ตอนที่แล้วChapter 177 แผนการแสดง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 179 แผนสาม พลังกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเศร้าใจหรือสงสาร

Chapter 178 ใครจะไร้ยางอายกว่ากัน!


วันสุดท้ายของการเลือกตั้ง ในวันนี้นับว่าเป็นวันสำคัญที่สุด วันนี้จะมีเจ้าเมืองอู๋ซวังเป็นครั้งแรก ใครกันจะเป็นเจ้าเมือง?

โม่ไป่หลี?สุ่ยเทียนหยา?

ในวันนี้ ประชาชนทั้งหมดแทบจะหยุดกิจกรรมทั้งหมด ทุกคนต่างก็รอคอยผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นด้วยกันทั้งนั้น..

สุ่ยเทียนหยา ที่มีจุดยืนหาเสียง"วิกฤติสงคราม."ซึ่งทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่าราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีนั้น พร้อมที่จะก่อสงครามได้ตลอดเวลา.

โม่ไป่หลี ผู้มีจุดยืนหาเสียง"ยุคแห่งความสงบสุข" ด้วยการชูสัญญาสงบสุขที่เพิ่งเกิดขึ้น และบอกว่าจะไม่มีสงครามอีกแล้ว และโม่ไป่หลียังรับประกันความสงบสุขอย่างต่อเนื่องอีกด้วย.

ที่ประตูเมืองทิศใต้และทิศเหนือ มีแผ่นหยกขนาดใหญ่ แสดงคะแนนของคนทั้งคู่แยกกันตามลำดับ.

โม่ไปหลี 4.3 ล้านเสียง

สุ่ยเทียนหยา 3.4 ล้านเสียง.

คะแนนต่างกัน 900,000 เสียง ทั่วทั้งเมืองมีประชากรทั้งหมด 10 ล้านคน เมื่อโม่ไป่หลีได้คะแนนเพิ่มอีก 700,000 คะแนน หรือเท่ากับ 5 ล้าน การเลือกตั้งนี้ก็จะถึงบทสรุป เพราะว่าคะแนนจะทิ้งขาดในทันที.

ประชาชนมากมายต่างก็ออกมาจากที่อยู่อาศัย เดินทางไปบนถนน นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใหนก็มีผู้คนอยู่เต็มไปหมด.

เมืองใหญ่ที่มีคนมากมาย การเลือกตั้งเจ้าเมือง นับว่านี่คือเหตุการณ์ใหญ่ นี่ไม่ใช่การคัดเลือกทั่วไป นี่คือผู้ปกครองที่จะกุมชีวิตของพวกเขา จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็คาดหวัง.

ในวันนี้ ประตูใหญ่ทั้งสี่ทิศต่างก็ถูกปิดอย่างสมบูรณ์ เพื่อที่จะรอผลการเลือกตั้งในครั้งนี้.

...............

สถานที่ทำงานของหนานเฉิงตงทิศใต้.

ที่ด้านนอก ในเวลานี้ มีเหล่านักรบมากมายนั่งอยู่บนสัตว์อสูร มีพยัคฆ์ขนาดมหึมาหลากหลายขนาด ขนาดใหญ่สุดมีความสูง 40 จั้ง และยังมีขนาด 30 จั้งอีกมากมาย มีมากมายหลากหลายสี ทั้งสีแดง สีน้ำเงิน สีดำและสี่ม่วง.

บนหัวของพยัคฆ์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขนาด 40 จั้งสีดำ ที่นำขบวน แน่นอนว่ามันมีพลังอย่างต่ำคือระดับก่อตั้งวิญญาณ.

สัตว์อสูรคู่บารมีของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวก็คือ พยัคฆ์นั่นเอง.

เพียงแค่ปีเดียว จงซานก็สามารถเข้าใจเรื่องราวมากมาย เผ่าพยัคฆ์ คืออาณาจักรคู่บารมีของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว เซิ่งซ่างของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวได้ทำพันธสัญญากับจื่อจุ้นเผ่าพยัคฆ์ ทำให้มีอาณาจักรพยัคฆ์เป็นอาณาจักรคู่วาสนา.

ที่ทำการหนานเฉิงตง และที่ทำการเป่ยเฉิงตง มีนักรบประจำการฝั่งละห้าสิบคน เพื่อสนับสนุนป้องกันและช่วยหาเสียงในวันนี้ และพยัคฆ์ขนาดมหึมาเหล่านี้ยังเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วจะทำให้พวกเขาเดินทางไปยังเขตต่าง ๆ ทุกเขตได้ทั่วถึงภายในวันเดียว.

ในห้องลับของหนานเฉิงตง ซึ่งมีค่ายกลปิดบังเสียงอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครสามารถได้ยินเสียงพูดคุยดังกล่าวได้แม้แต่น้อย.

จงซานที่จ้องมองไปยังสุ่ยเทียนหยา และกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม."ใต้เท้าสุย จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับแผนการครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการแสดงของท่านแล้ว."

"เซียนเซิงโปรดวางใจ ข้าเข้าใจแผนการทุกอย่างแล้ว."สุ่ยเทียนหยาพยักหน้ารับ.

"กลุ่มหาเสียงท่านล่ะ?"จงซานสอบถาม.

"เวลานี้พวกเขาพร้อมแล้ว คนเหล่านี้เป็นคนเอาจริงเอาจัง วันนี้เป็นวันสำคัญ แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องทุ่มสุดกำลังอย่างแน่นอน."สุ่ยเทียนหยากล่าว.

"ดี โปรดจำไว้ ข้าและกงจู ไม่สามารถกระทำอะไรได้แล้ว กับเรื่องนี้ เจ้าจะต้องทำให้สำเร็จ บุตรชายของท่าน ท่านได้บอกให้ศิษย์พี่สุ่ยอู๋เหิน เตรียมพร้อมแล้วรึยัง?"จงซานสอบถามออกมาอีกครั้ง.

"กับคำพูดที่เตรียมไว้ อู๋เหินท่องจำทุกวัน ข้าได้ทำการตรวจสอบเขาทุกวันด้วย เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาดได้ หลังจากวันนี้ ไม่ว่าจะผิดพลาดหรือล้มเหลว เทียนหยา ขอบคุณกงจูและการทำงานหนักของเซียนเซิงด้วย "สุ่ยเทียนหยาที่ยกมือคารวะด้วยความเคารพ.

"ขอบคุณข้าด้วยทำไมเล่า?เรื่องนี้เป็นฝีมือเซียนเซิงทั้งหมด."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ไม่ ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว เรื่องนี้จะต้องชนะ โปรดจำไว้ เจ้าต้องชนะ รักษาความรู้สึกนี้ไว้."จงซานกล่าวย้ำอีกครั้ง.

"ครับ พวกเราต้องชนะ ข้าต้องเป็นเจ้าเมืองอย่างแน่นอน."สุ่ยเทียนหยากล่าวออกมาในทันที.

"อืม ไปได้แล้ว เมฆดำตั้งเค้ารอฝนตกทั่วทั้งเมืองอู๋ซวังแล้ว."จงซานที่กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม.

"ครับ."สุ่ยเทียนหยาที่ทำความเคารพ จากนั้นก็ออกจากตำหนักไปในทันที.

"ที่ด้านนอกนั้น สุ่ยอู๋เหินและขุนพลของสุ่ยเทียนหยาและผู้ร่วมงานทุกคนต่างก็รอคอยอย่างอดทน.

"เดินทางได้!"สุ่ยอู๋เหินกล่าว.

"ครับ."ทุกคนที่รับปากในทันที.

จากนั้น กองกำลังกลุ่มหนึ่ง ที่ยืนอยู่บนหัวของพยัคฆ์ขนาดกว่า 40 จั้งก็พุ่งตรงไป ซึ่งมีคนอื่น ๆ รวมทั้งสุ่ยอู๋เหินด้วย ยืนอยู่บนหลังพยัคฆ์ขนาด 30 จั้ง.

กองกำลังหนานเฉิงตง จงซานที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยวและอาเอ้อ "กงจูพวกเราก็เดินทางไปรอฟังข่าวที่ตำหนักเจ้าเมืองเถอะ."

"เซียนเซิง เชิญ."กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

....

ตำหนังเป่ยเฉิงตง ห้องที่ดูเงียบสงบ.

"ใต้เท้าโม่ จะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการหาเสียงครั้งสุดท้ายแล้ว ขึ้นอยู่กับท่าน."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.

"ครับ."โม่ไป่หลีกล่าว.

"สุ่ยจิง พวกเราก็ไปรอที่ตำหนักเจ้าเมืองด้วยกันเถอะ นานแล้วไม่ได้พูดคุยกับเฉียนโหยว."กู่หลินกล่าว.

"ไม่ ซือจื่อ ท่านไปก่อนเถอะ ข้ายังต้องสั่งการกองกำลังเป่ยเฉิงตงอีก หากว่ามีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ข้าจะได้ช่วยเหลือใต้เท้าโม่เพื่อต่อกรกับสุ่ยเทียนหยาได้ทัน ข้าจะตามไปทีหลัง."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว."

"ดี เจ้ารีบตามมาก็แล้วกัน ข้าไปก่อน โม่ไป่หลี เจ้าจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย."กู่หลินกล่าว.

"ครับ."โม่ไป่หลีตอบรับในทันที.

"เซียนเซิง ข้าได้เตรียมพร้อมแล้ว ทุกคนเองก็พร้อมแล้ว คงต้องขอลาก่อน."โม่ไป่หลีกล่าว.

"อืม."เซียนเซิงสุ่ยจิงพยักหน้า.

จากนั้น โม่ไป่หลีก็ออกไป ยืนอยู่บนพยัคฆ์ขนาดสี่สิบจั้ง ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก และนำขุนพลคนอื่น ๆ ยืนอยู่บนพยัคฆ์ขนาดสามสิบจั้ง ก้าวตามโม่ไป่หลี่ ตระเวนหาเสียงในเมืองอู๋ซวัง ทว่ากู่หลินนั้นได้พุ่งตรงเข้าไปยังใจกลางเมืองอู๋ซัง ตำหนักเจ้าเมืองนั่นเอง.

เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ยังอยู่ในห้องโถง นั่งอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับยกน้ำชาขึ้นจิบ จ้องมองดูยังข้อมูลที่มีอยู่ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง รอคอยการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม.

สุ่ยเทียนหยาที่ยืนอยู่บนหัวพยัคฆ์ ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เป็นที่สนใจต่อผู้คนเป็นอย่างมาก ตลอดเส้นทางที่สุ่ยเทียนหยาผ่าน เขาที่จะต้องเดินทางไปทั่วทั้ง 72 เขต พยัคฆ์ตัวใหญ่นี้เคลื่อนที่เร็วเป็นอย่างมาก พาเขาผ่านเขตต่าง ๆ  ได้ตามกำหนดการของเขา.

เขตแรกที่พวกเขาผ่าน.

เป็นถนนคนเดินขนาดใหญ่.

เกี่ยวกับสิ่งที่จงซานได้วางเอาไว้ ถนนขนาดใหญ่นั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย.

"สนับสนุนใต้เท้าสุ่ย รับประกันความปลอดภัยเมืองอู๋ซวัง"

"สนับสนุนใต้เท้าสุ่ย รับประกันความปลอดภัยเมืองอู๋ซวัง"

ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ตะโกนออกมาเป็นคนแรก จากนั้น ก็มีคนอีกหลายคนที่ตะโกนตาม จากนั้นก็จะมีคนอีกมากมายที่สนับสนุน จนทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คุกรุ่นก่อนที่จะเริ่มตะโกนตาม ซึ่งทำให้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก มีคนไม่น้อยที่เดิมทีอยู่ข้างโม่ไป่หลี ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสุ่ยเทียนหยาในทันที.

แม้ว่าคนที่ตะโกนออกมานั้นจะไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำเมื่อเทียนกับคนจำนวนมากในเขตนั้น แต่ก็เป็นจำนวนกว่า 1 พันคนเช่นกันที่ตะโกนออกมา เสียงดังสร้างความสนใจ จนทำให้คนไม่น้อยเปลี่ยนเป็นมาสนใจสุ่ยเทียนหยา.

กลยุทธ์ของสุ่ยเทียนหยาที่ใช้เสียงดังเป็นหลัก ด้วยเสียงตะโกนดังกระหึ่มทำให้คนสนใจ เสียงที่ดังสร้างความฮึกเหิมให้คนเป็นจำนวนมาก จนทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ ลุกขึ้นมาร้องตะโกนตาม.

ที่ทำการเป่ยเฉิงตง.

"เซียนเซิง ไม่ได้การแล้ว สุ่ยเทียนหยาหน้าไม่อายจริง พวกเขาให้เหล่าลูกน้องรับผิดชอบช่วยกันหาเสียง ตะโกนเสียงดังเพื่อสนับสนุนสุ่ยเทียนหยา ตอนนี้แต่ละเขตต่างก็มีเสียง สนับสนุนสุ่ยเทียนหยาอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้คะแนนของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งแล้ว "โม่เหยียนปิงที่เร่งรีบวิ่งมารายงานที่ห้องโถงด้านใน.

"เฮ้ เฮ้ คนที่ไร้ยางอายคือคนไร้เทียมทาน เจ้าคือบุตรชายของโม่ไป่หลีอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ครับ."โม่เหยี่ยนปิงที่ตอบรับในทันที.

"เช่นนั้น ทั้ง 72 เขต เจ้าจงนำคนไปประจำการเหมือนพวกเขา ตะโกนออกมาให้เสียงดัง ในเมื่อพวกเขาไร้ยางอาย ทำไมพวกเราจะทำไม่ได้ล่ะ?ไป ให้ทุกคนได้เห็น พวกเรามีคนมากกว่าเขาถึงสามเท่า ไปทำเรื่องที่หน้าอายนั่นให้มากกว่าสุ่ยเทียนหยา."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.

ได้ยินคำพูดของเซียนเซิงสุ่ยจิงแล้วโม่เหยียนปิงถึงกับพูดไม่ออก เรื่องนี้มันน่าอายอย่างที่สุด อย่างไรก็ดี ไม่ว่ามันจะน่าอายอย่างไร ตราบเท่าที่บิดาของเขาได้กลายเป็นเจ้าเมือง ทุกอย่างก็จะกลายเป็นดีเอง.

"ครับ."โม่เหยียนปิงที่รับคำและจากไปในทันที.

ที่จริง หลังจากผ่านเขตที่หนึ่ง โม่ไป่หลีก็ไม่ได้คิดอะไร ทว่าหลังจากผ่านไปที่เขตที่สอง ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังลั่นตะโกนสนับสนุนเขาอย่างบ้าคลั่ง ในคราแรก โม่ไป่หลีรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก คิดว่าเขาช่างได้รับความนิยมจริง ๆ  ทว่าเขาที่เห็นผู้บังคับบัญชาของเขาที่เป็นคนนำตะโกนเสียงดังลั่น ก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น.

แน่นอนว่าต้องเป็นแผนการของเซียนเซิงสุ่ยจิง แม้ว่าภายในใจจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี.

ที่จริง ทั้งสุ่ยเทียนหยาและโม่ไป่หลีต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากว่าในแต่ละเขตมีคนสนับสนุนเขามากมาย.

ในกลุ่มผู้ฝึกตน มีคนมากมายที่ทำการตรวจสอบ คนเหล่านี้กวาดตามองสำรวจเขตต่าง ๆ  กับเสียงดังที่ตะโกนดังลั่น ดูเหมือนว่าเมืองแห่งนี้จะดูคึกคักขนาดนี้เลยรึ?

เมืองอู๋ซวัง ใจกลางเมือง เป็นเกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งนี้ลอยอยู่.

ม่านสีแดงที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเกาะ ที่ด้านในนั้นมีสิ่งก่อสร้างมากมาย และยังมีตำหนักขนาดใหญ่ที่มีการป้องกันอย่างเข้มงวด เห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่คือพื้นที่หวงห้ามที่สำคัญที่สุดของเมืองอู๋ซวัง ตำหนักเจ้าเมือง.

หลังจากนี้ จบการแข่งขันของสองเขตสิ้นสุด จะมีคนที่ก้าวขึ้นมาทำงานยังเกาะลอยฟ้าแห่งนี้ และจะเป็นคนที่ได้รับเกียรติยศผู้ชนะจากการเลี้ยงตั้งครั้งนี้.

เกาะลอยฟ้าที่ลอยนิ่ง ตำหนักขนาดใหญ่ด้านใน มีป้ายที่สลักเอาไว้ว่า"เฉิงจู่"(เจ้าเมือง)

ที่ด้านหน้าตำหนักนั้น มีลานขนาดใหญ่ ซึ่งมีขุนนางกว่าร้อยคนยืนอยู่ ทว่า ขุนนางทั้งร้อยคนนี้ไม่มีใครสักคนที่กล้าเอ่ยอะไรออกมา เพราะว่าที่ด้านหน้านั้น มีกงจูเฉียนโหยวของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวยืนอยู่ และมีคนสองคนยืนอยู่ด้านหลังซ้ายขวา คนหนึ่งคือจงซานอีกคนคืออาเอ้อนั่นเอง.

กงจูเฉียนโหยวที่ยืนอยู่บนเกาะลอยฟ้าพร้อมกับจ้องมองไปยังป้ายหยกขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป พร้อมกับจับจ้องคะแนนเสียงที่กำลังเปลี่ยนแปลง.

"เฉียนโหยว."ไม่ไกลออกไปนั้นเสียงที่ดูตื่นเต้นดีใจของกู่หลินก็ดังขึ้นมาในทันที.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด