ตอนที่แล้วChapter 183 ออกเดินทาง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 185 คนผู้หนึ่ง ที่มีลิ้นทอง.

Chapter 184 สำนักยวีเหิง.


สถานที่แห่งนี้อยู่เพียงแค่ครึ่งทางจากเมืองหลวงของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีเท่านั้น ซึ่งยังอยู่อีกไกลมาก ต้องใช้เวลาอีกครึ่งปี พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวล นอกจากนี้ยังได้ส่งเหล่าคณะทูตล่วงหน้าไปก่อน เพื่อตรียมการทุกอย่างเอาไว้.

"เฉียนโหยว ทำไมเจ้าต้องเข้าร่วมสำนักยวีเหิงด้วย นี่เป็นเพียงแค่สำนักเล็ก ๆ ไม่ใช่รึ?"กู่หลินที่ขมวดคิ้วสอบถาม ขณะอยู่บนเมฆสีขาว.

"สำนักยวีเหิง สำนักเล็ก นั่นคือหนึ่งในศาลาเจ็ดดาว?"กงจูเฉียนโหยวที่ส่ายหน้าไปมา.

"ศาลาเจ็ดดาว? ศาลาเจ็ดดาวที่น่าเกรงขาม ทำไมถึงได้เกิดจากสำนักเล็ก ๆ ทั้งเจ็ด? บิดาของข้าที่กล่าวว่า เจ้ารู้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องทำเช่นนี้ อีกอย่างหนึ่ง ศาลาเจ็ดดาวและราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรกัน?"กู่หลินที่ขมวดคิ้วสอบถามออกมา.

"ความสัมพันธ์ใด?เฮ้เฮ้ ทำไมเจ้าไม่ไปถามบิดาเจ้า อ๋องต้าเสวียนล่ะ ข้าเองก็ไม่เข้าใจ."เฉียนโหยวส่ายหน้าไปมา เห็นชัดเจนว่านางไม่ต้องการจะตอบ.

"สุ่ยจิง เจ้าบอกข้าสิ."กู่หลินที่ต้องการเข้าใจเรื่องดังกล่าว.

"ซือจื่อมีสิ่งใดต้องการรู้อย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ฝืนยิ้มออกมา.

"เจ้าบอกข้าเกี่ยวกับศาลาเจ็ดดาวด้วย ทำไมถึงได้ก่อตั้งขึ้นจากสำนักเล็ก ๆ ทั้งเจ็ด นอกจากนี้ยังกระจายกันไปทั่วทุกสารทิศอีกด้วย? ข้าลองหาข้อมูล สำนักเล็กทั้งเจ็ดหากว่าต้องการความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ควรจะรวมเป็นหนึ่งไม่ใช่รึ นี่กับกระจายไปทั่วสารทิศเช่นนี้ มันจะมีประโยชน์อะไร ทำไมถึงต้องกระจายไปทั่วทุกสารทิศด้วย?"กู่หลินสอบถาม.

"กระจายไปทั่วทุกสารทิศอย่างงั้นรึ? เฮ้เฮ้ เทียนชู เทียนเสวียน เทียนจี เทียนเสวียน ยวีเหิง ไคหยางและเหยากวง สำนักขนาดเล็กทั้งเจ็ด ไม่ได้กระจายไปทุกทิศทุกทางอย่างไม่มีความหมาย."สุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมาขณะพูด.

"ไม่ได้กระจายไปทุกทิศทางอย่างงั้นรึ?มีทั้งบนเกาะหมาป่าสวรรค์ และราชวงวงศ์ต้ายวี และยังมีราชวงศ์วาสนาอื่น ๆ อีก ไม่ใช่ว่าควรที่จะอยู่ในสถานทีเดียวกันหรอกเหรอ."กุ่หลินที่เอ่ยถาม.

กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย ถอนหายใจเบา ๆ  จ้องมองไปยังเซียนเซิงสุ่ยจิง.

"ศาลาเจ็ดดาวนั้น เป็นสำนักที่เกิดจากสำนักเล็กทั้งเจ็ดถูกตั้งวางอยู่ในตำแหน่งที่ต่าง ๆ กัน ตำแหน่งต่าง ๆ นั้น หากซือจื่อสังเกตดี ๆ บนแผนที่ล่ะก็ จะพบว่าตำแหน่งต่างของสำนักทั้งทั้งเจ็ดนั่น เป็นตำแหน่งของกลุ่มดาวกระบวยใหญ่."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.

