ตอนที่แล้วChapter 172 แผนสอง สามคนกลายเป็นเสือ.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 174 เริ่มต้นแผนการของจงซาน.

Chapter 173 ลั่นปาก


สามวันหลังจากนั้น.

ตำหนักแห่งหนึ่งบนเกาะลอยฟ้าทิศเหนือ.

กู่เหลินและเซียนเซิงสุ่ยจิง โม่ไป่หลีในห้องโถงใหญ่.

"เรียนซือจื่อ การลงคะแนนวันแรก ข้าได้คะแนน 36,000 ทว่าสุ่ยเทียนหยาได้เพียง 8000  ตอนนี้คะแนนนำฝ่ายตรงข้ามถึงสี่เท่า."โม่ไป่หลีที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"นี่เป็นเพียงวันแรก ยังเหลืออีกหลายวัน อย่าได้ประมาท นอกจากนี้ เมื่อเจ้าเหนือกว่ามากมาย หากผลสุดท้ายแล้วไม่ประสมผล มันจะกลายเป็นความอับอายที่ร้ายแรง."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ส่ายหน้าไปมาขณะพูด.

"ครับ เป็นเหมือนดั่งที่เซียนเซิงกล่าว."โม่ไป่หลี่ที่รับคำในทันที.

"อืม ว่าแต่กลุ่มหาเสียงของสุ่ยเทียนหยา เป็นอย่างไรบ้าง?"เซียนเซิงสุ่ยจิงสอบถาม.

"เซียนเซิง ท่านถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันทุก ๆ วันไม่ใช่รึ? ตอนนี้คนของสุ่ยเทียนหยาสร้างผลตอบสนองได้น้อยมาก มีคนไม่เชื่อพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ."กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มยืนอยู่ข้าง ๆ .

"ไม่ ๆ  เซียนเซิง เมื่อวานนี้ ดูเหมือนว่าจะมีเหตุการณ์แปลก ๆ ."โม่ไป่หลี่กล่าว.

"อย่างไรรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่จ้องมองไปยังโม่เป่ยหลี.

"วันนั้น สุ่ยเทียนหยาได้เกณฑ์คนกว่า 3000 คน พวกเขาที่กระจายไปทั่ว แบ่งออกเป็นกลุ่มละสามคน นอกจากนี้พวกเขายังพูดเหมือน ๆ กัน กล่าวว่า ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีกำลังจะละเมิดพันธสัญญาแล้ว อีกไม่นานเมืองอู๋ซวังจะถูกโจมตี."โม่ไป่หลีกล่าว.

"ใช้คน 3000 คนเลยรึ? ไม่ได้การ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวอะไรนัก  3000 คนไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย นอกจากนี้ยังทำการแบ่งแยกหาเสียงเป็นกลุ่มดูไม่ปรกติเลย."เซียนเซิงสุยจิงที่ขมวดคิ้วไปมา.

"สุ่ยจิง เรื่องนี้เป็นแผนการของเฉียนโหยวอย่างงั้นรึ?"กู่หลินสอบถามออกมาด้วยท่างเป็นกังวล.

สุ่ยจิงส่ายหน้าไปมาและสอบถามโม่ไป่หลีต่อ "แล้วทั้งสามกลุ่มนี้ ปรากฏตัวออกมา?แค่ครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลยอย่างงั้นรึ? หรือพวกเขาปรากฏตัวคนเดียวในแต่ละช่วงเวลาที่ต่างกัน?"

"หืม?คงจะใช่."โม่ไป่หลีที่คิดไปมา.

ได้ยินคำพูดของโม่ไป่หลีแล้วเซียนเซิงสุ่ยจิงเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล "กงจูเฉียนโหยวช่างเป็นคนที่ฉลาดล้ำนัก."

"อย่างไรรึ?"กู่หลินสอบถาม.

"คนทั้งหนึ่งพันนั้นคือแกนหลัก คนพันคนต่างก็สับเปลี่ยนหมุนวน ที่เหมือนกับสระน้ำที่แห้งเหือด ตอนนี้กับดูคึกคัก."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ขมวดคิ้วไปมา.

"เซียนเซิง พวกเราจะต้องทำอย่างไร? หมุนเวียนกันหรือไม่?"โม่ไป่หลีที่กล่าวออกมาในทันที.

"ไม่ พวกเราและฝ่ายตรงข้ามมีจุดยืนที่ต่างกัน ฝ่ายตรงข้ามต้องการสร้างวิกฤติ จึงได้กระทำเช่นนั้น ทว่าพวกเรานั้นต้องการความมั่นคง จำเป็นต้องปักหลักคนอย่างมั่นคง ดังนั้นการหมุนเวียนคนเช่นนั้นจึงไม่เหมาะกับพวกเรา กงจูเฉียนโหยว ร้ายกาจจริง ๆ ."เซียนเซิงสุ่ยจิงส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวชมและทอดถอนใจไปพร้อม ๆ กัน.

"พวกเราจะทำอย่างไร?"กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวลในทันที.

"ทำเช่นนี้แล้วกัน ให้คนครึ่งหนึ่งของพวกเรายึดตำแหน่งเดิม ส่วนอีกครึ่งหนึ่งให้สับเปลี่ยนสถานที่ต่าง ๆ  กระจายไปทั่วเมืองอู๋ซวังที่มีผู้คนคาดหวังความสงบ."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดพร้อมกับกล่าวออกมา.

"ครับ."โม่เป่ยหลีที่รับคำทันที.

ที่จริงแล้ว เซียนเซิงสุ่ยจิงก็ไม่สามารถคาดหวังได้ว่าคนทั้งหมดของเมืองอู๋ซวังปรารถนาความสงบสุข ทว่าก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องสงคราม และความหวาดกลัวของผู้คนเช่นเดียวกัน.

หลังจากนั้นสองเดือน.

ที่ด้านนอกของที่พักจงซานนั้น เขาที่กุมดาบยกขึ้น แผ่แกนแท้อาบไปทั่วดาบ พร้อมกับแสดงกระบวนท่าของวิชาเพลิงสวรรค์พันธนาการอสนี.

ที่ไกลออกไปนั้น.

ดาบของจงซานที่ฟันลงไปอย่างรุนแรง เกิดเป็นปราณดาบขนาด 12 จั้งพุ่งออกไป.

"ครืนนนนน"

เกิดเสียงดังสนั่น แม้ว่าปราณดาบจะไม่มีขนาดใหญ่นัก ทว่าเสียงกับดั่งลั่น เป็นปราณดาบที่พุ่งออกไปพร้อมกับสายฟ้าลั่นแปบ ๆ แทรกอยู่ในนั้นด้วย.

สายฟ้าฟาด ที่พุ่งตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ระเบิดเสียงดังสนั่น ราวกับพายุสายฟ้าที่น่าเกรงขาม ทำให้ต้นไม้พังทลายเสียหายไปในทันที.

เศษเถ้ารอยไหม้สีดำที่ฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ กระบวนท่าดังกล่าวร้ายกาจมาก เป็นเหมือนกับแท่งสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างรุนแรง.

วิชาเพลิงสวรรค์พันธนาการอสนี กระบวนท่าทัณฑ์สายฟ้า.

ไม่สามารถเอาเพลงดาบในระดับเซียนเทียนมาเทียบได้อีกแล้ว ด้วยวิชาที่ยกระดับขึ้น กระบวนท่าทัณฑ์สายฟ้านี้ ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในเพลงดาบ ยังเป็นหนึ่งในวิชาบำเพ็ญด้วย ก่อนหน้านี้จงซานสามารถปล่อยได้แค่เพียงปราณดาบเท่านั้น ทว่าตอนนี้ ปราณดาบของเขา นั้นมีวิชาเพลิงสวรรค์พันธนาการอสนีแฝงอยู่ด้วย ทำให้ปราณดาบมีคุณสมบัติธาตุสายฟ้า.

แม้ว่าสายฟ้าจะยังไม่หนาแน่นนัก ทว่าเมื่อพลังฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้น สายฟ้าก็จะมากขึ้นและก็มากขึ้น ทุกครั้งที่เขาโจมตี ก็จะมีทัณฑ์สายฟ้าผสมอยู่ด้วยทุกครั้ง เป็นพายุสายฟ้าที่สาดกระเซ็นไปทุกทิศทุกทาง.

เสาสายฟ้ามากมายที่ล่วงหล่นลงมานั้น สามารถโจมตีเป็นบริเวณกว้าง เป็นกระบวนท่าที่น่าเกรงขาม ไม่สงสัยเลยว่าหนึ่งพันปีมานี้ไม่มีใครในสำนักไคหยางฝึกได้.

ระดับสองแกนทอง จงซานที่เก็บดาบของเขาอย่างไร้กังวล ท้ายที่สุดเขาก็ทะลวงระดับแล้ว วาสนาที่คลุมร่างนี้ ทำให้พลังฝึกตนรวดเร็วยิ่งขึ้น ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะเร็วกว่าสองเท่าด้วยซ้ำ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมที่พักของเขายังเหมาะสมที่สุด สามเดือนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เปรียบกับโพรงวิญญาณในสำนักไคหยางที่เขาอยู่ในระดับแกนทองขั้นแรก บางทีตอนนี้เร็วกว่าด้วยซ้ำ.

"ยินดีกับเซียนเซิง วิชาเทวะสามารถสำเร็จขั้นแรกแล้ว."ไม่ไกลออกไปเป็นกงจูเฉียนโหยวที่ปรบมือให้กับเขา.

จงซานที่เก็บดาบเสร็จแล้ว หันหน้ากลับมา ในเวลานี้กงจูเฉียนโหยว อาต้าและอาเอ้อ ตลอดจนสุ่ยเทียนหยาที่ยืนรออยู่.

เกี่ยวกับวิชาของเขาที่กงจูเฉียนโหยวสามารถเห็นได้ทั้งหมด จงซานไม่ได้ใส่ใจนัก ไม่ว่าอย่างไรสำหรับนางมันก็ยังเป็นเพียงแค่วิชาธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรต่อนาง เทียบกับนางแล้วยังห่างไกลกันลิบลับ.

"ทำเรื่องน่าอายต่อกงจูแล้ว."จงซานส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเผยยิ้ม.

"เซียนเซิงเชิญนั่ง."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาพร้อมกับเชื้อเชิญให้นั่งที่โต๊ะศิลา.

จงซานที่ไม่เกรงใจนั่งที่โต๊ะศิลา พร้อมกับยกชาขึ้นจิบ ซึ่งนับว่าเป็นชาเซียนที่หอมหวนเป็นอย่างมาก ด้วยการใช้พลังไปไม่น้อยในการฝึกฝนเพลงดาบ ตอนนี้ดูเหมือนว่าค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาแล้ว.

"ผลการลงคะแนนเสียงในเมืองเป็นอย่างไรบ้าง?"จงซานสอบถาม.

กงจูเฉียนโหยวได้แต่เผยยิ้ม ไม่ได้กล่าวสิ่งใดรอให้สุ่ยเทียนหยารายงาน.

"เซียนเซิง โม่ไป่หลีมีคะแนนหนึ่งล้าน ส่วนข้ามีคะแนน 230,000."สุ่ยเทียนหยา.

"หืม?ไม่ควรเป็นเช่นนั้น หากจะกล่าวล่ะก็ พวกเราหาเสียงด้วยจุดยืน"วิกฤติสงคราม"ส่วนโม่ไป่หลีมีจุดยืน "ยุคแห่งความสงบ" เมืองอู๋ซวังที่อยู่ระหว่างพรมแดนทั้งสอง เรื่อง"วิกฤติสงคราม"ผู้คนน่าจะรับรู้เรื่องนี้มากว่า แต่กลับกลายเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาขณะพูด.

"กลุ่มคนของพวกเราที่ช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ ทว่าจำนวนก็ยังน้อยอยู่ เทียบกับโม่ไป่หลีไม่ได้เลย พวกเรามีพันคน ทว่าพวกเขามีสามพันคน."สุ่ยเทียนหยากล่าว.

"จำนวนคนไม่พออย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ถูกแล้ว."สุ่ยเทียนหยากล่าว.

"เพียงแค่พันคนไม่เพียงพอ? ทั่วทั้งเมืองมี 72 เขต แต่ละเขตใช้คน 14 คน นี่ยังไม่เพียงพออีกอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ชำเลืองมองตาโต.

"แต่ละเขตนั้น มีขนาดใหญ่มาก นอกจากนี้ ร้านอาหารก็มีอยู่มากมาย  14 คนก็พยายามที่จะวิ่งไปมาระหว่างร้านอาหาร ไม่เพียงพอที่จะหยิบยกขึ้นมาพูดถึง."สุ่ยเทียนหยากล่าวออกมาด้วยความเป็นกังวล.

เห็นท่าทางของสุ่ยเทียนหยา จงซานถึงกับหยุดนิ่งถอนหายใจ และแสดงท่าทางจริงจังออกมา.

เห็นท่าทางของจงซาน กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะว่ากงจูเฉียนโหยวรู้ว่ากับท่าทางเช่นนั้น จงซานรู้สึกผิดหวังกับการทำงานของสุ่ยเทียนหยาไม่น้อย.

จงซานที่ไม่ได้แสดงท่าทางโกรธแต่อย่างใด ทว่าก็ยืนขึ้นจ้องมองไปยังสุ่ยเทียนหยาด้วยความจริงจัง "ใต้เท้าสุ่ย เรื่องนี้ ข้าต้องการให้ท่านรับปากมั่นเหมาะ."

"เซียนเซิงเชิญกล่าว."สุ่ยเทียนหยาที่ตอบรับในทันที.

"หลังจากนี้ไม่ต้องหาเสียงที่ร้านอาหารอีกต่อไป มันช้าเกินไป."

"แต่ว่า ร้านอาหารนั้นมีคนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก สถานที่ดังกล่าวถือว่าเหมาะที่สุด "สุ่ยเทียนหยากล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"แต่ว่าร้านอาหารมีจำนวนมาก ท่านไม่สามารถไปได้ทุกที่ไม่ใช่รึ?"จงซานที่ขมวดคิ้ว.

"เรื่องนี้?"สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้วไปมา คนเขามีน้อยย่อมไม่สามารถทำได้ทั่วถึงแน่นอน.

"ท่านลองไปดู ว่ามีที่ไหนอีก ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก."จงซานกล่าว.

"หืม?"สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ลานจัตุรัส ร้านค้า ร้านกาแฟ สถานที่อื่น ๆ  ที่เป็นทางผ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามถนนหนทางขนาดใหญ่ มีคนสัญจรไปมา สถานที่ดังกล่าวนั่นล่ะที่เหมาะจะหาเสียง "จงซานกล่าว.

"สถานที่เหล่านั้น?มันเป็นอิสรเสรีเกินไป?นอกจากนี้อาจจะเกิดความวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาเสียง มีคนชื่นชมไม่ลืมหูลืมตาต่อข้า นอกจากคนเหล่านั้นแล้ว ยังมีพวกหัวรุนแรงเมื่อพวกเราไปหาเสียงยังสถานที่แห่งนั้นเพียงแค่ชำเลืองมองพวกเขาก็รู้แล้วว่าพวกเรากำลังพูดเรื่องโกหก."สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้วไปมาด้วยความสงสัย.

"เชื่ออย่างไม่ลืมหัวลืมตารึ? หัวรุนแรงรึ? ใต้เท้าสุ่ยท่านรู้จักคนเหล่านั้นอย่างงั้นรึ? ในเมื่อรู้แล้วมีสิ่งใดต้องกลัว ตราบเท่าที่มีโอกาสเป็นไปได้ นั่นก็สมเหตุสมผลแล้ว ตอนนี้ท่านมีคนเพียงแค่ 1000  จะปล่อยให้เสียโอกาสได้อย่างไร? ให้พวกเขาเป็นตัวช่วย ทำให้ทุกคนได้รับรู้ แยกคนออกเป็นสี่ฝั่งไปยังแต่ละเขต และจัดแบ่งผู้เชี่ยวชาญรับผิดชอบโดยเฉพาะ ส่วนคนอื่น ๆ เพียงแค่ตะโกนสนับสนุนท่านก็เพียงพอแล้ว นอกจากคำพูดแล้วให้ทำแผ่นหาเสียงเป็นจำนวนมาก แจกจ่ายไปยังทุกคนที่ผ่านไปมาให้ทั่ว."จงซานกล่าว.

ได้ยินคำพูดของจงซานแล้ว สุ่ยเทียนหยาถึงกับต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ อ้าปากแต่ไม่มีเสียงกล่าวออกมา.

"ใต้เท้าสุ่ย ท่านควรจะรู้ว่าการหาเสียงนี้ ก็เหมือนกับทำสงคราม ท่านควรที่จะทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ หากคิดว่าจะแพ้ท่านก็จะแพ้ น่าจะรู้นะว่าชนะเป็นราชา พ่ายแพ้คือโจร ไม่ว่าจะใช้วิธีใหน คนส่วนมากก็คือประชาชนธรรมดา ในเมื่อคนส่วนใหญ่คือคนธรรมดา ท่านไม่จำเป็นต้องใส่ใจใคร เมื่อท่านเป็นเจ้าเมือง มันก็เพียงพอที่จะรับประกันชีวิตและพลังของท่านได้ ท่านจะต้องชักจูงพวกเขา รับประกันความปลอดภัยให้กับพวกเขา หากสงครามเกิดขึ้น ท่านจะต้องสามารถรับประกันชีวิตของพวกเขาได้."จงซานที่กล่าวตอบ.

"เทียนหยาเข้าใจถึงเหตุผลแล้ว ขอบคุณเซียนเซิง "สุ่ยเทียนหยายกมือขึ้นคารวะจงซานด้วยความเคารพ.

"อืม ท่านเตรียมการหาเสียงต่อไปเถอะ."จงซานกล่าว.

"ครับ."สุ่ยเทียนหยาที่พยักหน้าในทันที จากนั้นก็ลากงจูเฉียนโหยวและจากไปในทันที.

เมื่อสุ่ยเทียนหยาจากไป กงจูเฉียนโหยวยกน้ำชาขึ้นจิบด้วยรอยยิ้ม "ความคิดของเซียนเซิงช่างทรงพลัง และไม่มีขีดจำกัดจริง ๆ .เฉียนโหยวรู้สึกชื่นชม."

"กงจูชื่นชมเกินไปแล้ว."จงซานส่ายหน้าไปมาขณะพูด.

"เฉียนโหยวไม่ได้ชมเกินไป แต่ความคิดของเซียนเซิงนั้น ได้ทำให้เฉียนโหยวได้เปิดหูเปิดตา."กงจูเฉียนโหยวที่เผยออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"เฮ้ เฮ้ นี่คืออุบายห่วงสัมพันธ์ (เหลียนหวนจี้ 连环计)."จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"อะไรคืออุบายห่วงสัมพันธ์ โปรดชี้แนะ."กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"เฮ้ เฮ้ กงจูเองก็น่าจะรู้ แน่นอน จงซานจะกล้าอวดอ้างเช่นไร แผนการเหล่านี้ก็แค่เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แผนการใหญ่นั้นได้เตรียมไว้แล้ว จะต้องสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างแน่นอน."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

*********************

กลยุทธ์ลูกโซ่ หรือ เหลียนหวนจี้ (อังกฤษ: Chain stratagems; จีนตัวย่อ: 连环计; จีนตัวเต็ม: 連環計; พินอิน: Lián huán jì) เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก กลยุทธ์ที่มีความหมายถึงเมื่อกองกำลังศัตรูมีพละกำลังที่เข้มแข็งกว่าหลายเท่า จักปะทะด้วยกำลังมิได้โดยเด็ดขาด พึงใช้กลอุบายนานาให้ศัตรูต่างถ่วงรั้งซึ่งกันและกัน ทำลายความแข็งแกร่งของศัตรูหรือร่วมมือกับพลังต่าง  ๆ  ร่วมโจมตีเพื่อขจัดความฮึกเหิมของศัตรูให้หมดสิ้นไป

คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "แม่ทัพผู้ปรีชา จักได้ฟ้าอนุเคราะห์" ซึ่งหมายความว่าแม่ทัพผู้ปรีชาสามารถในการศึก ย่อมสามารถจะบัญชาการศึกสงครามได้อย่างคล่องแคล่วดุจดั่งตามคำ "ความประสงค์ของฟ้า" จักต้องได้รับชัยชนะในการศึกสงครามเป็นมั่นคง ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ลูกโซ่ไปใช้ได้แก่โจโฉวางกลอุบายลอบโจมตีอ้วนเสี้ยวด้วยการตัดกำลังเสบียงของอ้วนเสี้ยวจนแตกพ่าย[1]

ที่มา. https://www.wikiwand.com/th/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%88

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด