัน? เป็นไปไม่ได้ หรือว่าเขากำลังสร้างพยานเท็จอย่างงั้นรึ?
เสียงของผู้คนที่พูดคุยกันไปมาต้องก็จดจ้องมายังจงซาน.
"โห่ว? ข้าเองก็ต้องการจะเห็น ใครกันที่จะเป็นพยานให้กับกู่เฉียนโหยว ใครกันที่หาญกล้า กล้าที่จะมาให้การเท็จในวิหารไท่กู่แห่งนี้!"ฉีเทียนโห่วชำเลืองมองออกไป.
"พยานเท็จอย่างงั้นรึ? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นพยานเท็จ? ไม่ใช่ว่าเวลานั้นเจ้าเองอยู่ในสวนด้วยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่จ้องมองเขม็งไปยังฉีเทียนโห่ว.
"ชิ หากว่ายังมีพยาน คงไม่ต้องรอให้ปรากฏตัวขึ้นจวบจนถึงวันนี้หรอก? ให้มันเข้ามา!"ฉีเทียนโห่วที่ตะเบ็งออกไปเสียงดัง.
แน่นอนว่าฉีเทียนโห่วนั้นไม่เชื่อว่าจะมีใครอีก เพราะว่ากับเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนั้น ฉีเทียนโห่วได้ตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ อย่างระเอียดแล้ว.
"พยานที่ข้ากล่าวก็คือหยิงหนิงยังไงล่ะ."จงซานที่หรี่ตาจ้องมอง.
หยิงหนิงรึ? กับคำพูดของจงซานนั้น ทำให้ทั่วห้องโถงส่งเสียงดังอื้ออึงอีกครั้ง ดีเลย แน่นอนว่านางย่อมรับรู้ความจริง ทว่าอาวุโสเทียนไม่ใช่บอกว่าไม่สามารถอัญเชิญดวงวิญญาณนางได้หรอกรึ?