Chapter 194 เมืองผีเฟิงตู
"เฉียนโหยว ทำไมถึงให้เขาล่ะ."กู่หลินที่ร้องออกมาทันที.
ใบหน้าของกู่หลินที่แสดงท่าทางไม่พอใจ หากนางมอบให้กับคนอื่น ๆ ที่มีระดับที่สูงกว่านี้ อย่างเช่นระดับก่อตั้งวิญญาณ สามารถที่จะยกระดับไปอีกขั้นหนึ่งหรือสองขั้นได้เลย.
แม้ว่ากู่หลินเองจะมีพรสวรรค์ที่โดยเด่นก็ตาม ทว่านี่ก็เป็นโอกาสที่หายาก แต่กงจูเฉียนโหยวกับมอบมันให้กับจงซาน กู่หลินที่เห็นนางทำดีกับจงซานก็รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก.
เห็นท่าทางกู่หลินแล้ว กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา "เจ้ามีพลังฝึกตนที่เหนือกว่าเซียนเซิง การให้เซียนเซิงยกระดับ ก็เป็นการช่วยป้องกันตัวเขาเองด้วย.
ได้ยินคำพูดของกงจูเฉียนโหยวกู่หลินได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ภายในใจรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เขาที่จ้องมองไปยังจงซาน แววตาที่เต็มไปด้วยความมืดมนเย็นชา อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ส่วนคนอื่น ๆ เองก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาด้วยเช่นกัน.
จงซานไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเลย วาสนากรรมที่กงจูเฉียนโหยวรอคอยมาระยะเวลาหนึ่ง เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางรู้มาตั้งแต่ต้น และยังมอบโอกาสนี้ให้กับเขา นับเป็นความกรุณาของกงจูเฉียนโหยวที่ให้กับเขาเป็นอย่างมาก เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เขาสามารถทะลวงผ่านระดับได้ จงซานที่พอจะรับรู้ได้ว่านางที่ต้องการสร้างบุญคุณกับเขา หลังจากนี้จะเป็นเช่นไรไม่รู้ ตอนนี้การยกระดับทะลวงพลังฝึกตนให้ได้มากที่สุดเป็นเรื่องสำคัญกว่า เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที.
มังกรทองที่เข้ามาในร่างกายของเขา เปลี่ยนเป็นพลังงานสีทองแทบจะในทันที ไม่ นี่น่าจะเรียกว่ากรรมวาสนา เป็นพลังสีทองที่อุดมสมบูรณ์ ปกคลุมไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย แม้แต่ดวงวิญญาณของเขา.
มังกรทองนี้ไม่ใช่วาสนาจากราชวงศ์สวรรค์ ทว่านี่กับมีความเกี่ยวข้องมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างมาก เป็นกรรมวาสนาที่ได้จากผืนปฐพีรวมตัวกันจนกลายเป็นมังกรทอง มันสามารถชำระล้างร่างกายและเพิ่มพลังฝึกตน โอกาสนี้เขาจะต้องคว้ามันเอาไว้ให้ได้มากที่สุด.
ระหว่างนี้จงซานที่พยายามที่จะทะลวงผ่านพลังฝึกตนสุดความสามารถ ตอนนี้เขาอยู่ในระดับสามแกนทอง การจะทะลวงระดับได้อีกครั้ง จำเป็นต้องรอเวลา 1-2 ปีเป็นอย่างต่ำ ทว่าตอนนี้เพียงแค่ชั่วขณะในวันนี้ กลับทำให้เขาอยู่ในสภาพที่จะสามารถทะลวงผ่านพลังฝึกตนได้อีกครั้ง นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดมาก.
กรรมวาสนา นี่เป็นการเพิ่มพลังฝึกตนโดยตรง เพียงแค่สามลมหายใจ จงซานก็สามารถทะลวงผ่านไปยังระดับสี่ ร่างกายของเขาที่อาบไปด้วยวาสนาสีทอง พริบตาเดียวก็สามารถทะลวงผ่านพลังฝึกตนอย่างงั้นรึ?
ทันใดนั้นจงซานที่คิดอะไรบางอย่างได้ในทันที จงซานมีสิ่งสำคัญที่สุด เคล็ดวิชาหงหลวน ตราบเท่าที่เขาสามารถยกระดับมันได้อีกขั้น ให้กลายเป็นระดับห้า เขาจะสามารถที่จะทำเรื่องที่ลึกล้ำได้ เคล็ดวิชาหงหลวนจะสามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้.
จงซานที่รวมสมาธิไปที่หน้าผากทันที ดอกไม้สีชมพูที่มีเพลิงหงหลวนตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว.
มังกรทองที่มีอยู่ครึ่งหนึ่งในเวลานี้ ได้ถูกนำมารวมกันไปที่ดอกบัวบนหน้าผากของเขา ตอนนี้มันไม่ใช่ดอกตูมอีกต่อไป มันกำลังเติบโตก่อนที่จะค่อย ๆ บานออกมา ด้วยกรรมวาสนาที่มารวมที่แห่งนี้ เพื่อที่จะยกระดับขึ้นไปอีกครั้ง.
บนหน้าผากของจงซานเวลานี้เต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นเยือบ จงซานที่ต้องการทะลวงไปอีกครั้ง เขากำลังดูดซับมังกรทองกลั่นมันออกมาอย่างสมบูรณ์ ท้ายที่สุดตอนนี้ดอกบัวกำลังบานออกมา.
ดอกบัวสีชมพูที่งดงาม ไม่ได้มีเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มันได้กลายเป็นหมอก ที่ดูว่างเปล่า.
วิชาหงหลวนเทียนระดับห้า!ญาณลิขิต!
ดอกบัวสีชมพูนั้น ตอนนี้มันกำลังฉายสีสีน้ำเงินออกมาเล็กน้อย.
มีแสงสีน้ำเงินที่โคน มีสีแดงแซม ซึ่งก็คือระดับห้าของเคล็ดวิชาหงหลวนเทียน ทำให้สัมผัสของเขานั้นแหลมคมยิ่งขึ้น ทว่าการยกระดับเช่นนี้ เป็นความโชคดีที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ดอกบัวเวลานี้ได้บานเต็มทีแล้ว เมื่อมันฉายแสงสีน้ำเงินจะแสดงถึงโชคร้าย และฉายสีแดงจะแสดงถึงโชคดี.
เคล็ดวิชาหงหลวนเทียนนั้นเป็นวิชาที่ร้ายกาจลึกล้ำไม่ธรรมดา ทำให้เขามีญาณรับรู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ ทว่าเขาจำเป็นต้องยกระดับมันไปให้อยู่ในระดับห้าซะก่อน เวลานี้ได้มาถึงระดับห้าแล้ว หลังจากนี้ จงซานจะมีญาณรับรู้ล่วงหน้าเพื่อที่จะหลบเลี่ยงภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นล่วงหน้า ส่วนการยกระดับไปยังระดับห้าแกนทองนั้นไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องก้าวไปได้อย่างแน่นอน จึงไม่สามารถเอามาเทียบกับเรื่องนี้ได้.
จงซานที่เริ่มสำรวจตัวเอง ระดับสี่แกนทอง! เคล็ดวิชาหงหลวนเทียนระดับห้า! นี่มัน คาดไม่ถึงเลยแม้แต่วิชากายาเทพอสุร ก็ยกระดับไปยังระดับสี่รึ?
จงซานที่ตื่นเต้นสั่นสะท้านเล็กน้อย นี่มันไม่ธรรมดาเลย วาสนาจากมังกรทองทรงพลังมาก ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากมายขนาดนี้เลยรึ?
ดวงตาของจงซานที่ค่อย ๆ ลืมขึ้น แววตาองเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น.
"เป็นอย่างไรบ้าง?"กงจูเฉียนโหยวที่สอบถามออกมา.
จงซานที่ลุกขึ้น พร้อมกับโค้งคำนับกงจูเฉียนโหยว."ขอบคุณ กงจู."
ต้องขอบคุณเป็นอย่างมาก ถึงจะเพิ่มระดับพลังฝึกตนขึ้นหนึ่งขั้น ทว่า สามารถที่จะเพิ่มระดับเคล็ดวิชาหงหลวนเทียนได้นี่เป็นเคล็ดวิชาที่จำเป็นต้องรอคอยโอกาส จงซานรู้ดีว่าเคล็ดวิชาหงหลวนเทียนนั้นเป็นวิชาที่ยากจะฝึกฝนได้ และแม้นว่าไม่สามารถที่จะฝึกฝนได้ง่าย ๆ แต่กับเป็นวิชาที่ลึกล้ำเป็นอย่างมาก.
เห็นท่าทางของจงซานแล้ว กงจูเฉียนโหยวเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย การที่เขาแสดงท่าทางซาบซึ้งเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะทำให้นางสามารถควบคุมตัวเขาได้ด้วยไม่ใช่รึ?
กู่หลินที่อยู่ข้าง ๆ เผยแววตาที่เต็มไปด้วยความริษยา จ้องมองอย่างเย็นชา.
"กงจู วาสนามังกรทอง เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?"จงซานที่สอบถามออกมาในทันที.
"เกิดขึ้นได้อย่างไรอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้ว่า มันเกิดขึ้นจากค่ายกลฮวงจุ้ยที่มีอายุหลายพันปี รวบรวมพลังสวรรค์และปฐพีเข้ามา ซึ่งนับว่าหาได้ยากมาก ๆ ."กงจูตอบ.
"อืม."จงซานพยักหน้ารับ แววตาของเขาที่ทอดถอนใจ ดูเหมือนว่าจะยากที่จะหาโอกาสเช่นนี้ได้.
หากกงจูมอบวาสนามังกรนี้ให้กับคนอื่น ๆ จงซานเองก็ไม่สามารถกล่าวแย้งอะไรได้เลยเช่นกัน!
"ดอกไม้นั่น!"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ขมวดคิ้วกล่าวออกมา.
ทุกคนที่หันหน้ากลับไปมองพร้อม ๆ กัน บุพผาแห่งความตายขนาดใหญ่ ซึ่งด้านบนมีเข็มทิศโลก ด้านข้างตอนนี้ค่อย ๆ เปิดช้า ๆ กลีบดอกขนาดใหญ่ที่แยกโลกใบเล็ก ที่ปกคลุมเข็มทิศโลก.
กลีบดอก แยกออกเปิดโลกอย่างงั้นรึ?
จงซานที่จ้องมองด้วยท่าทางประหลาดใจ ดูเหมือนว่าจะมีมิติอีกมิติหนึ่งด้านใน ซึ่งเกิดจากดอกไม้แห่งนี้ ทำการเปิดช่องทาง เข้าไปสู่อีกโลกรึไม่?
ที่ไกลออกไปนั้น มีผู้คนมากมายที่บินเข้าไปด้านใน พุทธะฮุ่ยกวง มารฉู่ป้าและนายน้อยของเขา พร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งที่สวมเกราะทหาร พวกเขาที่สวมชุดเกราะสีม่วงสวมชุดราชวงศ์ ดูน่าเกรงขามมาก ที่มือถือดาบยักษ์ก้าวเข้าไปด้านใน.
"ไปเถอะ พวกเราก็เข้าไปด้านใน."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"อืม."ทุกคนที่พยักหน้า.
"..."จงซานที่ไม่ตอบรับ.
"อะไรอย่างงั้นรึ?"ทุกคนที่จ้องมองไปยังจงซาน.
จงซานที่หลับตา รวบรวมสมาธิไปที่หน้าผาก ดอกบัวสีชมพูดเปิดญาณ ญาณลิขิต ตรวจสอบ การเข้าไปด้านใน ชะตาของเขาจะเป็นเช่นไร?
เขาที่สูดหายใจ จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม"ที่ด้านในนั้นอันตรายมาก ข้าคงไม่สามารถเข้าไปได้ พวกท่านเองทางที่ดีก็ไม่ควรเข้าไป."
"เฮ้เฮ้ เจ้าไม่กล้ารึ? หากไม่กล้าก็ไม่ต้องมาห้ามพวกเรา."กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยความเย้ยหยัน.
อย่างไรก็ตาม กงจูเฉียนโหยวและเซียนเซิงสุ่ยจิงที่ขมวดคิ้วไปมา ทั้งสองรู้ดีว่าคนอย่างจงซานนั้นไม่ใช่คนที่หวาดกลัวอะไรเช่นนั้น เว้นแต่ว่าเขาจะสามารถรับรู้ผลลัพธ์ได้ เขาบอกว่าไม่เข้าไปอย่างงั้นรึ? เขาคงไม่กล่าวอะไรออกมาอย่างไร้เหตุผล? ไม่ใช่ว่าเขาเห็นอะไรหรือไม่?
"ทำไมเซียนเซิงไม่ต้องการเข้าไปอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่สอบถามด้วยความสงสัย.
"พลังฝึกตนของข้านั้นต่ำมาก ข้าเกรงว่าจะเป็นภาระของทุกท่าน ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการเข้าไป ข้าจะรอคอยอยู่รอบ ๆ นี้."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างหนักแน่น.
ทุกคนที่จ้องมองมายังจงซานด้วยความสงสัย แววตาของพวกเขานั้นไม่สามารถเข้าใจได้เลย.
"ได้ อาต้า เจ้าอยู่ที่นี่คุ้มครองเซียนเซิงแล้วกัน พวกเราเข้าไปด้านใน."กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมาในทันที.
กงจูเฉียนโหยวไม่ต้องการยอมแพ้กับตราลัญจกรหยกราชวงศ์สวรรค์ในตอนนี้.
"ครับ."อาต้ารับคำสั่งในทันที.
จากนั้น อาต้าและจงซานอยู่ที่นี่ เฉียนโหยว สุ่ยจิง กู่หลินและอาเอ้อ ก็ขึ้นเมฆสีขาว เข้าไปยังโลกที่แตกต่างด้านในบุพผาแห่งความตาย.
"เซียนเซิง ที่ด้านในมีอันตรายมากมายขนาดนั้นเลยรึ?"อาต้าที่สอบถามออกมา แววตาของเขาที่ค่อนข้างคาดหวัง ต้องการเข้าไปดูด้วยตาตัวเองเช่นกัน.
อาต้าที่จ้องมองไปยังจงซานว่าเขาเห็นอะไร? บนหน้าผากของจงซานดอกบัวหงหลวนเทียน ที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
เคล็ดวิชาหงหลวนเทียนระดับห้านั้น หากจะกล่าวโดยทั่วไปแล้ว เป็นลางสังหารถึงโชคดีและโชคร้ายในระดับหนึ่ง บอกนิมิต ถึงโชคดีโชคร้าย เกี่ยวกับความเป็นความตาย ด้วยประกายแสงแดงและสีน้ำเงิน.
เวลานี้มันได้ส่องแสงสีน้ำเงิน แล้วจงซานจะกล้าเสี่ยงอย่างงั้นรึ? ในครั้งแรกมันก็ได้กลายเป็นสีน้ำเงินเลย จงซานไม่ต้องการจะเสี่ยง มันเป็นอันตรายที่เกินกว่าความกล้า เป็นอันตรายที่เขาไม่สามารถที่จะสัมผัสได้.
โชคร้าย เป็นลางร้ายสุด ๆ รึ?
กองทัพของต้าเย่ เหล่าคนที่รอดจากการกลืนกินของปิศาจร้าย ทว่าตอนนี้ก็ยังคงเหลือมากกว่าหนึ่งล้าน ยังมีขุนพลระดับก่อตั้งวิญญาณหลายร้อยคน.
ดอกไม้ ดูเหมือนว่าจะเปิดกว้างมากขึ้น ดูเหมือนว่ายิ่งมันเปิดมากเท่าไหร่ ภาพลวงตาด้านนอกก็จะลดลงเท่านั้น ในเวลาเดียวกันดูเหมือนว่าพื้นที่รอบนี้จะค่อย ๆ หายไป เหลือเพียงแค่พื้นที่ด้านใน เป็นเหมือนกับโลกที่แปลกประหลาด.
ที่ด้านในนั้นเป็นเหมือนกับทรงกลมขนาดใหญ่ ทุกคนที่เข้าไปด้านใน ดูเหมือนจะถูกลดขนาดลงหลายร้อยเท่า ไม่ทุกคนไม่ได้เปลี่ยนขนาด ทว่าภาพที่ฉายออกมานั้นมันมีขนาดลดลง.
ทรงกลมขนาดใหญ่นี้ จงซานสามารถมองเห็นเข้าไปด้านในได้ กงจูเฉียนโหยวและคนอื่น ๆ ที่บินอยู่ห่างออกไป ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนสนใจพวกเขา ทุกคนในเวลานี้ดูเหมือนว่ากำลังจะตรงไปยังจุดศูนย์กลาง เป็นเมืองแห่งหนึ่ง.
หากจะมองดูตามสัดส่วนที่เห็นล่ะก็ ที่ด้านในนั้นเป็นเมือง ๆ แห่งนี้มีความสูงพันจั้ง มีขนาดไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองอู๋ซวังเลย เมืองแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆที่หนาแน่น ไม่สามารถที่จะมองลงไปด้านในได้ แต่จงซานสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ชื่อเมืองที่อยู่หน้าประตูเมือง.
"เฟิงตู."
丰都Fēng dū อุดมสมบูรณ์
ตัวอักษรขนาดใหญ่สองตัว "เฟิงตู" ที่ด้านในเต็มไปด้วยปราณปิศาจ.
เฟิงตู?
"นี่คือเมืองผี?"จงซานที่เอ่ยออกมาอ้าต้าถึงกับสะดุ้ง.
เมืองผีเฟิงตู? ไม่แปลกที่อ้าต้าจะประหลาดใจ เพราะว่าเมืองทั้งเมืองนั้นถูกเปลี่ยนให้เป็นวิญญาณร้าย มีวิญญาณร้ายมากมายกระจายไปทั่วเมืองเฟิงตู ทว่าที่ด้านนอกเองก็มีเหล่าเจียงซือกระจายไปทุกทิศทุกทางเช่นกัน.
บนถนนเส้นหนึ่งนั้น ในเวลานี้มีกลุ่ม ๆ หนึ่งที่เข้าไปแล้ว ข้าง ๆ ถนน เต็มไปด้วยเจียงซือที่ออกมาเพ่นพ่าน พวกมันกระจายไปทุกที ทุกหนทุกแห่งมีทั้งวิญญาณร้ายเต็มไปหมด ทว่าพวกมันที่ไม่เข้ามาบนถนนสีเหลือง.
บนถนนสีเหลือง ที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังแบกคนบางคนบนบ่า ก้าวเข้าไปในเมืองเฟิงตูช้า ๆ .
จ้องมองไปยังคนทั้งหนึ่งล้านคนนั้น ภายในจงซานที่บีบรัดไม่หยุด.
"คนเหล่านี้ คือคนที่ถูกปิศาจร้ายกัดกินก่อนหน้านี้ พวกเขาเป็นผีไปแล้ว."อาต้าที่ชี้ไปยังภาพของกลุ่มคนดังกล่าวที่ยืนอยู่บนถนนสีเหลือง.
ความจริง ก่อนหน้านี้จงซานที่เห็นแม้แต่เหล่าขุนพล ยังถูกกัดกินจนตาย ในเวลานั้นเขาที่ตายไปอย่างขมขื่น ทว่าจงซานกลับรู้สึกประหลาดใจจำเขาได้ ทว่าในเวลานี้ ที่ด้านในนั้น คือขุนพลคนนั้น.
วิญญาณคนตายอย่างงั้นรึ? คนแล้วคนเล่าที่เข้าไปในเมืองเฟิงตู.
นี่มัน คืออะไรกัน? ค่ายกลฮวงจุ้ย? นี่น่าจะเป็นค่ายกลฮวงจุ้ย? เมืองเฟิงตูเป็นเมืองจริง ๆ หรือภาพลวงตากัน?
จงซานที่ได้แต่กลืนน้ำลาย ภายในใจที่เต้นไปมา หากว่าเขาเข้าไป เขาต้องเป็นบ้าแน่ ไม่เข้าไปดีแล้ว อันตราย อันตรายมาก ๆ .