ตอนที่แล้วChapter 321 พบกับเซิ่งซ่างเจียงซืออีกครั้ง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 323 การเดิมพันที่หุบเขาหิมะ.

Chapter 322 ชามรกตหนึ่งแก้ว.


หลังจากผ่านไปอีกครึ่งเดือน จงซาน อาต้าและจื่อเห่าได้มาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าเมืองแห่งหนึ่ง.

ทั้งคู่ที่จ้องมองขึ้นไปบนประตูเมืองที่สูงใหญ่มีอักษรสลักเอาไว้ว่า"กวงหุย"อักษรสองตัว อาต้าไม่อยากเชื่อมาก่อน.

เมืองกวงหุ่ย?

เมืองกวงหุยแห่งนี้เป็นเมืองของต้ากวง อยู่ในมือของเสี่ยวหวัง ตอนนี้เป็นของเซียนเซิงแล้วรึ? ไม่มีทาง หกเดือนมานี้ สุ่ยอู๋เหินไม่ใช่ว่าอยู่ป้องกันเมืองหรอกรึ?

ทว่าในเวลาเดียวกัน เมืองกวงหุยที่เปิดออกมาทันที.

สุ่ยอู๋เหินและเจ้าฉวนที่ตั้งสองแถวรอคอยพวกเขา.

"ยินดีต้องรับจอมพลกลับมา!"ขุนพลที่เอ่ยออกมาพร้อมกัน ระหว่างนี้สุ่ยอู๋เหินที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น.

ภายในสายตาของเจ้าฉวนที่ถอนหายใจเบา ๆ .

"อืม เข้าไปข้างในแล้วค่อยพูด!"จงซานกล่าว.

"ครับ!"เหล่าขุนพลที่ตอบรับในทันที.

ยึดมาได้จริง ๆ รึ? อาต้าที่เต็มไปด้วยท่าทางประหลาดใจจ้องมองไปยังสุ่ยอู๋เหิน.

เมืองกวงหุย ตำหนักเจ้าเมือง.

จงซานที่นั่งอยู่บนโต๊ะบัญชาการ ฟังรายงานของขุนพลต่าง ๆ เกี่ยวกับชัยชนะ.

"จอมพล สามเมือง ยึดมาได้โดยสมบูรณ์แล้ว!"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวด้วยความตื่นเต้น.

"ครึ่งปีมานี้ ต้องลำบากเจ้าแล้ว!"จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"หาได้ลำบากแต่อย่างใด!"สุ่ยอู๋เหินที่ส่ายหน้าไปมา.

"จอมพล ท่านรู้ได้อย่างไรว่าทั้งสามเมืองเป็นเพียงเมืองป้อมปราการ?"เจ้าฉวนที่อดไม่ได้สอบถามออกมาในที่สุด.

จงซานจ้องมองไปยังเจ้าฉวนเผยยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบ ทว่าชี้ไปยังสุ่ยอู๋เหิน ให้เขาได้พูด เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการฝึกฝนทักษะของสุ่ยอู๋เหิน.

"เพราะว่าหลังจากเหตุการณ์อสุรกายปิศาจ เมืองเยว่หมิงและเยว่ซี ทั้งสองเมืองไม่มีการต่อต้าน แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องรวมทัพใหญ่เพื่อเข้าปะทะยึดเมืองคืน!"สุ่ยอู๋เหินกล่าว.

"หืม?"เจ้าฉวนไม่เข้าใจนัก.

"การยึดเมืองเยว่หมิงและเยว่ซีนั้น จำเป็นต้องใช้ทหารเป็นจำนวนมากเพื่อยึดเมืองทั้งสอง ตราบเท่าที่ทัพทั้งสามของต้ากวงถูกส่งออกไป ภายในเมืองจะต้องว่างเปล่าอย่างแน่นอน เซียนเซิงกล่าวว่าในสถานการณ์ปกตินั้น พวกเขาจะต้องทิ้งเมืองทั้งสองแน่ แล้วทัพทั้งหมดจะยกทัพเข้ามายึดครองเมืองไป๋หวงของพวกเขา เพราะด้วยเหตุนี้เมืองทั้งสามจึงมีทหารไม่มากนั่นเอง ."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.

