ตอนที่แล้วChapter 364 วันพิพากษา.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 366 ฉีเทียนโห่วที่ร้อนรน.

Chapter 365 การเชิญหน้าที่ท้องพระโรง.


จงซานที่แลมองไปยังไท่จื่อทั้งสอง ไท่จื่อทั้งสองที่จ้องมองมายังจงซานเช่นเดียวกัน.

ขณะที่ทั้งคู่เห็นกระบี่อาญาสิทธิ์ ไท่จื่อทั้งสองที่ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย จงซาน! จงซานก็รู้จักพวกเขา พวกเขาเองก็รับรู้ว่าเป็นจงซาน ใครคือจงซาน นี่คนที่มีความสามารถ ไท่จื่อทั้งสองย่อมได้รับข้อมูลมาด้วยเช่นกัน.

อ๋องไท่จง จ้องมองไปยังจงซาน เผยยิ้มออกมาเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่น่าเกรงขาม ใบหน้าที่ดูแจ่มใส พยักหน้าเล็กน้อย แสดงท่าทางเป็นมิตร.

ส่วนอ๋องจ้านเทียนนั้น เผยยิ้มที่ดูอหังการแฝงด้วยความดุร้ายออกมา จากนั้นก็หันหน้ากลับไป.

ไท่จื่อทั้งสองนั้นไม่ได้กล่าวสิ่งใดกับจงซาน.

ไท่จื่อทั้งสองนั้นเพิ่งเดินทางกลับมายังเมืองหลวง ตามพิธีของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว การที่จะเข้าประจำแถวของข้าราชบริพารนั้น จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากเซิ่งซ่างซะก่อน.

ตำหนักไท่กู่!

"ทรงเจริญหมื่นปีหมื่น ๆ ปี"

กลุ่มของเครือญาติตระกูลกู่มากมายรวมทั้งเหล่าข้าราชบริพารที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

"อืม!"กู่เฉิงตงที่กล่าวรับเบา ๆ .

กู่เฉิงตง ผู้ยืนอยู่เหนือปวงชน ในวิหารไท่กู่ กู่เฉิงตงที่เหมือนกับกฎเกณฑ์ของสวรรค์ ที่กำหนดกฎเกณฑ์ทุกอย่าง.

"ประกาศออกไป!"กู่เฉิงตงที่กล่าวออกไปอย่างนุ่มนวล.

ขันทีที่อยู่ข้าง ๆ โค้งคำนับ ก่อนที่จะก้าวออกไป.

"ประกาศอ๋องไท่จงเข้าสู่ตำหนักได้."

"ประกาศอ๋องจ้านเทียนเข้าสู่ตำหนักได้."

"ประกาศตงฟางโห่วเข้าสู่ตำหนักได้."

ภายในตำหนักเหล่าขันทีที่เอ่ยตะโกนออกไปเสียงดังผ่านออกไปด้านนอกตำหนัก.

"ประกาศอ๋องไท่จงเข้าสู่ตำหนักได้."

......

เสียงที่ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านลงมาด้านล่าง.

จงซานที่ทำความเคารพไท่จื่อทั้งสองเล็กน้อย คนทั้งสองที่ก้าวออกไปก่อน.

อ๋องไท่จงที่ก้าวนำ ตามด้วยอ๋องจ้านเทียน และจงซานคนสุดท้าย ทั้งสามที่เคลื่อนที่ไปยังวิหารไท่กู่อย่างรวดเร็ว.

คนทั้งสามที่ก้าวเข้าไปในห้องโถง.

"เอ้อเฉินคารวะฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาทก้าวสู่ความเป็นเซียน มีชีวิตเป็นนิรันดร์เหมือนดั่งสวรรค์!"ไท่จื่อทั้งสองที่เอ่ยปากออกมาในทันที.

"เฉินจงซานคารวะฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปีนับ ๆ หมื่น ๆ ปี!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

"กลับสู่ตำแหน่งเดิมของพวกเจ้า!"กู่เฉิงตงที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.

"รับด้วยเกล้า!"ไท่จื่อทั้งสองที่กล่าวออกมาในทันที.

จากนั้น อ๋องไท่จงก็ก้าวไปยืนต่อแถวจากต้าเสวียนอ๋อง อ๋องจ้านเทียนที่ไปยืนต่อแถวของอ๋องไท่จงต่อไป ที่ใจกลางห้องโถง มีเพียงแค่จงซานคนเดียวเท่านั้น.

ในห้องโถงนั้น ทุกคนที่เต็มไปด้วยความจริงจัง ไม่มีใครกล้ากล่าวสิ่งใดออกมา.

จงซานสามารถบอกได้ว่าแถวของข้าราชบริพารนั้นมีเหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่ต่อแถวเพิ่มขึ้นมาด้วย ทุก ๆ คนต่างก็รอคอยอย่างอดทน รอคอยการพิพากษากงจูเฉียนโหยว.

"ตงฟางโห่วจงซาน!"กู่เฉิงตงที่เอ่ยออกมา.

"เฉินอยู่นี่แล้ว!"จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.

"ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน เจ้าสามารถหาข้อสรุปได้แล้วหรือยัง?"กู่เฉิงตงที่สอบถามออกมา.

"เรียนฝ่าบาท เกี่ยวกับคดีนั้นได้ผลสรุปที่ชัดเจนแล้ว วันนี้พร้อมที่จะรายงานฝ่าบาท พร้อมกับเหล่าพี่น้องตระกูลกู่ และคนทั่วหล้าแล้ว!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่จริงจัง.

ได้ยินคำพูดของจงซานแล้ว ทุกคนต่างก็จ้องมองไปยังจงซาน ราชครูหวนถูหลงที่จ้องมองจงซานเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.

อ๋องเจิ้งอี้ที่จ้องมองจงซาน เหมือนเมื่อก่อนเป็นดวงตาที่ขุ่นมัว ไม่สามารถบอกความในใจของเขาออกมาได้.

ต้าเสวียนอ๋องจ้องมองไปยังจงซาน สายตาที่ชำเลืองมองเพ่งพิศด้วยความสนใจ.

อ๋องไท่จง ดวงตายังคงแจ่มใส่เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน.

อ๋องจ้านเทียน ที่แสดงท่าทางอหังการเหมือนเดิม จ้องมองจงซานที่ไม่ต่างจากสามัญชนทั่วไป.

ที่มุมหนึ่งของห้อง ฟ่านอี้พินยังคงนิ่งงัน ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร.

ส่วนฉีเทียนโห่วนั้นดวงตาที่หรี่เล็กลง แววตาดูจริงจัง จ้องมองอย่างเย็นชาไปยังจงซาน.

ทุกคนของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวที่ราวกับว่าจับตาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ.

ท้ายที่สุดก็ได้เวลาพิพากษากงจูเฉียนโหยวแล้ว.

"ประกาศ!"กู่เฉิงตงที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.

ขันทีชราที่อยู่ข้าง ๆ ที่ตอบรับในทันที ก่อนที่จะนำราชโองการออกมาพร้อมประกาศออกมาว่า "ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ซานเยว่ 8014 วันที่ห้า อู่สือซันเค่อ จวินจู่หยิงหนิง ได้ถูกสังหารด้วยศรเทพวายุในตำหนักตัวเอง รองเสนาธิการหม่าจูหรีที่เป็นคนแรกที่เข้าไปถึงเหตุการณ์ พบว่าในเวลานั้น ตำหนักจวินจู่มีแขกเหรื่อมากมาย เป็นพยานเห็นเหตุการณ์ ในเหตุฆาตกรรม จวินจู่หยิงหนิง ที่นำกงจูเฉียนโหยวออกไป และถูกศรเทพวายุยิงเข้าที่ด้านหลัง ทำลายเรือนหยาง ตายไปในทันที ไม่มีโอกาสแม้แต่พูดจาสักคำ!"

[午时三刻 "อู่สือซันเค่อ" ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือเวลาประมาณ 11:43 ซึ่งเป็นเวลาที่เงาคนเราจะสั้นที่สุดและเป็นเวลาที่คนเราจะเริ่มง่วง]

ระหว่างที่ขันที่อ่านราชโองการนั้น กงจูเฉียนโหยวที่ถูกองค์รักษ์หลวงคุมตัวเข้ามาในห้องโถง พร้อมกันนี้ยังมีถาดของกลาง เป็นคันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุวางอยู่บนนั้น.

ผู้ต้องสงสัยมากที่สุด กงจูเฉียนโหยว.

จงซานที่เห็นเฉียนโหยวเข้ามาก็พยักหน้าให้ เพื่อให้นางวางใจ กงจูเฉียนโหยวที่พยักหน้ารับ พร้อมกับไปยืนอยู่ด้านข้าง.

ขณะที่ฉีเทียนโห่วเห็นกงจูเฉียนโหยวเข้ามาในห้องโถง สายตาของเขาที่จ้องมองออกไป ระหว่างทางที่เห็นท่าทางของจงซาน หลังจากนั้นทำให้เขาต้องสูดหายใจลึก จากสิ่งที่เห็น แววตาของเขาที่ปะทุความโกรธออกมาทันที จ้องเขม็งมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.

ไท่จื่อทั้งสองที่ชำเลืองมองทว่าสายตายังคงนิ่ง.

"กู่เฉียนโหยว ข้าขอถามเจ้า เจ้าสังหารหยิงหนิงอย่างงั้นรึ?"กู่เฉิงตงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจัง แผ่พลังกดดันราวกับอำนาจของสรรค์ที่กำลังจะพิพากษา.

"เรียนฝ่าบาท ข้าไม่ได้สังหารหยิงหนิง!"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวตอบออกมาในทันที.

ขณะที่กงจูเฉียนโหยวกล่าว ฉีเทียนโห่วอีกฝั่งที่ถมึงตามองออกไป ชำเลืองมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.

"ฉีเทียนโห่ว เจ้ามีสิ่งใดจะกล่าวอย่างงั้นรึ?"กู่เฉิงตงที่หันหน้าไปมอง.

ได้ยินคำพูดของฝ่าบาทที่เอ่ยถึงตน ฉีเทียนโห่วที่ก้าวออกมาในทันที.

"เรียนฝ่าบาท เฉียนโหยวโกหก ในวันนั้นมีเหล่าขุนนางมากมายที่เห็นเหตุการณ์ เรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับหยิงหนิง ไม่สามารถเพิกเฉยได้ เฉินได้ให้คำมั่นแล้วว่าคนที่สังหารน้องสาวของเฉินต้องได้รับการชดใช้ เลือดเนื้อเชื่อไขของตระกูลกู่ที่เลวทรามเช่นนี้ จะต้องถูกตัดออก นี่คือสิ่งที่ควรกระทำ ไม่เช่นนั้นแล้วตระกูลกู่จะตกต่ำลง!"ฉีเทียนโห่วที่กล่าวออกมาเสียงดังราวกับเต็มไปด้วยความชอบธรรม.

กับคำพูดของฉีเทียนโห่ว ทำให้เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่ต่างก็พยักหน้า ให้กันและกัน ใช่แล้ว หากวันนี้กงจูเฉียนโหยวที่สังหารญาติพี่น้องตัวเองไม่ได้รับการลงโทษ นับจากวันนี้ เหล่าเชื้อสายตระกูลกู่คงถึงกาลตกต่ำอย่างแน่นอน.

เหล่าข้าราชบริพารเองต่างก็พยักหน้าให้ด้วยเช่นกัน.

ไท่จื่อทั้งสี่ที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว หากแต่ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา.

"กล่าวได้ดี กับคนเลวทราม ต้องตัดทิ้งไป นี่คือความจริงที่จะต้องทำ ในเมื่อเจ้ามั่นใจว่าเป็นกู่เฉียนโหยว หากเป็นเรื่องจริงข้าจะให้เจ้าเป็นคนลงโทษกู่เฉียนโหยวก็แล้วกัน."กู่เฉิงตงกล่าวออกมาเล็กน้อย.

"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"ฉีเทียนโห่วที่สูดหายใจลึก.

"จงซาน รายงานผลของการสืบสวนของเจ้าในหลายวันที่ผ่านมา!"กู่เฉิงตงกล่าว.

"รับด้วยเกล้า!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

จงซานที่จ้องมองไปยังคนที่อยู่รอบ ๆ  พร้อมกับก้าวไปข้าง ๆ ขันที่ที่ถือคันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุ.

"ใต้เท้าหม่า!"จงซานกล่าวออกมาในทันที.

รองเสนาธิการกระทรวงยุติธรรมที่ขมวดคิ้ว ทว่าก็ก้าวออกมา.

"ในวันที่เกิดเรื่องเป็นท่านที่เห็นเหตุการณ์เป็นคนแรกอย่างงั้นรึ?"จงซานสอบถาม.

"ครับ!"หม่าจูหรีกล่าวรับคำ.

"กับเหตุการณ์ที่ท่านเห็น โปรดใช้วิชาสร้างภาพให้เห็นด้วย!"จงซานกล่าว.

หม่าจูหรีที่ขมวดคิ้วแน่น ทว่าภายในห้องโถงนั้น ได้มีการใช้วิชาพิเศษ รวบรวมภาพทั้งหมด ก่อนที่จะฉายให้ทุกคนทั่วเมืองได้เห็นด้วยเช่นกัน.

ภายในสวน กงจูเฉียนโหยวที่จับคันศรเทพวายุ โดยที่หยิงหนิงหันหลังให้กับกงจูเฉียนโหยว ร่างกายของนางถูกลูกศรเทพวายุสังหารไปอย่างโหดร้าย.

กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่ต่างก็ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.

ภาพเหตุการณ์ที่กงจูเฉียนโหยวสังหารนั้นไม่เห็นอย่างชัดเจนอย่างงั้นรึ?

ฉีเทียนโห่วที่แค่นเสียงเย็นชา "ในวันนั้น รอบ ๆ ไม่มีใครอยู่ ใต้เท้าหม่าที่เห็นเหตุการณ์คนแรก กู่เฉียนโหยวที่สังหารหยิงหนิงด้วยลูกศรเทพวายุ หรือว่าเจ้าต้องการที่จะพลิกลิ้นช่วยนางอย่างงั้นรึ?"

"เรียนฝ่าบาท ใต้เท้าหม่าเป็นคนแรกที่เห็นเหตุการณ์ กับสิ่งที่เขาเห็น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนเห็นเหตุการณ์มากกว่าเขา เช่นนั้นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ จะมีใครบอกความจริงได้อย่างชัดเจนมากกว่านี้กัน?แต่กระนั้นถึงกับมีพยานบางคนที่บอกว่าเห็นกงจูเฉียนโหยวสังหารหยุนหนิง เช่นนั้น เพื่อความยุติธรรม ขอให้กงจูเฉียนโหยวกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น."จงซานกล่าว.

"อืม!"ฝ่าบาทรับคำ.

จากนั้นทุกคนที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว กงจูเฉียนโหยวที่ใช้วิชาฉายภาพออกมาเหมือนดั่งที่หม่าจูหรีทำก่อนหน้านี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น.

"เรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้ ขณะที่ข้าใช้สัมผัสเทวะกวาดตามองไปยังศาลา ฆาตกรก็หนีไปแล้ว!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"เหตุผลข้าง ๆ คู ๆ  ฮ่าอ่า กู่เฉียนโหยว เจ้าสังหารหยิงหนิง ตอนนี้ต้องการจะพลิกลิ้นอย่างงั้นรึ? ขุนนางมากมายต่างก็เห็น ทว่าเจ้ากลับโกหกได้หน้าตาเฉยขนาดนี้เลยรึ? คันศรเทพวายุ ลูกศรเทพวายุ นั่นเป็นอาวุธของบิดาแท้จริงของเจ้า คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะบอกว่ามันแยกกันอยู่? มันจะเป็นได้รึอย่างไรที่ฆาตกรจะสังหารหยิงหนิงแล้วป้ายความผิดให้กับเจ้านะ? น่าขัน! น่าหัวเราะที่สุด!"ฉีเทียนโห่วที่หัวเราะออกมาเสียงดังพลางกล่าวออกมาด้วยความโกรธ.

[一派胡言Yīpài húyán เหตุผลค่อนข้างจะข้าง ๆ คู ๆ  ไร้สาระ.]

กับคำพูดของฉีเทียนโห่ว ทำให้เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่ต่างก็จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยวด้วยความโกรธเกรี้ยว.

เล่นลิ้น นี่คือข้อเท็จจริงที่นำมาโต้แย้ง ทั้งพยานและหลักฐานที่มีและเกิดขึ้น คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดที่เป็นเพียงแค่คำกล่าวหา กับการโต้แย้ง กับกลายเป็นคำว่าพลิกลิ้น.

กงจูเฉียนโหยวที่ชำเลืองมองไปยังฉีเทียนโหยวด้วยความชิงชัง ทว่าก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาเพราะว่านางเชื่อในตัวจงซาน.

"เฮ้ เฮ้ ฉีเทียนโห่ว ไม่จำเป็นต้องร้อนใจ ความจริงจะเป็นเช่นใด ไม่มีทางบิดเบือนความเป็นจริงได้ ทุกอย่างจะต้องกล่าวไปตามหลักฐาน."จงซานที่กล่าวขัด.

"หลักฐาน?! หลักฐานก็นี่ไง คันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุ พยานใต้เท้าหม่าก็เห็นด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่านี้คือหลักฐานอย่างงั้นรึ?"ฉีเทียนโห่วที่โกรธเกรี้ยวหัวเราะออกมาเสียงดัง.

"พยานอย่างงั้นรึ?ใต้เท้าหม่ารึ? ใต้เท้าหม่าเป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ตอนท้ายแล้ว เหตุการณ์แท้จริงที่เกิดขึ้นในสวน จวบจนหยิงหนิงตายไป มีคนผู้หนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นอกจากนี้ยังเห็นด้วยว่า ถูกสังหารอย่างไร ใครเป็นคนสังหาร เห็นฆาตกรได้อย่างชัดเจน."จงซานกล่าว.

กับคำพูดของจงซานนั้น ทำให้เหล่าข้าราชบริพารจ้องมองหน้ากันและกัน ส่วนเหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่เองต่างก็พูดคุยกันเสียงดังอื้ออึง.

ยังมีพยานอีกคนอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไร เขาไปหาใครมาอย่างงั้นรึ?จงซานไปหามาจากใหนกัน? เป็นไปไม่ได้ หรือว่าเขากำลังสร้างพยานเท็จอย่างงั้นรึ?

เสียงของผู้คนที่พูดคุยกันไปมาต้องก็จดจ้องมายังจงซาน.

"โห่ว? ข้าเองก็ต้องการจะเห็น ใครกันที่จะเป็นพยานให้กับกู่เฉียนโหยว ใครกันที่หาญกล้า กล้าที่จะมาให้การเท็จในวิหารไท่กู่แห่งนี้!"ฉีเทียนโห่วชำเลืองมองออกไป.

"พยานเท็จอย่างงั้นรึ? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นพยานเท็จ? ไม่ใช่ว่าเวลานั้นเจ้าเองอยู่ในสวนด้วยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่จ้องมองเขม็งไปยังฉีเทียนโห่ว.

"ชิ หากว่ายังมีพยาน คงไม่ต้องรอให้ปรากฏตัวขึ้นจวบจนถึงวันนี้หรอก? ให้มันเข้ามา!"ฉีเทียนโห่วที่ตะเบ็งออกไปเสียงดัง.

แน่นอนว่าฉีเทียนโห่วนั้นไม่เชื่อว่าจะมีใครอีก เพราะว่ากับเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนั้น ฉีเทียนโห่วได้ตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ อย่างระเอียดแล้ว.

"พยานที่ข้ากล่าวก็คือหยิงหนิงยังไงล่ะ."จงซานที่หรี่ตาจ้องมอง.

หยิงหนิงรึ? กับคำพูดของจงซานนั้น ทำให้ทั่วห้องโถงส่งเสียงดังอื้ออึงอีกครั้ง ดีเลย แน่นอนว่านางย่อมรับรู้ความจริง ทว่าอาวุโสเทียนไม่ใช่บอกว่าไม่สามารถอัญเชิญดวงวิญญาณนางได้หรอกรึ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด