ตอนที่แล้วChapter 356 พบเซิ่งซ่าง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 358 ใช้คุณความดีรับประกัน มอบกระบี่อาญาสิทธิ์.

Chapter 357 จงซานที่จำต้องสังหารอย่างช่วยไม่ได้.


กับโลกที่มีดวงดารารายล้อมราวกับอยู่ในจักรวาลนี้ จงซานรู้สึกราวกับตัวเองเล็กน้อยยิ่งนัก.

ทันทีที่เข้ามาในห้องโถง จงซานบอกได้ทันที ว่าห้องโถงแห่งนี้ดูราวกับจักรวาลที่กว้างใหญ่ ตัวเองที่เหมือนกับฝุ่นที่เล็กน้อย ที่เผลอถูกพัดเข้ามา เป็นความยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยความกดดันที่หนักหน่วง เป็นความน่าเกรงขามจนรู้สึกเทิดทูน.

แรงกดดันทางจิตที่น่าเกรงขามน่ากลัวกดทับลงมา ราวกับว่ามันกำลังบีบร่างของจงซานอย่างหนักหน่วงจนทำให้สมาธิของเขาวุ่นวายอยู่เล็กน้อย ความกดดันนี้ราวกับว่าต้องการให้จงซานนั่งคุกเข่า คุกเข่ารึ? ข้าจงซานนับตั้งแต่ผ่านโซ่ตรวจระดับโห่วเทียนมาได้ ก็ไม่มีใครที่สามารถทำให้เขาต้องคุกเข่าได้  80 ปีที่เป็นเหมือนกับขยะเขาได้สลัดทุกอย่างออกไปหมดแล้ว! จงซานที่พยุงร่างไว้ ร่างกายที่สั่นไปมาเล็กน้อย.

ทุกคนที่ในห้องโถงที่เห็นจงซานที่ดูเงียบขรึม นับตั้งแต่เข้ามาในโลกจักรราศีแห่งนี้แล้ว เวลานี้ความต้อยต่ำเหมือนเม็ดฝุ่นได้หายไปแล้ว.

"วูซซซ"

ภายในห้องโถงเหล่าขุนนางหลายคนที่ถอนหายใจไม่อยากเชื่อเช่นกัน.

นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในตำหนักไท่กู่ ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องทำความเคารพต่อเซิ่งซ่าง หลายปีต่อหลายปีมาแล้วไม่มีใครที่จะสามารถต้านทานได้ ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวเกือบทุกคน ไม่มีใครเลยที่จะไม่คุกเข่า ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องคุกเข่า ทว่าด้วยพลังกดดันของสวรรค์ที่กดลงไปนั้น ทุกคนที่เข้ามาด้านในจำต้องคุกเข่าลงไปในทันที.

ทว่า เหล่าข้าราชบริพาร ที่จ้องมองไปยังจงซาน คาดไม่ถึงเลยว่าจงซานจะไม่คุกเข่า แม้แต่สามารถต้านทานพลังสวรรค์แล้วเงยหน้าขึ้นมาได้อย่างงั้นรึ?เหล่าข้าราชบริพารถึงกับตะลึงงัน.

จงซานผู้นี้เป็นใครมาจากใหน มีเจตจำนงที่ทรงพลังขนาดนั้นเลยรึ?

สามารถต้านพลังอำนาจแห่งสวรรค์ได้ เมื่ออยู่ต่อหน้ากับเซิ่งซ่างบัลลังก์เก้ามังกร พลังสวรรค์ไม่มีผลต่อจงซานอย่างงั้นรึ?

เซิ่งซ่างราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว สวมชุดทองม่วงเก้ามังกร พร้อมกับมงกุฎปิงเทียนหยกม่วง มือทั้งสองข้างที่วางอยู่บนพนักมังกร พร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมาโถมกระหน่ำไปยังร่างของจงซาน ใบหน้าของเซิ่งซ่างเทียบได้กับปุถุชนที่มีอายุ 40 ปี หน้าผากเปิด ดวงตาที่ใสกระจ่างราวกับท้องฟ้า จ้องมองมายังจงซานราวกับจะเจาะไปยังดวงวิญญาณของเขา.

จงซานที่ไม่กล้าที่จะมองขึ้นไป ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความเคารพ "เฉินจงซาน คารวะฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาทประสบผลเป็นเซียนมีอายุเป็นนิรันดร์ เป็นมิ่งขวัญของสวรรค์ชั้นฟ้า!"

จงซานที่แสดงความเคารพ ทว่าในเวลาเดียวกันก็ชำเลืองมองไปยังเหล่าข้าราชบริพารที่จ้องมองมายังเขา.

"ร่างหยินขาดกายหยางโลหิต! ไม่แปลกใจที่มีพลังต่อต้านสวรรค์."เซิ่งซ่างกู่เฉิงตงที่กล่าวออกมาเบา ๆ .

ร่างหยินขาดกายหยางโลหิต จงซานที่รับรู้ความหมายของกู่เฉิงตง คราวแรกที่จื่อจุ้นตี้เสวียนชาเองก็กล่าวกับเขาเช่นนี้เช่นกัน ซึ่งเพราะด้วยเหตุนี้ทำให้เขานั้นไม่สามารถมีลูกหลานได้ เพราะว่าเขามีร่างหยินบริสุทธิ์กายหยางโลหิต ทว่าตอนนี้มีเพียงแค่ร่างหยางโลหิตเท่านั้น เช่นนั้นจึงถูกเรียกว่าร่างหยินขาดกายหยางโลหิตนั่นเอง เพราะว่าร่างหยินบริสุทธิ์ของเขาถูกแยกออกไป ซึ่งก็คือร่างแยกเงานั่นเอง!

"ไม่จำเป็นต้องมากพิธี!"กู่เฉิงตงกล่าว.

"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"จงซานที่ยืนอยู่.

ในเวลาเดียวกัน จงซานที่กวาดตามองเหล่าข้าราชบริพาร.

พวกเขาที่ยืนประจำทั้งสองแถว ที่ด้านขวาแถวแรกนั้น ตำแหน่งที่สองเป็นต้าเสวียนอ๋อง ตำแหน่งแรกไม่ต้องคาดเดา อ๋องเจิ้งอี้.

อ๋องเจิ้งอี้ ไท่จื่อเจิ้งอี้ เป็นไท่จื่อลำดับหนึ่งของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ใบหน้าท่าทางของเขานั้นค่อนข้างเหมือนฝ่าบาท ทว่าที่หน้าผากของเขานั้นมีอักษรคำว่า ฉวนสลักอยู่ ที่ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับไม่ธรรมดา.

ที่ด้านขวาตำแหน่งที่ 13  รอยยิ้มที่เย้ยหยันของฉีเทียนโห่ว พร้อมกันนี้ห่างออกไปยังมีรองเสนาธิการยุติธรรม หม่าจู่หรี ซึ่งเขาพบเข้าเมื่อหลายวันก่อน.

ส่วนแถวด้านซ้าย ไม่มีคนที่จงซานรู้จักนัก อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่หนึ่งนั้น จงซานพอคาดเดาได้ว่า คงจะเป็นราชครูของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ฮวนถูหลง!

ฮวนถูหลง ที่มีผมสีแดงเพลิง แต่มีการหวีอย่างสละสลวย ดวงตาที่คมกริบ ไม่ต่างจากอสูรเหยี่ยว แววตาที่ราวกับว่ากำลังจับจ้องเหยื่ออยู่.

"รายงานความดีความชอบของจงซาน!"กู่เฉิงตงที่เอ่ยปากออกมา.

"รับด้วยเกล้า!"ขันทีที่อยู่ข้าง ๆ ที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.จากนั้นก็นำราชโองการออกมาอ่าน.

"จงซาน ผูู้เข้าร่วมสอบเกอจวีครั้งที่ 8000 กับบทความ"นทีสีชาด"ยกย่องกลุ่มวีรบุรุษ และได้รับตำแหน่งจวอหงวน พร้อมกับเข้าสนามรบช่วยต้าเสวียนอ๋องในแนวหน้า เข้าต่อสู้กับเหล่าราชวงศ์ที่ก่อการร้าย ในสี่เดือนได้เข้ายึดเมืองอู๋ซวังได้ ด้วยการนำกองกำลังต้าเสวียนที่หนึ่งสองแสนนาย และไม่มีทหารล้มตาย ซึ่งในคราวนั้นได้ประทานบรรดาศักดิ์ ตงฟางโห่ว พร้อมกับมอบกองทัพให้ดูแล สองปีถัดมา ได้นำทหารห้าแสนนาย เข้ายึดเมือง 12 หลิงไห่ของต้ายวีโดยใช้เวลาห้าเดือน ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงได้ถูกมอบหมายให้ไปช่วยต่อสู้ในสนามรบต้ากวง สองปีสามารถยึดครองเมืองได้สี่เมือง และนอกจากนี้ ยังได้มอบแผน"สวรรค์ล่ม"เพื่อใช้ในการพิชิตราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี ด้วยแผนการสวรรค์ล่มสี่ขั้น ทำให้ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีล่มสลายในเวลาสี่ปี! ในเวลานั้นได้เป็นผู้นำทัพ 15 ทัพเข้ายึดเมืองเทียนกงด้วยตัวเอง หลังจากนั้นได้เดินทางกลับสนามรบราชวงศ์ราชันย์ต้ากวง หลังจากยึดเมืองได้อีกสองเมือง ก็ได้ช่วยอาวุโสเทียนทำลายค่ายกล ตำหนักสังสารวัฏ นำเหล่าหมาป่าระดับต้นผ่านม่านหมอกเข้ายึดเมืองราชวงศ์ราชันย์ต้ากวง 64 เมืองได้ในเวลา สามเดือน ก่อนที่จะเป็นผู้บัญชาการทัพ 20 ทัพนำกองกำลังเข้ายึดเมืองจีกวงโดยที่ไม่ต้องใช้กำลังแม้แต่ศรดอกเดียว จากนั้นราชวงศ์ราชันย์ต้ากวงก็ล่มสลาย."

ขันทีที่ทำการกล่าวรายงานอย่างไร้อารมณ์ ทว่าเหล่าคนที่ได้ยินถึงกับตื่นตะลึง นี่มันคุณงามความดี คุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ คุณงามความดีที่จะได้รับบรรดาศักดิ์เฟิงโห่วได้เลย.

ทุก ๆ คุณงามความดีของจงซาน เหล่าข้าราชบริพารถึงกับจ้องมองจงซานด้วยความงงงัน แผนการสวรรค์ล่ม นี่เป็นแผนการที่โด่งดังในทวีปศักดิ์สิทธิ์ในคราวนี้เป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นฝีมือของตงฟางโห่วอย่างงั้นรึ?

ทั่วทั้งท้องพระโรงในเวลานี้ ไม่มีคนธรรมดาอย่างแน่นอน ทว่าเมื่อพวกเขาได้ยินคุณงามความดีในครั้งนี้ ต่างก็ต้องถอนหายใจไปมา ราชวงศ์ราชันย์ต้าโหลว ได้ปรากฏดาวดวงใหม่ที่เจิดจรัสเกิดขึ้นมาแล้ว.

อาจกล่าวได้ว่าสนามรบทางภาคใต้นั้น เพราะว่าการมีอยู่ของตงฟางโห่วจงซาน ทำให้ผลสรุปเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สองราชวงศ์ราชันย์ ที่มีขนาดใหญ่ ถูกทำลายอย่างย่อยยับในเวลาเพียง 15 ปี  15 ปีสามารถยึดครองราชวงศ์ราชันย์สองแห่งได้ นี่เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อว่าจะสามารถทำได้.

ราชครูหวนถูหลงจ้องมองจงซานคราวหนึ่ง ดวงตาที่หรี่เล็ก พร้อมกับเผยยิ้มออกมา.

อ๋องเจิ้งอี้ที่จ้องมองจงซาน ดวงตาเปล่งประกายเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นมืดมัว ส่วนต้าเสวียนอ๋องนั้นใบหน้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะว่าเขารับรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว.

ฉีเทียนโห่วที่จ้องมองไปยังจงซาน สายตาไม่เป็นมิตรนัก ส่วนคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขาหม่าจู่หรี ขมวดคิ้วไปมา กำหมัดแน่น ดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้.

"เหล่าเสนาธิการ คุณงามความดีของจงซาน ควรที่จะประทานรางวัลใด?"กู่เฉิงตงที่จ้องมองไปยังเหล่าข้าราชบริพาร.

กู่เฉิงตงที่สอบถามเหล่าขุนนางทั้งหลายที่กำลังส่งเสียงอื้ออึง ทว่าจงซานยังคงยืนนิ่ง รอคอยอย่างอดทน.

"เรียนฝ่าบาท!"หวนถูหลงที่เอ่ยปากออกมาในทันที.

"เสนาธิการหวน!"กู่เฉิงตงที่ชี้ไปยังราชครู เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล.

"ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวนั้น ให้รางวัลและโทษที่เข้มงวด ชัดเจนไม่ลำเอียง ตรงไปตรงมา กับผลงานทางทหารของจงซานก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว ควรจะเลื่อนตำแหน่งเป็น กงจิวโห่ว."หวนไท่จงกล่าว.

เลือนขั้นเป็นกงจิวโห่วอย่างงั้นรึ?ด้วยการเสนอของราชครูหานถูหลง ทำให้เหล่าขุนนางส่งเสียงอื้ออึง.

กงจิว กงจิวรึ? เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เกินจริงมาก! จงซานนับว่ามีความดีความชอบเป็นอย่างมาก ทว่า กับตำแหน่งกงจิว เหมาะสมแล้วอย่างงั้นรึ?

จงซานที่จ้องมองไปยังหวนถูหลงด้วยท่าทางประหลาดใจ.

"คนอื่น ๆ ล่ะ?"กู่เฉิงตงที่กวาดตามองคนอื่น ๆ .

"เอ้อเฉินขอให้ทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง!"อ๋องเจิ้งอี้ที่กล่าวออกมาทันที.

ต้าเสวียนอ๋องที่จ้องมองไปยังอ๋องเจิ้งอี้พลางขมวดคิ้วไปมา ก่อนที่จะกล่าวต่อกู่เฉิงตง "เรียนฝ่าบาท เอ้อเฉินคิดว่าคุณงามความดีของตงฟางโห่วจงซานนับว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก มีความสามารถในการบัญชาการรบที่เหนือล้ำ หากได้ประจำการกระทรวงกลาโหมจะเป็นการดี รองเสนาธิการกลาโหมเองก็ยังว่าง ควรจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเสนาธิการกระทรวงกลาโหม!"

รองเสนาธิการกลาโหมอย่างงั้นรึ? ระดับสาม?เหล่าขุนนางต่าง ๆ จ้องมองหน้ากันและกัน จงซานนั้นนับว่าเลื่อนตำแหน่งเร็วเป็นอย่างมาก.

"เฉินเห็นด้วย!"เหล่าขุนนางมากมายที่เอ่ยออกมา แม้ว่าจะอิจฉาจงซาน ทว่าด้วยคุณงามความดีนี้ ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้.

"เฉินเองก็เห็นด้วย!"

"เฉินเองก็เห็นด้วย!"

เหล่าขุนนางมากมายต่างก็เห็นด้วยทั้งนั้น.

"เรียนฝ่าบาท!เฉินมีเรื่องต้องการรายงานก่อน!"ในเวลานั้นเสียงที่แตกต่างจากขุนนางคนอื่น ๆ ก็เกิดขึ้น.

เหล่าขุนนางคนอื่นที่สนับสนุนต่างก็หยุดพร้อมกับจ้องมองออกไปเป็นสายตาเดียวกัน.

ที่ด้านขวาของแถวนั้น ปรากฏคนผู้หนึ่งที่ก้าวออกมา หม่าจู่หรี.

ฉีเทียนโห่วที่เห็นหม่าจู่หรีก้าวออกมา ที่มุมปากเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.

"กล่าว!"กู่เฉิงตงกล่าว.

"รับด้วยเกล้า ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวนั้นได้ให้รางวัลและลงโทษอย่างตรงไปตรงมา หากว่าทำคุณงามความดีย่อมต้องได้รับรางวัล หากว่าทำความผิดจำต้องลงโทษ วันนี้เฉินต้องการที่จะร้องเรียนอาชญากรรมของตงฟางโห่ว ขอให้เหนือหัวได้โปรดตัดสินด้วย."หม่าจูหรีกล่าว.

อาชญากรรม? ทุก ๆ คนต่างก็จ้องมองไปยังหม่าจูหรี จากนั้นก็จ้องมองไปยังจงซาน.

จงซานในเวลานี้ ยังคงสงบนิ่ง สุขุม ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย.

"เสนาธิการกระทรงยุติธรรมนั้นได้ออกคำสั่งให้ป้องกันตำหนักกงจูเฉียนโหยวเอาไว้ ก่อนหน้านี้สี่วัน องค์รักษ์ของกงจูเฉียนโหยวได้หนีจากสถานที่กักกัน ตามอำเภอใจ เสนาธิการยุติธรรมจึงได้ไล่ตามผู้หลบหนีไปยังค่ายทหารของตงฟางโห่วเพื่อคุมตัวผู้ต้องหากลับมา ทว่าตงฟางโห่วนั้นกับได้สร้างอาชญากรรม ขับไล่เหล่าเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมกลับมา อีกทั้งยังได้สั่งกองทัพให้ยิงศรปราณทะลวง ทำร้ายเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมอีก กับการกระทำที่ลุอำนาจนี้ ถือว่าเป็นอาชญากรรมหรือไม่!"หม่าจูหรีกล่าวร้องเรียน.

"โฮ่!!"

เสียงดังอื้ออึ้งทั่วห้องโถง ก่ออาชญากรรม ทำร้ายเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ไม่สามารถที่จะเพิกเฉยได้ กับความดีความชอบก่อนหน้านี้ได้สลายหายไป กับอาชญากรรมนี้อย่างแน่นอน.

"จงซาน ที่หม่าจูหรีกล่าวมาเป็นความจริงหรือไม่!"กู่เฉิงตงกล่าว.

"สิ่งที่ใต้เท้าหม่ากล่าวนั้น ณ เวลานี้เป็นเรื่องจริง."จงซานกล่าวรับรอง.

เหล่าขุนนางต่างก็จ้องมองไปยังจงซาน จงซานที่ยอมรับโดยตรง ไม่แก้ตัวเลยรึ? ยอมรับความผิดอย่างงั้นรึ?

เหล่าขุนนางที่อิจฉาตงฟางโห่วก่อนหน้านี้ ต่างก็เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ ส่วนหม่าจูหรีนั้นยกยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ.

"สามหาวนักจงซาน เจ้ามีอะไรจะกล่าวอีก?"กู่เฉิงตงสอบถาม.

"เรียนฝ่าบาท ในคราวแรกนั้น เฉินไม่รู้ว่าอาต้านั้นมีความผิดอะไรถึงได้หนีมา หลังจากที่รู้ เฉินก็ได้ให้เขาเดินทางกลับไปยังตำหนักกงจูเฉียนโหยวในทันที เฉินไม่ทราบเรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่กระทำการไปแล้ว วันถัดมาจึงได้รับรู้ว่าคนที่เข้ามาขวางทางนั้นเป็นใต้เท้าหม่า ในวันนั้นเฉินคิดว่ากลุ่มคนดังกล่าวนั้นเป็นอันธพาล กล้าที่จะมาปล้นกองทัพของเฉิน ดังนั้นจึงได้สั่งสอนบทเรียนเล็กน้อยไป."จงซานกล่าว.

"เจ้าพูดอะไรไร้สาระ! เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นใคร?"หม่าจูหรีที่ชำเลืองมองตาขวาง.

"ใต้เท้าหม่า ในเวลานั้น ท่านไม่เพียงไม่แสดงสถานะ ยังนำคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาใช้กำลังบังคับกองทัพของข้า จะให้ข้าจงซานยอมรับได้อย่างงั้นรึ? อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าใต้เท้าหม่าแสดงสถานะ ในสถานการณ์เช่นนั้น จงซานย่อมต้องสังหารอย่างช่วยไม่ได้!"จงซานที่ชำเลืองมอง กล่าวออกมาเสียงดังชี้ไปยังหม่าจูหรีเสียงดังฟังชัด.

ถึงแม้ว่าใต้เท้าหมาแสดงสถานะ ในสถานการณ์เวลานั้น จงซานก็จะสังหารอย่างช่วยไม่ได้!

"โห่!!"

ภายในห้องโถง เกิดเสียงดังอื้ออึง จงซานจำต้องสังหารโดยช่วยไม่ได้อย่างงั้นรึ? ช่างเป็นคำพูดที่อหังการ โอหังนัก ช่างกล้า ถึงกับกล่าวเช่นนี้ในท้องพระโลง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ คาดไม่ถึงเลยว่าจะหาญกล้าถึงเพียงนี้.

จงซานที่ชี้นิ้วจ้องมองไปยังหม่าจู่หลินราวกับว่ามีจิตสังหารที่รุนแรงแผ่ออกมา ทำให้หม่าจูหรีถอยไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด