Chapter 181 แผนสี่ ลั่นกองรบ ข่มขวัญทั่วทั้งเมือง.
"สนับสนุนใต้เท้าสุ่ย ปกป้องเมืองอู๋ซวัง!"
"สนับสนุนใต้เท้าสุ่ย ปกป้องเมืองอู๋ซวัง!"
ทุกซอกมุมส่งเสียงตะโกนดังลั่น ทั่วทั้ง 72 เขตต่างก็ตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน.
一
เสียงที่ดังลั่นกึกก้องไปทั่ว ทุกคนที่อยู่ในเมืองต่างก็ได้ยินเสียงนี้กัน.
"ตึงง ตึง และตึง!!!"ทันใดนั้นเสียงกลองที่คล้ายกลองรบก็ดังสนั่นขึ้นมาในทันที.
วันนี้เป็นวันเลือกตั้งเจ้าเมือง ทำให้ประตูเมืองทั้งสี่ถูกปิด ทำให้พวกเขาตอบสนองต่อเสียงข้างนอกมากกว่าปรกติ นี่คือเสียงกลองแจ้งเตือน.
เสียงแจ้งเตือนนี้ ทำให้ทุกคนภายในเมืองอู๋ซวังหยุดนิ่ง คงทั้ง 72 เขตตะลึงงันเงี่ยหูฟังเสียง ทุกคนตอนนี้พยายามทำให้ใจเย็นลง จ้องมองไปยังทิศใต้ นี่คือการแจ้งเตือน? ในเวลานี้กำลังแจ้งเตือนอะไร? ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีรึ? กองกำลังราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีกำลังบุกอย่างงั้นรึ?
ทุกคนเวลานี้ต่างก็จดจ้องมองไปยังทิศใต้ แม้แต่มีคนอีกหลายคนที่เหินลอยขึ้นไป ถึงแม้ว่าย่านชุมชนเขตแดนสีน้ำเงินจะห้ามบิด แต่ทุกคนก็เร่งรีบบินออกไป.
ทุกคนเวลานี้เต็มไปด้วยความกังวลใจ พื้นที่ทิศใต้ เสียงลั่นกองรบได้หยุดแล้ว เสียงของทหารคุ้มกันที่ตะโกนออกมา.
"ประตูทิศใต้ไม่มีผู้คนอยู่ ถูกโจมตีด้วยสัตว์อสูรไม่ทราบจำนวน ตอนนี้ได้ออกไปขับไล่แล้ว ตอนนี้สัตว์อสูรได้ถูกขับไล่ไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล."
เสียงของทหารคุ้มกันประตูที่ดังผ่านออกมา ทำให้ทุกคนได้ถอนหายใจ ไม่ใช่กองกำลังของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี เป็นแค่สัตว์อสูรทั่วไปเท่านั้น.
แต่เดี๋ยวก่อน ครั้งนี้เป็นเพียงแค่สัตว์อสูร แล้วครั้งหน้าล่ะ? หากว่าไม่ใช่สัตว์อสูรล่ะ?หากว่าเป็นกองทัพของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีจริง ๆ ล่ะ? เพียงแค่คิดภายในใจของทุกคนเวลานี้ถึงกับหดเกร็ง.
"สนับสนุนใต้เท้าสุ่ย ปกป้องเมืองอู๋ซวัง!"
ในเวลานั้น มีคนหนึ่งคนที่ตะโกนออกมา.
"สนับสนุนใต้เท้าสุ่ย ปกป้องเมืองอู๋ซวัง!"
...
เสียงตะโกนดังลั่น ตาม ๆ กันราวกับคลื่นสึนามิ หลังจากที่ได้ยินเสียงกลองเตือนก่อนหน้านี้ทำให้ทุกคนตระหนักได้ เวลานี้ได้ตะโกนเสียงดัง เป็นความรู้สึกที่ถูกปลุกเร้าด้วยความตึงเครียดดังยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า.
คนทั่วทั้งเมืองอู๋ซวังที่ตะโกนออกมาเสียงดัง มีคนมากมายนับไม่ถ้วน ที่ตะโกนสนับสนุนใต้เท้าสุ่ย สนับสนุนใต้เท้าสุ่ย.
"สนับสนุนใต้เท้าโม่!"มีคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังตะโกนออกมาเสียงดังด้วยเช่นกัน.
จุดยืนหาเสียงของโม่ไป่หลีคือความสงบไม่ใช่รึอย่างไร.
"เพ่ย!"
คนพวกนี้จะกลืนน้ำลายตัวเองรึอย่างไร.
"ตูม ตูมม และตูมมม..."
จากนั้นพื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่นั้นกลายเป็นหมอกหนาคละคลุ้งเต็มไปหมด พื้นที่แห่งนั้นเกิดเสียงระเบิดเสียงดั่งลั่น ผู้คนมากมายต่างหลบหนีกันจ้าระหวั่น หลังจากที่หมอกค่อย ๆ สลายไปช้า ๆ สิ่งทีเหลือตอนนี้ ปรากฏคนที่ถูกสายฟ้าฟาดสะบักสะบอม เสื้อผ้าฉีกขาด เวลานี้ดูไม่ต่างจากขอทาน ไม่สามารถที่จะตะโกนต่อไปได้ หลาย ๆ คนที่กำลังกระตุกหงึก ๆ หลายคนที่กำลังคลานหนีออกมา.
โม่เหยียนปิงที่ตะโกนด้านนอกค่อย ๆ ผ่อนเสียงลง ไม่กล้าที่จะโผล่หน้าออกมา นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
แทบจะเหมือน ๆ กัน กองกำลังหาเสียงของโม่ไป่หลีที่ได้นำคนทั้งหมดกลับมายังที่ทำการเป่ยเฉิงตงแล้ว เขาที่ยืนอยู่บนพยัคฆ์ตัวใหญ่ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ยังชาวเมืองที่ตะโกนดังลั่น"สนับสนุนใต้เท้าสุ่ย ปกป้องเมืองอู๋ซวัง!"
สายตาของผู้คนมากมายที่จ้องมองมายังกลุ่มพวกเขาด้วยสายตาที่เย็นชา โม่ไป่หลีรับรู้ได้ในทันที เขาไม่ได้รับความสนใจกับผู้คนอีกแล้ว แม้แต่การออกไปหาเสียงเวลานี้ยังทำไม่ได้เลย การจะเป็นเจ้าเมืองไม่คาดคิดเลย ว่ามันจะสลายมลายสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว.
ห้องลับ ที่ทำการหนานเฉิงตง.
ลูกศรถูกถอนออกไปจากอกของเขาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังโคจรพลังรักษาบาดแผล.
สุ่ยอู๋เหินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น.
"ท่านพ่อ เป็นอย่างไรบ้าง ข้าพูดดีไหม?"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมา.
"ไม่มีปัญหา ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของเซียนเซิง บิดาของเจ้าไม่คาดคิดเลย การจะเป็นเจ้าเมืองมันยากขนาดนี้ อู๋เหิน."สุ่ยเทียนหยากล่าว.
"ครับ ท่านพ่อ."สุ่ยอู๋เหินกล่าวออกมาในทันที.
"หลังจากนี้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เจ้าอย่าได้ไปยืนอยู่คนละฝั่งกับศิษย์น้องของเจ้าโดยเด็ดขาด."สุ่ยเทียนหยากล่าว.
"หืม?"สุ่ยอู๋เหินที่แสดงท่าทางไม่เข้าใจ.
"ศิษย์น้องของเจ้า เซียนเซิงจงซาน เขาเป็นคนที่น่าหวาดกลัวมาก ไม่ว่าอย่างไรในอนาคตนั้น อย่าได้เป็นปฏิปักษ์กับเขาโดยเด็ดขาด."สุ่ยเทียนหยาที่กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง.
"ครับ ท่านพ่อ."สุ่ยอู๋เหินพยักหน้ารับคำ.
"อืม เช่นนั้น ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้าต้องพักไปจนถึงยามไฮ่ ไว้ถึงยามไฮ่ค่อยเดินทางไปยังตำหนักเจ้าเมืองก็แล้วกัน."สุ่ยเทียนหยาที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ครับ."สุ่ยอู๋เหินที่พยักหน้ารับคำ.
อาต้ามือธนู ที่เฝ้ามองเหตุการณ์ไม่กล้าที่จะขยับไปใหน รอคอยจนทั่วทั้งเมืองตอนนี้กำลังอยู่ในความวุ่นวาย เขาจึงได้ลอบออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวในทันที ก่อนที่จะตรงมายังตำหนักเจ้าเมือง.
อาต้าที่เดินทางมายังตำหนักเจ้าเมือง. พร้อมกับแสดงตราประทับ ก่อนที่จะเข้ามา ตรงไปยังตำแหน่งของกงจูเฉียนโหยว.
ทันทีที่อาต้าปรากฏ กงจูเฉียนโหยว จงซานและอาเอ้อจับจ้องมองมายังเขา.
อาต้าที่เผยยิ้มออกมา คนทั้งสามที่ลอบถอนหายใจ.
ทว่าในเวลานั้น ทั่วทั้งเมืองก็ส่งเสียงสุ่ยอู๋เหินดังสนั่นไปทั่ว "แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา"ส่งเสียงดังก้องน้ำตาไหลพราก ๆ แสดงความเห็นอกเห็นใจสุ่ยอู๋เหิน.
เหล่าเจ้าหน้าที่หลายคนที่อยู่ในจัตุรัส ต่างก็กำหมัดแน่น.
"สุ่ยเทียนหยาถูกลอบสังหารอย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของกู่หลินแสดงท่าทางประหลาดใจ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มดีใจออกมา.
เห็นท่าทางของกู่หลินแล้ว จงซานถึงกับตะลึงงันไปเลย ซือจื่อเป็นคนที่โดดเด่นจริง ๆ เหรอ ในเวลานี้เขายังแสดงท่าทางดีใจได้อีกรึ? เขาคิดว่าสุ่ยเทียนหยาไม่สามารถหาคะแนนเสียงได้อีกแล้วจริง ๆ รึ?
จากนั้นที่ประตูทิศใต้ก็มีเสียงลั่นกลองสัญญาณเตือน เสียงดังลั่นขึ้นในทันที เพียงแค่เสียงลั่นกลองเตือนขึ้นเท่านั้น ทุกจัตุรัส ทุกเขต ต่างก็เผยท่าทางหวาดกลัวขึ้นมาในทันที สีหน้าของทุกคนต่างก็ตื่นตะหนกอย่างหนัก ราชวงศ์ต้ายวีกำลังจะละเมิดพันธสัญญาณอย่างงั้นรึ?พวกเขากำลังจะเข้าโจมตีอย่างงั้นรึ?
จากนั้นผู้คุ้มกันประตูก็ประกาศออกมาว่าเป็นเพียงสัตว์อสูร ใบหน้าของทุกคนจึงค่อย ๆ เผยสีหน้าผ่อนคลาย ทว่าใบหน้าของกู่หลินกับเผยยิ้มออกมา.
ทว่าหลังจากนั้น ประชาชนทั่วทั้งเมืองต่างก็ตะโกนออกมาเสียงดังยิ่งกว่าเดิม.
"สนับสนุนใต้เท้าสุ่ย ปกป้องเมืองอู๋ซวัง!"
"สนับสนุนใต้เท้าสุ่ย ปกป้องเมืองอู๋ซวัง!"
คลื่นเสียงที่ลามไปทั่วทั้งเมือง ดังสนั่นเลื่อนลั่นราวกับผืนปฐพีจะถล่ม ทำให้ใบหน้าของกู่หลินถึงกับแข็งค้าง.
"เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกัน?"กู่หลินตะโกนออกมาเสียงดัง.
ในเวลาเดียวกันนั้น บนป้ายหยกแสดงผล คะแนนเสียงเริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว.
ดูเหมือนว่าคะแนนเสียงตั้งแต่ทุกคนเห็นสุ่ยเทียนหยาถูกศรปราณยิงส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก คะแนนของเขาตอนนี้มากมายเติบโตยิ่งกว่าของโม่ไป่หลี่ ซึ่งคะแนนของเขาเริ่มไม่ขยับแล้ว แน่นอนว่าทั่วทั้งเมืองตอนนี้ ไม่เชื่อว่านี้เป็นแค่เหตุบังเอิญ.
"เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร?มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?"กู่หลินจ้องมองตาโต อุทานออกมาด้วยความตกใจ.
กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล หันหน้าจ้องมองจงซาน แสดงนัยบนใบหน้า จงซานที่หลับตา พยักหน้าให้อย่างนุ่มนวล เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเพียงองค์รักษ์ขั้นสาม ไม่ใช่กุนซือ.
"สุ่ยจิง เจ้ามาก็ดีแล้ว เร็วเข้า บอกข้ามา เกิดอะไรขึ้นกัน?ทำไมคนทั่วทั้งเมืองตะโกนแต่ชื่อของสุ่ยเทียนหยา ทำไมคะแนนของสุ่ยเทียนหยาถึงได้เพิ่มขึ้นรวดเร็วขนาดนั้น."กู่หลินที่ตะโกนออกไปในทันที.
กงจูเฉียนโหยวหันหน้าไปมอง จ้องไปยังเซียนเซิงสุ่ยจิงที่ก้าวเข้ามาช้า ๆ .
"สุ่ยจิง เกิดอะไรขึ้นกัน?เจ้าไม่ได้บอกว่าพวกเราจะชนะหรอกรึ?"กู่หลินที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"ซือจื่อ พวกเราแพ้ กงจูเฉียนโหยวชนะแล้ว."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ บนใบหน้าไม่ได้แสดงความเสียใจใด ๆ ออกมา.
"เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ทำไมเป็นเช่นนี้ โม่ไป่หลี กลับมารึยัง? เจ้าบอกข้าสิ มันเกิดอะไรขึ้น?"กู่หลินที่ก้าวเดินออกไป บนใบหน้าแสดงความไม่พอใจขึ้นมาทันที.
กลับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เซียนเซิงสุ่ยจิงที่เดินเข้าไปหากงจูเฉียนโหยว.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ยกมือคารวะกงจูเฉียนโหยวด้วยความเคารพ."คารวะกงจู."
"เซียนเซิงสุ่ยจิงสุภาพเกินไปแล้ว."กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"เอ๊ะ เขาคือ? ค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง...?จงซาน?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่จ้องมองไปยังจงซานและนึกขึ้นมาได้.
"ผู้น้อยจงซาน องค์รักษ์หลวงขั้นสาม ไม่คาดเลยว่าเซียนเซิงสุ่ยจิงจะจำคนไม่สำคัญเช่นข้าได้ รู้สึกเสียประหลาดใจเสียมารยาทยิ่งนัก."จงซานที่กล่าวออกไปไม่โอหังและไม่สุภาพ.
"คนไม่สำคัญ? ฮ่าฮ่า ควรที่จะเป็นผู้น้อยสุ่ยจิงที่เสียมารยาทถึงจะถูก."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่จ้องมองไปยังจงซานและกล่าวชื่อของเขาอีกครั้ง.
เห็นสายตาของเซียนเซิงสุ่ยจิงที่จ้องมองมา จงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเซียนเซิงสุ่ยจิงจะสามารถคาดเดาถึงคนที่อยู่เบื้องหลังกงจูเฉียนโหยวได้ ดูเหมือนว่าเขาจะแสดงท่าทางมากเกินไปหน่อย หากไม่กระทำอะไรออกไป เซียนเซิงสุ่ยจิง คงจะแสดงท่าทางเคารพเขาแน่.
"ผู้น้อย จงซาน."จงซานเร่งรีบกล่าวออกมาในทันที.
"เซียนเซิงสุ่ยจิง จงซานคือองค์รักษ์หลวงของข้า."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวต่อเซียนเซิงสุ่ยจิงด้วยรอยยิ้ม.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว ทันใดนั้นก็เข้าใจเจตนาของนางได้อย่างชัดเจน เป็นการเตือนเขาไม่ให้เปิดเผยสถานะของจงซาน.
"ครับ จงซานคือองค์รักษ์หลวงของกงจู."เซียนเซิงพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม.
สายตาของคน ๆ อื่น กับคำพูดของคนทั้งสามรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ทว่าภายในใจของพวกเขานั้นสามารถเข้าใจเนื้อหาของคำพูดนั้นได้เป็นความเข้าใจเฉพาะคนที่มีภูมิปัญญาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมาก เพียงแค่คำพูดง่าย ๆ ไม่กี่คำ ก็สามารถได้รับข้อมูลที่มากมายแล้ว.
"ครั้งนี้ สุ่ยจิงถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง นับเป็นครั้งแรกเลยที่ต้องพ่ายแพ้."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
焦头烂额เจียว โถว ลั่น เอ๋อ Jiāo tóu làn é ถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง(ตกอยู่ในสภาพอึดอัด เคอะเขินมาก)
"เซียนเซิงสุ่ยจิงถ่อมตัวไปแล้ว หากไม่เพราะเซียนเซิงสุ่ยจิง พวกเราคงเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
ในเวลานั้นกู่หลินที่ก้าวออกไปพูดคุยกับโม่ไป่หลีที่อยู่ห่างออกไป.
"เฉียนโหยว ยินดีกับเจ้าด้วย."กู่หลินที่ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยความมั่นใจถึงกับหน้าขาวซีดไปเลยทีเดียว ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ โกรธโม่ไป่หลีที่ไม่ได้พยายามจนสำเร็จ โกรธสุ่ยจิงที่ไม่ทำให้ชนะ โกรธสุ่ยเทียนหยาที่ชนะอย่างคาดไม่ถึง.
จะอย่างไรก็ตาม ยกเว้นกงจูเฉียนโหยวแล้ว กู่หลินเกลียดทุก ๆ คน.
ได้ยินคำยินดีจากกู่หลินแล้ว กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังป้ายหยกที่อยู่ไกลออกไป.
โม่ไป่หลี 4.45 ล้านเสียง.
สุ่ยเทียนหยา 5.55 ล้านเสียง.
พริบตาเดียว สุ่ยเทียนหยาได้คะแนนเสียงเพิ่ม 2.05 ล้านเสียง ทว่าโม่ไป่หลีมีคะแนนเพิ่มแค่ 50,000 เสียงเท่านั้น คะแนนที่เพิ่มนั้นต่างกันถึง 2 ล้านเสียง ได้รับเพิ่มมาต่างกันถึง 40 เท่า.
สวรรค์รั่วพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี!
ผืนปฐพีพลิกกลับ พลิกคล่ำคะมำหงาย!
ในเวลานี้ คะแนนเสียงที่แตกต่างกันอย่างมากมายมหาศาล หากไม่เห็นด้วยตาคงจะไม่มีใครเชื่อ สุ่ยเทียนหยาชนะขาด เป็นชัยชนะขาดลอยท่วมท้นไปเลยทีเดียว.
กงจูเฉียนโหยวที่รู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยเมื่อจ้องมองไปยังคะแนนเสียงที่อยู่ไกลออกไป พร้อมกับได้ยินเสียงของผู้คนที่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งเมืองอู่ซวัง กงจูเฉียนโหยวมีความสุขเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่แผนการหาเสียงที่ทำให้สุ่ยเทียนหยาชนะ ทว่ามีความสุขที่นางได้รับคนที่มีความสามารถสูงมากเข้ามา เป็นคนที่สามารถที่สามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ครั้งนี้ให้กลับข้างได้.
ทว่าจงซานยังคงยืนอยู่อย่างเคร่งขรึมเต็มไปด้วยความเคารพอยู่ด้านหลัง เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นดีใจแต่อย่างใด การแข่งขันเลือกตั้งในครั้งนี้ มีอะไรให้เขาต้องพอใจอย่างงั้นรึ? เป้าหมายของเขานั้นไม่ได้ต้องการสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรื่องให้กับราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวแม้แต่น้อย แต่เป็นการสร้างราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้งของเขาต่างหาก เพื่อสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับตัวเขาเอง กับสิ่งที่เขากระทำ ล้วนเป็นเช่นหมอกควันที่ผ่านตา แม้ว่าจะทำให้ภายในใจรู้สึกดี แต่ก็แค่ความรู้สึกเท่านั้น.