Chapter 183 ออกเดินทาง.
เห็นท่าทางของจงเจิ้งแล้ว จงซานก็รู้สึกพึงพอใจ.
ทว่าคนอื่น ๆ ในเวลานี้กับรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย เพราะจากน้ำเสียงของจงซานแล้ว ตอนนี้เริ่มตั้งเป้าหมายไปที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์แล้ว.
"เรื่องของจงเจิ้งให้จงเจิ้งจัดการ ทว่าเรื่องของพวกเจ้า ตอนนี้ดินแดนภาคใต้ถูกรวมไปเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้น พวกเรากำลังเล็งไปยังดินแดนภาคเหนือของเกาะหมาป่าสวรรค์."จงซานกล่าว.
"กูเหยี่ยเยี่ย เตรียมที่จะรวบรวมดินแดนทุกอย่างของเกาะหมาป่าสรรค์แล้วอย่างงั้นรึ?"หยิงหลานถาม.
"ภาคเหนือเกาะหมาป่าสวรรค์นั้น มีราชวงศ์จักรพรรดิหยินเยว่ และอีกสามราชวงศ์กษัตริย์ ตอนนี้อยู่ในสภาวะถดถอย เจ้าจงเร่งรีบสั่งสมพลัง เมื่อมีพลังเพียงพอ พวกเราจะตัดสินเป็นตายกับอาณาจักรทั้งสี่ ท้ายที่สุด ต้าเจิ้งของข้า ก็จะกลายเป็นผู้พิชิตเกาะหมาป่าสวรรค์และกุมอิทธิพลทั้งหมดเอาไว้."จงซานกล่าว.
"กุมอิทธิพลทั้งหมด?ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะหมาป่าสวรรค์มีสำนักต่าง ๆ มากมาย?"หยิงหลานกล่าว.
"เฮ้เฮ้ พวกเขาจะยินดีเข้าร่วมกับราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้งนั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุด หากไม่ยินดี พวกเขายังจะสามารถพักผ่อนอย่างสบายใจในสำนักได้อย่างงั้นรึ? มีเพียงแต่ต้องย้ายหนีออกไปยังที่อื่น เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะก้าวไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
จงซานที่กล่าวเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ทุกคนเองก็ฟังด้วยความรู้สึกปกติ ทว่าหากเรื่องนี้กระจายไปทั่วแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าเพียงแค่ไม่กี่วันคงจะวุ่นวายโกลาหลและถูกส่งไปยังสำนักเซียนเกือบทุกที่และราชวงศ์ต่าง ๆ ทั่วทางภาคเหนืออย่างแน่นอน.
"หยิงหลาน ค่ายกลแปดประตูกุญแจทองของเจ้า เป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อครั้งนั้นไท่ซูจื่อเพียงแค่คนเดียวยังสามารถกักผู้ฝึกตนกว่าพันคนได้อย่างชะงัด."จงซานเอ่ย.
"กู่เหยี่ยเยี่ย โปรดวางใจ ค่ายกลแปดประตูกุญแจทองในเวลานี้ แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณเข้ามา ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย."หยิงหลานที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ.
"อืม หากเป็นเช่นนี้แล้วล่ะก็ เจ้าก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม และฝึกฝนไปให้ถึงระดับก่อตั้งวิญญาณ ศัตรูจึงจะได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
ได้ยินคำพูดของจงซานแล้ว ใบหน้าของหยิงหลานที่ซีดลง"กู่เหยียเยี่ยใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถต่อต้านสวรรค์เช่นท่านได้ พลังฝึกตนของพวกเราและข้าตอนนี้อยู่ในระดับเซียนเทียน ไม่ได้คิดที่จะมีพลังขนาดนั้น หากสามารถก้าวไปถึงระดับแกนทอง ก็นับว่าดีเยี่ยมแล้ว มีเหรอที่จะมุ่งหวังว่าจะก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณ."
"ฮ่าฮ่า เจ้าสามารถก้าวไปถึงได้แน่."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"หลินเซียว เจ้าจงพยายามฝึกฝนมือธนูเอาไว้ ให้พวกเขาเตรียมพร้อม อีกไม่กี่ปี่หลังจากนี้ ข้าจะเปลี่ยนให้กองกำลังต้าเจิ้งของพวกเราใช้ศรปราณทะลวง หากว่ามีอาวุธเช่นนั้นแล้วล่ะก็ แม้แต่ผู้ฝึกตนก่อตั้งวิญญาณ ก็ยากที่จะหนีพ้น."จงซานกล่าว.
"ครับ."หลินเซียวที่พยักหน้าตอบรับในทันที.
"ไท่จง แท่นบูชาสวรรค์ ให้เจ้าเป็นคนจัดการ เตรียมมันให้พร้อม."จงซานที่กล่าวต่อเหว่ยไท่จง.
"ครับ."เหว่ยไท่จงพยักหน้า.
แท่นบูชาสวรรค์ ก็คือสิ่งก่อสร้างรองรับวาสนาตาม"แปลนศาลสวรรค์"แน่นอนว่านับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับจงซาน.
จากนั้น จงซานที่มอบหมายงานให้กับทุกคน ภายใต้สายตาของหยิงหลานที่ตัดใจไม่ลง ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้าย.
ในห้องโถงหลักเวลานี้ มีเพียงร่างแยกจงซานและเชวียนเป่าเอ๋อสองคน.
"อันหวง."จงซานที่เอ่ยออกมา.
จากมุมมืด ร่างเงาที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาช้า ๆ .
"เหนือหัว "อันหวงที่กล่าวออกมาในทันที.
จงซานที่จ้องมองไปยังอันหวงเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล."คาดไม่ถึงเลยว่าพลังฝึกตนของเจ้าจะรวดเร็วขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะก้าวไปถึงระดับแกนทองแล้ว ทว่า นี่ก็ถือว่ายอดเยี่ยม เมื่อเจ้าไปถึงระดับแกนทอง ข้าก็รู้สึกวางใจมาก นอกจากนี้เจ้ายังเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วในเงามืด."
"ขอบพระทัยฝ่าบาท."อันหวงที่เอ่ยตอบรับ.
"ในเวลานี้ ให้ส่งองค์รักษ์เงา ไปลอบโจมตีคนสำคัญของราชวงศ์จักรพรรดิหยินเยว่และสามราชวงศ์กษัตริย์ทั้งสามทางภาพเหนือ เปิดทางให้ข้าบุกเบิกดินแดนใหม่."จงซานเอ่ย.
"รับด้วยเกล้า."อันหวงกล่าวตอบรับ.
"อืม แต่มีคนผู้หนึ่ง พวกเจ้าต้องระวังเป็นพิเศษ ."จงซานที่คิดใคร่ครวญและกล่าวออกมา.
"ใครกันรึ?"อันหวงกล่าว.
"เขามีนามว่าเซียนเซิงซือ ของราชวงศ์จักรพรรดิหยินเยว่ เมื่อองค์รักษ์เงาไปถึงแล้ว ให้พวกเขาสอดแนมคนผู้นี้เอาไว้ คนผู้นี้มีวิชาที่ไม่ธรรมดา."จงซานที่กล่าวบอก.
"เขามีวิชาที่ไม่ธรรมดาอย่างงั้นรึ?"อันหวงที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"อืม ข้าได้เจอคนผู้นี้อยู่หลายครั้ง แม้ว่าคนนี้จะทำงานให้กับราชวงศ์จักรพรรดิหยินเยว่ ทว่าดูเหมือนว่าเขาจะมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา ไม่ได้รับใช้ราชวงศ์จักรพรรดิหยินเยว่แต่อย่างไร นอกจากนี้เขายังมีวิชาที่แปลกประหลาด จงระวังเอาไว้ให้ดี."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"เป็นวิชาอะไรอย่างงั้นรึ?"อันหวงสอบถาม.
"ควบคุมเจียงซือ."จงซานตอบ.
"ควบคุมเจียงซืรึ?"อันหวงที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"อืม เขาสามารถควบคุมเจียงซือได้เป็นจำนวนมาก และยังเป็นเจียงซือที่น่าเกรงขามมาก ไม่เพียงแต่สามารถบินได้ ทว่ายังสามารถดำดินได้อีกด้วย หากว่าพบกับคนผู้นี้แล้ว ระวังตัวเอาไว้."จงซานกล่าว.
"พ่ะย่ะค่ะ"อันหวงที่ตอบรับในทันที.
.......
หกเดือนหลังจากนั้น ทวีปศักดิ์สิทธิ์ เมืองอู๋ซวัง เกาะลอยฟ้าของจงซาน.
จงซานในห้องฝึกฝน.
ห้องฝึกนั้นเต็มไปด้วยปราณสายฟ้ามากมาย เพราะว่าได้มีการวางค่ายกลสายฟ้าเอาไว้ ทำให้เต็มไปด้วยปราณสายฟ้า.
ภายในห้องฝึกฝนนั้น มีกระแสไฟฟ้าแล่นแปบ ๆ สว่างวาบไปเป็นระยะ ๆ ดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก.
ภายนอกห้องนั้น กงจูเฉียนโหยวสวมชุดสีม่วงแบบบุรุษ มือของนางถือพัด ขมวดคิ้วจ้องมองไปยังสายฟ้าที่ลั่นแปบ ๆ ยืนอยู่ข้าง ๆ อาต้าและอาเอ้อ ซึ่งสีหน้าของทั้งสองคนเผยท่าทางเป็นกังวลอยู่.
"กงจู."อาต้าที่ขมวดคิ้วไปมา.
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังห้องสายฟ้า พร้อมถามออกมา.
"เซียนเซิงที่ฝึกวิชาเช่นนี้?กับสายฟ้ามากมายขนาดนี้ เซียนเซิงจะสามารถทนได้อย่างงั้นรึ?"อาต้าที่กล่าวออกมาด้วยความเป็นกังวล.
"หากเป็นคนทั่วไปย่อมไม่สามารถทนได้ ทว่าเซียนเซิงนั้นแตกต่างออกไป เซียนเซิงเป็นคนที่เหนือกว่าคนทั่วไป ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดเหรอด้วยพรสวรรค์ทางร่างของเขา เพียงแค่เก้าปี ในเกาะหมาป่าสวรรค์ที่ห่างไกล จากระดับสี่เซียนเทียนจะก้าวไปถึงระดับแกนทองได้?ด้วยเชาว์ปัญญาที่หายากเช่นนั้น เป็นเรื่องธรรมดา ที่พรสวรรค์ทางร่างกายถึงไม่สามารถขวางเขาได้ เขาต้องสามารถทำได้แน่."กงจูเฉียนโหยวที่สะบัดพัดไปมา.
"ทว่า ด้วยสายฟ้ามากมายขนาดนี้ อาจจะสังหารเขาได้นะ."อาต้าที่กล่าวด้วยความกังวล.
"เฮ้ เฮ้ เซียนเซิงมีเชาว์ปัญญามากกว่าเจ้า ทำไมเขาจะไม่ได้คิดเอาไว้ก่อนล่ะ? เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องเป็นกังวล คิดว่าสายฟ้าที่มีนี้จะสังหารเซียนเซิงได้อย่างงั้นรึ? นอกจากนี้ เซียนเซิงย่อมมีวิธีในการต้านทาน ที่เจ้าไม่รู้."กงจูเฉียนโหยวที่หรี่ตาจ้องมองห้องสายฟ้า.
"ครับ อาต้าทราบแล้ว."อาต้าที่กล่าวออกมาในทันที.
"เฮ้เฮ้ อาต้าดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นห่วงเซียนเซิงเป็นพิเศษนะ."กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วขณะพูด.
"อาต้าภัคดีต่อกงจูตลอดไป เพียงแต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ขณะที่เป็นคู่มือฝึกฝนให้กับเซียนเซิง เซียนเซิงได้แนะนำอะไรหลายอย่างทำให้ข้าได้รับประโยชน์ไม่น้อย ดังนั้นจึงรู้สึกซาบซึ้ง."อาต้าที่กล่าวออกมาในทันที.
"อืม เซียนเซิงเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเจ้า สามารถที่จะรีดเร้นพลังออกมาได้จนถึงจุดสูงสุด แน่นอนสิ่งเหล่านี้เจ้าจึงไม่เคยเห็นมาก่อน."กงจูเฉียนโหยวพยักหน้า.
ขณะที่อาต้ากำลังจะกล่าวอะไรออกมา ทันใดนั้นคนทั้งสามก็หันหน้าจ้องเขม็งไปยังทิศทางของห้องสายฟ้าไปพร้อม ๆ กัน.
"ย๊าก ๆ ๆ !"
ภายในห้องสายฟ้านั่น ได้ยินเสียงคำรามของจงซานดังออกมาในทันที.
ใบหน้าของกงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มไปมา ยกมือขึ้นปิดสายฟ้าสีน้ำเงินที่แผ่ออกมาจากภายในห้องสายฟ้าดังกล่าว.
แสงสีน้ำเงินที่แผ่ออกมาจากภายในห้องสายฟ้า ปกคลุมทั่วบริเวณอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะหายไป ศิลาสีดำทั่วห้องจะกลายเป็นดำมืด และมีอักษรรูนมากมายที่ลั่นแปบ ๆ จากที่เคยสว่างจ้า จากนั้นก็ค่อย ๆ จางลงอย่างรวดเร็ว.
"เซียนเซิงทะลวงผ่านระดับแล้ว เขาก้าวไปยังระดับแกนทองขั้นสามแล้ว."อาต้ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"เข้าไปถึงจุดซึ่งอันตรายที่สุดแล้วจะรอดออกมา*** นี่คือวิชาที่น่าสะพรึงกลัวจริง ๆ ยากจะได้เห็น."กงจูเฉียนโหยวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม.
***至于死地而后生Zhìyú sǐdì ér hòushēng สิ้นอายุขัยกลับสู่ผืนดินแล้วเกิดใหม่จากผืนดิน
....
จากนั้นเวลาก็ผ่านไปอีกสิบวัน.
ทางทิศใต้เมืองอู๋ซวัง ระยะทาง 80,000 ลี้.
บนเมฆสีขาว มีคนยืนอยู่หกคน และยังมีผู้คุ้มกันอีกกลุ่มหนึ่งบนกระบี่เหินและเมฆสีขาวตามมาด้วย.
จงซาน กงจูเฉียนโหยว เซียนเซิงสุ่ยจิง กู่หลิน อาต้า และอาเอ้อและ คณะทูต เหล่าองค์รักษ์หลวงกว่าร้อยคนที่ตามมาคุ้มกัน.
ในเวลานี้ คนกว่าร้อยคน เดินทางเข้ามาในดินแดนของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี.
"เฉียนโหยว ทำไมจงซานถึงมายืนอยู่ข้าง ๆ อ้าต้าและอาเอ้อล่ะ?"กู่หลินที่อยู่ข้าง ๆ จับจ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์.
"เขาคือองค์รักษ์ของข้า แน่นอนว่าต้องอยู่ข้างกายข้า "กงจูเฉียนโหยวสายตาขุ่นเคืองมองกลับไป.
"เขามีระดับแกนทอง เขาไม่คู่ควร..."กู่หลินที่ขมวดคิ้วและกล่าวออกมาอีกครั้ง.
"กู่หลิน ข้าจะบอกเจ้าอีกครั้ง เรื่องของข้า ไม่จำเป็นให้เจ้ามาจัดการ ข้าจะใช้คนเช่นไรไม่จำเป็นต้องรายงานเจ้า."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวตัดบทในทันที.
"ข้าไม่พูดก็ได้."กู่หลินที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่สายตาของเขาที่จ้องมองไปยังจงซาน แสดงท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมาก เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากงจูเฉียนโหยวสนับสนุนเขาเป็นอย่างดี จะไม่ให้เขารู้สึกโกรธเกรี้ยวจงซานได้อย่างไร.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมาพร้อมรอยยิ้ม ทว่าจงซานที่ยืนนิ่งไม่ได้ขยับหรือแสดงท่าทางใด ๆ ออกมา.
"เอาล่ะ กู่หลินเจ้านำคณะทูตเดินทางไปยังเมืองหลวงของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีก่อนเลย ข้าจะกลับไปยังสำนักยวีเหิงก่อนชั่วคราว."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกไป.
"เจ้าจะกลับไปยังสำนักยวีเหิงอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางกระวนกระวาย.
"ใช่แล้ว ผู้พิทักษ์สำนักได้เดินทางไปยังศาลาเจ็ดดาวเพื่อร้องขอให้อาวุโสกลับไปยังสำนักยวีเหิง มันเป็นเส้นทางผ่าน ข้าย่อมต้องกลับไปดู ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เจ้านำกองกำลังทั้งหมดเดินทางล่วงหน้าไปก่อนเลย."
"ข้า ก็จะไปกับพวกเจ้าด้วย ให้เหล่าองค์รักษ์และคณะทูตเองตามพวกเราไปด้วยก็ได้ ถึงเวลานั้นจะได้เดินทางไปที่เมืองหลวงราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีพร้อม ๆ กันเลย."กู่หลินที่กล่าวออกมาทันที.
"ไม่ได้ คณะทูตนั้นไม่สามารถล่าช้าได้ "กงจูเฉียนโหยวที่ส่ายหน้าไปมา.
"งั้นให้คณะทูตเดินทางไปก่อน ข้าและสุ่ยจิงขอตามเจ้าไปด้วย."กู่หลินที่ร้องขอ.
กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา จ้องมองไปยังกู่หลิน จากนั้นก็จ้องมองไปยังเซียนเซิงสุ่ยจิง ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจ พยักหน้าให้"ก็ได้ แต่อย่าสร้างปัญหาให้ข้าก็แล้วกัน."
"ได้ เจ้าโปรดวางใจได้เลย."กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
จากนั้นที่บนอากาศ กงจูเฉียนโหยวก็ได้ให้คณะทูตและองค์รักษ์เดินทางไปยังราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีก่อน.
ทว่ากงจูเฉียนโหยว เซียนเซิงสุ่ยจิง อาต้า อาเอ้อ กู่หลินและจงซาน มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้แทน.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ยืนอยู่บนเมฆสีขาว ผู้พิทักษ์สำนักยวีเหิงอย่างงั้นรึ? พวกเขาเองก็มีผู้พิทักษ์สำนัก?พวกเขาคือหนึ่งในสำนักที่ปฏิญาณตนต่อศาลาเจ็ดดาว มีตัวตนเช่นไร?ทำไมดูเหมือนคลับคล้ายคลับคลา?