ตอนที่แล้วChapter 199 รอคอยที่เมืองป้าหวง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 201 ตับมังกร หัวใจหงสา.

Chapter 200 เมืองเทียนกง.


หุบเขาแห่งหนึ่ง ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี.

แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่คุ้มกันกลุ่มของกงจูเฉียนโหยวตรงไปยังเมืองหลวงราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี เมืองเทียนกง.

ในเวลานี้พวกเขาหยุดพักตั้งกระโจมที่หุบเขาแห่งหนึ่ง ระหว่างเดินทาง.

ภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง กระโจมกลุ่มของกงจูเฉียนโหยวตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งมีเหล่าขุนพลของแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยคอยอารักขาและเฝ้าระวังภัยตลอดเวลา.

ภายในกระโจม.

"เฉียนโหยว พวกเราจะไปถึงเมืองเทียนกงตอนใหน."กู่หลินที่สอบถามออกมา.

"เร็ว ๆ นี้ นี่เป็นการพักครั้งสุดท้าย ครั้งหน้า พวกเราจะไปถึงเมืองเทียนกง."กงจูเฉียนโหยวตอบ.

"ทว่า พวกเราไม่ถูกลอบโจมตีเลยอย่างงั้นเหรอ?"กู่หลินที่ขมวดคิ้วและสอบถามออกมา.

"มี หากแต่พวกเขาเห็นกองกำลังราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีแล้ว ต่างก็ถอนกำลังไป."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ.

"ใครกัน สุ่ยจิงเจ้ารู้ไหมว่าใคร?"กู่หลินที่จ้องมองไปยังสุ่ยจิง.

"เป็นราชวงศ์ราชันย์อื่น ๆ ที่คาดหวังที่จะให้ต้าโหลวและต้ายวีก่อสงครามกัน หรือเหล่าราชวงศ์ราชันย์อื่น ๆ ที่กำลังรบกับพวกเราอยู่ แน่นอนว่ามีอีกหลายราชวงศ์ราชันย์ต่างก็หวังเช่นนั้น."เซียนเซิงสุ่ยจิงพยักหน้า.

"อืม."กู่หลินที่ขมวดคิ้วไปมา.

"กงจู ทราบหรือไม่ว่าอี้เหยี่ยน อุปราชราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีมีสถานะใด?"จงซานที่กล่าวสอบถาม.

"อี้เหยียน?ได้รับเสนาธิการลำดับหนึ่ง ได้รับการแต่งตั้งจากตาตี้คนแรกของต้ายวี."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ต้าตี้คนแรก? ไม่ใช่น่าหลานเพียวเสวี๋ยหรอกรึที่ก่อตั้งราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"ไม่ใช่ ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีนั้น มีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามรุ่น น่าเหลียนเพียวเสวี๋ยนั้นเพิ่งขึ้นครองราชย์เมื่อร้อยปีก่อนนี้ บิดาของเขาน่าหลานเจิ้งเต๋อเหมือนกับปู่ของเขา ที่ต้องตายไปก่อนเวลาอันควรเพราะไม่สามารถยกระดับพลังฝึกตนได้ ทำให้สิ้นอายุขัยไปก่อน ดังนั้นจึงได้มอบตำแหน่งให้กับน่าหลานเพียวเสวี๋ย ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีนั้น แม้ว่าจะมีเพียงแค่สามรุ่น ทว่าก็นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมากที่เขามีพลังฝึกตนที่เหนือล้ำเกินบิดาและปู่ของเขา."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"อี้เหยี่ยนนั้นได้รับบรรดาศักดิ์จากราชันย์องค์แรกอย่างงั้นรึ?ราชันย์องค์แรกไม่ไช่ว่าด้อยกว่าน่าหลานเพียวเสวี๋ยหรอกรึ?"จงซานพยามที่จะจับความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ไม่แน่นอน แม้ว่าน่าหลานเพียวเสวี๋ยนั้นจะมีพลังฝึกตนที่เหนือล้ำกว่าคนรุ่นก่อน ๆ มาก ทว่าบางทีก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับบิดาของเขาเลย ผ่านมาหลายร้อยปีนี้ไม่สามารถที่จะก้าวเหนือบิดาของเขาได้ ทว่าอย่างไรก็ตาม บิดาของเขานั้นก็ยังคงเหลือคนที่มีพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศเอาไว้ให้ นั่นก็คืออี้เหยี่ยนนั่นเอง."กงจูเฉียนโหยวที่ตอบ.

"พรสวรรค์ที่ล้ำเลิศ? ข้าจำได้ว่าเขามีพรสวรรค์เพียงแค่ระดับก่อตั้งวิญญาณอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วสอบถาม.

"มีเพียงระดับก่อตั้งวิญญาณ นอกจากนี้ ยังเจ็บป่วยเป็นอย่างมาก แต่ก็แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้ เซียนเซิงเองก็น่าจะรู้ ว่าท่านมีเพียงแค่ระดับแกนทอง ทว่ากับมีภูมิปัญญาที่ต่อต้านสวรรค์เช่นกัน."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"กงจูชื่นชมเกินไปแล้ว."จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.

กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังจงซานไม่ได้กล่าวชมเขาต่อ ทว่าก็เล่าต่อว่า"ร้อยปีก่อน น่าหลานเจิ้งเต๋อได้สิ้นอายุขัย ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีที่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหารอบด้าน อยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมมาก ราชาแปดคนในปกครองทรยศ ห้าตระกูลใหญ่ที่สั่งสมกองกำลังเป็นของตัวเอง ที่ด้านนอกยังมีราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ราชวงศ์ราชันย์ต้ากวง และราชวงศ์จักรพรรดิต้าเหยี่ยนที่รวมมือกับกับอีกสี่ราชวงศ์จักรพรรดิ สามกลุ่มเข้าโจมตี พวกเขาหวังจะกำจัดให้สิ้นซาก ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีควรที่จะสิ้นสุดในครั้งนั้นไปแล้ว ทว่าก่อนที่น่าหลานเจิ้งเต๋อจะตายนั้นได้มอบตราพยัคฆ์แต่งตั้งอี้เหยี่ยนเป็นอุปราช คนผู้นี้ใช้เวลาเพียงแค่ 3-4 ปีเท่านั้น ทั้งที่เขาอ่อนแอพร้อมที่จะล้มได้ทุกเมื่อ ทว่ากับสามารถต้านทัพทั้งสาม และทำให้การเมืองในประเทศกับมามั่นคงได้ กล่าวได้ว่าเขาสามารถสร้างสิ่งที่ต่อต้านสวรรค์ จนทุกคนทั่วหล้าต้องยอมศิโรราบ เขาที่นำพาให้ราชวงศ์จักรพรรดิต้ายวีกลับมายืนได้อีกครั้ง."

"เพียงแค่คนเดียวอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สูดหายใจยาว.

"อืม เพียงคนเดียวกับทรงพลัง สามารถทำให้ต้ายวีกลับมาเป็นปึกแผ่น ปราบปรามทั่วทุกสารทิศ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้นามอี้เหยี่ยนนั้นขจรขจายไปทั่วทั้งทวีปศักดิ์สิทธิ์ คนผู้นี้นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แม้แต่เหล่าศัตรูยังต้องให้ความเคารพเขา เขาเพียงคนเดียวที่สามารถนำราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีกลับมายิ่งใหญ่ กล่าวได้ว่าตัวเขาในราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีนั้น ยกเว้นน่าหลานเพียวเสวี๋ย เขาคือคนที่มีอำนาจมากที่สุด."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวพลางทอดถอนใจ.

กับสิ่งที่กงจูเฉียนโหยวเล่ามาทำให้จงซานตื่นตะลึงเลยทีเดียว จงซานที่นึกถึงคนผู้นี้ ก่อนหน้านี้ที่เห็นเขาเมื่อครั้งประชุมขุนเขา เพียงแค่เขาก้าวออกมาจากเกี้ยว แม่ทัพลำดับหนึ่งเถี่ยเสวี๋ยยังต้องโค้งคำนับให้.

"เช่นนั้นหากเทียบอำนาจของน่าหลานเพียวเสวี๋ยและอี้เหยี่ยนละใครเหนือกว่าอย่างไร?"จงซานที่กล่าวสอบถามกงจูเฉียนโหยว.

"อย่างที่เซียนเซิงเห็น ต้องเป็นราชันย์ของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี น่าหลานเพียวเสวี๋ยเป็นผู้มีอำนาจสุด อาจจะกล่าวเช่นนั้นได้ น่าหลานเพียงเสวี๋ยจำเป็นต้องพึ่งอี้เหยี่ยน ทว่าเพื่อที่จะรักษาสมดุลอำนาจกับอี้เหยี่ยนแล้ว เขายังมีญาติห่าง ๆ ของตระกูลน่าหลาน อี้เหยี่ยนนั้นเจ็บป่วยค่อนข้างหนัก ดังนั้นจึงไม่ค่อยเข้ามาจัดการด้านการเมืองมากนัก การบริหารเมือง อี้เหยี่ยนจึงไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าว.

"ญาติห่างของตระกูลน่าหลาน เขามีสถานะสูงในราชวงศ์ต้ายวีอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกมา.

"อืม อ๋องจวีลู่ของราชวงศ์ต้ายวีนั้น มีสถานะรองเพียงแค่น่าหลานเพียวเสวี๋ยเช่นกัน."กงจูเฉียนโหยวพยักหน้า.

"อ๋องจวีลู่เขาเป็นอย่างไรบ้าง?"จงซานที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.

"เขาเป็นคนที่ถูกใช้เป็นคนรักษาสมดุลกับอี้เหยี่ยน เซียนเซิงคิดว่าคนผู้นี้เป็นอย่างไร?"กงจูเฉียนโหยวที่สอบถามโดยไม่ได้ตอบเขา.

จงซานที่พยักหน้าให้พอจะเข้าใจเรื่องดังกล่าว.

.....

สามวันหลังจากนั้น กลุ่มของจงซานก็ได้รับการคุ้มกัน ไปถึงเมืองหลวงราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี เมืองเทียนกง.

แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่นำกลุ่มของจงซานบินตรงไปยังด้านหน้า ทว่าเหล่าทหารอีก 8 พันคน ได้บินไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง.

บนเมฆขาว จงซานที่จ้องมองขึ้นไปบนเมืองเทียนกง พลางทอดถอนใจ.

เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า เมืองขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าสองกิโลเมตร เมืองที่มีสีทองอร่าม ส่องประกายแสงวับวาวตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า เป็นเมืองที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างแท้จริง.

วาสนา ราชวงศ์วาสนาราชันย์ เป็นกรรมวาสนาเป็นจำนวนมากที่พัดปลิวขึ้นบนไปท้องฟ้าจนสามารถมองเห็นสถานที่ดังกล่าวเป็นสีทอง เป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยกรรมวาสนาที่อุดมสมบูรณ์ จนแม้แต่จงซานยังสามารถมองเห็นได้.

สีทองที่เขาเห็นนั้นคือมังกรทองที่เป็นกรรมวาสนานั่นเอง มันมีขนาดใหญ่มาก กำลังหมุนวนไปรอบ ๆ เมือง เพียงแค่หลับตาทั้งสองข้าง สูดหายใจเข้าช้า ๆ  ก็จะสัมผัสได้ถึงกรรมวาสนานี้ได้ ราวกับว่าเป็นชะตาฟ้า.

เมืองเทียนกงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า มีมังกรยักษ์กำลังโคจรไปรอบ ๆ เมือง.

ราชันย์มังกรที่แท้จริง? กรรมวาสนา? นี่คือเมืองของราชันย์?

จงซานที่สูดหายใจ แววตาค่อนข้างตื่นตะลึง ถึงแม้ว่านี่จะเพียงแค่ราชวงศ์ราชันย์ แล้วราชวงศ์สวรรค์ล่ะเป็นเช่นไร? ราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้งของเขาเวลานี้เทียบได้กับหมู่บ้านเล็ก ๆ เท่านั้น.

ที่ไกลออกไปนั้น ประตูทิศเหนือของเมืองหลวงราชวงศ์ราชันย์ เหนือประตูนั้น มีอักษรขนาดใหญ่ "เมืองเทียนกง"

天空之城  Tiānkōng zhī chéng  เมืองแห่งท้องฟ้า.

ที่ประตูทิศเหนือเวลานี้ มีเหล่าขุนพลมากมาย มาคอยต้อนรับ ประตูทางเข้าในเวลานี้ถูกปิดไม่ให้คนทั่วไปสัญจร เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขากำลังรอต้อนรับกลุ่มของกงจูเฉียนโหยวอยู่.

แม้จะอยู่ไกลออกไป ทว่าจงซานสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนผู้นำของเหล่าขุนพลในเวลานี้.

อุปราช อี้เหยี่ยน?

อี้เหยี่ยนออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยรึ? ทุกคนต่างก็ขมวดคิ้วแน่น.

จากนั้นเมฆสีขาวที่ลอยไม่ห่างจากประตูเมือง แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่ถอยห่างออกไป ปล่อยให้กลุ่มของกงจูเฉียนโหยวก้าวเข้าไป.

"คณะราชวงศ์สวรรค์ หากอี้เหยี่ยนต้อนรับบกพร่อง โปรดขออภัยด้วย "อี้เหยี่ยนที่ยืนอยู่ด้านหน้ายกมือขึ้นคารวะ และทักทายไปพร้อม ๆ กัน.

"เซียนเซิงอี้เหยี่ยนอย่าได้เกรงใจ ตั้งแต่ส่งคนไปต้อนรับที่เมืองป้าหวง ก็รู้สึกขอบคุณเซียนเซิงมากแล้ว."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

"สองปีที่แล้วการประชมขุนเขา กงจูช่างดูสง่างามเหมือนเมื่อครั้งก่อน ซือจื่อที่เข้าร่วมด้วยครั้งนี้ ต้ายวีรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก."อี้เหยี่ยนที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"เซียนเซิงอี้เหยี่ยนช่างน่าสรรเสริญยิ่งนัก ท่านทำงานเพื่อต้ายวี ถือว่าเป็นแบบอย่างสำหรับข้าและคนอื่น ๆ ทีเดียว."เฉียนโหยวที่ตอบกลับ.

"ที่ด้านหลังซือจื่อนั่นคือเซียนเซิงสุ่ยจิงอย่างงั้นรึ?"อี้เหยี่ยนที่จ้องมองไปยังสุ่ยจิงในทันที.

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเซียนเซิงสุ่ยจิงยืนอยู่ แน่นอนว่าอี้เหยี่ยนจงใจที่จะสอบถามออกไปอย่างแน่นอน.

"คารวะเซียนเซิงอี้เหยี่ยน."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"เซียนเซิงสุ่ยจิง นามนี้ขจรขจายไปทั่ว วันนี้อี้เหยี่ยนได้เห็นเซียนเซิงสุ่ยจิง ที่เดินทางมายังต้ายวีของข้า คงจะเป็นการดี หากได้พูดคุยกับท่าน."อี้เหยี่ยนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"เป็นเกียรติอย่างยิ่ง."เซียนเซิงสุ่ยจิงพยักหน้า ดวงตาเองก็มีแววตาคาดหวัง.

"ทุก ๆ ท่านเชิญ."อี้เหยี่ยนกล่าวพร้อมผายมือเชิญ.

"เชิญ."กงจูเฉียนโหยวที่พยักหน้าให้.

จากนั้น อี้เหยี่ยนและคณะได้นำเหล่าคณะขึ้นไปบนเมฆสีขาว บินตรงข้าไปในเมือง กงจูเฉียนโหยวและพรรคพวกก็ยืนบนเมฆสีขาวบินตามพวกเขาเข้าไปเช่นกัน.

ทันทีที่เขามาในเมือง จงซานที่กวาดตาจ้องมอง เมืองเทียนกงแห่งนี้ นับว่ามีพลังวิญญาณที่หนาแน่นยิ่งกว่าเมืองอู๋ซวังซะอีก มีภูเขามากมายที่มีความสูงเป็นอย่างมาก รอบ ๆ ปลายขุนเขามีเมฆมากมาย มีภูเขาอยู่เต็มไปหมด และพื้นที่หลายแห่ง จากด้านในสามารถมองเห็นมังกรที่โคจรไปรอบเมืองได้.

ทำให้บางขุนเขามีประกายแสงสีทองแผ่เข้ามาในเมืองได้ ไม่สามารถมองเห็นภูเขาที่มีแสงสีทองแผ่เข้ามาได้ชัดเจนนัก.

เมืองเทียนกงนั้น มีเกาะลอยฟ้ามากมาย มีม่านสีแดงและสีนำเงินปกคลุมด้วยเช่นกัน ถนนหนทางขนาดใหญ่ มีแม่น้ำที่ตัดผ่านเมือง.

ด้วยการนำของอี้เหยี่ยนนั้น เขาได้พาทุกคนมายังพื้นที่แห่งหนึ่งที่มีม่านแสงสีแดง เป็นพื้นที่ส่วนตัว มีเหล่าองค์รักษ์มากมายคอยคุ้มกัน ที่ด้านในนั้นมีสิ่งก่อสร้างที่งดงาม นับว่าเป็นหนึ่งเกาะลอยฟ้าที่ดูหรูหรามาก.

ขณะที่ยืนอยู่บนเมฆลอยฟ้านั้น อี้เหยี่ยนที่ไอออกมาเป็นระยะ ๆ .

"แค๊ก ๆ  ๆ  แค๊ก ๆ  ๆ  แค๊ก ๆ  ๆ  แค๊ก ๆ  ๆ  แค๊ก ๆ  ๆ "

เขาที่ไอไปมาไม่หยุด เหล่าขุนพลต่างก็จ้องมองเป็นสายตาเดียวกัน กงจูเฉียนโหยวและคนอื่น ๆ ที่แสดงท่าทางเป็นกังวล ทว่าก็ทำได้แค่รอคอยให้อี้เหยี่ยนไอเสร็จ.

เขาที่นำผ้าเช็ดหน้าไหมออกมาเช็ดปาก อี้เหยี่ยนที่กล่าวต่อกงจูเฉียนโหยวว่า"ต้องขออภัยด้วย ดูเหมือนว่าปัญหาเดิมจะรุนแรงกว่าเดิม."

"อย่าได้เกรงใจ เซียนเซิงอี้เหยี่ยนที่ทำงานเพื่อต้ายวีอย่างจริงจัง เป็นโชคของต้ายวีแล้ว กงจูเฉียนโหยวที่ส่ายหน้าและกล่าวออกมา.

"กงจูกล่าวหนักไปแล้ว แปดเดือนที่แล้วเหนือหัวของพวกเราได้เก็บตัวเพื่อรับมือกับการต่อสู้กับจื่อจิ้นเทพมังกรสวรรค์ ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ออกมา ทำให้ไม่สามารถออกมาต้อนรับทุกท่านด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ในวันนี้ยังมีซือจื่อหานจิวของราชวงศ์ราชันย์ต้ากวงได้เดินทางมาถึงเมืองเทียนกงด้วย ตอนนี้อ๋องจวีลู่ได้เดินทางไปตอนรับที่ประตูทิศใต้ จึงเป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องมารับกงจูด้วยตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย."อี้เหยี่ยนที่กล่าวต่อกงจูเฉียนโหยว.

"แม้เซียนเซิงไม่ได้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง แต่การได้เดินทางมายังที่แห่งนี้ก็ถือว่าเป็นเกียรติแล้ว."กงจูที่กล่าวออกมาในทันที.

"แค๊ก ๆ  ๆ  แค๊ก ๆ  ๆ  แค๊ก ๆ  ๆ  แค๊ก ๆ  ๆ  แค๊ก ๆ  ๆ "อี้เหยี่ยนที่กล่าวออกมาไม่หยุด.

"สถานที่แห่งนี้เป็นตำหนักสวนตะวันตก ซึ่งได้เตรียมไว้ให้กับกงจู พร้อมกับคณะทูตของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว หากว่ามีสิ่งใดต้องการกงจูสามารถบอกกับองค์รักษ์ได้เลย กับการเดินทางไกล กงจูคงเหนือยล้า อี้เหยี่ยนคงไม่รบกวนแล้ว เชิญกงจูและซือจือเข้าตำหนักได้เลย."อี้เหยี่ยนกล่าว.

"ขอบคุณ รบกวนท่านแล้ว."กงจูเฉียนกล่าวรับ.

อี้เหยี่ยนพยักหน้าให้ จากนั้นก็นำเหล่าขุนพลและคณะบินจากไปอย่างรวดเร็ว.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด