Chapter 190 ชื่อหลุมศพ ทัณฑ์สวรรค์.
สามวันหลังจากนั้น ที่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง มีคนหลายคนยืนเฝ้ามองสังเกตเหตุการณ์อยู่ จงซาน เฉียนโหยว กู่หลิน สุ่ยจิง อาต้า อาเอ้อ ผู้พิทักษ์ขุนเขาสำนักยวีเหิง ผู้พิทักษ์สำนักยวีเหิงและห้าศิษย์ขั้นหนึ่งอีกห้าคน.
ทุกคนที่ยืนอยู่นั้น จ้องมองไปยังพื้นที่ด้านหน้าไกลออกไป กับพื้นที่ดังกล่าวนั้นด้วยสายตาของจงซานนั้น ไม่สามารถที่จะมองเห็นเป้าหมายเหมือนคนทั้งหมดได้อย่างแน่นอน.
จงซานที่หลับตารอคอยไม่จ้องมองไปด้านหน้า ทว่าเขาสามารถจิตนาการถึงพื้นที่ดังกล่าวขึ้นมาได้.
สถานที่พวกเขาที่จ้องมองออกไปนั้น ที่จริงก็คือสำนักยวีเหิงนั่นเอง.
สำนักยวีเหิงเวลานี้ได้คลายค่ายกลออกแล้ว ที่ด้านหน้าปรากฏขุนเขาและแม่น้ำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถลุกล้ำเข้าไปได้.
ในเวลานี้ ที่ด้านหน้าสำนักยวีเหิงนั้น มีแม่ทัพสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหน้า ที่ด้านหลังมีทหารกว่า 30,000 นาย.
คนทั้งสี่ เป็นแม่ทัพสี่ดินแดนของราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่ พวกเขาที่นำกองกำลังออกมาด้วยตัวเอง จ้องมองไปยังสำนักยวีเหิงที่หนีไปหมดแล้ว.
คนทั้งสี่ที่จ้องมองหน้ากันและกัน.
"คนสำนักยวีเหิงนี้ไม่คิดเลยว่าจะไร้ซึ่งจิตวิญญาณขนาดนี้."แม่ทัพคนหนึ่งที่กล่าวออกมาช้า ๆ .
"พวกเราจะสังหารพวกเขา พวกเขาต้องกลัวเป็นธรรมดา."แม่ทัพอีกคนหนึ่งกล่าว.
"ไม่มีคนเช่นนี้ พวกเราจะจับใครส่งให้ฝ่าบาทล่ะ?"
"ไปสำนักถัดไปเลย ทว่ายังเหลืออีกแปดนี่น่า."
"ไม่ได้การแล้ว คนของสำนักยวีเหิงที่ไม่มีกระจิตกระใจจะสู้ ยอมแพ้หนีไป สำนักอื่น ๆ จะไม่ทำการเลียนแบบหรอกรึ?"
"ดี งั้นพวกเราก็ต้องรีบเช่นกัน พวกเราสี่คนแยกกันไป แบ่งคนละสองสำนัก บางทีดำเนินการเร็วหน่อย คงจะไม่มีผลกับแผนการของฝ่าบาทหรอก."
"ไป!"
กับการตัดสินใจกันอย่างรวดเร็วของแม่ทัพ พวกเขาที่แบ่งกองกำลังแยกย้ายไปยังอีกแปดสำนัก เคลื่อนกำลังพลอย่างรวดเร็ว แยกย้ายไปยังทิศต่าง ๆ ทุกทิศทาง.
เพียงแค่พริบตาเดียว กองกำลังทหารทั้งหมดก็แยกย้ายเคลื่อนกำลังพลออกไปจากสำนักยวีเหิง.
บนยอดเขาที่อยู่ไกลออกไป.
"เฮ้ ๆ ."
คนสำนักยวีเหิง ตอนนี้ต่างก็แจ้งออกไปเป็นทอด ๆ กองกำลังสำนักยวีเหิงได้จากไปแล้ว พวกเขาไม่เข้าไปในสำนักด้วยซ้ำ เร่งรีบจากไปในทันทีเลยรึ?
หลิวสุ่ยเฟิงและคนอื่น ๆ ที่จ้องมองไปยังจงซานกลับการคาดเดาที่แม่นยำของจงซาน.
"ขอบคุณอาวุโส ขอบคุณทุก ๆ ท่าน."หลิวสุ่ยเฟิงที่ยกมือคารวะทุกคน.
"อืม."ทุกคนที่พยักหน้าให้.
"ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ จะเกี่ยวข้องกับเทือกเขาต้าหยินจริง ๆ คนของสำนักยวีเหิง อย่าเพิ่งกลับไปตอนนี้ดีกว่า รอให้ทุกอย่างในเทือกเขาต้าหยินเรียบร้อยแล้ว ค่อยเคลื่อนย้ายกลับไป."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"ครับ."หลิวสุ่ยเฟิงที่ตอบรับในทันที.
"เมื่อกองทัพใหญ่ของต้าเย่ไปแล้ว ข้าและผู้พิทักษ์ขุนเขาขอกลับไปก่อน."ผู้พิทักษสำนักกล่าวออกมาในทันที.
"เจ้าต้องการกลับไปก่อนอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย.
"ครับ นี่เป็นหน้าที่ของผู้พิทักษ์ขุนเขาและผู้พิทักษ์สำนัก ที่ต้องป้องกันปกป้องประตูทางเข้า เมื่อกองกำลังหลายหมื่นจากไปแล้ว แน่นอนคงจะไม่กลับมาง่าย ๆ อีกครั้งแน่."ผู้พิทักษ์สำนักที่พยักหน้าตอบ.
"ได้."กงจูเฉียนโหยวที่พยักหน้าให้.
ชายชราทั้งสองคนที่ยกมือคารวะเล็กน้อยและจากนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว เห็นเป็นเพียงภาพติดตามุ่งตรงไปยังทิศทางของสำนักยวีเหิง.
"ผู้พิทักษ์สำนักและผู้พิทักษ์ขุนเขากลับไปก็ดีแล้ว ด้วยพลังฝึกตนของพวกเขา ถึงแม้ว่ากองกำลังของต้าเย่ ยกกลับมาอีก ก็สามารถหลบหนีได้."หลิวสุ่ยเฟิงกล่าว.
กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังทิศที่ไกลออกไปนั้น ก่อนที่จะหันหน้ากลับมา "เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าทั้งห้าจงไปดูแลศิษย์สำนักยวีเหิงได้แล้ว พวกเราจะเดินทางไปยังเทือกเขาต้าหยิงทันที คืนเดือนเพ็ญไม่ไกลนี้แล้ว.
"ครับ."หลิวสุ่ยเฟิงที่ตอบรับในทันที.
สามวันหลังจากนั้น จงซานและคนอื่น ๆ ก็เดินทางมายังเทือกเขาต้าหยิน.
รอบ ๆ เทือกเขาต้าหยิงนั้นมียอดเขามากมาย พวกเขาที่ได้หยุดอยู่ที่ยอดเขาแห่งนี้ ตอนนี้สายตาของทุกคนที่เต็มไปด้วยความจริงจัง.
"สุ่ยจิง พวกเขานำคนมาขังไว้ในดินแดนแห่งนี้เหรอ ข้าเห็นคนสิบคนถูกนำตัวเข้าไปก่อนหน้านี้ ที่นี่คือด้านนอกเทือกเขาต้าหยินใช่หรือไม่? พวกเขาจับผู้ฝึกตนมากมายทำไม?แล้วยังมีศพของผู้ฝึกตนที่ถูกแช่แข็งอีก?พวกเขาจะทำอะไรกันแน่?"กู่หลินที่กล่าวออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว.
"ยังไม่ชัดเจนนัก ทว่ารอบ ๆ เทือกเขาต้าหยิงนี้ มีทหารมากมาย ดูเหมือนว่าราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่นั้น กำลังวางแผนการเพื่อยึดครองตราลัญจกรหยกจริง ๆ ."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมาขมวดคิ้วครุ่นคิด.
จงซานที่จ้องมองไปยังพื้นที่ไกลออกไปนั้น มีหมอกควันสีดำปกคลุมไปทั่วทั้งเทือกเขา แม้แต่ในหุบเขา พื้นดินทั้งหมด พื้นที่รอบ ๆ นั้นแสงแดดไม่สามารถส่องผ่านเข้าไปได้เลย เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความน่าหวาดกลัว เหมือนกับว่าเทือกเขาแห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ พื้นที่รอบ ๆ นี้แม้แต่สัตว์อสูร ยังเป็นสัตว์อสูรที่พิเศษถึงจะอยู่รอดได้ ยกตัวอย่างอีกาทมิฬ ซึ่งเป็นอีกาอสูรชนิดหนึ่ง ส่วนสิ่งมีชีวิตอื่นแล้วแทบไม่สามารถพบได้เลย.
"แฮก ๆ "ทันใดนั้นกงจูเฉียนโหยวที่สูดหายใจที่เย็นเยือบ ใบหน้าที่แสดงท่าทางหวาดผวา.
"กงจูพบสิ่งใดอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สอบถามออกมาทันที.
"ไม่ได้การ ไม่ถูกสิ มันไม่ควรจะใช่!"สีหน้าของกงจูเฉียนโหยวที่แสดงท่าทางไม่อยากเชื่อออกมา.
"อะไรรึ?เฉียนโหยว ไม่ใช่อะไร?"กู่หลินที่ถามออกมาอีกคน.
"ก่อนหน้านี้ข้าได้คาดเดาว่ามันคือสุสานเทวะ เป็นสุสานของเซิ่งซ่างราชวงศ์สวรรค์ ทว่าหลุมศพแห่งนี้ไม่ใช่ มันไม่ใช่แน่."กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เจ้าบอกว่ามันเป็นหลุมศพอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่สอบถามออกมา.
"ใช่แล้ว ข้าเคยศึกษาเกี่ยวกับราชวงศ์สวรรค์ ได้รับความรู้จากอาวุโสเทียนช่วงหนึ่ง และได้ศึกษาเกี่ยวกับหลุมฝังศพมากมาย ข้าไม่ได้ศึกษาอย่างตั้งใจนัก ทว่ากับจำหลุมศพนี้ได้ นี่คือหลุมฝั่งศพที่เซิ่งซ่างราชวงศ์สวรรค์เลือกที่จะฝังตัวเองอย่างงั้นรึ? มันไม่ใช่แน่!"กงจูเฉียนโหยวที่เห็นแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สิ่งธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน.
"แล้วมันเป็นหลุมศพอะไรอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สอบถามด้วยความสงสัย.
"ใต้สวรรค์แห่งนี้ต่างก็เรียกกันว่า หลุมศพแห่งภัยพิบัติ ชื่อหลุมศพ ทัณฑ์สวรรค์."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง.
"ทัณฑ์สวรรค์อย่างงั้นรึ?เป็นไปได้อย่างไร?กงจู ท่านไม่ได้ดูผิดใช่ไหม?"ใบหน้าของเซียนเซิงสุ่ยจิงเองก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน.
"ไม่ผิดแน่!สุสานทัณฑ์สวรรค์นั้นจะดูโดดเดี่ยววังเวง หลังจากที่ทำพิธีสร้างเป็นสุสานแล้ว ชีพจรฟ้าดินจะล่มสลาย เป็นการลงโทษไปชั่วลูกชั่วหลาน หลุมศพทัณฑ์สวรรค์นั้นเป็นเหมือนกับโองการฟ้า เมื่อมีการสร้างขึ้นมา แม้แต่ลูกหลานก็จะไร้ซึ่งทายาท สายโลหิตตกต่ำ ตระกูลถูกทำลาย สายโลหิตจะหายไปอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจะได้รับอิทธิพลภัยพิบัติจากหลุมฝังศพแห่งนี้."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวตอบ.
"เรื่องนี้ จะเป็นไปได้อย่างไร? นี่คือหลุมศพฝั่งพระศพของเซิงซ่างราชวงศ์สวรรค์ เป็นไปได้อย่างไรที่จะเอาตัวเองมาฝังยังสถานที่แห่งนี้?หรือเขาต้องการทำลายล้างลูกหลานตัวเองอย่างงั้นรึ? หรือเป็นไปได้ว่าผู้เชี่ยวชาญฮวงจุ้ยหลอกเขาอย่างจงใจหรือไม่?"กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"หลอกลวงอย่างงั้นรึ? นี่คือเซิงซ่างราชวงศ์สวรรค์ จะถูกหลอกลวงง่าย ๆ ได้อย่างไร? เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามันแตกต่างจากสุสานเทวะ? แน่นอนว่าที่เขายอมรับนั้น เขามีเป้าหมาย? หลุมศพศพทัณฑ์สวรรค์? หรือว่า..."ดวงตาของกงจูเฉียนโหยวที่หรี่เล็กลง.
"และอะไรรึ?"กู่หลินที่สอบถามด้วยความสงสัย.
"ก่อนหน้านี้หลิวสุ่ยเฟิงที่กล่าวไว้ว่าทุกวันเพ็ญ ที่ด้านในจะมีเหล่าภูตผีออกมาเพ่นพ่าน พร้อมกับขัดขวางพวกเขา เช่นนั้น นอกเหนือจากสุสานเทวะ แห่งนี้จะมีบางสิ่งบางอย่างอยู่."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"มีสิ่งใด?"กู่หลินที่ค่อนข้างประหลาดใจ.
"ค่ายกลยักษ์ฮวงจุ้ย ค่ายกลยักษ์ฮวงจุ้ยนั้นแม้ว่าจะผ่านมาหลายพันปีก็ยังมีประสิทธิผล เป็นค่ายกลยักษ์ฮวงจุ้ยที่น่าเกรงขามมาก อาจจะมีความสามารถเทียบเท่าอาวุโสเทียน ไม่ ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นอาวุโสเทียนก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ เป็นค่ายกลฮวงจุ้ยที่มีผลหลายพันปี."กงจูเฉียนโหยวกล่าวด้วยท่าทางตื่นตะลึง สงสัยเป็นอย่างมาก แม้แต่นางเวลานี้ยังตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก.
"กงจู ค่ายกลฮวงจุ้ยนี้ ข้าได้ยินมาก่อน ค่ายกลใหญ่ฮวงจุ้ยและค่ายกลสงคราม และค่ายกลคุ้มภัย เกี่ยวข้องกันอย่างไร?"จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.
กงจูเฉียนโหยวที่แสดงท่าทางประหลาดใจ จ้องมองไปยังจงซาน ทว่าก็พยักหน้าและกล่าวออกมาว่า"ภายใต้สวรรค์เวลานี้ มีการบำเพ็ญได้เพียงสามอย่าง บำเพ็ญกรรม บำเพ็ญชื่อเสียงและบำเพ็ญฮวงจุ้ย แต่ละศาสตร์นั้นมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบำเพ็ญฮวงจุ้ย นับเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่มาก การบำเพ็ญฮวงจุ้ยจึงมีคนฝึกฝนอยู่น้อยมาก ส่วนมากมักจะสืบทอดต่อเหล่าลูกหลานของตน ค่ายกลใหญ่ฮวงจุ้ยนั้น มีความเกี่ยวข้องกับพลังบำเพ็ญของพวกเขาด้วย ยิ่งเป็นคนที่มีพรสวรรค์และพลังฮวงจุ้ยมากเท่าไหร่ ค่ายกลของพวกเขาก็จะยิ่งทรงพลัง ค่ายกลสงครามและค่ายกลคุ้มภัยนั้นไม่ใช่ระบบของพวกเขา แต่เป็นรูปแบบหนึ่งของพวกเรา พวกเขามีค่ายกลที่ล้ำลึกกว่า เรียกว่าค่ายกลฮวงจุ้ย รับประกันได้ว่าสามารถกำหนดความเป็นตาย โชคดีและโชคร้าย ค่ายกลฮวงจุ้ยนั้นมีความซับซ้อนมาก ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรนัก ทว่าที่แห่งนี้ หลังจากผ่านวันนี้ไป พรุ่งนี้ตอนเย็นพวกเราก็จะเห็นเอง."
"อืม."จงซานพยักหน้า.
"หากกงจูกล่าวว่านี้คือสุสานของเซิงซ่างราชวงศ์สวรรค์ แต่พวกเขาต้องการที่จะทำให้สุสานแห่งนี้เป็นหลุมศพทัณฑ์สวรรค์ ด้วยการสร้างค่ายกลฮวงจุ้ยภัยพิบัติขึ้น ที่ส่งผลต่อสุสานเซิ่งซ่างราชวงศ์สวรรค์ล่ะก็ พวกเราก็ควรที่จะต้องระมัดระวัง?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่โบกพัดไปมาขณะคิด.
"รอจนถึงวันพรุ่งนี้ตอนเย็น พวกเราก็จะรับรู้ความจริง ๆ ได้ทั้งหมด."กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วตอบ.
"อืม."ทุกคนที่พยักหน้ารับ.
เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด!
ขณะที่กลุ่มของจงซานอยู่ทางทิศเหนือ ที่ไกลออกไปนั้นยังหุบเขาแห่งหนึ่ง บนยอดเขาแห่งหนึ่งมีชายในชุดดำสองคน ชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตายังเยาว์วัย ที่ด้านหลังนั้นมีกระบี่ยาวสีแดงเพลิง ใบหน้าเย็นชาจ้องมองไปยังเหล่าทหารที่อยู่ไกลออกไป ทว่าที่ด้านหลังของชายหนุ่มนั้น เป็นชายวัยกลางคนที่ด้านหลังก็มีกระบี่ยาวเช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าชายวัยกลางคนนั้นจะเป็นบ่าวรับใช้ ยืนคุ้มกันอยู่ด้านหลังเขา.
"ฉู่ป้า นี่คือสถานที่นัดหมายของกงจื่อ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มาแล้วรึ?"ชายหนุ่มที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม ใบหน้าที่มืดมนไม่หันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแม้แต่น้อย.
"กงจื่อ นอกเหนือจากท่านและนายน้อยอีกสามคน ยังมีกงจื่อ เจียนอ้าวที่ยังไม่มา."ฉู่ป้าที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"เจียนอ้าว?เขาเป็นผู้หมกมุ่นที่จะล้มเหล่าผู้กล้าทั่วโลกนะรึ? ผู้ที่จะคิดค้นเพลงกระบี่ของตัวเอง เพลงกระบี่ไร้ขอบเขต ไม่ได้มีค่าให้เหลือบแลแม้แต่น้อย ต้องการสร้างเพลงกระบี่ตัวเอง? ต้องสั่งสมประสบการณ์อีกมากมาย ถึงจะรู้วิธีในการสร้างเพลงกระบี่เป็นของตัวเอง?"ชายหนุ่มที่หัวเราะเยาะออกมา.
"กงจื่อ เช่นนั้น กงจื่อเจี้ยนอ้าว ก็กำลังเดินไปอยู่บนเส้นทางที่อ้อมไปไกล ย่อมเทียบกับกงจื่อคนอื่น ๆ ไม่ได้เลยนะสิ การเดิมพันก่อนหน้า ก็สามารถยืนอยู่ฝั่งกงจื่อคนอื่น ๆ ได้เลยไหม"ฉู่ป้าที่พยักหน้าและกล่าวออกมา.
"ไม่ แม้ว่าเจียนอ้าวจะหมกมุ่นกับเส้นทางนั้น ทว่าการตระหนักรู้ของเขายอดเยี่ยมมาก เหล่ากงจื่อคนอื่น ๆ ยากที่จะล้มเขาได้โดยง่าย พวกเราไม่สามารถประมาทผู้ใดได้ทั้งนั้น "ชายหนุ่มที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม.
"ครับ กงจื่อ ฉู่ป้าผิดไปแล้ว."ฉู่ป้าที่โค้งคำนับให้ทันที.
"มารฉู่ป้า?"ที่บนอากาศ ที่มีเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น.
เสียงดังกล่าวที่แหวกอากาศผ่านลงมาจากเมฆครึ้มที่ดังขึ้นมาในทันทีทันใด สร้างความประหลาดใจให้กับพวกเขา เป็นเหมือนกับเสียงที่กล่าวกระตุ้นเตือน.
ฉู่ป้าและชายหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนในทันที.