Chapter 349 ภพคู่หยิน-หยาง
"ภพหยิน?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ไม่ได้ถามอะไรต่อไปอีก.
อาวุโสเทียนที่หรี่ตาจ้องมองจงซาน แล้วกล่าวออกมาว่า "กู่เสวียน กล่าวว่าการบัญชาทัพของเจ้าทรงพลังแข็งแกร่งเป็นอย่างมากอย่างงั้นรึ?"
"ท่านอ๋องกล่าวชมเกินจริง!"จงซานที่ชำเลืองมองออกไปเล็กน้อย.
"เช่นนั้นทหารของต้าโหลวหากให้เจ้าควบคุม เมื่อต้องเข้าต่อกรกับทหารผีดิบและทหารผีร้ายของตำหนักสังสารวัฏก็คงได้สินะ!"อาวุโสเทียนเอ่ย.
"หืม อาวุโส ผู้เยาว์ไม่เข้าใจความหมาย."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาสอบถาม.
"ที่นี่คือตำหนักสังสารวัฏของแดนอเวจี ฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยที่โดดเด่น คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถเชื่อมต่อภพคู่หยินหยางได้ เชื่อมต่อคฤหาสน์สังสารวัฏ หากต้องการทำลายค่ายกลฮวงจุ้ยนี้ จะต้องทำลายศัตรูให้สิ้นซาก!"อาวุโสเทียนกล่าว.
"ทำลายศัตรูให้สิ้นซากอย่างงั้นรึ?"หยิงหนิงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางสงสัย.
"อืม เด็กน้อย พวกเจ้าเรียนมาตั้งมากมาย ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ."อาวุโสเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ค่ะ!"หญิงสาวทั้งสองที่ตอบรับในทันที.
หยิงหนิงที่จ้องมองไปยังเฉียนโหยว เพราะว่าฟังจากท่าทางของอาวุโสเทียนแล้ว ราวกับว่าจะเลือกใครเป็นศิษย์ ด้วยการเฝ้ามองการรับรู้ของใครเหนือกว่า การสังเกตครั้งนี้ดูเหมือนว่าเป็นการทดสอบของทั้งสองสาวด้วย.
อาวุโสเทียนที่จ้องมองไปยังตำหนักปราณภูตที่ปกคลุมตำหนักสังสารวัฏ ดวงตาที่หรี่เล็ก ก่อนที่จะกระทืบเท้าลงไปด้านหน้าเบา ๆ .
"ตูมมมมมมม"
แผ่นดินที่สั่นไหวเป็นระลอกคลื่น เหล่าวิญญาณร้ายและเจียงซือที่อยู่รอบ ๆ หลายร้อยเมตร ถูกเปลี่ยนเป็นหมอกควัน สลายหายไป.
อาวุโสเทียนที่สะบัดมือเรียกเข็มทิศออกมา เข็มทิศที่มีเข็มมากมายโคจรช้า ๆ ปลดปล่อยกลิ่นอายที่แปลกประหลาดออกมา.
ก่อนที่เขาจะปล่อยมันลงพื้น เข็มทิศที่หล่นลงพื้น จมลงพื้นดินหายไปเช่นกัน.
ในเวลาเดียวกัน แสงสีทองที่ทอแสงกระจายสาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ มากขึ้นและก็มากขึ้น ยิ่งเวลาผ่านไป พื้นที่รอบ ๆ ค่อย ๆ ถูกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง.
เมื่อพื้นดินเป็นสีเหลืองทอง เหล่าวิญญาณร้ายและเจียงซือก็ร้องโอดโอยโหยหวน กลายเป็นหมอกหายไปเช่นกัน.
เข็มทิศที่จมลงพื้นดิน อาวุโสเทียนที่ค่อย ๆ เดินออกไปค้ำไม้เท้า ใบหน้าที่ดูมาดมั่น ก้าวไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ ร่างกายของเขาที่โอนอ่อนไปตามคลื่น ก้าวเท้าไปตามตำแหน่งต่าง ๆ ทุกก้าวลึกลับ ก้าวไปตามตำแหน่งการโคจรของเข็มทิศ.
"โฮกกกก!"
ไม่รู้อยู่ที่ใด เสียงมังกรที่คำรามดังออกมาในทันที มังกรทองมากมายที่พุ่งขึ้นมา ปรากฏออกมาที่ด้านข้าง จากทุกทิศทุกทาง.
ไม่รู้เมื่อไหร่ มังกรทองที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน มันมีขนาดใหญ่โตเท่ากับภูเขา กำลังล่องลอยร่ายรำบนอากาศ เป็นมังกรทองวาสนา ทั้งหมดพุ่งตรงไปยังตำแหน่งของอาวุโสเทียน.
วาสนารึ?
มังกรทองวาสนา มีทั้งหมดเก้าตน พุ่งตรงไปยังตำแหน่งของอาวุโสเทียน ในขณะนั้นอาวุโสเทียนที่กำลังยืนอยู่อย่างมาดมั่น ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมน่าเคารพ มือทั้งสองข้าง ที่นำมงกุฎผิงเทียนที่ส่องประกายแสงสีทองวับวาวออกมา.
อาวุโสเทียนที่สวมมงกุฎผิงเทียน ทันทีที่เขาสวมมงกุฎผิงเทียน มังกรทองวาสนาเก้าตนก็พุ่งเข้าร่างกายของอาวุโสเทียนอย่างบ้าคลั่ง.
"นั่นคือมงกุฎผิงเทียนอย่างงั้นรึ?"หยิงหนิงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"ใต้สวรรค์แห่งนี้ มีเพียงแค่อาวุโสเทียนที่มีคุณสมบัติพอที่จะสวมมงกุฎผิงเทียน."กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมาพลางถอนหายใจเบา.
เพียงแค่สวมมุงกุฎผิงเทียนได้นิดหน่อยเท่านั้น มังกรทองเก้าตนที่ราวกับว่าจะผลักดันตัวของพวกมันเพื่อออกจากร่างของอาวุโสเทียน.
ในเวลาเดียวกันนั้น ไม่รู้ว่าจากที่ใหน ท้องฟ้าด้านบนเกิดการเปลี่ยนแปลง.
ดูเหมือนว่าจะเป็นฝีมือของอาวุโสเทียนที่เปลี่ยนมันไปในทันที เดิมทีก็ลึกลับแปลกประหลาดอยู่แล้ว ทว่าทันใดนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเต็มไปด้วยพลังแข็งแกร่งขึ้นมา! นี่ต้องเป็นกลิ่นอายมรรคาระดับสูง เป็นกลิ่นอายของเซิ่งซ่างอย่างงั้นรึ?
หลังจากที่ท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง บรรยากาศรอบ ๆ เองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ภูเขามากมายที่ผุดขึ้นมาจากบนพื้น เกาะลอยฟ้าที่ปรากฏขึ้น อาวุโสเทียนหายไปจากการจับจ้องของคนทั้งสาม.
"นี่มัน นี่คือนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ?"หยิงหนิงที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์รึ?
จงซานที่จ้องมองพื้นที่รอบ ๆ เปลี่ยนไปอย่างระมัดระวัง บนท้องฟ้าทิศเหนือ มีแสงจันทร์ที่ส่องถึง เหล่าผีดิบมากมายที่เกิดขึ้นไม่จำกัด ปรากฏตำหนักสังสารวัฏนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่มืดมิด กลิ่นอายภูต คละคลุ้งเต็มไปหมด แตกต่างจากทิศใต้ที่บนท้องฟ้ามีนครวาสนา ปกคลุมเขตแดนที่ไม่สิ้นสุด เป็นนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ดูเหมือนกับนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์แต่แตกต่าง มีสิ่งก่อสร้างมากมาย และมีขนาดใหญ่โต ทว่าไม่ได้มีผู้คนแต่อย่างใด.
"นครบรรพกาลศักดิ์ กู่เฉินตง!"เสียงที่ดังออกมาจากพื้นที่แห่งหนึ่ง เป็นเสียงของอาวุโสเทียนนั่นเอง.
"เขตแดนอเวจีตำหนักสังสารวัฏ แดนวัฏสงสาร!"เสียงที่ดังก้องกังวานของผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยอีกคน มีเสียงแหบเครือเล็กน้อย.
ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยสองคน พูดคุยกัน!
กู่เฉิงตง? เซิ่งซ่างราชวงศ์ต้าโหลว อาวุโสเทียนได้ทำการสร้างโลกเชื่อมตัว อัญเชิญเขตแดนบรรพกาลต้าโหลว จำลองพลังของเซิ่งซ่างนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์.
"อีกฝั่งคือยมบาลซือเตียนแดนวัฏสงสารงั้นรึ? แดนสังสารวัฏ ดินแดนที่อยู่ในเขตแดนอเวจี อัญเชิญเปิดโลกมลทินห้า กัปมลทิน (劫濁) ทัศนะมลทิน (見濁) กิเลสมลทิน (煩惱濁) สัตวทลทิน (眾生濁) และชีวมลทิน (命濁) เชื่อมต่อแดนภูตพิเศษ คิดจะอัญเชิญแดนวัฏสงสาร? โอหังนัก!"อาวุโสเทียนที่สั่งการตำหนักหลวง ลอยออกไป พลังที่ยิ่งใหญ่ลอยอยู่บนฟากฟ้า เข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้าม.
"โอหังหรือไม่? ลองดูก็จะรู้!" ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยที่กล่าวตอบโต้กันด้วยเสียงที่แหบเครือ.
"ตำหนักสังสารวัฏเป็นฐาน กัปมลทิน (劫濁) ทัศนะมลทิน (見濁) กิเลสมลทิน (煩惱濁) สัตวทลทิน (眾生濁) และชีวมลทิน (命濁) ไม่รู้เลยว่าเจ้าคิดจะเลือกใช้ชีพจรทั้งห้าเหล่านี้?"อาวุโสเทียนที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ห้าชีพจร เจ้าจะบอกว่าข้าไม่สามารถเทียบได้กับราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นรึ?!"ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยอีกคนที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
กับคำพูดของผู้ฝึกตนฮวงจุ้ย จงซานที่คิดในใจ อาวุโสเทียนที่พูดคุยกับอีกฝ่ายเรื่องตำหนักสังสารวัฏ ดูจุกจิกเหมือนกับฟังการโต้เถียงของหญิงสาวสองคนสะมากกว่า.
"ตำหนักสังสารวัฏของเจ้า จะทนอยู่ได้สักกี่น้ำ?"อาวุโสเทียนที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"หานจิว ราชาภูต ขอมอบหมายให้พวกเจ้าเป็นผู้นำทัพของตำหนักสังสารวัฏ นำกองกำลังเจียงซือและภูตผี ยกพลเข้ากัดกร่อน นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์เพื่อประลองวาสนา."ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยที่ออกคำสั่งในทันที.
"ครับ!"เสียงสองเสียงหนึ่งเสียงเป็นไท่จื่อหานจิว อีกเสียงเป็นของราชันย์ภูตก่อนหน้านี้นั่นเอง!
เดิมที่เหล่าเจียงซือและภูตภูตต่างก็เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ตอนนี้มันได้มารวมตัวกันที่ตำหนักสังสารวัฏ อาบแสงจันทร์ของตำหนัก.
"จงซาน ข้าของแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้นำทัพกู่เฉิงตง นำกองกำลังของนครรบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ เข้ากัดกร่อนตำหนักสังสารวัฏ แข่งขันวาสนา!"เสียงของอาวุโสเทียนที่ดังขึ้นมาทันที.
"ครับ!"จงซานที่รับคำในทันที.
ร่างของจงซานที่เปลี่ยนไปในทันที ทั่วร่างของเขาที่ปรากฏชุดเกราะโลหะและหมวกเหล็ก สนับแขน ส่องประกายวับวาว พร้อมกับไปปรากฏด้านหน้ากองกำลังทหารในชุดสีทอง ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน.
เหล่าทหารในชุดเกราะสีทองมาจากใหนไม่รู้ แต่รับรู้แค่ว่า หลังจากที่เขาสวมชุดเกราะสีทองแล้ว เหล่าทหารด้านหลังเขานั้นต่างก็อยู่ในคำสั่งการของเขาในทันที.
ตำแหน่งของจงซานที่เปลี่ยนไป ตอนนี้กำลังยืนอยู่บนลานกว้าง อยู่ใจกลางของโลกที่แตกต่างทั้งสอง ยืนอยู่ฝังของนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกำลังเข้าต่อกรกับฝ่ายตรงข้าม.
กองกำลังฝ่ายตรงข้ามนั้น เป็นกองกำลังเจียงซือ ที่ด้านหน้านั้น ฝั่งตะวันออกมีไท่จื่อหานจิวที่กำลังจ้องมองด้วยความเกลียดชังมายังฝั่งของจงซาน.
ส่วนด้านตะวันตกนั้นเป็นวิญญาณร้าย โดยมีราชันย์ภูตก่อนหน้านี้เป็นผู้นำทัพ.
ทัพทิศเหนือและทัพทิศใต้จะต้องเข้าประจัญบาน! ประลองกันอย่างงั้นรึ?
จงซานที่หลั่งเหงื่อที่เย็นเยือบออกมา อาวุโสเทียนไม่เคยเข้าร่วมสงครามอย่างงั้นรึ? ถึงได้ร่ายอาคมให้มาประจัญบานกับศัตรูในพื้นที่โล่ง ๆ เช่นนี้? คิดว่ามันจะได้เปรียบฝ่ายตรงข้ามอย่างงั้นรึ?
การรบเพื่อให้ได้เปรียบนั้น อย่างน้อยก็ต้องรบในพื้นที่ขรุขระ มีเทือกเขาแม่น้ำ เพื่อคิดค้นกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบ จัดกลุ่มไล่ล่าสังหารเหล่าศัตรู! ตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไร? คิดที่จะใช้แค่จำนวนเข้าข่มอย่างเดียวก็พออย่างงั้นรึ?
อย่างไรก็ตาม นี่นับว่าเป็นโชคของผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยฝ่ายตรงข้าม พวกเขาก็อยู่ในสภาพภูมิประเทศแบบเดียวกัน! ไม่เช่นนั้นแล้วฝ่ายตรงข้ามคงจะใช้ประโยชน์จากสภาพภูมิประเทศ ฝั่งตัวเองก็คงจบเช่นกัน.
กงจูเฉียนโหยวและหยิงหนิงที่ย้ายพื้นที่ไปอีกพื้นที่หนึ่ง.
กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยความกังวล.
"พี่เฉียนโหยว จงซานในเวลานี้คงจะจบแล้ว จำนวนทหารมีเพียงแค่ครึ่งเดียวของฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งการจะจัดการเจียงซือและภูตร้ายนั้น แทบเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งหากว่าตายในการรบ ก็หมายความว่าตายจริง ๆ อย่างงั้นรึ?"หยิงหนิงที่กล่าวเหน็บแนมจ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดอะไรหากในอดีต สำหรับกงจูเฉียนโหยวแล้วสามารถที่จะสุขุมใจเย็นอยู่ได้ ทว่าในเวลานี้อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับจงซาน ภายในใจของนางที่ราวกับว่าร้อนรน ไปทุกครั้ง หมัดของนางที่กำแน่น จ้องมองไม่กระพริบจับจ้องมองไปยังจงซาน ภาวนาไม่ให้เขาเป็นอะไร.
เห็นท่าทางของกงจูเฉียนโหยวแล้วหยิงหนิงยิ้มออกมาด้วยความพอใจ กงจูเฉียนโหยวที่เป็นห่วงจงซานออกนอกหน้า เรื่องนี้อยู่ในการจับตาของอาวุโสเทียน รับรองได้ว่านางได้เปรียบเห็น ๆ นอกจากนี้หากจงซานตายไปก็ดีแล้ว สุดท้ายกงจูเฉียนโหยวจะได้กลับไปสู่อ้อมกอดพี่ชายนางอีกครั้ง.
"หานจิว จะสำเร็จหรือล้มเหลว ชะตาของต้ากวงอยู่ในมือของเจ้าแล้ว!"เสียงของผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยอีกคนที่ดังออกมา.
"ครับอาวุโส ผู้เยาว์จะทำให้ดีที่สุด!"หานจิวที่รับคำอย่างมาดมั่น.
"จงซาน หากว่าเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าต้องตายจริง ๆ แน่!"อาวุโสเทียนที่กล่าวย้ำจงซานอีกครั้ง.
ได้ยินคำพูดของอาวุโสเทียน จงซานทำได้แค่เงียบ อาวุโสเทียนดูเหมือนว่าไม่ได้สนใจชีวิตเขาแม้แต่น้อย.
ทว่าสงครามได้เริ่มแล้ว ไม่มีเวลาให้โอดครวญอีกต่อไป.
"สังหาร!"ไท่จื่อหานจิวที่ตะโกนเสียงดัง.
"สังหาร!!"ราชันย์ภูตที่คำรามออกไปเสียงดังเช่นกัน.
ฝ่ายตรงข้ามเป็นเจียงซือ วิญญาณร้าย ที่พุ่งตรงมายังกองทัพของจงซานอย่างรวดเร็ว.
สงครามที่เกิดขึ้นตรงข้าม แสงจันทราและแสงตะวันที่เข้าห้ำหั่นกันและกัน สองฝั่งที่กัดกร่อนทำลายกันและกันด้วยความมืดและแสงสว่าง บรรยากาศที่มืดมิดอึมครึมหนาวเย็นของตำหนักสังสารวัฏ กับแสงสุริยันแผดเผาของเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ นี่คือการปะทะกันของภพหยินและภพหยาง.
เหล่าทัพของเจียงซือและวิญญาณร้ายที่พุ่งเข้ามา เข้าห้ำหั่นเปิดทางไปยังทิศทางของจงซาน พื้นที่ขอบรอบ ๆ ตอนนี้ทั้งแนวเขา ตำหนักต่าง ๆ ที่ปรากฏยกขึ้นจากพื้นดิน ส่วนนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์สิ่งก่อสร้างมากมาย ภูเขาแม่น้ำหลาย ๆ แห่งที่เริ่มยุบลง ถูกฉีกขาดหายไปไม่ปรากฏอีก จากนั้นพื้นที่หลาย ๆ อย่างถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดเข้าแทนที่ ดูเหมือนว่าโลกทั้งสองนั้นต่างก็กำลังเข้ายึดครองโลกของอีกฝั่ง.
ทัพทั้งสองที่เข้าประจันหน้ากันและกัน ด้วยการบัญชาทัพของแม่ทัพของทั้งสองฝั่ง.
จงซานนั้นไม่ได้โกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด แม้ว่าจะไม่มีภูเขา ป่าไม้ให้หลบซ่อน ทว่าจงซานก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนดั่งเดิม เพราะว่าการนำทัพในเวลานี้แตกต่างจากการนำทัพจริง เหล่าทหารทั้งหมดในพื้นที่แห่งนี้สามารถควบคุมได้ตามใจปราณนา! เป็นไปตามความคิดทุกอย่างตามที่เขาสั่งการเลยก็ว่าได้!
จงซานที่สูดหายใจลึก จ้องมองสองทัพที่บุกเขามาอย่างรวดเร็ว จงซานที่โบกสะบัดมือออกไปเบา ๆ "ตั้งค่ายกล แปดประตูกุญแจทอง!"
*********
โลกมลทินห้า (五濁惡世) หมายถึงกัปมลทิน (劫濁) ทัศนะมลทิน (見濁) กิเลสมลทิน (煩惱濁) สัตวทลทิน (眾生濁) และชีวมลทิน (命濁)
1.กัปมลทิน (劫濁) หมายถึงกัปที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติ มลภาวะ โรคระบาด ภัยสงคราม ไร้ซึ่งความสงบสันติ มีแต่การแก่งแย่งชิงดีต่อกัน
2.ทัศนะมลทิน (見濁) หมายถึงเวไนยสัตว์ต่างมีจิตใจที่คละคลุ้งด้วยกิเลสตัณหา มีมิจฉาทิฎฐิอันเป็นทัศนะที่ผิดจากครรลอง
3.กิเลสมลทิน (煩惱濁) หมายถึงความไม่เข้าใจในสัจธรรม คลาดหลงจากจิตเดิม หลงยึดอยู่กับโลภ โกรธ หลง และยึดมั่นอยู่กับสภาวะความไม่จริงแห่งมายา
4.สัตวมลทิน (眾生濁) หมายถึงเวไนยสัตว์ที่ขาดซึ่งคุณธรรม ไร้ศีลธรรมจรรยา ขาดแคลนจิตสำนึกกตัญญูกตเวทิตา มีแต่การรบราฆ่าฟันและชิงดีชิงเด่นกันไม่รู้จบ
5.ชีวมลทิน (命濁) เหตุด้วยการสร้างกรรมและเวียนว่ายมาเนิ่นนาน จากเดิมที่เวไนยสัตว์ควรมีอายุที่ยืนยาวนับหมื่นปี จนที่สุดกลับมีอายุสั้นเพียงแค่ไม่ถึงร้อยปีเท่านั้น