"เมืองเยว่หมิงและเย่วกวง ไม่ใช่เมืองที่เสี่ยวหวังต้องการอย่างงั้นรึ?"เจ้าฉวนกล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

"ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการ ทว่าการเสียเมืองทั้งสอง เสียวหวังจะสามารถได้กลับคืนมากกว่า ทั้งเมืองไป๋หวงของเรา และเมืองเล็ก ๆ อีกสองเมืองของเซี่ยงปู่ ส่วนสุ่ยจิงนั้นอยู่ค่อนข้างไกล เขาและสุ่ยจิงจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าแย่งเมืองของกันและกันได้ ดังนั้นทัพของเสี่ยวหวังมีแต่ต้องตลบหลังของพวกเรา และเมืองของสุ่ยจิงเอง คงจะไม่เสียเมืองไปง่าย ๆ ด้วยเช่นกัน."จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"จอมพล นี่ท่านคาดเดาถูกต้องได้อย่างไร?"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

"หืม?"จงซานที่จ้องมองไปยังสุ่ยอู๋เหิน.

"ข้าได้ส่งทหารสังเกตการณ์ออกไปดูทัพทั้งสี่แล้ว ทัพของสุ่ยจิงยังคงเดิม ทว่าทัพของเซี่ยงปู่นั้นได้ยกออกมาเมื่อสามเดือนที่แล้วเรียบร้อยแล้ว."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.

"คอยดูก็แล้วกัน!"จงซานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม.

"ครับ!"แม่ทัพทุกคนที่ตอบรับพร้อม ๆ กัน.

"จอมพล มีคนมารอต้องการพบกับท่านเป็นการส่วนตัว ข้าจึงได้ให้เขารอคอยอยู่ในห้องโถง."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.

"โอว ใครอย่างงั้นรึ??"จงซานที่ขมดคิ้วเล็กน้อย.

"เขาไม่ได้บอกชื่อ!"สุ่ยอู๋เหินกล่าว.

ได้ยินคำพูดของสุ่ยอู๋เหินแล้ว จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ไม่คาดคิดเลยว่า จะมีใครที่มีอำนาจเพียงพอที่จะสังการสุ่ยอู๋เหินได้เลยรึ?

"เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปได้!"จงซานกล่าว.

"ครับ!"เหล่าแม่ทัพที่ถอยออกไปในทันที.

ส่วนจงซานก็ก้าวออกไปยังห้องโถงข้าง ๆ .

อาต้าและจื่อเห่าที่รอคอยอยู่ด้านนอก ภายในห้องโถงนั้น มีโต๊ะหยกตั้งอยู่ใจกลาง ซึ่งมีแผนที่ที่ระเอียดสามมิติลอยขึ้นมาด้านบน.

ที่ด้านหน้าของแผนที่ มีหญิงสาวในชุดสีขาว เป็นสาวงามที่เคร่งขรึมดูสง่างามยิ่งนัก ร่างกายทรวดทรงที่เพรียวสมส่วน หญิงสาวที่จ้องมองแผนที่อย่างใจจดจ่อ.

ที่ด้านหลังนั้น เป็นชายในชุดดำ อาเอ้อ!

อาเอ้อจ้องมองจงซานที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องโถง ทันใดนั้นต้องการกล่าวอะไรบางอย่าง.

อย่างไรก็ตามจงซานที่ยกมือขึ้น หยุดอาเอ้อไว้ อาเอ้อพยักหน้าและก้าวออกจากห้องโถงไป.

จงซานที่จ้องมองไปยังด้านหลัง พลางเผยยิ้มออกมา กงจูเฉียนโหยว!

จงซานเข้ามาในตำหนัก กงจูเฉียนโหยวจะไม่รู้ได้อย่างไร?ขณะที่จงซานกลับมายังเมืองกวงหุย กงจูเฉียนโหยวก็รับรู้แล้ว ระหว่างนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น หลายปีแล้วไม่เห็นจงซาน ภายในใจคิดถึงจงซานเสมอมา ทุก ๆ วันอยากเจอจงซานเป็นอย่างมาก เพียงไม่ได้พูดคุยก็ราวกับว่ามีอะไรขาดหายไป.

อย่างไรก็ตาม จงซานกลับมาอยู่ข้าง ๆ แล้ว ทันใดนั้นทั้งที่อยากเจอ กงจูเฉียนโหยวที่มีเชาว์ปัญญาโดดเด่นทว่ากลับกลายเป็นว่าสูญเสียความคิดไปทั้งหมด ไม่เป็นเหมือนกับนางคนเดิม ราว ๆ กับว่าไร้ซึ่งคำพูดใดที่จะกล่าวออกมา.

อยากเจอ แต่ไม่กล้าเจอ!

กงจูเฉียนโหยวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดจึงทำได้แค่จ้องมองไปยังแผนที่ที่อยู่ด้านหน้า วิเคราะห์แผนที่ ทว่าไม่มีสมาธิเลย ความคิดทั้งหมดนั้นจะอยู่ที่แผนที่อย่างงั้นรึ? นางแค่แสร้งว่าจ้องมองแผนที่เท่านั้น ทั้งที่จิตใจของนางนั้นจดจ่ออยู่ที่ด้านหลังแล้ว อารมณ์ความรู้สึกมันหนักหน่วงจนล้นทะลักออกมา.

จงซานที่ราวกับว่าตระหนักได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของกงจูเฉียนโหยว เพราะว่าหลังจากที่เขาจ้องมองกงจูเฉียนโหยว รอยยิ้มของจงซานก็เผยยิ้มออกมาดูโอนอ่อนตาม ดูเหมือนว่านางจะลืมตัวที่จะสงบความรู้สึกให้เป็นปรกติทั่วไป.

จงซานที่ไม่ได้ก้าวไปด้านหน้า ทว่าก้าวไปด้านข้าง ยังเก้าอี้ที่กงจูเฉียนโหยวนั่งก่อนหน้านี้ พร้อมกับยกกาน้ำชา รินใส่ถ้วย เป็นชามรกตชามหนึ่ง.

พร้อมกับยกถ้วยชาเดินเข้ามาหากงจูเฉียนโหยว.

"กงจู!"จงซานที่เอ่ยออกมาเบา ๆ  แสดงท่าทางอ่อนโยนเป็นอย่างมาก.

เฉียนโหยวที่ได้โอกาสเหมาะหันหน้ากลับมา จ้องมองไปยังจงซาน สายตาประสานกัน ใบหน้าของกงจูเฉียนโหยวที่เร่งรีบหลบเลี่ยงเล็กน้อย.

"ข้า ข้าและคนอื่นมาถึงหนึ่งเดือนแล้ว!"ราวกับไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใด จะทำให้เป็นปรกติได้เช่นไร กับท่าทางขวยเขิน นางจึงได้กล่าวเรื่องทั่วไปออกมา.

ทว่าด้วยเรื่องทั่วไปนั้น ที่จริงกับทำให้จงซานรู้สึกอบอุ่นภายในใจ.

"ลำบากแล้ว."จงซานที่ยื่นถ้วยชาให้กับนาง.

กงจูเฉียนโหยวที่ยื่นมือออกไปรับ.

หลังจากที่หัวใจเต้นแรงลุกลี้ลุกลน ท้ายที่สุดเฉียนโหยวก็ค่อย ๆ ฟื้นกลับมากลายเป็นสงบอีกครั้ง.

"เจ้าใช้สิ่งนี้ต้อนรับข้าอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มเง้างอนเล็กน้อย.

"ชามรกตหนึ่งแก้ว มีความหมายยิ่งกว่าชา น้ำของมันนั้นใส่หัวใจลงไปด้วย!"จงซานกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.

ได้ยินคำพูดของจงซาน ใบหน้าของกงจูเฉียนโหยวเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ พยักหน้าเบา ๆ  "อืม!"

หลายปีไม่ได้พบ ถึงแม้มีความคิดถึงเป็นหมื่นเป็นพัน คำพูดมากมาย มันได้รวบรวมเอาไว้ในคำพูดไม่กี่คำของจงซานแล้ว.

น้ำชาเป็นสื่อ เพิ่มความหวานในอารมณ์ ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมากมาย ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำหวานให้เลี่ยน หนึ่งถ้วยน้ำชา ก็ทำให้มีความสุขเหนืออื่นใดแล้ว.

คนทั้งสองยังจำเป็นต้องรักษาระยะห่างแม้ว่าจะยังเต็มไปด้วยความคิดถึงก็ตาม ทว่าหาได้ใช่สิ่งสำคัญ เพราะว่าทั้งคู่ต่างก็ยืนอยู่ข้างกัน เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว กับความรู้สึกที่มีให้ เพียงแค่ความรู้สึก เพียงแค่ความคิดถึง แม้ไม่ได้ครอบครอง แต่ก็รับรู้ได้.

ในเวลานี้ที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเงียบไปหมด ทว่ากลับได้ยินถึงเสียงหัวใจที่เต้นไปมา!

จงซานและกงจูเฉียนโหยวที่นั่งดื่มชาด้วยกัน พร้อมกับบอกเล่าเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับประสบการณ์ที่ขมขื่น เรื่องที่ยากลำบาก หลาย ๆ อย่างที่ผ่านพบ และเป็นจงซานที่เล่ามากกว่า ส่วนกงจูเฉียนโหยวที่ได้แต่นั่งนิ่งรับฟัง ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องมากมาย แต่ก็รู้ดีถึงความคิดของคนทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร สิ่งที่ออกมาจากปากของจงซานก็เพียงพอที่จะทำให้นางพึงพอใจแล้ว.

อาต้าและอาเอ้อ รอคอยอยู่ด้านนอก ส่วนจื่อเห่านั้นได้กลับไปพักแล้ว ไม่มีใครกล้ารบกวน.

"เจ้าก้าวไปถึงระดับจักรพรรดิแท้แล้วรึ?"จงซานที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.

"อืม ระดับจักรพรรดิแท้ ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่ง ทว่าเทียบเจ้าตั้งแต่เมื่อครั้งที่พบเซิ่งซ่างเจียงซือจนถึงตอนนี้ ที่จริง...."

"มีอะไรที่ต้องทอดถอนใจรึ? จะเอาข้าไปเทียบตรงใหนได้?"จงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม.

ได้ยินจงซานกล่าวเย้ยหยันตัวเอง ทำให้กงจูนิ่งงันแอบหัวเราะในใจ.

"เอาล่ะ ท่านกล่าว่าก่อนหน้านี้เหนือหัวได้มอบคำถามสิบข้อ และท้ายที่สุดเรื่องทั้งหมดก็ได้แก้ไขแล้ว ทั้งเรื่องกล่องวงกตจิตวิญญาณ และเม็ดยายกระดับเปลี่ยนเป็นเม็ดยาหล่อเลี้ยงวิญญาณ ทั้งสองหัวข้อสมบูรณ์แล้ว เหนือหัวไม่มอบของรางวัลให้อย่างงั้นรึ?

"หืม ใช่แล้วก่อนหน้านี้เหนือหัวได้อนุญาตให้ข้าเข้าไปเลือกสมบัติที่คลังของวิเศษ!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ของวิเศษ? คลังสมบัติเซิ่งซ่าง จะต้องมีของวิเศษมากมาย เจ้าเลือกสิ่งใดที่ถูกตามาเหรอ!"จงซานที่กล่าวด้วยรอยยิ้ม.

"ของวิเศษมีมากมาย สมบัติระดับเก้า มีมากกว่าสิบชิ้น อย่างไรก็ตามกับไม่มีสิ่งใดต้องตาข้าเลย!"กงจูเฉียนโหยวส่ายหน้าไปมา.

"หืม?สมบัติระดับเก้ามากกว่าสิบชิ้น? กับไม่มีอะไรถูกใจเจ้าเลยรึ? อย่างไรก็ควรเลือกสิ่งของที่ดีที่สุดออกมาสักอย่าง."จงซานกล่าว.

"ไม่ ๆ  ข้าได้เลือกสมบัติระดับแปดออกมา!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"หืม?"จงซานที่แสดงท่าทางสงสัยเล็กน้อย.

นางที่สะบัดมือ พร้อมกับนำกล่องขนาดเล็กออกมา ยื่นมันให้กับจงซาน.

จงซานที่แสดงท่าทางสงสัยเล็กน้อย ทว่าก็เปิดออกมา.

หลังจากที่เปิดออกมาแล้ว มีเกราะอ่อนที่ใสราวกับปีกจั๊กจั่น เขาที่หยิบมันออกมา เสื้อเกราะอ่อนนี้ดูใสมาก จนสามารถมองทะลุได้เลย.

"นี่คือ เกราะแก้วคุ้มกาย เป็นของวิเศษระดับแปด เป็นเกราะอ่อนใส่ไว้ด้านใน กลมกลืนผสานเข้ากับผิวหนัง สามารถป้องกันการโจมตีได้ดี สามารถป้องกันร่างกายส่วนบน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือนหยางที่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงผู้ฝึกตนระดับเซิ่งซ่างเท่านั้นที่จะสามารถสร้างความเสียหายได้ ส่วนผู้ฝึกตนอื่น ๆ ไม่มีทางแม้แต่สร้างรอยขีดข่วน เรือนหยางโดยเฉพาะคนที่ยังก้าวไปยังไม่ถึงระดับหลอมกายธาตุ นับว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก หากเรือนหยางถูกทำลายจะทำให้คนผู้นั้นถึงจุดจบได้ ข้าไม่มีความจำเป็นแล้ว ทว่าเจ้าที่ยังอยู่ในระดับแกนทอง เรือนหยางของเจ้าจำเป็นต้องได้รับการปกป้อง..."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

จงซานที่หยิบเกราะอ่อนขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยวด้วยความซาบซึ้ง ไม่ได้กล่าวขอบคุณ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เพียงแค่พยักหน้าก็ทำให้หัวใจอบอุ่นขึ้นมาแล้ว.

เห็นท่าทางของจงซานที่พึงพอใจเป็นอย่างมาก กงจูเฉียนโหยวก็เผยยิ้มออกมา.

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น ตำหนักเจ้าเมืองกวงหุย ห้องโถงกลาง.

จงซานที่นั่งอยู่บนโต๊ะบัญชาการ สุ่ยอู๋เหินที่ทำการรายงานสถานการณ์ต่าง ๆ .

"เป็นดังที่จอมพลกล่าว เซี่ยงปู่นำทัพยึดเมืองเยว่หมิงและเยว่ซี ทว่าเขากลับต้องเสียเมืองสามเมืองที่เขายึดได้ก่อนหน้า และเสี่ยวหวังเองก็ไม่ได้เข้ายึดครองเมืองที่สุ่ยจิงมีอยู่ด้วย."สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวรายงาน.

"ราวเมืองไป๋หวง เสี่ยวหวังยึดเมืองมาได้สี่เมือง ส่วนเขาเสียเมืองสามเมืองให้เรา ดูเหมือนว่าเขาจะได้เปรียบเราอยู่หน่อย!"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ไม่นะ จอมพล ไม่ใช่ว่าควรนับรวมเมืองเยว่หมิงและเยว่ซือหรอกรึ?นั่นก็หมายความว่าเสี่ยวหวังเสียเมืองไปห้าเมือง."สุ่ยอู๋เหินส่ายหน้าไปมา.

"เมืองเยว่หมิงและเมืองเยวซี รึ? ตอนนี้อยู่ในมือของเซี่ยงปู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นพวกเดียวกัน แต่ก็ไม่นับว่าเป็นทัพเดียวกันได้."จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.

"ครับ"สุ่ยอู๋เหินที่ได้แต่พยักหน้ารับ ทว่าก็ดูไม่เข้าใจเหมือนเดิม.

"เรียนจอมพล หลังจากที่อุปราชอี้เหยี่ยนกลับมาคุมทัพ ต้ายวีก็กลับมามั่นคง กองกำลังฝ่ายป้องกันก็แข็งแกร่งขึ้น ฉีเทียนโหยวและทัพอื่น ๆ ตอนนี้ ไม่สามารถรุกเข้าไปได้แม้แต่น้อย."เจ้าฉวนที่กล่าวรายงานออกมาในทันที.

"เพียงครึ่งปี ไม่ใช่ว่าอี้เหยี่ยนยึดเมืองคืนกลับคืนได้หมดแล้วรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ไม่ใช่เช่นนั้น พวกเขาที่สร้างเสริมสภาพจิตใจของกองทัพให้กับมา เพียงแค่ครึ่งปีทำให้กองทัพมีจิตใจที่มั่นคง เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก."

"นำข้อมูลแผนการเสริมสร้างขวัญกำลังทหารของอี้เหยี่ยนมาให้ข้าด้วย!"จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.

เสริมสร้างขวัญกำลังใจให้กองทัพอย่างงั้นรึ? จงซานไม่อยากเชื่อนักว่าอี้เหยี่ยนจะทำการล่าช้าถึงขนาดนั้น ใช้เวลาเสริมสร้างกำลังใจครึ่งปีเลยรึ? เฮ้เฮ้ ตราบเท่าแค่ส่งจดหมายไปยังทัพและเมืองต่าง ๆ  ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารก็กลับมามั่นคงแล้ว! แล้วครึ่งปีนี้เขาได้กระทำอะไรที่ใหนอย่างงั้นรึ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด