ตอนที่แล้วChapter 186 ความแตกต่างระหว่างหมาป่าและหมาบ้าน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 188 ตราลัญจกรราชวงศ์สวรรค์.

Chapter 187 ผู้ที่ใช้ความจริงใจสร้างความประทับใจให้ผู้คน ผู้คนก็จะสนองตอบด้วยความจริงใจ


จงซานก้าวเข้ามาในค่ายกลสำนักยวีเหิงช้า ๆ .

ทันทีที่เข้ามาข้างใน หลิวสุ่ยเฟิงที่เริ่งรีบสอบถามออกไปในทันที."เป็นอย่างไรบ้าง?"

จงซานที่เผยยิ้มให้กับหลิวสุ่ยเฟิง จ้องมองไปยังทุกคน ท้ายที่สุดก็กล่าวกับกงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองด้วยความสงสัย "โชคดีจริง ๆ ที่ภารกิจแรกของข้าไม่ได้ล้มเหลว หมาป่านับหมื่นกำลังรอคอยฟังความเห็นของสำนักยวีเหิง."

"อึ๊ก!"ทุกคนในสำนักหยวีเหิงที่กลืนน้ำลายคำโตพร้อม ๆ กัน.

"เบี้ยต่อรอง? หมาป่านับหมื่นต้องการสิ่งใดอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาในทันที.

"หลิวอู๋ซ่าง."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง.

"เจ้าลูกทรพี."บนใบหน้าของหลิวสุ่ยเฟิงที่เผยสีหน้าเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะโกรธและเกลียดหลิวอู๋ซ่าง ทว่า ยังไงเขาก็ยังเป็นบุตร จะต้องเฝ้ามองเห็นเขาตายไป บิดาที่ใหนจะยอมรับได้.

"เพียงเท่านี้ก็ดีแล้ว."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่พยักหน้าอยู่ด้านข้าง.

ทว่ากู่หลิน ที่จริงบนใบหน้าปรากฏความริษยาเช่นกัน.

"สามปี!"จงซานที่เอ่ยออกมาในทันที.

"จำนวน?สามปี?"สายตาทุกคนต่างก็จดจ้อง มองไปยังจงซาน ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร กับคำว่าสามปี?

"หลิวอู๋ซ่างได้ทรมานหมาป่าอัคคีถึงสามเดือน หมาป่าอัคคีจึงเรียกร้องที่จะกักขังหลิวอู๋ซ่างสามปี เพื่อชดใช้ให้หมาป่าน้อย ทว่ารับประกันว่าหลิวอู๋ซ่างจะไม่ตายหรือพิการ."จงซานกล่าว.

"เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของหลิวสุ่ยเฟิงแสดงสีหน้าประหลาดใจและดีใจออกมา.

ทว่าสีหน้าของทุกคนตอนนี้เผยท่าทางไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อย จริง ๆ รึ? นี่เขาสามารถแก้ไขปัญหาต่อรองได้จริง ๆ รึ? เหล่าหมาป่ายอมเจรจากับเขาจริง ๆ รึ?

ในความเห็นของหลิวสุ่ยเฟิง ถูกทรมานอย่างงั้นรึ? ชดใช้ ถูกทรมาน ตราบเท่าที่ไม่ตายก็พอแล้ว นอกจากนี้บุตรของเขาควรจะได้รับการสั่งสอน การสามารถรักษาสำนักยวีเหิงเอาไว้ก็โชคดีแล้ว ทว่าตอนนี้ยังสามารถรักษาชีวิตของอู๋ซ่างได้ด้วยรึ?

แววตาของหลิวสุ่ยเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความซาบซึ้งที่มีต่อจงซาน.

"อืม เจ้าไปบอกกับเขา สามปีหลังจากนี้ เขาต้องชดใช้สูญเสียอิสรภาพ."จงซานกล่าวอย่างจริงจัง.

"ได้ ข้าจะไปทันที."หลิวสุ่ยเฟิงเร่งรีบไปในทันที ไม่กล้าที่จะล่าช้า.

อย่างไรก็ตามหากคิดดูอีกที ตราบเท่าที่เขาไม่สูญสิ้นสกุล บุตรชายของเขาไม่ถูกสังหารในทันที ตระกูลของเขาก็ยังมีหวัง เพียงแค่ผ่านสามปีรอดมาได้ก็พอแล้ว กับเรื่องเช่นนี้เขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร.

หลิวสุ่ยเฟิงที่เร่งรีบลากหลิวอู๋ซ่างบินกลับมาด้วยความเร็ว.

บนใบหน้าของหลิวอู๋ซ่างที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน.

"อาวุโส."หลิวอู๋ซ่างที่ได้รับบอกกล่าวต่อหลิวสุ่ยเฟิง เขาที่คุกเข่าให้กับจงซานด้วยความเคารพ.

ตราบเท่าที่รักษาชีวิตไว้ได้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญอะไรก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สามปี สามปีก็แค่พริบตาเดียว เขาที่คุกเข่าคำนับให้กับคนของสำนักไคหยาง ออกมาจากใจเขาจริง ๆ .

"ข้าไม่ใช่อาวุโส หลิวอู๋ซ่าง ก่อนที่ข้าจะส่งเจ้าออกไปด้านนอก ข้ามีคำแนะนำให้กับเจ้า."จงซานที่กล่าวและจ้องมองไปยังหลิวอู๋ซ่าง.

"ครับ."หลิวอู๋ซ่างที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

ทว่าใบหน้าของกู่หลินตอนนี้เผยท่าทางเหยียดหยัน คนอื่น ๆ เองก็เฝ้ามองอย่างอดทน.

"ทุก ๆ คนล้วนแล้วแต่สามารถทำเรื่องผิดพลาดได้ ทว่ามีไม่กี่คนที่ยอมรับข้อผิดพลาดและยอมรับผลที่ตามมา เจ้าจงใช้เวลาสามปีนี้ สำนึกเรื่องราวที่เจ้าทำผิดพลาดในอดีต ภายในสามปีนี้ เจ้าอาจจะได้รับความเจ็บปวดหรือทรมานจากเผ่าหมาป่า ทว่าเพียงแค่เจ้ารักษาชีวิตเอาไว้ได้ก็พอแล้ว หากไม่เจอเมฆฝน แล้วจะเจอรุ้งงามได้อย่างไร? สามปีหลังจากนี้ การที่เจ้าถูกเผ่าหมาป่าทรมานอาจจะเจ็บปวดแทบบ้าคลั่ง แต่ก็จะมีจิตใจที่แข็งแกร่งประดุจหินผา อดทนเหมือนดั่งต้นหญ้า ในอนาคตข้างหน้าชีวิตของเจ้าจะไร้ขีดจำกัด และกลายเป็นมังกรที่พุ่งทะยานได้ หวังว่าเจ้าจะจดจำเอาไว้."จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

ได้ยินคำพูดของจงซานแล้วทุกคนต่างก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วย.

หลิวอู๋ซ่างที่จ้องมองไปยังจงซาน ใบหน้าที่กลายเป็นชื่นชม กล่าวออกมาด้วยความคารพ "หลิวอู๋ซ่างจะจดจำคำสอนของอาวุโสให้มั่น หวังไว้ว่าคงจะได้รับใช้อาวุโสในวันข้างหน้า ขอข้าทราบนามอาวุโสได้หรือไม่?."

ในเวลานี้ แววตาของหลิวอู๋ซ่างที่เต็มไปด้วยความจริงจัง เขาที่ไม่เพียงแต่ซาบซึ้งที่ได้รับการช่วยชีวิต ทว่าคำแนะนำที่เขาได้รับมานั้น ยังทำให้ตัวเขาราวกับบรรลุ ได้ผลกำไรอย่างถึงที่สุด.

เห็นท่าทางใบหน้าที่ซาบซึ้งของหลิวอู๋ซ่างแล้ว กงจูเฉียนโหยวที่อยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วแน่น นางที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยความอัศจรรย์ใจ.

"เฮ้เฮ้ ข้าบอกแล้วข้าไม่ใช่อาวุโส ข้ามีนามว่าจงซาน."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ครับ."หลิวอู๋ซ่างที่โค้งคำนับให้อีกครั้ง.

ใบหน้าของหลิวสุ่ยเฟิงที่ปรากฏรอยยิ้มที่ยากจะเห็นออกมา ที่ได้เห็นท่าทางของบุตรชายในเวลานี้ รอยยิ้มนี้ไม่เพียงแต่สามารถรักษาชีวิตของบุตรชายเอาไว้ได้ ทว่าดูเหมือนบุตรชายของเขาจะโตขึ้นมาหน่อยแล้ว เขาที่จ้องมองไปยังบุตรชาย และจ้องมองไปยังจงซาน แววตาของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ.

"ไปได้แล้ว."จงซานกล่าว.

"ครับ."หลิวอู๋ซ่างที่พยักหน้าในทันที พร้อมกับก้าวตามจงซาน เดินทางออกไปยังนอกค่ายกลสำนักยวีเหิง ก้าวเข้าไปในวงล้อมของหมาป่านับหมื่น.

เห็นจงซานที่นำหลิวอู๋ซ่างจากไป เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมา แววตาของเขาที่ราวกับถอนหายใจ.

กู่หลินที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางริษยา ส่วนหลิวสุ่ยเฟิงที่จ้องมองไปยังด้านหน้า แววตาที่ดูหนักแน่นไม่วางตา อาต้าและอาเอ้อเผยสีหน้าตื่นเต้น.

ส่วนกงจูเฉียนโหยวในเวลานี้ สายตาของนางที่จ้องมองจงซาน พร้อมกับกำหมัดของนางแน่น ทั้งตื่นตกใจและไม่แน่ใจไปพร้อม ๆ กัน.

ด้านนอกค่ายกลนั้น หมาป่านับหมื่นที่กำลังรอคอยอยู่ จงซานที่นำหลิวอู๋ซ่างเดินเข้าไปท่ามกลางวงล้อมของหมาป่าด้วยความมั่นใจ.

บุตรของจื่อเห่าหลางเจียง ดวงตาสีแดงซ่านจ้องมองไปยังหลิวอู๋ซ่างที่อยู่ด้านหลังจงซาน หากเป็นก่อนหน้านี้ หลิวอู๋ซ่างคงหัวหดสั่นล้มพับไปแล้ว ทว่าหลังจากที่ได้รับคำสั่งสอนจากจงซาน คาดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เขาเปลี่ยนไป ตอนนี้ทำให้เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและเชื่อใจ.

"หลิวอู๋ซ่าง มอบให้เจ้า."จงซานที่เอ่ยออกมาต่อหมาป่าอัคคี.

"โบ๋ ๆ  ๆ "

หมาป่าตนหนึ่งที่เงยหน้าหอนเสียงดัง หมาป่านับหมื่นที่รุมล้อม จากนั้นก็ค่อย ๆ ถอยออกจากสำนักยวีเหิงไป เหล่ากองกำลังหมาป่าอันเกรียงไกรก็เริ่มถอนกำลังจากไป ส่วนหลิวอู๋ซ่างที่ตามหมาป่าน้อย เดินทางไปกับหมาป่านับหมื่น เคลื่อนที่ไกลออกไป.

กองกำลังหมาป่านับหมื่น ที่จากไปลับตา แรงกดดันที่น่าหวาดผวา ได้หายไปเรียบร้อยแล้ว.

จงซานยังยืนอยู่หน้าสำนัก จ้องมองเหล่าหมาป่านับหมื่นที่กำลังเคลื่อนย้ายหายไปลับตา.

ทว่าสำนักยวีเหิง เหล่าศิษย์มากมายที่เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ ถอยจากไปแล้ว หมาป่านับหมื่นถอนกำลังไปแล้ว สำนักยวีเหิงปลอดภัยแล้ว.

หลิวสุ่ยเฟิงตลอดจนศิษย์ทุกคนทั่วทั้งสำนักตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ.

กงจูเฉียนโหยวในเวลานี้จ้องมองมายังจงซาน สายตาที่หรี่เล็กลง แววตาที่แสดงท่าทางแปลก ๆ .

จวบจนหมาป่าทุกตนได้หายไปหมดแล้ว จงซานก็หันหน้ากลับ.

จงซานเดินเข้ามาในค่ายกล.

"ขอบคุณ."หลิวสุ่ยเฟิงที่นำศิษย์น้องทั้งสี่เข้ามาขอบคุณจงซาน.

"ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกงจู แน่นอนว่าต้องรับใช้กงจูสุดความสามารถ."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้ม.

"อืม ขอบคุณอาวุโส."คนทั้งหมดที่กล่าวต่อกงจูอีกครั้ง.

"อืม ไปกันได้แล้ว ไว้พูดคุยกันที่ตำหนักยวีเหิง ข้าต้องการรู้แล้วว่าทำไมถึงได้ส่งผู้พิทักษ์สำนักไปยังศาลาเจ็ดดาว."กงจูเฉียนโหยวที่พยักหน้าและกล่าวออกมา.

จากนั้น กงจูเฉียนโหยวที่โบกสะบัด เกิดเมฆสีขาวขึ้นที่ด้านล่างเท้าจงซานพาเขาบินตรงไปยังทิศทางของตำหนักยวีเหิงด้วยกัน.

อาต้าและอาเอ้อ บินตามหลังไป ทว่ากู่หลินที่เห็นกงจูเฉียนโหยวที่นำเฉพาะจงซานไปกับนาง ดวงตาของเขาที่หรี่เล็กจ้องมองด้วยแววตาเศร้าใจ จนไม่สามารถปิดเอาไว้.

เซียนเซิงสุ่ยจิงที่จ้องมองไปยังกู่หลิน เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล.

ศิษย์ลำดับหนึ่งทั้งห้าก็ตามไปในทันทีด้วยเช่นกัน.

ที่ด้านหน้า บนเมฆสีขาวนั้น กงจูที่จ้องมองไปยังจ’ซานที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม."เซียนเซิง การเลือกตั้งที่เมืองอู๋ซวัง กับเรื่องนี้ เพื่อตอบแทนเรื่องที่เกิดขึ้นที่ขุนเขาป้าเหมินรึไม่?"

ในแววตาของกงจูเฉียนโหยวนั้นมีความกังวลอยู่เล็กน้อย เพราะว่าก่อนหน้านี้ จงซานที่ดูนิ่งงันไม่ได้มีวี่แววที่จะช่วย หากว่านางไม่ขอ ถึงแม้ว่าจะซานจะมีวิธี เขาก็ไม่ยินดีเอ่ย ไม่ใช่ว่ามีความหมายอะไรอย่างงั้นรึ?

ความเป็นจริงจงซานนั้นไม่ได้เหมือนกับอาต้าหรืออาเอ้อที่เต็มไปด้วยความภัคดีอย่างที่สุด เขาที่เป็นเพียงแค่ขุนนางคนหนึ่งเท่านั้น เขาที่ทำงานภายใต้คำสั่งเหมือนคนอื่น ๆ  ไม่จำเป็นที่ต้องทำงานเกินกว่าหน้าที.

ส่วนที่เมืองอู๋ซวังนั้น การที่เขาทำงานสุดความสามารถ นางสามารถเข้าใจได้ว่าเขาที่ต้องการชดใช้หนี้ให้นาง? กงจูเฉียนโหยวนั้นไม่ได้มีบุญคุณต่อจงซาน แม้ว่านางหวังที่จะให้เขาติดหนี้นางก็ตาม กับคนที่มีความสามารถเช่นนี้ หากไม่สามารถทำให้เขาทำงานได้เต็มความสามารถ ทุกอย่างก็เสียเปล่าไม่ใช่รึ?

จงซานที่แสดงท่าทางประหลาดใจหันหน้าไปมองกงจูเฉียนโหยว พยักหน้าและกล่าวว่า"เหตุผลนั้น ย่อมไม่ใช่."

ได้ยินคำพูดดั่งกล่าว กงจูเฉียนโหยวที่สามารถยืนยันได้ว่า นางไม่ได้ควบคุมเขาได้เต็มที เขาไม่มีทางที่จะให้นางใช้งานเขาได้อย่างสมบูรณ์ นางไม่ใช่เจ้าชีวิตของเขา อย่างไรก็ดี ตอนนี้นางก็รู้แล้วว่าเวลานี้ไม่ได้ควบคุมเขาเต็มร้อย จะช่วยนางหรือไม่นั้น แล้วแต่โอกาส อย่างไรก็ตาม จากน้ำเสียงของจงซานแล้ว จะซื่อสัตย์หรือไม่นั้นก็ต้องพิสูจน์ต่อไป.

กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวลสอบถาม"เห็นท่าทางของหลิวอู๋ซ่างแล้ว หากเซียนเซิงต้องการเขามาใช้งาน ย่อมไม่มีทางปฏิเสธและยังเต็มไปด้วยความภัคดี เฉียนโหยวต้องการที่จะปรึกษา เซียนเซิงมีวิธีการอย่างไร? เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ กับลึกซึ้งและสามารถครองใจคนได้?"

จงซานที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยวด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่านางจะถามออกมาตรง ๆ  นอกจากนี้แววตาของนางยังผิดปรกติอีกด้วย.

จงซานที่สูดหายใจยาว กล่าวออกมาอย่างจริงจัง"ผู้ที่ใช้ความจริงใจสร้างความประทับใจให้ผู้คน  ผู้คนก็จะสนองตอบด้วยความจริงใจ."

กับความหมายของจงซานนั้นราวกับจะสื่อว่า ท่านทำกับคนอื่นเช่นไร คนอื่นก็จะทำเช่นนั้นกับท่าน.

ได้ยินคำพูดของจงซานแล้ว กงจูเฉียนโหยวที่ดวงตาหดเกร็ง จากนั้นก็คิดถึงเรื่องของจงซาน เป็นความจริง ว่าทำไมเขาต้องตอบแทนนาง?ไม่ใช่ว่านางได้มอบบุญคุณให้กับเขาก่อนหรอกรึ?

"เฉียนโหยวจะจดจำเอาไว้."กงจูเฉียนโหยวที่โค้งคำนับให้กับเขาในทันที.

เห็นกงจูเฉียนโหยวคำนับให้กับเขาเล็กน้อย จงซานที่ขมวดคิ้วแน่น ก่อนที่จะเร่งรีบกล่าวออกไปว่า"ผู้น้อยมิกล้า กงจูได้ใช้เงินมากมายเพื่อช่วยเหลือการฝึกฝน แน่นอนว่าข้าย่อมต้องตอบแทน อีกอย่างผู้น้อยก็เป็นเพียงองค์รักษ์หลวง."

กงจูเฉียนโหยวที่ส่ายหน้าไปมา กล่าวยืนกราน "ไม่ นับจากวันนี้ไป เซียนเซิงก็คือเซียนเซิง องค์รักษ์หลวงก็แค่ตำแหน่งชั่วคราว."

"กงจูคิดมากเกินไป จงซานรู้สึกลำบากใจ."จงซานที่กล่าวออกมาทันที ถอนหายใจเบา ๆ  จนปัญญา การจะใช้งานคนนั้น ย่อมต้องแสดงความเคารพ เพื่อที่จะให้ได้ความเคารพ.

"คิดมากไป ที่เฉียนโหยวคิดมากไป เพียงเพราะไม่ต้องการเสียเซียนเซิงไป ย่อมทำให้เฉียนโหยวต้องคิดมากไป."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม การปฏิบัติกับคนอื่น ๆ ด้วยความจริงใจ เพื่อให้ได้รับความจริงใจ กับเรื่องที่นางกล่าวเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลย.ไม่จำเป็นที่ต้องอ้อมค้อม.

เห็นท่าทางของกงจูเฉียนโหยวแล้ว จงซานที่ฝืนยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า"ดูเหมือนว่า ผู้น้อยจะหาเรื่องใส่ตัวแล้ว!"

"หาเรื่องใส่ตัวอย่างงั้นรึ? เฮ้เฮ้ คำพูดของเซียนเซิงช่างลึกซึ้งนัก เซียนเซิงโปรดวางใจหลังจากนี้เฉียนโหยวย่อมต้องปฏิบัติกับเซียนเซิงด้วยความจริงใจ หวังว่าเซียนเซิงเอง จะปฏิบัติกับเฉียนโหยวด้วยความจริงใจเช่นกัน."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น.

"ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ ข้าคงจะสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นอีกมากมายแล้ว."จงซานที่ฝืนยิ้มออกมา หลังจากนี้เขาคงได้กลายเป็นกุนซือของนางแบบเต็มตัว ไม่สามารถปิดซ่อนเอาไว้ได้อีกแล้ว.

"สร้างศัตรูมากมายอย่างงั้นรึ? เฮ้เฮ้ เชาว์ปัญญาของเซียนเซิงสูงเทียมฟ้า นิ่งสงบดุจดั่งขุนเขา ใยต้องหวาดกลัวกระแสลมพัดด้วยล่ะ?นอกจากนี้ยังมีเฉียนโหยว เซียนเซิงสามารถที่จะนอนหลับสบายอย่างแน่นอน."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"กงจูล้อเล่นแล้ว ผู้น้อยเป็นเพียงต้นไม้ที่ไร้ราก หวังเพียงพึ่งพิงใต้ไม้ใหญ่เช่นกงจูหลบลมฝน."จงซานที่ส่ายหน้ากล่าวออกมา.

ดูเหมือนสถานะต่ำต้อยที่แอบหลบซ่อนอยู่ของเขาจะถึงคราวต้องปรับเปลี่ยนแล้ว เป็นไปได้ว่าเขาคงจะได้รับสถานะใหม่ในไม่ช้านี้.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด