Chapter 360 คันศรและลูกศรเทพวายุ.
"พี่หญิงสายตาแหลมคม!"หยิงหนิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"คันศรเทพวายุนั้น เป็นสมบัติตกทอดของท่านพ่อแท้จริงของข้า ทว่าหลังจากที่ท่านได้ตายไปในสนามรบแล้ว ก็ได้หายไป ไม่รู้ร่องรอยของมัน มันมาอยู่ในมือของเจ้าได้อย่างไร? แล้วลูกศรเทพวายุล่ะ?"กงจูเฉวียนโหยวที่ชำเลืองมองออกไป.
"ข้าไม่มีลูกศรเทพวายุ ข้ามีแค่คันศรเทพวายุ ทว่าตอนนี้ไม่ใช่ของบิดาในสายโลหิตของพี่หญิงแล้ว ทว่ามันเป็นของข้า."หยิงหนิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
จากนั้น หยิงหนิงที่ดึงสายของคันศรเทพวายุ ก่อนที่มันจะรวมตัวกันเป็นศรวายุปรากฏขึ้นทันที.
ทันทีที่หยิงหนิงปล่อยออกไป ลูกศรวายุพุ่งออกไปกระแทกศิลายักษ์ที่อยู่ไม่ไกลออกไปในทันที.
"ตูมมมมม"ศิลายักษ์ระเบิดออกเป็นผุยผงในทันที.
แม้ว่าพลังทำลายของมันจะลดลงหนึ่งในสี่จากการใช้ศรเทพวายุ ทว่า ศรวายุที่ปล่อยออกมานั้นก็ทรงพลังไม่น้อย.
ดวงตาของกงจูเฉียนโหยวที่หรี่เล็กลง ทว่าหยิงหนิงนั้นแสดงท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นางที่รั้งสายของลูกศรอีกครั้ง.
ทว่าในเวลานี้ นางได้เล็งมายังร่างของกงจูเฉียนโหยว.
"หยิงหนิง เจ้าต้องการทำอะไร?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวเสียงดัง.
"มีข่าวลือว่า ร่างสถิตธาตุวายุนั้น มีพลังสายลมคุ้มกาย และยังสามารถต้านทานการโจมตีด้วยสายลมได้ด้วย เช่นนั้นศรวายุนี้ก็ไม่สามารถทำร้ายท่านได้ ข้าต้องการจะทดลองในวันนี้ "หยิงหนิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"จะเกินไปแล้ว!"สายตาของกงจูเฉียนโหยวทีแสดงท่าทางโกรธเกรี้ยว ก่อนที่พยายามจะเข้าไปแย่งคันศรกับหยิงหนิง.
"ฟิ้ว!"
ศรวายุที่พุ่งผ่านหน้ากงจูเฉียนโหยวกระแทกร่างของนาง ดวงตาของนางที่ชำเลืองมองเบิกกว้าง.
"ตูมมมม"
ศรวายุที่ระเบิดสลายหายไปในทันที.
"พรึบ"
กงจูเฉียนโหยวที่ประทับฝ่ามือไปยังร่างของหยิงหนิง ก่อนที่จะแย่งศรเทพวายุมา.
หยิงหนิงที่ลอยออกไป ทว่า กงจูเฉียนโหยวไม่ได้ใช้พลัง ทำให้แค่นางลอยออกไปเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด.
"พี่หญิง ท่านมีร่างสถิตธาตุวายุจริง ๆ !"หยิงหนิงที่แสดงท่าทางตื่นเต้น ไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของนางเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังรู้สึกสนุกสนานอีกด้วย.
"คันศรเทพวายุ....."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวได้แค่เพียงครึ่งคำด้วยซ้ำ.
"ฟิ้ว!"
ทันใดนั้นลูกศรสีเขียวมรกตก็ถูกยิงเข้าไปบนหน้าอกของหยิงหนิง.
สองสาวที่ยืนตะลึงงันงงงวย กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองหยิงหนิงที่ถูกลูกศรมรกตยิง ทว่าใบหน้าของหยิงเองก็ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน ทว่าศรได้ปักเข้าไปในร่างของนางแล้ว ทะลวงไปยังเรือนหยาง ไม่สามารถช่วยชีวิตได้แล้ว.
หยิงหนิงที่ไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย นางส่ายหน้าไปมา หันหลังกลับไป จ้องมองไปยังศาลาที่อยู่ไกลออกไป แววตาที่ไม่อยากเชื่อนี่นางจะต้องตายรึ? นางจะต้องตายแล้วรึ?
"ใครก็ได้เข้ามาเร็วเข้า ช่วยหยิงหนิงเร็วเข้า."
ในเวลาเดียวกัน ที่ด้านข้างนั้น หม่าจูหรีที่ได้ยินเสียง จากนั้นก็บินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกุมร่างของหยิงหนิง ทว่าหยิงหนิงในเวลานี้นางที่กำลังกระเสือกกระสนไม่ยินดีที่จะตาย.
ตาย! จวินจู่หยิงหนิงตายไปแล้ว? เสียงของหม่าจูหรีที่ตะโกนออกไปเสียงดัง พร้อมกับเรียกเหล่าเจ้าหน้าที่เข้ามา ขณะที่มองไปรอบ ๆ สวน ก็พบเศษของศิลาหินที่ระเบิด ดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้กันขึ้นมาก่อนหรือไม่ เหล่าเจ้าหนาที่ที่แสดงท่าทางสงสัย ส่วนหมาจูหรีที่ทำการตรวจสอบรอบ ๆ .
ภายในสวนนั้นมีคนแค่สองคน กงจูเฉียนโหยวและจวินจูหยิงหนิง จวินจูหยิงหนิงที่นำกงจูเฉียนโหยวมาโดยที่ไม่นำองค์รักษ์มาด้วย ตอนนี้ถูกศรทะลวงเรือนหยาง ลูกศรที่ทะลวงร่างนางทะลุเรือนหยาง ตายไปในทันที.
ลูกศรเป็นใครที่ยิงล่ะ? ในสวนนั้นมีเพียงแค่กงจูเฉียนโหยว ในมือของนางนั้นมีคันศรด้วย หยิงหนิงที่หันหลังให้ กงจูเฉียนโหยวที่เป็นคนยิง! มีเพียงแค่นาง!
"ลูกศรเทพวายุ?"หม่าจูหรีที่ตรวจสอบศพของหยิงหนิงและลูกศรที่ปักร่างของนาง.
ในเวลาเดียวกัน คาดไม่ถึงเลยว่าฉีเทียนโห่วที่อยู่ไม่ไกลออกมา ก่อนที่จะบินเข้ามาก่อนที่จะรับศพของหยิงหนิงจากหม่าจูหรี.
"ลูกศรเทพวายุ? คันศรเทพวายุ? เฉียนโหยว เจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าอาวุโสเทียนไม่ได้เลือกเจ้า เลือกหยิงหนิง กลับทำให้เจ้าอิจฉาจนต้องสังหารนาง? เจ้าน่ากลัวเกินไปแล้ว!"ฉีเทียนโห่วที่สายตาแดงจ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
"นำคนเข้ามา คุมตัวกงจูเฉียนโหยวไป!"หม่าจูหรีตะโกนเสียงดัง.
.........
กับเรื่องที่เกิดขึ้น กงจูเฉียนโหยวยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโศกเศร้าเป็นอย่างมาก.
"ตำแหน่งยิงลูกศร ไม่มีใครตรวจสอบเลยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วสอบถามออกมา.
"เมื่อหยิงหนิงถูกยิงไปแล้วนั้น ข้าที่กำลังตื่นตกใจ หลังจากตั้งสติได้ หยิงหนิงที่หันหน้ากลับไปยังทิศดังกล่าว ข้าเองก็ได้ใช้สัมผัสเทวะกวาดตามองไปยังศาลาที่อยู่ตรงนั้นแล้ว ทว่าในตอนนั้น ฆาตกรก็ได้หนีไปแล้ว ไม่ เป็นไปได้ว่าจะแฝงตัวเข้ามาในฝูงชนแล้ว!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"ได้มีการคำนวณเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่มีข้อบกพร่องเลย เป็นการป้ายสีให้ทุกคนคิดว่า เจ้าเป็นฆาตกรในทันที."จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"อืม!"กงจูเฉียนโหยวพยักหน้า.
"หากว่าเจ้าถูกลงโทษ จะมีโทษสถานใดอย่างงั้นรึ?"จงซานกล่าว.
"ยึดคืนตำแหน่งกงจู ลดชั้นกลายเป็นสามัญชน หรือแม้แต่ทำลายพลังฝึกตน ขับไล่จากราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ห้ามกลับมาอีก."กงจูเฉียนโหยวที่ฝืนยิ้มออกมา.
"โปรดวางใจ ข้าจะต้องล้างมลทินให้กับเจ้าได้อย่างแน่นอน."จงซานที่กล่าวด้วยเสียงที่เคร่งขรึม.
กงจูเฉียนโหยวที่สายหน้าไปมา ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ยกเว้นฝ่าบาท ก็ไม่มีอะไรที่ควรค่าให้ข้าจดจำ บิดาของข้า ฮือ ฮือ บิดาของข้า ก่อนหน้านี้ข้าได้พยายามทำเพื่อเขา ฝึกฝนผู้คนแก้ปัญหาต่าง ๆ มากมาย ค้นหาเหล่าคนที่มีความสามารถให้ สุดท้ายแล้ว คาดไม่ถึงสุดท้ายแล้ว......ฮือฮือ กับยศกงจูนั้น ข้า..ไม่ได้สนใจ สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยของเจ้า."
"โปรดวางใจ เจ้ายังมีข้า ไม่มีใครรังแกเจ้าได้! ไม่มีใครแน่นอน!"จงซานที่ชำเลืองมองไปยังเฉียนโหยวและกล่าวรับรอง.
ได้ยินคำพูดที่หนักแน่นของจงซาน กงจูเฉียนโหยวเผยยิ้มด้วยความพึงพอใจ.
"ข้ามีเวลาหนึ่งเดือน คงไม่มีเวลาอยู่เคียงข้างเจ้าทุกวัน ข้าจะต้องค้นหาหลักฐาน ข้าคงต้องไปแล้ว ไว้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่!"จงซานกล่าว.
"อืม!"กงจูเฉียนโหยวพยักหน้า.
จงซานที่ออกจากตำหนักกงจู จากนั้นก็เดินทางไปยังกระทรวงยุติธรรม.
ที่ตำหนักกระทรวงยุติธรรมนั้น หม่าจูหรีที่รอรับหน้าจงซานอยู่.
"ใต้เท้าหม่า ข้าต้องการรู้ ในวันที่เกิดเรื่อง ภายในตำหนักของจวินจู่หยิงหนิง มีใครอยู่บ้าง น่าจะมีคนเป็นจำนวนมาก! "จงซานกล่าว.
"ใครบ้างอย่างงั้นรึ? เจ้าต้องการหาแพะรับบาปในกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างงั้นรึ?"หม่าจูหรีแค่นเสียงเย็นชา.
"แพะรับบาปอย่างงั้นรึ? ข้าต้องการค้นหาฆาตกรที่แท้จริง ในเวลานั้นใต้เท้าหม่าท่านเป็นคนแรกที่เห็นเหตุการณ์ หนำซ้ำยังเป็นคนเรียกแขกทั้งหมดมาดูเหตุการณ์ฆาตกรรมด้วย."จงซานกล่าว.
"แล้วอย่างไร?กงจูเฉียนโหยวสังหารหยิงหนิง นางคือฆาตกร."หม่าจูหรีกล่าว.
"ชิ ก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะกระจ่าง ทุกคนที่อยู่ในตำหนักจวินจู่ เป็นผู้ต้องสงสัยทั้งหมด โดยเฉพาะเจ้า ใต้เท้าหม่า."จงซานที่กล่าวออกไปเสียงดังฟังชัด.
"จงซาน เจ้าต้องการใส่ร้ายข้าอย่างงั้นรึ?"หม่าจูหรีที่กล่าวออกมาด้วยความโกรธ.
"ในวันนั้น ทันทีที่จวินจูหยิงหนิงถูกยิง คนอื่นกับไม่รู้เรื่องเลย ทำไมเป็นเจ้าที่พบเป็นคนแรกกัน? บางทีศรที่สังหารจวินจูหยิงหนิงให้ตายนั้นอาจเป็นท่านก็ได้ จากนั้นก็ป้ายความผิดทั้งหมดให้กับกงจูเฉียนโหยว."จงซานกล่าว.
"เจ้า...หยิงหนิงถูกศรเทพวายุยิง และคันศรเทพวายุก็อยู่ในมือของกงจูเฉียนโหยวซึ่งนางที่มีสายโลหิตที่ได้จากพ่อของนางทำให้ใช้ลูกศรนั่นได้ เป็นกงจูเฉียนโหยวเป็นคนสังหารแน่นอน."หม่าจูหรีที่คำรามด้วยความโกรธ.
"ชิ ศรเทพวายุนั้นได้หายไปเป็นเวลานานแล้ว ทว่า ทำไมถึงได้มาปรากฏขึ้นในเหตุการณ์ฆาตกรรมนี้ล่ะ ไม่ใช่ว่าโจรเป็นโจรตะโกนจับโจรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่จ้องมองไปยังหม่าจูหรี.
"สามหาว หยิงหนิงเป็นหลานของข้า ข้าจะสังหารนางได้อย่างไร? ข้าเป็นคนแรกที่ไปถึงเพราะว่าได้ยินเสียงระเบิด ข้าจึงได้เร่งรีบตามไปและเห็นกงจูเฉียนโหยวได้ยิงหยิงหนิงตายแล้ว."หม่าจูหรีที่กล่าวด้วยท่าทางร้อนรน.
"แล้วทำไมเพียงแค่เจ้าล่ะ?"จงซานที่กล่าวออกมา.
"ข้า? จงซาน เจ้าต้องการจะใส่ร้ายข้าอย่างงั้นรึ? เพราะว่าเรื่องในท้องพระโรง เจ้าจึงได้โกรธแค้นข้า คิดที่จะใส่ร้ายข้าเพื่อล้างแค้นอย่างงั้นรึ?"หม่าจูหรีที่ร้อนรนใบหน้าแดงกล่ำ.
"ใส่ร้ายเจ้ารึ? ชิ เจ้าไม่คู่ควร ข้ารู้ว่าเจ้าได้ทำการบันทึกทุกอย่างในตำหนักจวินจู่เอาไว้นำมันและหลักฐานทั้งหมดส่งมาให้กับข้าในวันนี้."จงซานกล่าวออกมาด้วยความเย็นชา ก่อนที่จะไปนั่งยังเก้าอี้ของราชครู จื่อเห่าที่ถือกระบี่อาญาสิทธิ์ในมือ.
เจ้าไม่คู่ควรอย่างงั้นรึ?
หม่าจูหรีที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก พร้อมกับรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด ทว่าทำได้แค่เพียงจ้องมองไปยังจงซาน ก่อนที่จะเร่งรีบไปเตรียมข้อมูล.
หม่าจูหรีพบว่าจงซานนั้นยากที่จะต่อปากต่อคำได้ ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับจงซานนานนัก.
ใช่แล้ว หม่าจูหรีนั้นไม่ใช่คู่มือของเขาแม้แต่น้อย คนผู้นี้ ใส่ร้ายเขาเหรอ เกรงว่าด้วยภูมิปัญญาของเขาแล้วไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ในเวลาเดียวกันจงซานไม่ได้สนใจหม่าจูหรีแม้แต่น้อย เพราะว่าหม่าจูหรีผู้นี้ไร้ซึ่งความกล้า ไร้ซึ่งความเยือกเย็น ไร้ซึ่งเหตุผลให้เขาจะเปลืองแรง ทว่าก็จำเป็นต้องขู่เอาไว้ เพื่อที่จะไม่ให้คนผู้นี้พูดอะไรมากจนเกินไป.
จากนั้นไม่นาน หม่าจูหรีที่ใบหน้าบูดบึ้งก็นำข้อมูลทั้งหมดมา.
จงซานที่รับข้อมูลมาและตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ .
เวลามีไม่มาก เขาจะต้องตรวจสอบข้อมูลให้ระเอียดที่สุด.
ในเวลานั้นมีแขกและผู้ใต้บังคับบัญชารวมกันทั้งสิ้น 234 คน จากข้อมูลแล้ว เกี่ยวกับบันทึกที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง ฉีเทียนโห่วและคนอื่น ๆ รวมถึงเหล่าสาวใช้ ได้มีการบันทึกเอาไว้แล้ว พร้อมกับสถานที่ที่พวกเขาอยู่ในเหตุการ ทุกคนทีมีการบันทึกเอาไว้โดยระเอียด.
"คันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุล่ะ?"จงซานเอ่ยถาม.
"อยู่ด้านในกระทรวงยุติธรรม เมื่อคดีของกงจูเสร็จสิ้น จะต้องส่งให้กับฝ่าบาทอีกครั้ง."หม่าจูหรีกล่าว.
"นำมันมาให้ข้า!"จงซานกล่าว.
"นี่เป็นหลักฐานที่สำคัญ!"หม่าจูหรีที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางไม่ยินยอม.
"ในเมื่อมันคือหลักฐานสำคัญ ข้าจำเป็นต้องใช้ในการสืบสวน ฝ่าบาทได้มอบหน้าที่นี้ให้ข้าแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคดี ข้าจะต้องนำมันมาใช้ทั้งหมด ไปนำมา!"จงซานสั่ง.
หม่าจูหรีต้องการจะโต้เถียง ทว่าเห็นจงซานแล้ว ทำได้แค่ยับยั้งความโกรธเอาไว้ ก่อนที่จะกลับไปนำคันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุออกมา.
ภายในห้องโถงกระทรวงยุติธรรมนั้น จงซานที่ทำการคัดเลือกข้อมูลที่ต้องใช้ อย่างรวดเร็ว!
ก่อนอื่นเขาจะต้องแยกข้อมูลที่ไม่สำคัญออกไปทั้งหมด การวิเคราะห์ของจงซานนั้นทรงพลังน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก ขณะที่หม่าจูหรีนำคันศรเทพวายุและศรเทพวายุกลับมา เขาก็สามารถคัดเลือกข้อมูลและตัดคนจำนวน 184 คนออกไป ทว่ายังคงเหลือคนอีก 50 คนที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย.
"นี่คือคันศรเทพวายุ และศรเทพวายุ!"หม่าจูหรีที่นำคันศรมาวางไว้ที่ด้านหน้า.