"เซียนเซิงสุ่ยจิงช่างลึกล้ำนัก."กงจูเฉียนโหยวกล่าวชมพลางถอนหายใจ.

"มิกล้า ๆ ."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้ม.

"แล้วสำนักยวีเหิงตอนนี้ มีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่ขมวดคิ้วไปมาพลางสอบถาม.

"เกิดอะไรขึ้น ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ทว่าเกี่ยวกับทำเนียมของสำนักยวีเหิงแล้วการเชิญอาวุโส กลับสำนักนั้น สำนักยวีเหิงในเวลานี้อยู่ในภาวะวิกฤติอย่างแน่นอน หากเจ้าสำนักตาย จำเป็นต้องเชิญอาวุโสสองคนขึ้นไป แต่ในเวลานี้ เชิญแค่เพียงแค่คนเดียว ย่อมมีความหมายลึกซึ่ง เมื่อไปถึงก็จะเข้าใจเอง."กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมา.

สองเดือนหลังจากนั้นที่ไกลออกไปออกไปด้านหน้า ก็ปรากฏเห็นสำนักยวีเหิงที่อยู่ไกลออกไป.

"บู๋ ๆ  ๆ "

ที่ไกลออกไปนั้น ได้ยินเสียงของหมาป่าที่โหยหวน.

จงซานที่หรี่ตาจ้องมองลงไป ในเวลานั้น ที่ด้านล่างหุบเขา มีหมาป่าอัคคีมากมายชุมนุมตัวกันอยู่.

หมาป่า จงซานที่เห็นหมาป่าก็รู้สึกซับซ้อน ทว่าที่แห่งนี้มีหมาป่ามากมายขนาดนี้เลยรึ? เป็นพื้นที่ของดินแดนหมาป่ารึ? บางทีสถานที่แห่งนี้คงถูกหมาป่าล้อมรอบ.

ทว่าขณะที่กงจูเฉียนโหยวหรี่ตาจ้องมองลงไปด้านล่าง เมฆสีขาวที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วอยู่นั้น.

"ตูมม ตูมม ตูมม  ตูมม ตูมม"

บอลเพลิงมากมายที่ทะยานขึ้นมาจากด้านล่างในทันที เมฆสีขาวที่อยู่ด้านหลังกำลังเคลื่อนที่หลบบอลเพลิงที่หมาป่าอัคคีกำลังพ่นออกมาไม่หยุดหย่อน บอลเพลิงที่กำลังไล่ล่ากลุ่มของจงซาน.

อย่างไรก็ตาม เมฆสีขาวนั้นมีความเร็วมาก ๆ  นอกจากนี้ยังสามารถหลบหลีกหลีกหนีได้อย่างคล่องแคล่ว สามารถหลบห่าบอลเพลิงได้อย่างง่ายดาย ข้ามผ่านเทือกเขาไปได้ ทว่ากับสิ่งที่พวกเขาเห็นนี้ กองกำลังหมาป่ามากมาย หมาป่าอัคคีที่รวมตัวอยู่ในเวลานี้ จงซานไม่คิดว่าที่แห่งนี้เป็นเขตแดนหมาป่า แต่ดูเหมือนว่าจะมีหมาป่านับหมื่นที่รวมตัวกันอยู่ที่แห่งนี้ด้วยความบ้าคลั่ง.

อย่างไรก็ตาม หมาป่านับหมื่นแห่งนี้ เพียงแค่ล้อมรอบเอาไว้ ยังไม่ได้บุกเข้าไปด้านใน ทว่าส่วนมากแล้วจะมีพลังฝึกตนระดับแกนทองอยู่จำนวนหนึ่ง ที่มากสุดก็คือระดับเซียนเทียน.

เมฆสีขาวที่บินข้ามพวกหมาป่าจำนวนมาก และมุ่งตรงไปยังลานขนาดใหญ่ด้านหน้า.

พื้นที่แห่งนี้ดูเหมือนกับสำนักไคหยางเป็นอย่างมาก มีอักษรขนาดใหญ่สลักบนศิลา.

สำนักยวีเหิง!

ที่ด้านหน้าสำนักยวีเหิง ด้านนอกมีหมาป่ายักษ์มากมาย ขนาดใหญ่สุดมีขนาดถึง 40 เมตร มีพลังก่อตั้งวิญญาณเป็นอย่างต่ำ มีหมาป่ายักษ์ที่ดุร้ายเฝ้าอยู่ด้านหน้าของสำนัก ด้านหลังก็เป็นฝูงของหมาป่าอัคคีอีกมากมาย.

"กงจูเฉียนโหยวที่บังคับเมฆสีขาวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปในค่ายกลของสำนักยวีเหิงในเสี้ยวอึดใจ ข้ามผ่านหมาป่าจำนวนมากที่อยู่ด้านหน้า เมฆสีขาวที่สามารถหลบหลีกเข้าไปในค่ายกลของสำนักยวีเหิงอย่างรวดเร็ว.

"วูซซ วูซซ วูซ วูซซ วูซซ!!"

หมาป่ายักษ์ตัวใหญ่ที่แทบไม่ขยับ หมาป่ายักษ์กว่า 300 ตัว ที่พ่นเพลิงลูกมหึมาส่งออกมากระแทกเมฆสีขาวที่เคลื่อนที่เร็วเป็นอย่างมาก.

"ตูมมมมมมมมม"

พวกเขาที่แทรกเข้าไปในค่ายกลของสำนักยวีเหิง บอลเพลิงกว่าสามร้อยลูกโจมตีกระแทกค่ายกล ส่งผลให้ผืนปฐพีสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง.

"ครืนนนนนนน"

กู่หลินที่หันไปจ้องมองบอลเพลิงขนาดมหึมาที่กระแทกเข้ากับค่ายกล ถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ.

"นี่มันอะไรกัน สำนักยวีเหิงกำลังทำอะไร? ไปยุแหย่หมาป่ามากมายขนาดนี้? พวกมันกำลังบุกเข้ายึดสำนักยวีเหิงอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่แสดงท่าทางประหลาดใจ.

กงจูเฉียนโหยวที่ไม่กล่าวอะไร ทว่าเพียงแค่ขมวดคิ้วไปมา เมฆสีขาวที่นำพวกเขาพุ่งตรงไปยังใจกลางสำนัก ตำหนักยวีเหิงบนยอดเขายวีเหิง.

ขณะที่เมฆสีขาวบินข้ามเข้าไปด้านใน ก็มีคนห้าคนที่เร่งรีบบินออกมา พวกเขาย่อมสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนเข้าไปยั่วกลุ่มหมาป่าจนทำให้พวกมันโจมตีออกมา ขณะที่พวกเขากำลังจะออกไปต่อว่า ก็เห็นเมฆสีขาวที่กำลังบินเข้ามา ศิษย์ขั้นหนึ่งของสำนักยวีเหิงก็เร่งรีบบินออกไปในทันที.

"คารวะอาวุโส."คนห้าคนที่บินออกไป แสดงท่าทางเคารพขณะที่ลอยอยู่บนอากาศในทันที.

"เข้าไป คุยกันที่ข้างในตำหนัก."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"รับทราบ."คนทั้งห้าที่ตอบรับกงจูเฉียนโหยว พร้อมกับบินตรงไปยังตำหนังยวีเหิงที่อยู่ไกลออกไป.

จงซานที่จ้องมองเหล่าศิษย์สำนักยวีเหิงโดยรอบ อยู่ในสภาวะหวาดผวา.

หลังจากเข้ามาข้างในประจำทีเรียบร้อยแล้ว จงซานที่จ้องมองไปยังคนทั้งห้า เป็นผู้ชายสามคน ผู้หญิงสองคน ชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนปุถุชนในวัยกลางคน สวมชุดสีขาวนวล ซึ่งมีคนทั้งสี่ยืนอยู่ด้านหลัง เห็นได้ชัดเจนว่าชายคนดังกล่าวนั้นคือประมุขสำนักยวีเหิง ทว่าคนทั้งสี่น่าจะเป็นศิษย์น้องชายและหญิง.

"อาวุโส."ประมุขของสำนักยวีเหิงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวล.

"หลิวสุ่ยเฟิง เกิดอะไรขึ้น?เจ้าส่งผู้พิทักษ์สำนักไปยังศาลาเจ็ดดาว แจ้งเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน คือหมาป่าหมื่นตัวที่ล้อมรอบสำนักที่นี่อย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วสอบถาม.

"ไม่ ๆ  มีอีกเรื่องต่างหาก เรื่องหมาป่าหมื่นตนที่ล้อมรอบสำนัก ที่จริงเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันมานี้เท่านั้นเอง."ประมุขยวีเหิง หลิวสุ่ยเฟิงกล่าวออกมาทันที.

"หืม?"กงจู่เฉียนโหยวที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.

ทุกคนที่จ้องมองไปยังหลิวสุ่ยเฟิง.

"อาวุโส ปัญหาแรกตอนนี้คือการทำให้หมาป่านับหมื่นถอนกำลังไปก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ค่อยว่ากันอีกครั้งเถอะ."หลิวสุ่ยเฟิงกล่าว.

"อืม."กงจูเฉียนโหยวพยักหน้า เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอีกเรื่องนั้นเวลานี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนถึงขนาดนั้น.

"หมาป่าที่ด้านนอกที่เข้ามาล้อมรอบโจมตีสำนักยวีเหิงพวกมันไม่ได้ไร้ซึ่งเหตุผลอย่างแน่นอน."กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"เรื่องนี้เป็นเพราะเจ้าลูกทรพีของข้าเป็นเหตุ."หลิวสุ่ยเฟิงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางละอายใจ.

"อืม พูดมา."กงจูเฉียนโหยวพยักหน้าและกล่าว.

"เจ้าลูกทรพี ไม่นานมานี้มันได้นำเหล่าศิษย์ขั้นสอง เข้าไปในภูเขาเพื่อจับตัวหมาป่าอัคคีระดับแกนทองขั้นต้น ต้องการเอามาฝึก ทว่า หมาป่าอัคคีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะทำเช่นนั้นได้ พวกมันไม่มีทางสามารถจับมาฝึกได้ และหมาป่าอัคคีตนนั้นได้ถูกเจ้าลูกทรพีทำร้ายบาดเจ็บสาหัส จนเกือบตาย การการกระทำของเจ้าลูกทรพีนั่น จึงได้นำภัยพิบัติมาให้พวกเรา เป็นไปได้ว่าหมาป่าตนนั้นจะไม่ธรรมดา จึงเป็นเหตุให้หมาป่ามากมายตามมาแก้แค้น ตอนนี้ที่ด้านนอกนั้นมีหมาป่ามากมายเข้ามารุมล้อม."ใบหน้าของหลิวสุ่ยเฟิงที่เต็มไปด้วยความอับอาย.

"หมาป่าอัคคีระดับแกนทองขั้นต้นอย่างงั้นรึ?บุตรชายของเจ้าช่างมีความสามารถจริง ๆ ."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"หึม ใครจะรู้ว่านั่นจะเป็นการสร้างภัยพิบัติที่ใหญ่หลวงให้กับพวกเรา? ที่ด้านนอกนั้นมีหมาป่าระดับก่อตั้งวิญญาณกว่าสิบตัวและหมาป่าระดับแกนทองอีกมากมาย ระดับเซียนเทียนอีกนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ."หลิวสุ่ยเฟิงที่ฝืนยิ้มออกมา.

"เอาล่ะ บุตรชายเจ้าล่ะ?"ใบหน้าของกงจูเฉียนโหยวที่แสดงท่าทางเคร่งขรึม.

ได้ยินคำพูดของกงจูเฉียนโหยวแล้ว ใบหน้าของหลิวสุ่ยเฟิงเปลี่ยนเป็นแดงซ่าน.

"มีปัญหาอะไร?ยังมีอะไรนอกเหนือจากนั้นอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิดไปมาขณะพูด.

"ไม่ ๆ  เจ้าลูกทรพีนั่นหวังพึ่งอะไรไม่ได้เลย พอมันเห็นหมาป่านับหมื่นล้อมรอบสำนัก มันก็หนีไปซ่อนตัวอยู่ในห้อง."หลิวสุ่ยเฟิงที่ได้แต่ทอดถอนใจ.

ทุกคนที่ได้ยินหลิวสุ่ยเฟิงพูดถึง ก็ตะลึงไปเลยทีเดียว แม้แต่กู่หลินยังพูดไม่ออก.

"บุตรชายของเจ้านี้มันเปี่ยมความสามารถจริง ๆ  นำมาซึ่งความล่มจมมาให้สำนักยวีเหิง ตัวเองหนีไปซ่อนตัวอยู่ในห้องอย่างงงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่แค่นเสียง.

"เจ้าลูกทรพีนี้ไม่สามารถพึงอะไรได้เลย ตอนนี้สำนักยวีเหิงกำลังเผชิญวิกฤติใหญ่แล้ว ขอให้อาวุโสช่วยทำให้หมาป่าหมื่นตัวล่าถอยไปด้วย ส่วนอาวุโสจะลงโทษเจ้าลูกทรพีอย่างไรก็แล้วแต่อาวุโสแล้ว."หลิวสุ่ยเฟิงที่ได้แต่ถอนหายใจ.

"ให้ข้าลงโทษอย่างงงั้นรึ? ข้ามีหน้าที่ลงโทษอย่างงั้นรึ?ส่งให้กับผู้พิทักษ์สำนัก เขาจะลงโทษอย่างไร ก็แล้วแต่เขา."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว.

"ครับ "หลิวสุ่ยเฟิงที่พยักหน้าตอบรับในทันที.

"หมาป่าอัคคีด้านนอก มาจากที่ใหนกัน?เพียงไม่นานทำไมถึงได้มีมากมายขนาดนี้?"กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วและสอบถามออกมา.

"ทิศตะวันตกเฉียงเหนือนั้น มีเทือกเขาอัคคีโชติช่วงเป็นสถานที่อยู่ของหมาป่า"หลิวสุยเฟิง

"เทือกเขาหมาป่าโชติช่วงอย่างงั้นรึ?"ดวงตาของกงจูเฉียนโหยวได้ชำเลืองมองออกไป.

"ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าสามารถใช้กำลังไล่ไปหรอกรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่สอบถามออกมาทันที.

"พวกเราไม่กล้า."หลิวสุ่ยเฟิงที่กล่าวออกมา.

"ไม่กล้าอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่หรี่ตาจ้องมองไปยังหลิวสุ่ยเฟิง.

"หมาป่ามากมายเหล่านี้ ที่พวกเราไม่กล้าใช้กำลังไล่ไปนั้น ด้วยเกรงว่าจะนำพา จื่อเห่าหลางเจียงมา."หลิวสุ่ยเฟิงกล่าวด้วยท่าทางเป็นกังวล.

"หืม ถึงเทือกเขาอัคคีรุ่งโรจน์นั้นจะเป็นที่อยู่อาศัยของจื่อเห่าหลางเจียง ทว่าเผ่าหมาป่าก็ไม่ควรเข้ามาโจมตีสำนักอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ นอกจากนี้เจ้าบอกว่าได้ทำร้ายหมาป่าไปแค่ตัวเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะนำพาหมาป่ามากมายขนาดนี้มา หลิวสุ่ยเฟิง เจ้ากำลังปิดบังความจริงอะไรจากข้ากัน?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยความโกรธ.

"มิกล้า ๆ  ผู้น้อยกล่าวความจริงทุกอย่าง ไม่กล้าโป้ปดแม้แต่คำเดียว."หลิวสุ่ยเฟิงที่กล่าวออกมาทันที.

"อาวุโส ประมุขได้กล่าวความจริงทั้งหมด ไม่ได้มีตกหล่นแม้แต่น้อย."คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กล่าว.

"ใช่แล้ว อาวุโส พวกเรายืนยันได้."คนอื่น ๆ เองก็กล่าวรับรองเช่นกัน.

เห็นคนทั้งห้าที่กล่าวยืนยัน ทำให้กงจูเฉียนโหยวสูดหายใจยาว"ในเมื่อพวกเจ้าไม่ได้ซ่อนความจริงอะไรจากข้า เช่นนั้นบุตรชายของเจ้าต้องซ่อนความจริงบางอย่าง หรือว่าเขาไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด."

ได้ยินคำพูดของกงจูเฉียนโหยวกล่าว หลิวสุ่ยเฟิงที่กำหมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ จ้องมองไปยังชายสองคนที่อยู่ด้านข้าง."ศิษย์น้องทั้งสอง รบกวนพวกเจ้าช่วยข้าไปจับลูกทรพีมาด้วย."

"ครับ ท่านประมุข."ชายอีกสองคนที่ตอบรับคำในทันที.

จากนั้นพวกเขาก็ออกไป ส่วนคนอื่น ๆ ตอนนี้รอคอยอยู่ภายในห้องโถง.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด