ตอนที่แล้วChapter 170 การแข่งขันเป็นเจ้าเมือง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 172 แผนสอง สามคนกลายเป็นเสือ.

Chapter 171 แผนหนึ่ง วิกฤติสงคราม.


".."

กงจู่เฉียนโหยวที่ลุกพรวดพลาดด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ.

จากนั้นก็ยกมือคารวะไปยังจงซาน "ขอบคุณเซียนเซิง."

"มิกล้า!"จงซานที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางถ่อมตัว.

"ไม่ เรื่องของเมืองอู๋ซวังนี้ ทำให้เฉียนโหยวชะงักมานานแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของเซียนเซิง จะทำให้เฉียนโหยวสามารถก้าวต่อไปได้ ไม่ว่าอย่างไรเรื่องของเมืองอู๋ซวังนี้ หากได้เซียนเชิงช่วยแล้วล่ะก็ จะสามารถแก้ความยุ่งยากทั้งหมดได้แน่."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

ทว่าจงซานทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น ก่อนที่จะผายมืออกไป "กงจูเชิญนั่งก่อนเถอะ จะสำเร็จแค่ใหน เรื่องนี้ก็จำเป็นต้องให้ใต้เท้าสุ่ยดำเนินการ."

"อืม."กงจู่เฉียนโหยวที่นั่งลงด้วยท่าทางดีใจ.

ทว่าอาต้า อาเอ้อและสุ่ยเทียนหยาที่จ้องมองไปยังหมากรุกจีนบนโต๊ะน้ำชานั้น ใบหน้าว่างเปล่าเลื่อนลอยเต็มไปด้วยความงงงวย.

"เซียนเซิงจง ท่านมีจุดมุ่งหมายอะไรอย่างงั้นรึ?"สุ่ยเทียนหยาที่จ้องมองไปยังจงซาน.

"ใต้เท้าสุ่ย หลังจากท่านกลับไป ต้องปรับปรุงสำนักงานเมืองทิศใต้ใหม่ ต้องทำให้สถานะการเมืองในทิศใต้ดูตึงเครียด และให้ลอบปล่อยข้อมูลลับออกไป ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีจะทำการบุกเข้าโจมตีอย่างคาดไม่ถึง ทว่าดินแดนทิศใต้นั้นได้เตรียมระวังภัยอย่างเต็มกำลัง และตอนนี้กำลังสืบสวนข่าวลือนั้นอยู่ พร้อมกับให้สร้างทีมจำนวนหนึ่ง ส่งออกไปตรวจสอบที่นอกเมือง "จงซานที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล.

"ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีจะบุกเข้าโจมตีทันทีอย่างงั้นรึ? นี่เพิ่งตกลงเซ็นสัญญาสงบศึกเองไม่ใช่รึ?ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ดีนัก หากว่ามีบางคนหลงเชื่อเข้าผสมโรง อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายระหว่างสองราชวงศ์ได้ ด้วยแผนการนี้ ข้าคิดว่าไม่น่าจะได้ผล."สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย.

"ข่าวลือ? นี่ก็แค่ข่าวลือ?การที่ท่านเฝ้าระวังปกป้องเมืองมีอะไรผิด ท่านไม่ได้เป็นคนกล่าวซะหน่อย ว่าราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีเข้าโจมตี ท่านเพียงแค่เสริมความแข็งแกร่งให้ป้อมปราการ เพิ่มความปลอดภัย เตรียมพร้อมให้กับเมืองอู๋ซวัง มีใครจะว่ากล่าวท่านกัน?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"อย่างงั้นรึ?"สุ่ยเทียนหยางคิดไปมา.

"แต่ว่า การทำเช่นนี้จะได้ประโยชน์อะไร?"สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้วขณะพูด.

"เพราะว่าการปล่อยข่าวว่าราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีจะเข้าโจมตีเมืองอู๋ซวัง ทุกคนจะสนับสนุนที่จะให้สร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของป้อมปราการขึ้น ทุกคนตระหนักได้ถึงอันตราย ฝ่ายของโม่ไป่หลีนั้นไม่สามารถทำเช่นท่านได้อย่างแน่นอน เพราะว่าพวกเขานั้นได้ทำการหาเสียงด้วยการกล่าวถึงความสงบ โดยให้สองราชวงศ์นั้นอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุก."จงซานกล่าวต่อสุ่ยเทียนหยา.

"ทำไมล่ะ?"สุ่ยเทียนหยากล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"สถานการณ์เวลานี้ หากจะกล่าวล่ะก็ในสายตาของผู้คนท่านด้อยกว่าอีกฝั่ง หากแต่ทำให้ทุกคนคิดว่าวิสัยทัศน์ของโม่ไป่หลีด้อยกว่าท่านล่ะ สิ่งนี้จะเป็นการพลิกให้พวกเรากลับคืนมาแข่งขัน หากโม่ไป่หลีไม่สามารถเทียบท่านได้ นี่คือแผน ที่พวกเขาไม่สามารถที่จะใช้เรื่องนี้ในการหาเสียงได้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ทั้งตระกูลใหญ่และกองทัพนั้นล้วนแล้วแต่สนับสนุนโม่ไป่หลี."จงซานกล่าว.

"หืม?"โม่ไป่หลียังคงจ้องมองไปยังจงซานด้วยความสงสัย.

"ใต้เท้าสุ่ยรากฐานของท่านในเมืองอู๋ซวังนั้นยังไม่ลึกพอ การจะให้ตระกูลใหญ่ต่าง ๆ สนับสนุนท่าน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าในเวลาอันสั้นเป็นไปไม่ได้เลย ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าประชาชนทั่วไปยังไม่ค่อยรู้จักด้วยซ้ำ นี่คือโอกาสที่จะสร้างความเชื่อมั่นและชื่อเสียงต่อประชาชนทั่วไป."จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"แต่ว่า เพียงแค่ปล่อยข่าวว่าราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีจะเข้าโจมตี ประชาชนทั่วไปจะสนับสนุนข้าอย่างงั้นรึ?"สุ่ยเทียนหยาที่ถามออกมาด้วยท่าทางสงสัย.

จงซานที่จ้องมองไปยังสุ่ยเทียนหยา ถึงกับพูดไม่ออก ขนาดพูดออกมาขนาดนี้แล้ว ยังไม่เข้าใจอีกรึ?

"เมืองอู๋ซวังนั้นเป็นพรมแดนระหว่างสองราชวงศ์ ก่อนหน้านี้ที่นี้ ต่างก็มีการสู้รบกันไม่หยุด ประชาชนที่แห่งนี้ ต่างก็มีความเป็นกังวลเรื่องสงคราม พวกเราจะรู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก เมื่อท่านใช้โอกาสนี้หาเสียงเกี่ยวกับเรื่องวิกฤติสงครามที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ หากเมืองถูกตีแตก ผู้หญิงจะถูกจับไปเป็นทาสอารมณ์ให้กับทหารราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีทั้งวันทั้งคืน ผู้ชายจะถูกจับไปเป็นทาส เมืองแห่งนี้ ประชาชนทุกคนควรที่จะรู้สึกหวั่นเกรงกับความโหดร้ายของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีอยู่ ท่านควรที่จะกล่าวเรื่องนี้ทุก ๆ วัน."จงซานกล่าว.

"แต่ว่า กองกำลังในทวีปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ไม่เคยมีกองกำลังที่โหดร้ายเช่นนั้น อาจจะมีเพียงแค่ภาคตะวันตก แต่ก็มีไม่กี่แห่ง อีกทั้งยังไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น เพราะว่ากองกำลังของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีนั้นเคร่งครัดเรื่องกฎมาก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แล้วประชาชนจะเชื่อเหรอ?"สุ่ยเทียนหยากล่าว.

เห็นท่าทางโง่งมของสุ่ยเทียนหยาแล้ว จงซานถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว ก่อนที่จะหันหน้าไปหากงจูเฉียนโหยว "กงจู ท่านช่วยอธิบายต่อใต้เท้าสุ่ยหน่อย."

กงจูเฉียนโหยวที่หรี่ตาจับจ้องมองการอธิบายของจงซานต่อสุ่ยเทียนหยาด้วยรอยยิ้ม เห็นการตอบรับของสุ่ยเทียนหยาต่อจงซานแล้วถึงกับทำให้เขาพูดไม่ออก เป็นเรื่องที่น่าขบขันยิ่งนัก ในเวลาเดียวกัน ความเข้าใจของสุ่ยเทียนหยาช่างน่าถอนหายใจจริง ๆ  ตราบเท่าที่มีคนเชื่อทุกอย่างก็คือสำเร็จแล้ว ถึงแม้ว่าเรื่องดังกล่าวนั้นอาจจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริงก็ตาม.

"พวกเราต้องการให้เจ้าทำอะไร เจ้าก็ทำ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ครับ."สุ่ยเทียนหยาหุบปากไปในทันที.

จงซานที่ยกน้ำชาขึ้นดื่ม ก่อนที่จะหันหน้าไปกล่าวกลับกงจูเฉียนโหยว"นี่เป็นมาตรการชั่วคราว ข้าคิดว่ายังจำเป็นต้องใช้อีกหลายวิธี ที่จะตรึงผู้คนและดึงพวกเขาเข้ามา พวกเราค่อย ๆ หาวิธีอื่น ๆ เพิ่มในภายหลัง."

"อืม."กงจูเฉียนโหยวพยักหน้า เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก กับเรื่องนี้ดูชะงักงันไม่มีความคืบหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว กับเวลาไม่กี่วัน เขากลับมีวิธีการที่จะพาทุกคนก้าวไปต่อได้.

สิบวันหลังจากนั้น ที่บนเกาะลอยฟ้าทิศเหนือ.

บนตำหนักใหญ่บนเกาะลอยฟ้าทิศเหนือนั้น กู่หลิน เซียนเซิงสุ่ยจิงและโม่ไป่หลียืนอยู่.

โม่ไป่หลี่เต็มไปด้วยความเคารพที่มีต่อกู่เหลินและเซียนเซิงเป็นอย่างมาก.

กู่หลินที่แสดงท่าทางสงสัยเล็กน้อย ทว่าเซียนเซิงสุ่ยจิงนั้นกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่.

"เจ้าได้บอกว่า คนของสุ่ยเทียนหยาที่ถูกส่งออกไปนั้น พูดว่าอย่างไรนะ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ขมวดคิ้วไปมาสอบถาม.

"ครับ พวกเขาส่งคนไปหลากหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่แล้วเป็นร้านอาหาร คนเหล่านั้นสังเกตได้ว่าเป็นพวกฟุ่มเฟือยชอบดื่มสุรา จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดจาไร้สาระออกมา บอกว่ากองกำลังราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีกว่าหนึ่งล้านคนได้ประจำการอยู่ที่เทือกเขาซือซวินหนึ่งล้านคน พวกเขาเตรียมการเข้าโจมตีเมือง บางคนถึงกับพูดจาใหญ่โตว่ามี กองกำลังกว่า 50 ล้านคน เป็นคำพูดที่ไร้สาระมาก และยังพบว่ากองกำลังดังกล่าวกำลังจะบุกเมืองอู๋ซวัง ผู้ชายจะถูกจับกลายเป็นทาส ผู้หญิงจะถูกนำไปขาย เหมือนว่าสุ่ยเทียนหยาเป็นคนตั้งใจปล่อยข่าวเช่นนี้ออกมา."โม่ไป่หลีกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"สุ่ยเทียนหยาเป็นบ้าไปแล้วรึ? ปล่อยข่าวอะไรไร้สาระ ใครจะไปเชื่อ?"กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ย่อมมีบางคนหลงเชื่อ."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ส่ายหน้าไปมา.

"ใครกัน เป็นไปไม่ได้ เรื่องไร้สาระขนาดนี้ไม่มีทางหรอก."กู่หลินที่กล่าวออกมาในทันที.

เห็นท่าทางของกู่หลินแล้ว เซียนเซิงสุยจิงที่ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย."ซือจื่อ คนที่ได้รับฟังเรื่องนี้ของเมืองอู๋ซวังนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีเชาว์ปัญญาที่ชาญฉลาดเหมือนซือจื่อ ข่าวลือเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางที่จะหลอกซือจื่อได้ ทว่าคนส่วนใหญ่ เป็นคนทั่วไป ยิ่งเมืองใหญ่เช่นนี้ ประชาชนจำนวนเล็กน้อยไม่ค่อยฉลาดนั้นก็มีอยู่.."

"แค่เพียงเล็กน้อย ต้องกลัวอะไรกัน?"กู่หลินกล่าว.

"มีคำกล่าวที่ว่า ขี้หนูเพียงก้อนเดียว ทำให้ข้าวต้มทั้งหม้อเสียไป คนโง่ย่อมทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ กลายเป็นคนโง่ไปด้วย ประชาชนคนอื่น ๆ จะกลายเป็นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แสดงความสงสัย นี่คือแผนการของสุ่ยเทียนหยา."เซียนเซิงสุ่ยจิงตอบ.

*** 一粒老鼠屎坏了一锅粥 yī lì lǎo shǔ shǐ huài le yī guō zhōu หรือ 一粒老鼠屎糟蹋一锅粥 yī lì lǎo shǔ shǐ zāo tà yī guō zhōu แปลว่า ขี้หนูเพียงก้อนเดียว ทำให้ข้าวต้มทั้งหม้อเสียไป เทียบกับสำนวนไทยก็คือ ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง ***

ได้ยินคำพูดของเซียนเซิงสุ่ยจิง โม่ไป่หลีถึงกับตื่นตกใจ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร?

"เซียนเซิง ข้าได้ยินมาด้วยว่า บรรยากาศรอบ ๆ เขตแดนทิศใต้อยู่ในการเฝ้าระวังและยังมีการส่งคนออกไปตรวจตราอย่างแข็งขันไปทุกพื้นที่ แม้แต่ประตูเมืองยังดูเข็มงวดเป็นอย่างมาก."โม่ไป่หลี่กล่าวออกมาทันที.

ได้ยินคำพูดของโม่ไป่หลีแล้ว เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมา ขมวดคิ้วและพูดกับตัวเอง "กงจูเฉียนโหยวช่างชาญฉลาดนัก ไม่ใช่สิ นี่ไม่น่าจะใช่นิสัยของกงจูเฉียนโหยว บางทีอาจจะมีคนที่ข้าคิดไม่ถึงช่วยนางอยู่."

"สุ่ยจิง หรือว่าพวกเราจะทำการหาเสียงเช่นนั้นบ้าง?"กู่หลินที่กล่าวออกมาทันที.

"ไม่ได้ เมื่อสุ่ยเทียนหยาได้ใช้ไปแล้ว ก็ทำให้ได้ใจของประชาชนไปแล้ว สุ่ยเทียนหยาได้ชิงส่วนได้เปรียบส่วนนี้ไปแล้ว แต่เรื่องนี้กองทัพจะเชื่ออย่างงั้นรึ? เหล่าตระกูลใหญ่จะเชื่ออย่างงั้นรึ?การทำเช่นนี้ยิ่งทำก็ยิ่งเสีย."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ส่ายหน้าไปมา.

"แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดี?"กู่หลินที่แสดงท่าทางเป็นกังวล.

สุ่ยจิงที่จ้องมองไปยังกู่หลิน.พร้อมกับเผยยิ้มออกมา."ซือจื่อโปรดวางใจ เรื่องนี้สร้างความสนใจชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ เมื่อเวลานานไป เดียวเรื่องก็ซาหายไปเอง ไม่มีใครเชื่อพวกเขา พวกเราแค่ยืนกรานในความสงบก็พอ เมืองอู๋ซวังนั้นผู้คนต่างก็ต้องการความสงบ ไม่มีสงครามอีกแล้ว ทำให้พวกเขาเชื่อว่าตราบเท่าที่เลือกโม่ไป่หลีเป็นเจ้าเมือง จะไม่มีสงครามอีกต่อไป."

"อืม."กู่หลินพยักหน้า.

"ใต้เท้าโม่ เจ้ารู้ใช่ใหม่ว่าควรทำอย่างไร?"เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.

"เซียนเซิงโปรดวางใจ เรื่องนี้ ผู้น้อยสามารถจัดการได้อย่างแน่นอน."โม่ไป่หลีกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มในทันที.

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น.

ที่อาศัยของจงซานสระน้ำขนาดเล็กหลังบ้าน.

จงซานที่เหวี่ยงดาบยักษ์ของเขา ฟันออกไปที่สระน้ำ ตัดสายน้ำแยกออกเป็นสองฝั่ง ทุก ๆ ครั้งที่ฟันออกไปแยกผืนน้ำออกเป็นสองซี่ แน่นอนว่าหลังจากฟันออกไปแล้วสายน้ำก็กลับมาผสานกันและแยกออกจากกันสลับไปมา.

จงซานไม่ได้ใช้ปราณดาบแต่อย่างใด นี่เป็นเพียงแค่การเหวี่ยงดาบฝึกกระบวนท่าทั่วไป.

ดาบที่เหวี่ยงออกไปช้า ๆ  ทว่ากับสร้างเรื่องที่แปลกประหลาด สามารถตัดแยกผืนน้ำออกเป็นสองฝั่งได้.

นี่คือการฝึกซ้อมทั่วไป ทุกครั้งที่ฟันออกไปเกิดเป็นคลื่นอากาศ ก่อนหน้านี้จงซานฝึกกับก้อนศิลาเพื่อที่จะหาจุดอ่อนในการฟันในแต่ละครั้ง หลังจากเชี่ยวชาญแล้ว ตอนนี้กำลังยกระดับมาใช้กับผิวน้ำ ด้วยรูปร่างของผิวน้ำที่ยืดหยุ่น เป็นการหาจุดอ่อนจากสายน้ำที่เลือนไหล?ทว่าจงซานก็เชื่อมั่นว่าจะต้องทำสำเร็จ.

ดูเหมือนว่าการฝึกวิธีนี้จะทำให้จงซานสามารถเพิ่มความคล่องตัวได้อย่างคาดไม่ถึง อย่างน้อยด้วยการฟันของเขาก็สามารถแยกผืนน้ำออกเป็นสองซีกโดยไม่ใช่ปราณได้แล้ว.

ขณะที่จงซานฝึกฝนกระบวนท่าอยู่นั้น กงจูเฉียนโหยวก็นำอาต้า อาเอ้อและสุยเทียนหยาเดินทางเข้ามาช้า ๆ .

กงจูเฉียนโหยวที่เห็นสาวใช้คารวะนางในทันที กงจูเฉียนโหยวที่สะบัดพัด หยุดพวกนางและให้พวกนางออกไป พวกเขาที่เดินเข้ามา ซึ่งได้ก้าวมายังโต๊ะศิลาที่ลานด้านหลัง.

กงจูเฉียนโหยวที่นั่งลงช้า ๆ  คนทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่กล้านั่งอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเขากำลังรอคอยการฝึกฝนกระบวนท่าของจงซานอยู่.

สุ่ยเทียนหยาที่เห็นจงซานค่อย ๆ เหวี่ยงดาบช้าไปยังผิวน้ำ ทว่ากลับสามารถแยกผิวน้ำออกมาได้ บนใบหน้าของเขาถึงกับกระตุกเลยทีเดียว เพราะว่าสุ่ยเทียนหยาไม่เห็นว่าจงซานจะปล่อยปราณดาบออกไปเลย แต่กลับสามารถตัดผืนน้ำออกมาได้.

กงจูเฉียนโหยวเองที่เห็นดาบยักษ์ของเขาสัมผัสลงไปยังผิวน้ำ ก็แยกน้ำออกเป็นสองส่วน ทำให้ดวงตาของนางหดเล็กลง แววตาแสดงท่าทางอัศจรรย์ใจ.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด