Chapter 189 รอฝนหยุดตก ค่อยหวนคืนรัง กลยุทธ์เมืองร้าง.
รอฝนหยุดตก ค่อยหวนคืนรัง กลยุทธ์เมืองร้าง.
กลยุทธ์เมืองร้าง คือกลยุทธ์ที่ใช้เมื่อฝ่ายรับอ่อนแอกว่าจึงเปิดเมืองให้ศัตรูเห็นว่าในเมืองเป็นเมืองร้างว่างเปล่าไม่มีผู้ใดอยู่ หากศัตรูช่างระแวงอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายระแวงมากขึ้น กลัวว่าในเมืองจะมีทหารซุ่มโจมตีอยู่ หากเข้าเมืองไปอาจถูกปิดล้อม ทำให้ศัตรูไม่กล้าบุก.
"ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่ ทุ่มกำลังทั้งหมด เพื่อกำจัดสำนักต่าง ๆ อย่างงั้นรึ?ไม่มีใครเหลือเลยรึ?"กงจูเฉียนโหยวสอบถาม.
"พวกเขานำกองกำลังจัดการกับทุกสำนัก ทว่าไม่ใช่ว่าไม่เหลือ ตราบเท่ายอมแพ้ หรือยอมให้จับกุมผู้ฝึกตน พวกเขาจะคุมขังเหล่าผู้ฝึกตนทั้งหมดเอาไว้."หลิวสุ่ยเฟิงที่ขมวดคิ้วขณะพูด.
"จับกุมอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.
"ใช่แล้ว พวกเขาจับกุมผู้ฝึกตนทั้งหมดไป ไม่มีใครรู้ว่าราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่ต้องการทำอะไร หากตามที่อาวุโสกล่าว เพื่อตราลัญจกรหยกราชวงศ์สวรรค์แล้ว พวกเขาก็เพียงแค่ไล่ล่าสังหารคนไปทั้งหมด ไม่น่าที่จะจับกุมคนเป็นจำนวนมากไปเลย.
"วูซซ."ในเวลาเดียวกัน ที่ด้านนอกตำหนักยวีเหิงก็ปรากฏใครบางคนก้าวเข้ามา.
ดูเหมือนกับชายชราคนหนึ่ง.
"ผู้พิทักษ์สำนัก คารวะอาวุโส."ชายชราที่เข้ามาในห้องโถงกล่าวออกมาในทันที.
ผู้พิทักษ์สำนักยวีเหิงอย่างงั้นรึ?
"ผู้พิทักษ์สำนัก?ท่านกลับมาเมื่อไหร่รึ?"กงจูเฉียนโหยวที่สอบถามออกมา.
เกี่ยวกับเรื่องภายในสำนักนั้น หากว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น จำเป็นต้องมีอาวุโสเป็นที่ปรึกษาตัดสินใจ ซึ่งผู้พิทักษ์ขุนเขาและผู้พิทักษ์สำนักต่างก็ปรากฏตัวขึ้นมา ตอนนี้ปรากฏตัวเพียงแค่ผู้พิทักษ์สำนัก อธิบายได้ว่าเขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอกได้ไม่นาน.
"ขณะที่ข้ากลับมานั้น เพิ่งเห็นหมาป่านับหมื่นถอนกำลังไป ต้องขอขอบคุณอาวุโส ข้าตอนนี้เพิ่งกลับมาจากทิศเหนือจากการสำรวจสำนักทั้งแปดที่ถูกกำจัดไป."ผู้พิทักษ์สำนักที่กล่าวออกมาทันที.
"ผู้พิทักษ์สำนักนั้น ได้ออกไปสอดแนมความเป็นไปของราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่."หลิวสุ่ยเฟิงที่ตอบกลับมาในทันที.
ได้ยินคำอธิบายจากหลิวสุ่ยเฟิงแล้ว กงจูเฉียนโหยวก็พยักหน้าให้.
"ที่ด้านนอกสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่ ตอนนี้ได้กำลังบุกสำนักทั่วทุกแห่งของเทือกเขาต้าหยิงไปหมดแล้ว ทุกสำนักถูกจัดการเกือบหมดแล้ว ตลอดทั้งยังรวบรวมเหล่าศพที่ตายไป นำไปแช่ในแท่งน้ำแข็งอีกด้วย."ผู้พิทักษ์สำนักกล่าว.
"พวกเขากำลังรวบรวมศพอยู่อย่างงั้นรึ?แช่ในแท่งน้ำแข็ง? ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่ต้องการทำอะไร?"หลิวสุยเฟิงที่แสดงท่าทางประหลาดใจ.
"ก่อนหน้านี้ 16 ชั่วโมง กองทัพของราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่ได้ทำการทำลายล้างสำนักหนิงโหยว ซึ่งสำนักหนิงโหยวนั้นมีศิษย์อยู่ 500 คน ถูกสังหารไป 300 คน และศพถูกนำไปแช่ในแท่งน้ำแข็ง ส่วนศิษย์ที่เหลืออีก 200 คน ถูกผนึกแกนแท้ และนำไปคุมขัง ข้าไม่รู้เช่นกันว่าพวกเขาต้องการทำอะไร ทว่าจากการคาดเดาแล้ว อีกสามวัน กองกำลังของพวกเขาจะต้องเคลื่อนมายังสำนักยวีเหิงอย่างแน่นอน."ผู้พิทักษ์สำนักกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม.
"สามวันอย่างงั้นรึ? สามวันจะเดินทางมาถึงอย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของหลิวสุ่ยเฟิงที่แสดงท่าทางเป็นกังวล.
"ใช่แล้ว อย่างช้าที่สุดคือสามวัน."ผู้พิทักษ์สำนักกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง.
"ก่อนหน้านี้ 16 ชั่วโมง พวกเขาได้กำจัดสำนักทั้งหมด กองกำลังของราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่ จับกุมและสังหารเหล่าศิษย์ทั้งหมด ทุกคนในสำนักทั้งหมดเลยรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.
"ไม่ใช่ทั้งหมด พวกเขาเก็บศพและจับกุม เฉพาะคนที่สำคัญ ๆ เท่านั้น."ผู้นำสำนักกล่าวตอบ.
"กองกำลังของฝ่ายตรงข้ามมีความแข็งแกร่งขนาดใหน?"กงจูเฉียนโหยวสอบถาม.
"ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่นั้นมีประวัติศาสตร์หลายพันปี แม้ว่าจะเป็นเพียงราชวงศ์จักรพรรดิก็ตาม ทว่าความแข็งแกร่งนั้นไม่ธรรมดาเลย และยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักใหญ่ มีเขตแดนเป็นพื้นที่ทิศตะวันออกทั้งหมดของขุนเขาต้าหยิน ดังนั้น จึงมีกองกำลังทหารมากมาย ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่นั้นมีพื้นที่ใหญ่ห้าดินแดน พวกเขาได้ยกกองกำลังใหญ่สี่ดินแดนออกมา แม่ทัพใหญ่สี่คน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมกายธาตุ และยังมีผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณอีกมากมาย มีกองกำลังระดับแกนทองสามหมื่น สามารถกำจัดสำนักเล็ก ๆ ได้พริบตาเดียว."ผู้พิทักษ์สำนักกล่าว.
"30,000 ?"กู่หลินที่แสดงท่าทางเหยียดหยัน เห็นชัดเจนว่าเขาดูถูกกองกำลังดังกล่าว.
เห็นท่างของกู่หลินแล้ว จงซานถึงกับพูดไม่ออกทีเดียว คนผู้นี้เป็นถุงที่สานด้วยฟางข้าวเกินไปแล้ว!
草包 cǎobāo ถุงที่สานด้วยฟางข้าว อุปมาว่า คนที่ไร้ความสามารถ ซื่อบื้อ
"กับทหารระดับสูงเช่นนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้ดูเร่งรีบนัก ทั้งที่สำนักทั่วไปถึงร่วมมือกันก็ยากที่จะต้านทาน แต่พวกเขากับค่อย ๆ ทำลายสำนักทีละแห่ง ๆ ไป."กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"อืม กองกำลังขนาดใหญ่เช่นนี้ หากว่าพวกเขาเคลื่อนที่เข้าใกล้สำนักยวีเหิง ดูเหมือนว่าจะน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าภัยพิบัติหมาป่าล้อมสำนักอีก."เซียนเซิงสุ่ยจิงพยักหน้า.
"มีอะไรต้องกลัว ในเมื่อข้าและเฉียนโหยวอยู่ที่นี่ ก็แค่เพียงราชวงศ์จักรพรรดิ แน่นอนย่อมไม่กล้าเข้ามาจัดการสำนักยวีเหิง เฉียนโหยวที่เป็นกงจูราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว ถึงแม้ว่าจะเป็นข้า พวกมันกล้าล่วงเกินอย่างงั้นเหรอ."กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.
ทว่าจงซาน เซียนเซิงสุ่ยจิงและกงจูเฉียนโหยวถึงกับตะลึงงันไปเหมือนกัน คิดจะข่มขู่พวกเขาด้วยสถานะอย่างงั้นรึ?
"ซือจื่อ ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่นั้น ไม่ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว การจะใช้สถานะกดดันพวกเขานั้นไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ในครั้งนี้พวกเขายังเคลื่อนไหวด้วยเรื่องบางอย่าง ไม่สนใจสถานะของพวกเราอยู่แล้ว อีกอย่างการเคลื่อนไหวครั้งนี้พวกเขาก็ทำลายหลักฐานและพยานกำจัดศพ ไม่มีหลักฐานเหลือแม้แต่น้อย."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ส่ายหน้าไปมา.
"เอะ? แล้วจะทำอย่างไรดี? สุ่ยจิง สุ่ยจิงรีบหาวิธีแก้ไขเร็วเข้า."กู่หลินที่ได้ยินคำพูดของสุ่ยจิงก็รู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นหวาดผวาไปในทันที.
เห็นท่าทางของกู่หลินแล้ว เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ได้แต่ฝืนยิ้มออกมา.
"ภัยพิบัติในคราวนี้ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าภัยพิบัติหมาป่านับหมื่น เซียนเซิง ท่านสามารถต่อรองกับพวกเขาได้หรือไม่?"กงจูเฉียนโหยวจ้องมองไปยังจงซาน.
ในคราวนี้ กงจูเฉียนโหยวที่เรียกจงซานว่าเซียนเซิงตรง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้นางยังคงปิดบังสถานะของเขาอยู่จึงไม่ได้กล่าว เซียนเซิงสุ่ยจิงที่รับรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ทว่ากู่หลินนั้นถึงกับจ้องมองตาโตแสดงท่าทางสงสัยอย่างหนัก.
จงซานที่เผยยิ้มออกมาอย่างข่ม ๆ แล้วกล่าวอกมาว่า "การต่อรองกับสัตว์อสูรนั้น ไม่ใช่การต่อรอง ทว่าเป็นเพียงการแก้ปัญหา ทำให้สามารถคว้าโอกาสนั่นได้ ทว่ากองกำลังราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่นั้นดุจดั่งผ่าไม้ไผ่ เมื่อปล้องแรก ๆ แตกปล้องอื่น ๆ ข้างล่างก็จะแยกแตกออกตามคมมีด พวกเขาต้องการไล่ล่าสังหารและจับคนของทุกสำนักที่อยู่รอบ ๆ มีสำนักมากมายถูกสังหารและถูกจับไม่มีเหลือ เห็นได้อย่างชัดเจนว่านี้คือแผนการหนึ่งของราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่ เป็นแผนการที่ต้องการซ่อนสถานที่ลับ ไม่สามารถเอามาเทียบกับหมาป่านับหมื่นได้ การจะเจรจากับพวกเขาจึงนับว่าเป็นเรื่องยาก แทบจะไม่มีโอกาสสำเร็จเลย."
กงจูเฉียนโหยวที่สูดหายใจยาวคิดว่ามันเป็นเรื่องที่วิกฤติทีเดียว.
"เช่นนั้นคงจำเป็นต้องหาวิธีอื่นแล้ว."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็เงียบงัน ทุกคนที่จ้องต้องคิดใคร่ครวญว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์อย่างไร หลังจากนี้สามวัน กองกำลังทหารของราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่จะต้องเคลื่อนที่มาถึงสำนักยวีเหิง แน่นอนว่าพวกเขาคงจะไล่ล่าสังหารคนทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะยอมแพ้ก็ตาม ก็ยังจำกัดจำนวน คนที่อ่อนแอก็จะถูกสังหารทั้งหมดเช่นกัน.
ควรทำอย่างไรดี?
จงซาน สุ่ยจิงและเฉียนโหยว คนทั้งสามที่กำลังครุ่นคิด ซึ่งไม่มีคนกล้ารบกวน คนสามคนที่มีเชาว์ปัญญาที่น่าพรั่นพรึงจะต้องหาคำตอบได้อย่างแน่นอน.
กู่หลินที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว สายตาที่เย็นชากวาดตามองไปยังจงซาน และตั้งความหวังเมื่อมองมายังสุ่ยจิง.
คนทั้งสามที่ครุ่นคิด กับแผนการที่จะรับมือในครั้งนี้ ทุกคนที่กำลังจ้องมองไปยังพวกเขาด้วยท่าทางคาดหวัง.
"สุ่ยจิง เจ้ามีวิธีการใดรีบกล่าวออกมาเร็วเข้า."กู่หลินที่เร่งรีบกล่าวออกมาในทันที.
ราวกับกลัวว่าจงซานจะสามารถหาวิธีการได้ก่อน.
กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังกู่หลิน พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าจงซานที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล กู่หลินผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นคนที่โง่เง่าเป็นอย่างมาก.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ส่ายหน้าฝืนยิ้มออกมา.
"เซียนเซิงสุ่ยจิง ในเมื่อกู่หลินกล่าวว่าเจ้ามีวิธีก็กล่าวออกมาเถอะ."กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มจ้องมองไปยังเซียนเซิงสุ่ยจิง.
"ใช่ ๆ มีอะไรไม่รีบพูดมาล่ะ?"กู่หลินที่ขมวดคิ้วบ่นออกมาทันที.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ฝืนยิ้มออกมา กล่าวออกมาเล็กน้อย "กองกำลังของราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่นั้นจะมาถึงหลังจากนี้สามวัน ทุกคนในสำนักยวีเหิงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ยากที่จะสามารถต่อต้านได้ มีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นเวลานี้ คือจะต้องละทิ้งสำนักแล้วจากไป."
"ละทิ้งสำนัก?"ใบหน้าของหลิวสุ่ยเฟิงที่ขมวดคิ้ว.
ภายในใจของหลิวสุ่ยเฟิงนั้นสั่นไหว ที่นี่คือบ้านของพวกเขา จะบอกให้ล่ะทิ้งไปได้อย่างไร? นอกจากสำนักยวีเหิงนั้น การจะย้ายสำนักยวีเหิงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น สถานที่แห่งนี้เป็นจุดสำคัญเป็นหนึ่งในศาลาเจ็ดดาว เป็นหนึ่งในจุดดาวที่อยู่ในดินแดนทวีปศักดิ์สิทธิ์.
"รอฝนหยุดตก ค่อยหวนคืนรัง กลยุทธ์เมืองร้างอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมา ทว่าจงซานที่อยู่ข้าง ๆ ก็พยักหน้าให้.
"พวกเราจะต้องจากสำนักยวีเหิงไปอย่างงั้นรึ?"หลิวสุ่ยเฟิงที่ขมวดคิ้วสอบถามออกมา.
"ไม่ได้จากไป ทว่าเพียงแค่ปลดค่ายกลของสำนักยวีเหิงออก พร้อมกับเตรียมตัวจากไป ไม่ใช่สิ น่าจะนำคนไปหลบซ่อน ทำให้กองกำลังราชวงศ์ต้าเย่ คิดว่าสำนักยวีเหิงนั้นหวาดกลัวและแตกพ่ายหนีกระจัดกระจายไปแล้ว."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"ทว่ากฎเกณฑ์ของสำนักยวีเหิงจะไม่พังทลายอย่างงั้นรึ?"หลิวสุ่ยเฟิงที่เผยสีหน้ากระอักกระอ่วน.
"ใครบอกว่าสำนักยวีเหิงพ่ายแพ้? ราชวงศ์จักรพรรดิต้ายวีนั้น พวกเขาเพียงต้องการสังหารและจับผู้คน เมื่อไม่มีคน พวกเขาจะจับใคร? ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องการจับกุมคนและศพหรอกรึ? เมื่อพวกเขาจากไปหมดแล้ว จากนั้นพวกเราก็ค่อยกลับมา ตราบเท่าที่คนของสำนักยวีเหิงยังอยู่ สำนักยวีเหิงก็ยังคงอยู่เช่นกัน."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"อืม แค่อพยพจากไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ?"กงจูเฉียนโหยวที่พยักหน้า.
"แล้วพวกเราจะย้ายคนของสำนักยวีเหิงไปที่ใหนล่ะ?"หลิวสุ่ยเฟิงที่ทอดถอนใจ พยักหน้ายอมรับหากอาวุโสเห็นด้วยเขายังจะมีอะไรกล่าวอีกล่ะ มีแต่จะต้องจัดการเท่านั้น.
"แผ่นดินกว้างใหญ่ จะไม่มีที่ซ่อนเลยรึ? เดินทางไปยังทิศตะวันออก เมื่อเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ค่อยกลับมา."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"อืม."หลิวสุ่ยเฟิงพยักหน้า.
ใบหน้าของกู่หลินนั้นแสดงท่าทางพอใจ ราวกับว่าเขานั้นเป็นคนคิดวิธีดังกล่าวนั่นได้ จ้องมองจงซานด้วยสายตาที่เย้ยหยัน.
จงซานที่เห็นสายตาของกู่หลิน แทบต้องมองบน ซื่อบื้อ ถั่วงอก!
***
翻白眼 fan1 bai2 yan3 ฟาน ไป๋ เหยี๋ยน
翻 แปลว่า พลิก(สิ่งที่เป็นแผ่น ๆ เช่น หนังสือ หรือการพลิกลำตัว) กลอก(ดวงตา)
白眼แปลว่า ตาขาว
รวมกันแล้วคือกลอกตาขาวขึ้นบน หรือการมองบน นั่นเอง
***
"เซียนเซิง ท่านคิดว่าอย่างไร?"กงจูเฉียนที่สอบถามจงซานในทันที.
"ข้าคิดว่าแผนการของเซียนเซิงสุ่ยจิงเป็นเรื่องดีมาก หลังจากฝนหยุด ค่อยกลับเข้ารัง กลยุทธ์เมืองร้าง ถือว่ายอดเยี่ยม เพียงแต่ข้าต้องการเสริมอะไรนิดหน่อย เพื่อที่จะไม่ทำให้เหล่าศิษย์สำนักยวีเหิงเมื่อจากสำนักไปต้องเกิดแผลใจ."จงซานที่คิดใคร่ครวญและกล่าวออกมา.
เพื่อรักษาแผลใจของศิษย์สำนักยวีเหิงอย่างงั้นรึ?ทุกคนต่างก็จ้องมองมายังจงซานด้วยท่าทางแปลก ๆ แผลใจ? เป็นความจริง ที่นี่ก็เหมือนกับบ้านของศิษย์ทุกคนของสำนักยวีเหิง เมื่อต้องหลบหนีจากสำนักเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ภายในใจย่อมรู้สึกเศร้าและเสียใจอย่างไม่ต้องสงสัย บางทีแม้แต่คนทั่วไป การต้องจากบ้านไป ย่อมไม่สามารถทำได้โดยง่าย เป็นใครย่อมรู้สึกเสียใจไม่ใช่รึ?แม้ว่าพวกเขาจะไม่เอ่ยออกมา ทว่าภายในใจต้องรู้สึกขมขื่นอย่างถึงที่สุด.
ทุกคนที่จับจ้องมายังจงซาน.
"ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเย่ที่เข้าสังหารทุกคนสำนักต่าง ๆ ไม่หยุด จากสำนักหนึ่งไปยังสำนักหนึ่ง เต็มไปด้วยความดุร้าย?หนำซ้ำยังเข้ามาปล้นสมบัติทุกอย่างไปจนเกลี้ยง ซึ่งมีทั้งสิ่งที่นำไปได้และนำไปไม่ได้ เหมืองศิลาวิญญาณที่มีอยู่ตอนนี้ หากว่ามอบให้กับเหล่าศิษย์ สิ่งของเหล่านี้ยังดีกว่าให้คนอื่นนำไป เมื่อมีการเคลื่อนย้ายสมบัติเล็ก ๆ น้อยไปแล้ว กองกำลังดังกล่าวก็จะไม่เข้ามาในสำนักทำลายข้าวของ สมบัติที่เคลื่อนย้ายได้อย่างน้อยก็เพื่อบำรุงขวัญและใช้จ่ายขณะเดินทาง."จงซานที่กล่าวตอบ.
"หืม?"ทุกคนจ้องมองไปยังจงซานด้วยความงงงัน.
กวนน้ำจับปลา ทว่า คำที่พูดออกมาจากจงซาน ราวกับว่ามันเป็นความชอบธรรมที่เป็นเหมือนกับเรื่องธรรมดา หลิวสุ่ยเฟิงที่ไม่สามารถยอมรับได้ชั่วขณะ ส่วนกู่หลินเองก็กลายเป็นงงงวยด้วยเช่นกัน.
乘火打劫Chéng huǒ dǎjié กวนน้ำจับปลา ความหมายถึงการฉกฉวยยึดเอาผลประโยชน์ของคนอื่นมาขณะเกิดความวุ่นวาย.
มีเพียงแค่กงจูเฉียนโหยวและเซียนเซิงสุ่ยจิงที่พยักหน้า ภายในดวงตาที่มีแววตาถอนหายใจ.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่คิดถึงแผนการหาเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองอู๋ซวังขึ้นมาทันที แผนการที่ไร้ยางอายอย่างไร้เทียมทาน มาจากคนผู้นี้จริง ๆ .
กงจูเฉียนโหยวที่ถอนหายใจให้กับจงซาน คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเปลี่ยนการตั้งรับเป็นการรุก เปลี่ยนสถานการณ์ที่ดูยากกลายเป็นนุ่มนวล.
ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป สำนักยวีเหิงเอง ก็ไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องคว้าผลประโยชน์ไปให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยสำหรับศิษย์ระดับต่ำ ตราบเท่าที่มีความกล้า กล้าที่จะฉกฉวย ไม่เพียงแค่ศิลาวิญญาณเท่านั้น ยังมีสมบัติวิเศษอีกมากมายนับไม่ถ้วน.
"เอาล่ะ ตัดสินใจตามนี้."กงจูเฉียนโหยวที่พยักหน้าเห็นด้วย.