ตอนที่แล้วChapter 181 แผนสี่ ลั่นกองรบ ข่มขวัญทั่วทั้งเมือง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 183 ออกเดินทาง.

Chapter 182 น่าหลานเพียวเสวี๋ย.


ยามไฮ่ สุ่ยเทียนหยาที่อยู่ในสภาพอ่อนแรง เดินทางมายังตำหนักเจ้าเมือง.

ที่ด้านนอกตำหนักเจ้าเมืองนั้น มีประชาชนมากมายรอคอยอยู่ ใบหน้าของโม่เหยียนปิงที่จ้องมองไปยังสุ่ยเทียนหยาที่ถูกประคองมาอย่างช่วยไม่ได้.

เจ้าเมือง! เจ้าเมืองเดินทางมาถึงด้วยตัวเอง ตอนนี้เขาไม่ใช่คนไร้ประโยชน์แล้ว ตอนนี้ในเมืองอู๋ซวัง เขาได้กลายเป็นเจ้าเมืองคนใหม่แล้ว.

นับจากนี้เขาคือขุนนางระดับสี่ ได้รับมรรคาที่อ่อนนุ่น วาสนาจากราชวงศ์สวรรค์ ทั่วร่างที่จะอาบไปด้วยวาสนาบำเพ็ญ กับการเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ วาสนาที่จะได้รับนั้นจะทำให้เขามีความเร็วในการฝึกฝนเพิ่มกลายเป็นสี่เท่า.

สุ่ยเทียนหยาที่นำร่างที่อ่อนแรง เข้ามายังตำหนักเจ้าเมือง ที่แห่งนี้ซึ่งจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำงานของเขานับจากนี้ต่อไป.

"สุ่ยเทียนหยา คารวะกงจูและซือจื่อ."สุ่ยเทียนหยาที่แสดงความเคารพขณะที่มีคนพยุงอยู่.

กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย ทว่ากู่หลินนั้นใบหน้าดำมืด ทำได้แค่พยักหน้าให้เท่านั้น.

หลังจากนี้ ในเมืองอู๋ซวังแห่งนี้ ยกเว้นกงจูและซือจื่อ สุ่ยเทียนหยา จะมีตำแหน่งใหญ่ที่สุด.

สุ่ยเทียนหยาหลังจากที่คารวะคนทั้งสอง จากนั้นก็ก้าวออกมายืนอยู่ด้านหน้าของเกาะลอยฟ้า จ้องมองลงไปยังผุ้คนมากมาย สูดหายใจลึก ภายในใจที่เต็มไปด้วยความสุขอย่างที่สุด.

"เทียนหยาผู้นี้ ขอบคุณทุกท่านอย่างสุดซึ้ง เมื่อข้าได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว เทียนหยาจะทำการปกป้องเมืองอู๋ซวังด้วยชีวิต เพื่อตอบแทนทุกท่านที่ลงคะแนนให้ ข้าจะทำให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ทุกท่านได้ตัดสินใจถูกต้องแล้ว!"สุ่ยเทียนหยาที่กล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น.

ตำแหน่งที่เขายืนอยู่นั้น มีค่ายกลวางไว้ เป็นค่ายกลกระจายเสียง ทำให้ทุกคนทั่วทั้งเมืองได้ยินคำพูดของสุ่ยเทียนหยากันทุกคน.

"ใต้เท้าสุ่ย."

"ใต้เท้าสุ่ย."

แม้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะเป็นพื้นที่หวงห้าม สำหรับเจ้าเมือง ทว่าเขากับสามารถได้ยินเสียงดังตะโกนที่อยู่ด้านล่างได้.

สุ่ยเทียนหยายิ้มแก้มปริ จนบางคนถึงกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมัวเมื่อมองเห็นรอยยิ้มของสุ่ยเทียนหยาแล้ว.

คงจะไม่มีใครรู้ สุ่ยเทียนหยาหนึ่งในเฉิงตงทั้งสี่ ทว่ากับอ่อนแอที่สุด ไม่ได้มีพลังอำนาจเทียบกับคนอื่น ๆ ได้เลย หากไม่เพราะจงซาน กู่หลิน กงจูเฉียนโหยวและเซียนเซิงสุ่ยจิงทั้งสี่คนเข้ามาพัวพัน กับการหาเสียงในครั้งนี้ สุ่ยเทียนหยาเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับชัยชนะ.

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สุ่ยเทียนหยาแตกต่างออกไป ด้วยวิธีการหาเสียงที่แหวกแนว เขาที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บล้มต่อหน้าทุกคน ตงเฉิงตงและซือเฉิงตง ที่สนับสนุนโม่ไป่หลี สุ่ยเทียนหยาที่ต้องดวลกับคนทั้งสาม คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับชัยชนะ หนำซ้ำชัยชนะในครั้งนี้ ยังมากมายเหนือกว่าอีกฝ่ายมากกว่าหนึ่งล้านคะแนน นับเป็นตัวเลขที่น่าเกรงขามมาก.

ในวันนี้ สุ่ยเทียนหยาได้กลายเป็นคนที่โชติช่วงชัชวาลที่สุด อย่างน้อยในสายตาของจงซาน สุ่ยเทียนหยาคง นี่คือการก้าวไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว เพราะว่าด้วยภูมิปัญญาที่เขามีนั้น การเป็นเจ้าเมืองคือขีดจำกัดของเขานั่นเอง ต้องการที่จะก้าวข้ามระดับต่อไป นับว่ายาก ถึงยากมาก ๆ .

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น.

บนเกาะลอยฟ้า ที่พักของจงซาน อาต้าที่อาบไปด้วยฝุ่น ทรงผมของจงซานเองก็กระเซอะกระเซิง ที่มุมปากมีโลหิตไหลออกมา คนทั้งคู่ที่เดินก้าวออกมาจากสถานที่ฝึกพร้อมกัน.

"อาต้า เจ้าใช้พลังฝึกตนมากเกินระดับ เกินกว่าจะดูแลข้าอย่างงั้นรึ?"จงซานที่เดินและกล่าวออกมา.

"วิชาของเซียนเซิงนั้นแปลกประหลาด อาต้าไม่มีทางเลือก."อาต้าที่กล่าวออกมาอย่างบริสุทธิ์ใจ.

"อืม ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่สามารถควบคุมพลังได้ดีนะ จะต้องฝึกมากกว่านี้."จงซานทีกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ครับ เซียนเซิง."อาต้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขารู้ดีว่าจงซานไม่ได้โกรธ ในแต่ละครั้งที่เขาโจมตีจงซาน เป็นเพราะว่าเขาถูกกดดันอย่างหนัก.

ระดับสองแกนทองอย่างงั้นรึ? กับระดับก่อตั้งวิญญาณระดับหนึ่งขั้นปลาย แม้ว่าเซียนเซิงจะจงใจ ทว่าบางจังหวะก็ทำให้เขาถูกกดดันอย่างหนักเหมือนกัน.

กงจูเฉียนโหยวที่นั่งอยู่ไม่ไกลบนโต๊ะศิลายกชาขึ้นดื่ม อาเอ้อและสุ่ยเทียนหยาที่ยืนอยู่ด้านข้าง.

"อาต้า เจ้าพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ครับ กงจู."อาต้าพยักหน้า แสดงท่าทางเขินอายเหมือนกัน.

กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล.

จงซานที่ยกน้ำชาบนโต๊ะศิลาขึ้นดื่ม ชาวิญญาณนี้ช่วยในการรักษาร่างกาย นับว่ามีคุณสมบัติไม่ต่างจากเม็ดยาเลยทีเดียว แน่นอนว่าจงซานที่ยกขึ้นดื่มโดยไม่เกรงใจ.

"เทียนหยาที่ขอบคุณความกรุณาจากเซียนเซิง."สุ่ยเทียนหยาที่ก้าวออกมาและกล่าวออกมาทันที.

"โอ้ว ใต้เท้าสุ่ยท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นทางการแล้วรึ?"จงซานที่วางแก้วน้ำชาลงพลางสอบถาม.

"ครับ เมื่อเช้านี้."สุ่ยเทียนหยาที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"ได้รับการแต่งตั้งก็ดีแล้ว หลังจากนี้ทุกอย่างใต้เท้าสุ่ยต้องเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"กับคำพูดที่ได้รับจากเซียนเซิงและยังมีข้อแนะนำอีกหลายอย่าง เทียนหยาจะพยายาม."สุ่ยเทียนหยาที่กล่าวออกมาในทันที.

"อืม เอาล่ะ ข้าจะให้ข้อแนะนำเป็นครั้งสุดท้าย."จงซานกล่าว.

"เชิญชี้แนะ."สุ่ยเทียนหยาที่ยืนตรง คำแนะนำของจงซาน? นับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก.

"การจะควบคุมเมืองอู๋ซวัง อย่างแรกคือจะต้องครอบครองกองกำลังเมืองอู๋ซวัง."จงซานเอ่ย.

"ครับ เทียนหยาเข้าใจถึงเหตุผลดี."สุ่ยเทียนหยาที่รับคำในทันที.

"อืม สุ่ยเทียนหยา ท่านมีงานยุ่งไปจัดการก่อนก็แล้วกัน."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ครับ."สุ่ยเทียนหยาพยักหน้า และจากไปในทันที.

"เซียนเซิง ตอนนี้พลังฝึกตนเป็นอย่างไรบ้าง?"กงจูเฉียนโหยวจ้องมองไปยังจงซาน.

"หนึ่งปี ระดับสองแกนทองขั้นปลาย ด้วยวาสนาที่ได้รับและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ตลอดทั้งอาต้าที่คอยเป็นคู่มือให้ แต่ในเวลานี้คงเร็วไปที่จะสามารถทะลวงผ่านระดับได้."จงซานที่ส่ายหน้าพลางทอดถอนใจไปด้วย.

อย่างไรก็ตาม ภายในใจจงซานถือว่าพึงพอใจ เพราะว่านี่คือในระดับแกนทอง แม้แต่ระดับเซียนเทียนก็ยังต้องเวลามากกว่าหนึ่งปี การที่เขาก้าวไปถึงระดับสองแกนทองได้นั้นถือว่าคาดไม่ถึงแล้ว นี่ยังคิดที่จะทะลวงผ่านระดับอีก.

"ข้าจะรอคอยเซียนเซิงครึ่งปี."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"หืม?รอคอยครึ่งปี?อีกหกเดือนหลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.

"ถึงแม้ว่าจะมีการแต่งตั้งสุ่ยเทียนหยาอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม องค์เหนือหัวก็ยังได้มอบราชโองการแก่ข้า."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ราชโองการ?"จงซานสอบถามด้วยความสงสัย.

"อืม สองปีหลังจากนี้ ต้าตี้ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี อายุครบ 3 พันปี ข้าและกู่หลินจึงจำเป็นต้องเดินทางไปแสดงความยินดี."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"หืม?ต้าตี้ต้ายวี? น่าหลานเพียวเสวี๋ย? ครบรอบวันเกิด 3000 ปี? เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เห็นกงจูต้องไปด้วยตัวเองเลยไม่ใช่รึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วสอบถามด้วยความสงสัย.

"อืม หากเพียงแค่วันเกิดสามพันปีของน่าหลานเพียวเสวี๋ยล่ะก็ ไม่จำเป็นที่ข้าต้องไปก็ได้ ทว่า วันนั้น ในงานวันเกิดจะมีงานประลองกันระหว่างจื่อจุ้นเทพมังกรสวรรค์และน่าหลานเพียวเสวี๋ย ทั้งคู่คือผู้ถือครองมรรคาระดับกลาง นอกจากนี้ยังเป็นยอดฝีมือในโลกหล้า เป็นเทพสงครามไร้พ่าย ถึงแม้ว่าเหนือหัวจะไม่ออกราชโองการมา ข้าเองก็ต้องการไปชม โอกาสในรอบพันปีที่จะได้เห็น."กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"จื่อจุ้นเทพมังกรสวรรค์?น่าหลานเพียวเสวี๋ย? สองปีหลังจากนี้?"จงซานขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ภายในใจเองก็แอบคาดหวังเช่นกัน.

เทพ?ต้าตี้? สุดยอดฝีมือในโลกหล้า มีการประลองกัน แน่นอนว่ามันย่อมเป็นเรื่องน่าสนใจ ตลอดจนมียอดฝีมือมามายเดินทางไปชม ภายในใจจงซานก็แอบตื่นเต้นไปด้วย.

"สองปีหลังจากนี้ พวกเราจะรอเซียนเซิงครึ่งปี ไม่ว่าอย่างไรเซียนเซิงจะต้องทะลวงผ่านระดับภายในครึ่งปี ในเวลานั้นพวกเราจะเดินทางไปยังราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีพร้อม ๆ กัน."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"อืม."จงซานพยักหน้ารับคำ.

แม้ว่ากงจูจะบอกว่าเพื่อเขา ทว่าจงซานรู้ดี ด้วยเกียรติของนางแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะมาเสียเวลารอเขา การที่นางยังรั้งรออยู่ที่นี่ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากเหนือหัวแล้ว นางไม่มีทางที่จะใส่ใจใคร กับการเดินทางไปยังราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีนั้น แม้ว่าจะบอกเพื่อตนเอง แม้ว่านางบอกว่าต้องการจะไป ทว่าดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วไป ทว่ากับเรื่องที่นางคิดอยู่เวลานี้ ก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่จะเข้าไปยุ่ง เขาเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา ที่อาจจะพอมีประโยชน์ก็เท่านั้น.

ภายในใจจงซานเข้าใจดี เขาเองไม่ควรที่จะเปิดเผยตัวตน ต้องไม่ลืมว่า เขาไม่ได้สนใจในสถานะใดเลยแม้แต่น้อย กล่าวอีกอย่างหนึ่งแผนการการเลือกตั้งในเมืองอู่ซวังครั้งนี้ หรืออาจจะรวมก่อนหน้านี้เมื่อครั้งอยู่ในค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง ทุกอย่างเป็นการสร้างความสนใจจากนางเท่านั้น.

จงซานสามารถคาดเดาได้ว่าการเดินทางไปยังราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงแสดงความยินดีในวันเกิดแน่หรือว่าเข้าชมการประลองแต่อย่างใด แน่นอนว่ายังมีคำสั่งลับอีก ทว่ากงจูเฉียนโหยวไม่ได้กล่าว.

อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวตนของจงซาน ด้วยสถานะของเขานั้นไม่มีเหตุผลที่ต้องรู้ ยิ่งรับรู้เรื่องราวมาก ก็จะยิ่งทำให้ตัวเขามีอันตราย ตอนนี้ทางที่ดีที่สุด ควรฝึกฝนอย่างแข็งขัน บำเพ็ญพลังให้เร็วไว นี่คือเรื่องที่เขาควรจะทำ.

....

เกาะหมาป่าสวรรค์ ราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้ง.

ภายในห้องโถง.

ร่างแยกเงาจงซาน เชวียนเป่าเอ๋อ เหว่ยไท่จง หยิงหลาน จงเจิ้งและหลินเซียว รวมตัวกันอยู่ที่นี่.

"เป่าเอ๋อ ค่ายกลที่สร้างขึ้นมาเป็นอย่างไรบ้าง?"จงซานเอ่ย.

"รับประกันได้เลยว่าไม่มีเสียงดังผ่านออกไปแน่."เชวียนเป่าเอ๋อกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.

"อืม."จงซานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ.

"กู่เหยี่ยเยี่ย ท่านเรียกพวกเรามาพร้อมกัน?มีเรื่องสำคัญอะไรอย่างงั้นรึ?"หยิงหลานที่กล่าวออกมาในทันที.

เกี่ยวกับจงซานนั้น มีเพียงแค่หยิงหลานที่ต่อหน้าผู้อื่นนางจะเรียกฝ่าบาท ทว่าอยู่ในที่ลับตา จะเรียกเขาว่ากู่เหยี่ยเยี่ย แน่นอนว่าที่นี่ตอนนี้มีเฉพาะคนกันเอง นางจึงไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองอะไรนัก.

จงซานที่จ้องมองไปยังหยิงหลานด้วยความเอ็นดูพร้อมกับเผยยิ้ม."แน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำเป็นความลับ?"

"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"หยิงหลานกล่าว.

"มีเรื่องที่ต้องเตรียมการหลายอย่างที่จะบอกพวกเจ้า."จงซานกล่าว.

"หืม?"ทุก ๆ คนที่จับจ้องมองไปยังจงซาน.

"เรื่องแรก จงเจิ้ง."จงซานที่จ้องมองไปยังจงเจิ้ง.

"ฟู่หวง."จงเจิ้งที่ก้าวออกมาด้านหน้าในทันที.

"เจ้าจงวางแผนที่จะขยายตลาด เลือกคนกลุ่มหนึ่งที่ซื่อสัตย์มาฝึกฝนเพื่อต้าเจิ้ง และสนับสนุนด้วยเม็ดยาที่ได้การสนับสนุนจากสำนักไท่ต่าน ฝึกพวกเขาไปให้ถึงระดับแกนทองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้."จงซานกล่าว.

"หืม?ฟู่หวง ต้องการให้พวกเขาทำอะไรอย่างงั้นรึ?"จงเจิ้งสอบถามออกมาด้วยความสงสัย.

"เมื่อพวกเขาก้าวไปถึงระดับแกนทองเมื่อไหร่ ข้าจะให้เจ้านำกลุ่มคนเหล่านั้นเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์ สร้างหอการค้าขึ้นมา เพื่อเตรียมทรัพยากรให้พร้อม ก่อนที่ราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้งจะย้ายไปยังทวีปศักดิ์ได้."จงซานที่กล่าวอย่างแข็งขัน.

"ครับ บุตรจะไม่ทำให้ฟู่หวงผิดหวัง."ใบหน้าของจงเจิ้งที่กล่าวออกมาอย่างมั่นคง.

"อืม คนที่เจ้าเลือกนั้น ความสามารถให้เป็นเรื่องรอง ความภัคดีให้เป็นเรื่องแรก จงเลือกคนอย่างใจเย็น คนเก่าคนแก่ทีเคยช่วยเหลือข้า มอบยาให้พวกเขา ฝึกฝนให้พวกเขากลับมาสู่วัยหนุ่มสาว คนที่จะไม่จากพวกเราไป."จงซานที่กล่าวอย่างจริงจัง.

"ครับ บุตรจะจำเอาไว้."จงเจิ้งที่รับปากในทันที.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด