Chapter 339 ตำหนักเทพกระบี่
"ค่ายกลดาราสวรรค์ต้าโหลว?"จงซานที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
"ค่ายกลดาราสวรรค์ต้าโหลว เป็นชนิดลดขนาดลงมา เหนือหัวเป็นคนคิดค้นขึ้น เป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งมาก มีเพียงแค่เหนือหัว สี่ไท่จื่อเท่านั้นถึงจะใช้แบบลดขนาดนี้ได้!"กงจูเฉียนโหยวที่ส่ายหน้าพลางถอนหายใจเบา ๆ .
"ก่อนหน้านี้ที่เมืองต้าเสวียนดูเหมือนว่าจะมีการเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้วอย่างั้นรึ?"จงซานที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
"ใช่แล้ว ที่เมืองต้าเสวียนนั้นได้มีการจัดเตรียมเอาไว้แล้ว ด้วยน่าหลานเพียวเสวี๋ยนั้นแข็งแกร่งจนเกินไป แม้ว่าคนผู้นี้จะตายไป หากค่ายกลดาราเทวะต้าโหลวพังทลายล่ะก็ ทั่วทั้งเมืองต้าเสวียนจะต้องถูกทำลายล้าง ไปจนสิ้นแน่!"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"รายงาน!!!"เสียงของทหารที่ดังขึ้นจากด้านนอก.
ทหารคนดังกล่าวเร่งรีบเข้ามาทันที!
"เรียนจอมพล ต้าเสวียนอ๋องได้ส่งจดหมายมา!"ทหารคนดังกล่าวที่นั่งคุกเข่าพลางยกจดหมายขึ้น.
จงซานที่รับจดหมาย เปิดซองจดหมายและอ่านในทันที.
หลังจากที่จงซานได้อ่านผ่านตาแล้ว.
"เป็นไปได้อย่างไร?"จงซานที่ชำเลืองมองด้วยท่าทางประหลาดใจ.
เห็นท่าทางจงซานประหลาดใจ คนอื่น ๆ เองก็แสดงท่าทางสงสัยเช่นกัน.
"จอมพล มีอะไรรึ?"สุ่ยอู๋เหินที่แสดงท่าทางสงสัยเช่นกัน.
"อืม เกิดปัญหาอะไรรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวเสริม.
จงซานที่สูดหายใจยาว ส่งจดหมายให้กับกงจูเฉียนโหยว.
กงจูเฉียนโหยวที่รับจดหมายหมาย ดวงตาเบิกกว้างไม่อยากเชื่อเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ส่งมันให้กับสุ่ยอู๋เหินและขุนพลคนอื่น ๆ .
"เสี่ยวหวังตายแล้ว? เป็นไปได้อย่างไร อุปราชของต้ากวง เสียวหวังนะรึ?"สุ่ยอู๋เหินที่อุทานออกมาด้วยท่าทางตกใจ.
ใช่แล้ว เสียวหวังผู้นี้ นับว่าเป็นตัวตนที่มีความสามารถไร้ที่เปรียบ เป็นตัวตนที่ต่อต้านสวรรค์ ตายแล้วรึ?
แทบจะในทันทีที่เสี่ยวหวังตาย ยังมีบุตรบุญธรรมของเขา เสียวหยวนเฟิงและเสี่ยวหยวนเติ้ง ตายไปด้วยอย่างงั้นรึ?
ก่อนหน้านี้ยังถือได้ว่าเสี่ยวหวังเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งสำหรับจงซาน ตอนนี้ตายแล้วรึ?
"ตาย ศพของเสียวหวังพร้อมกับบุตรทั้งสอง ถูกแขวนเอาไว้ที่ประตูเมืองเยว่หมิง ซึ่งเป็นฐานของทัพเซี่ยงปู่ แขวนศพพวกเขา เตือนต่อคนทั่วหล้า!"กงจูเฉียนโหยวที่ถอนหายใจยาว.
"ฉีเทียนโห่ว เป็นเขารึ? ข้าบอกได้เลยว่าก่อนหน้านี้ไม่เห็นฉีเทียนโห่ว เมื่อครั้งโจมตีราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี ไม่ใช่ว่าเขาไม่มา เดิมทีแล้ว เขาวางแผนจัดการกับเสี่ยวหวังงั้นรึ? นับว่าเป็นความชอบใหญ่หลวง! ความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่! สังหารเสียวหวังได้ ก็เหมือนทำลายหนึ่งในสามของต้ากวงแล้ว!"จงซานกล่าวออกมาพลางถอนหายใจ.
"ทว่าจอมพล ไม่ต้องบอกเลยว่าเสี่ยวหวังที่เป็นนักพรตผู้หนึ่งและยังมีเชาว์ปัญญาที่เหนือล้ำ เป็นไปได้รึที่จะถูกลอบโจมตี? เรื่องนี้มีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่?"หลิวอู๋ซ่างที่แสดงท่าทางสงสัย.
"ภูมิปัญญาที่เหนือล้ำกว่ารึ? ไม่ใช่ว่ามีภูมิปัญญาที่เหนือล้ำหรอกรึถึงต้องตาย ไม่ใช่ว่ามีภูมิปัญญาที่เหนือกว่าใครถึงถูกซุ่มโจมตี? แน่นอว่าหากฉีเทียนโห่วนำทัพเข้าจัดการ กับคนเช่นเสี่ยวหวัง เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการเขาได้!"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เรื่องนี้...?"หลิวอู๋ซ่างไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อไปเช่นกัน.
"เอาล่ะ เจ้าเดินทางไปยังทัพทั้งหมดแต่ละทัพ มอบจดหมายของต้าเสวียนอ๋องและแจ้งว่าข้าไม่ได้เป็นผู้นำทัพทั้ง 15 แล้ว ตอนนี้ให้แม่ทัพทุกคนอยู่ในการควบคุมของต้าเสวียนอ๋อง ตอนนี้สนามรบของอาณาจักรต้ายวีได้จบสิ้นลงแล้ว เวลาถัดไปคือสนามรบของราชวงศ์ราชันย์ต้ากวง เมื่ออุปราชเสี่ยวหวังตายแล้ว ตอนนี้พวกเราจะต้องนำทัพมุ่งไปยังพื้นที่ดังกล่าว! เจ้าจงไปแจ้งทุกทัพเอาไว้ ให้รอคอยคำสั่งเคลื่อนย้ายกำลังพล!"จงซานกล่าว.
"ครับ!"ขุนพลที่รับคำสั่ง จากนั้นก็ออกจากห้องโถงมุ่งไปยังทัพต่าง ๆ ในทันที.
จงซานที่นั่งอยู่ในห้องโถงหลัก ยังคงขมวดคิ้วไปมาด้วยความสงสัยอยู่อีกพักหนึ่ง.
"เจ้าสงสัยว่ากู่หลินสังหารเสี่ยวหวังด้วยวิธีใหนอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังจงซาน.
"หืม เจ้ารู้อย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"ไม่ แต่ข้าพอคาดเดาได้!"กงจูเฉียนโหยวเอ่ย.
"คาดเดาว่า!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางสงสัย.
"เจ้ารู้ไหมทำไมกู่หลินถึงได้รับประทานบรรดาศักดิ์เป็นฉีเทียนโห่ว? ซึ่งมีศักดิ์ที่หมายความว่าเทียบเคียงฟ้าดิน? คนที่สามารถเทียบเคียงฟ้าดินได้นั้น ในต้าโหลวนั้นมีเพียงแค่ฝ่าบาท ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทยกเขาให้มาเทียบตัวเองหรอกรึ? รู้ไหม?"กงจูเฉียนโหยวกล่าวถาม.
"ทำไมล่ะ?"จงซานที่แสดงท่าทางสงสัยเป็นอย่างมาก.
"มันเกี่ยวกับชาติที่แล้วของเขายังไงล่ะ!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"ชาติที่แล้วอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"วันหนึ่ง วันที่กู่หลินที่ได้มาจุติในเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์นั้น เกิดบางอย่างขึ้นที่คลังสมบัติ ไม้เท้าลายมังกรทองม่วงเกิดระเบิดขึ้น ของวิเศษระดับเก้า บินกลับไปมากู่หลินในทันที ในเวลานั้น ฝ่าบาทและสี่ไท่จื่อเองก็รับรู้ถึงชาติที่แล้วของกู่หลิน เจ้าของไม้เท้ามังกรทองม่วงนั้นได้กลับชาติมาเกิดแล้วนั่นเอง ซึ่งก็คือกู่หลิน!"กงจูเฉียนโหยวที่อธิบาย.
"โห่ว?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ชาติที่แล้วของกู่หลิน คือจือจุ้นเผ่าวานร เฉินฉีเทียน!"
[***ชื่อเหมือนกันแต่ไม่ใช่คนเดียวกันนะ เฉินฉีเทียน กับ ฉีเทียนต้าเซิ้ง(เฮ้งเจีย) เฉิน แปลว่าเทพ ต้าเซิ้ง แปลว่าผู้ยิ่งใหญ่ ฉีเทียน=เสมอเหมือนฟ้าดิน.]
"เฉินฉีเทียน? เผ่าวานร?"จงซานที่ชำเลืองมองออกไป.
"ถูกแล้ว เผ่าวานร ใต้หล้าแห่งนี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับลิง กอลิล่า ซึ่งเขาก็คือจื่อจุ้นของเหล่าวานรนั่นเอง ทว่าหลังจากที่เขาตายไปแล้ว ก็เกิดใหม่เป็นมนุษย์."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"ไม่แปลกใจเลยว่าเขาสามารถอัญเชิญกอลิล่าได้ เพราะเป็นเฉินฉีเทียนเองรึ?"จงซานที่สูดหายใจยาว.
"ใช่แล้ว ทว่าความทรงจำชาติที่แล้วของเขายังไม่ฟื้นคืน กู่หลินไม่ต้องการฟื้นคืนอีกด้วย ทว่าเขารู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเขาจึงสามารถอัญเชิญกอลิล่าได้ยังไงล่ะ!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"เจ้ากำลังจะบอกว่าฉีเทียนโห่วสังหารเสี่ยวหวังโดยอัญเชิญเหล่ากอลิล่าและวานรที่ทรงพลังมาสังหารเขาอย่างงั้นรึ?"จงซานชำเลืองมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
"เป็นไปได้!อย่างไรก็ตามที่จริง ก็ไม่มีใครรู้ว่าเสียวหวังนั้นตายอย่างไร ตอนนี้ถูกแขวนเอาไว้บนประตูเมืองเยว่หมิง ทว่ามีจอมพลเซี่ยงปู่เป็นผู้รับผิดชอบ ดูเหมือนว่าฉีเทียนโห่วและเซียงปู่จะร่วมมือกันตั้งแต่แรกแล้ว!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"เซี่ยงปู่ ผู้นี้มีความแข็งแกร่งระดับใด?"จงซานกล่าวสอบถาม.
"จักรพรรดิแท้!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"อืม!"จงซานพยักหน้า.
"เจ้ามีแผนอะไรอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่สอบถามออกไป.
"ข้าวางแผนที่จะไปดูด้วยตาตัวเองที่ด้านนอกกำแพงเมือง!เสี่ยวหวังตายอย่างไร มีแผนการร้ายใดกันแน่ซ่อนอยู่!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความจริงจัง.
"แผนร้ายใดอย่างงั้นรึ?เฮ้เอ้ ต้องการผดุงความยุติธรรมเหรอ!"กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมา.
"ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าหมายความว่าข้าไปดูเรื่องราวที่แท้จริง ไม่ต้องการทวงความยุติธรรมอะไรทั้งนั้น ทว่า อย่างน้อยด้วยความแข็งแกร่งของเขา ควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างดี!"จงซานที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"เจ้าจะบอกว่าต้องการช่วยราชวงศ์ราชันย์ต้ากวงอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ไม่ได้เป็นเช่นนั้น!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"ไม่ใช่รึ?"กงจูเฉียนโหยวที่ชำเลืองมองออกไป.
"เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าใครที่เป็นคนฝังเราทั้งเป็น?"จงซานที่ชำเลืองมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
ทันทีที่กล่าวถึงเรื่องถูกฝังทั้งเป็น ใบหน้าของกงจูเฉียนโหยวที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ นางยังจำความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องการดื่มน้ำค้างบนใบไม้เป็นอย่างดี.
"เสี่ยวฉิวสุ่ย เป็นหลานของเสี่ยวหวัง!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"ใช่ เป็นเขา หลังจากที่เสี่ยวฉิวสุ่ยตาย ในเวลานั้นมีคนที่สวมชุดสีแดง มาเก็บศพของเขา กลุ่มคนในชุดสีแดงนั้นได้สังหารเมล็ดมารเซี่ยเหยี่ยน 100 แผล แม้ว่านั่นจะเป็นคำสาปของเห่าเม่ยลีก็ตาม ทว่ากลุ่มคนในชุดสีแดงนั้นเป็นใครกัน?"จงซานที่ชำเลืองมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตาของกงจูเฉียนโหยวที่ราวกับว่าเชื่อมต่อเรื่องราวได้ในทันที ดวงตาของนางที่เบิกกวางกลมโต.
........
ที่ด้านบนของทวีปศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นดินแดนน้ำแข็งเกือบทั้งหมด ที่ใจกลางนั้นมีน้ำพุหยิน ซึ่งปลดปล่อยไอเย็นออกมาตลอดเวลา.
อย่างไรก็ตาม ไม่ไกลออกไปจากน้ำพุหยินนั้น มีตำหนักขนาดใหญ่โตตั้งอยู่ เป็นตำหนักหยกโปร่งแสง เหนือปราสาทหยกนั้นมีป้ายอักขระสามตัวสลักอยู่.
อักษรสามตัว ที่ดูทรงพลัง แต่ละตัวอัดแน่นไปด้วยจิตสังหารที่จ้องมองแล้วยังรู้สึกหวาดผวา.
ตำหนักเทพกระบี่ (剑神宫)
ที่ด้านนอกตำหนักเทพกระบี่นั้น มีกลุ่มคนในชุดสีแดงชาติมากมายที่เข้า ๆ ออก ๆ อย่างคึกคักเป็นอย่างมาก พวกเขาที่ฝึกฝนวิชากระบี่ซึ่งมีลูกศิษย์ที่สวมชุดสีแดงชาตินั่นเอง.
ภายในตำหนักเทพกระบี่นั้น มีเพียงคน ๆ หนึ่ง เป็นหญิงสาวที่สวมชุดขาวล้วน เป็นสาวงามที่น่าหลงไหล ใบหน้าที่ดูอหังการ ดวงตาที่เปล่งประกาย ไม่ต้องบอกว่ามันดูคมกริบ มองไปยังผู้ใด สามารถสัมผัสได้ถึงจิตกระบี่ที่ปะทุออกมาทีเดียว.
เป็นจิตกระบี่ที่ทรงพลังเป็นพลังที่มองไม่เห็นถูกส่งออกมาจากดวงตาของนาง.
ผมยาวปะไหล่ ดูสลวยเงางาม ทว่าหากมองให้ดีแล้วล่ะก็ ทรงผมของนางที่เห็นเป็นรูปทรงคล้ายกระบี่.
หญิงสาวคนดังกล่าวที่เดินไปมาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง.
"มีปัญหาอะไร?ข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างงั้นรึ? เกิดปัญหาเกี่ยวกับการฝึกฝนรึอย่างไร?"หญิงสาวที่กำหมัดแน่น ผุดลุกผุดนั่ง ขณะที่นั่งลงนั้น ราวกับว่าภายใจของนางที่รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก.
นางที่ตัดสินใจก้าวออกจากตำหนัก ที่ด้านนอกนั้นคนในชุดสีแดงไม่กล้ารบกวนนาง เพราะว่า ประมุขตำหนักเทพกระบี่นั้น อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก แน่นอนว่า เหล่าคนชุดแดงย่อมไม่กล้ายุแหย่ เจ้าตำหนักอย่างแน่นอน.
ประมุขตำหนักที่รู้สึกไม่ดี ก้าวออกมานอกตำหนัก.
นางที่ก้าวไปยังอีกตำหนักที่อยู่ไม่ไกลออกไป พร้อมกับไปยืนอยู่ที่ด้านหน้าโลงศพน้ำแข็งขนาดใหญ่.
โลงศพน้ำแข็งนั้น มีศพของเสี่ยวฉิวสุ่ยนอนอยู่นั่นเอง.
"หลานข้า ทำไมวันนี้ ไหนไหน รู้สึกไม่ดีนัก?"เจ้าตำหนักที่กล่าวต่อโลงศพน้ำแข็งนั่น.
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น ที่ด้านนอกนั้น ได้ปรากฏชายในชุดสีดำ ได้บินเข้ามาในตำหนักเทพกระบี่ ไม่ ควรจะบินมาอย่างกระหืดกระหอบ ท่าทางน่าอนาถเป็นอย่างมาก.
เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่ขมวดคิ้วไปมา ก้าวออกไปหาชายคนดังกล่าว.
ชายในชุดดำ เวลานี้ทำให้หญิงสาวตื่นตระหนก ไม่ กับท่าทางหมดเรี่ยวแรงนั้นเหมือนกับเขาได้ใช้พลังทั้งหมดเพื่อที่จะมาให้ถึงตำหนักเทพกระบี่.
"มีปัญหาอะไร? ไม่ใช่ว่าบิดาของเจ้าไม่สามารถลืม หรูเหยี่ยนได้หรอกรึ?"เจ้าตำหนักที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ท่านแม่ ท่านแม่!"ชายคนดังกล่าวที่ล่วงลงพื้น พร้อมกับร้องโหยหวนคุกเข่าลงต่อหน้าเจ้าตำหนัก น้ำเสียงของเขาที่สั่นเครือด้วยความเจ็บปวด.
เจ้าตำหนักเทพกระบี่ราวกับตระหนักได้ถึงเรื่องที่ไม่ดีนัก ก่อนที่จะกล่าวออกมาในทันที "มีอะไร?"
"ท่านพ่อ ตายแล้ว!"ใบหน้าของชายคนดังกล่าวที่สะอึกสะอื้น.
ได้ยินคำพูดของชายคนดังกล่าว เจ้าตำหนักที่ร่างกายอ่อนแรง ราวกับว่าไม่สามารถพยุงร่างเอาไว้ ดวงตาของนางที่เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวกล่าวออกมาว่า"เป็นไปไม่ได้ เขาโชคดีมาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ!"
เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่จ้องมองด้วยความโกรธจับจ้องไปยังชายคนดังกล่าว.
"ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่ใหญ่และพี่รองตายแล้ว ท่านต้องล้างแค้นให้กับพวกเขา ท่านพ่อตายอย่างอนาถ ตอนนี้ศพยังถูกแขวนเอาไว้บนประตูเมือง ประจานให้ทุกคนได้เห็น!"ชายคนดังกล่าวที่โอดครวญ.
"เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เจ้าหลอกข้า!"เจ้าตำหนักที่ส่ายหน้าไปมาร่างกายสั่นสะท้าน.
ชายคนดังกล่าวที่นำหยกบันทึกออกมาในทันที.
"ท่านแม่ หยกบันทึกของท่านพ่อ เป็นท่านพ่อจริง ๆ ท่านพ่อ ท่านพ่อ ตายอย่างอเนจอนาถ!"ชายคนดังกล่าวที่ยังคงโอดครวญ พร้อมกับยื่นหยกบันทึกออกไป.
เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่ยื่นมือมารับ ไม่กล้ากุมมันเอาไว้ ทว่าพยายามอดกลั้นความกลัว พลางตรวจสอบแผ่นหยกดังกล่าว.
แกนแท้ของนางที่แผ่ออกไป เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่ตรวจสอบเหตุการณ์ด้านใน.
"เครง!"หยกบันทึกที่หล่นลงพื้น.
เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่หยุดชะงักงัน ไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่อยากยอมรับ ร่างของนางที่สั่นไปมาอย่างรุนแรง.
"ท่านแม่ ท่านพ่อตายอย่างทรมาน ท่านแม่ ท่านต้องล้างแค้นให้กับท่านพ่อ!"ชายคนดังกล่าวที่ร้องไห้เสียงดัง.
เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่จ้องมองไปยังชายที่อยู่ด้านหน้าที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย.
ทันใดนั้นเจ้าตำหนักเทพกระบี่ ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า เส้นผมที่โบกสะบัด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหารคำรามออกมาเสียงดัง.
"ตาย!!!"
เสียงคำรามของนาง เกิดเป็นพลังที่มองไม่เห็นเป็นรูปกระบี่ที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะลวงหมู่มวลเมฆา ปราณกระบี่นับล้าน ๆ ที่กำลังร่ายรำอยู่บนอากาศ ทำลายเมฆครึ้มให้หายไปในทันที ปรากฏเป็นแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง กระบี่ เป็นรูปกระบี่ที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พร้อมกับกระจายปราณกระบี่มากมายสาดไปทุกทิศทาง จิตกระบี่ที่ราวกับจะทำลายทุกสิ่ง เป็นพลังที่รุนแรงเป็นอย่างมาก!
"ตูมมมมมมม"
พื้นที่รอบ ๆ ตำหนักเทพกระบี่ ภูเขาน้ำแข็งมากมายที่ระเหยออกไป พร้อมกับโผล่แทรกขึ้นมาบนพื้นโลก เป็นแท่งน้ำแข็ง ที่เป็นรูปของกระบี่ พื้นที่รอบ ๆ นี้ถูกทะลวงไปด้วยแท่งน้ำแข็ง มันผุดขึ้นมาจากพื้นราวกับขนเม่น กระบี่น้ำแข็งที่กระจายไปรอบ ๆ ทะลวงสูงขึ้นมาราวกับจะทะลวงไปถึงก้อนเมฆ.
ภูเขาน้ำแข็งรูปกระบี่มากมายที่ปรากฏขึ้น.
กระบี่ พื้นที่ทุกแห่งเป็นกระบี่! มีกระบี่น้ำแข็งเต็มไปหมด!
พลังที่มากมายมหาศาลที่ปะทุขึ้น เจ้าตำหนักเทพกระบี่กำลังโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง นางเสียสติไปแล้ว!
"อ๊าก ๆ ๆ ๆ "
เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่ราวกับบ้าคลั่ง ดวงตาทั้งสองข้างเป็นสีแดง ความเกลียดชังมากมายที่ปะทุขึ้น คำรามออกมาเสียงดัง! ความเกลียดชังมากมายมหาศาลที่ระเบิดออกมา!
เสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ตำหนักเทพกระบี่ตอนนี้ถูกทำลายเป็นจนหมด น้ำแข็งสลักรูปกระบี่เวลานี้พลังทลายไปหมดด้วยเสียงคำรามที่ทรงพลังของนาง.
แม้แต่น้ำพุหยินที่อยู่ไกลออกไป ที่ส่งพลังปราณหยินออกมา ชั่วขณะที่เจ้าตำหนักเทพกระบี่คำราม พลังของเสียงที่มีจิตกระบี่ราวกับบังคับให้มันจมลงไปด้านล่างเลยทีเดียว.
น้ำพุหยิน ที่เหมือนกับจะถูกกำราบไปในทันที.
เจ้าตำหนักเทพกระบี่นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!
เจ้าตำหนักเทพกระบี่คำรามออกมาสองครั้ง ความเกลียดชังที่เบาบางลงบ้าง ความโกรธเกรี้ยวที่ยังคงลุกโชน ผมยาวของนางที่ร่ายรำไปมาตามแรงลม จิตกระบี่ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ .
"ท่านแม่! ท่านแม่!"ชายคนดังกล่าวยังคงคุกเข่าร้องไห้อยู่.
อย่างไรก็ตาม เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่ไม่พูดไม่จา นางทำสัญญาณมือไปมา ลึกลงไปใต้น้ำพุหยิน ปรากฏกระบี่สีดำที่ลอยขึ้นมาทันที กระบี่ดังกล่าวนั้นถูกแช่แข็งอยู่ด้านล่าง แผ่พลังไอเย็นที่ทรงพลังออกมาเป็นระลอก.
"ศพของเขาถูกแขวนเอาไว้ที่ไหน?"เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่ขบฟันแน่น พูดเสียงสั่น.
"เมืองเย่วหมิง! อยู่ที่เมืองเยว่หมิง!"ชายคนดังกล่าวตอบกลับมาในทันที.
"อ๊าก ๆ ๆ ๆ "
เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่คำรามอีกครั้ง ก่อนที่จะพุ่งเหินขึ้นไปบนฟ้า บินจากไปจากตำหนักเทพกระบี่ในทันที.
"ฟิ้ว ๆ ๆ "
ร่างกายของนางที่เหมือนคมกระบี่ที่ฉีกอากาศเป็นเสียงแหลม เจ้าตำหนักเทพกระบี่ที่หายไปมองไม่เห็นร่องรอยบนขอบฟ้าไกล.