ตอนที่แล้วบทที่ 105 กระบี่วิญญาณสิบดาว 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 107 ไม่ต้องพล่ามให้มากความ

บทที่ 106 เจ้ามันช่างดื้อด้านนัก 


เนื่องจากว่า น้ำหนักของกระบี่เหล่านี้ค่อนข้างเบาเกินไป จึงใช้ได้ไม่ถนัดมือนัก

ซึ่งความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันมีพลังมากถึงหมื่นหกพันจิน เมื่อทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามแล้ว ความแข็งแกร่งเขาจะต้องพัฒนามากกว่านี้อย่างแน่นอน!

หากน้ำหนักของกระบี่ที่ใช้เบาเกินไป จะมิอาจสำแดงพลังของมันได้อย่างเต็มที่

“คุณชาย ท่านต้องการกระบี่ที่มีน้ำหนักมากกว่านี้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นคุณชายก็ตามข้ามาเถิด ข้าคิดว่ามีเล่มหนึ่งที่เหมาะสมกับท่านอย่างแน่นอน”

เสี่ยวซวงรู้ความต้องการของหลัวเฉิง นางจึงนำทางเขาไปอีกที่หนึ่ง

ณ ที่แห่งนั้น มีโต๊ะผลึกแยกออกมาอยู่ด้านหน้าเพียงโต๊ะเดียว โดยรอบโต๊ะนั้นมีหกหรือเจ็ดร่างกำลังยืนรายล้อมมัน พร้อมกับสนทนากันอย่างออกรส

“ให้ตายเถอะ กระบี่เล่มนี้แพงเกินไป! ราคาตั้งหนึ่งล้านสามแสนตำลึง! แม้นเป็นกระบี่สองดาวระดับสูงทั่วไป ก็มีราคาเพียงแค่ล้านตำลึงเท่านั้น”

“ด้วยราคาที่สูงเช่นนี้ มันสามารถซื้ออาวุธสมบัติระดับสองดาวทั่วไปได้ตั้งสามชิ้น!”

“ข้าจะซื้อมันในราคาหนึ่งล้านตำลึงเท่านั้น!”

แม้นบางคนจะแสดงความโลภต่อกระบี่ที่วางอยู่บนโต๊ะผลึกนั้น แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าราคาของมันนั้นสูงเกินไป จึงพานให้ตัดสินใจได้ยาก

หลัวเฉิงเดินไปดูมันด้วยท่าทางสงบ

ในโต๊ะผลึกนั้น ปรากฏมีกระบี่ยาวสีดำทองเล่มหนึ่งซึ่งมีรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย กระบี่ยาวสี่เซี๊ยะและฝักของมันมีดวงดาวระยิบระยับซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง

เสี่ยวซวงแนะนำว่า “กระบี่เล่มนี้มีนามว่าทลายสวรรค์ มันถูกหลอมขึ้นด้วยแร่เหล็กสีดำและแร่ทองคำ มีน้ำหนักเกือบหมื่นจิน ถือเป็นกระบี่ที่ดีที่สุดในระดับสองดาว! คุณชายเห็นเป็นเช่นไรเจ้าคะ?”

“กระบี่ทลายสวรรค์งั้นหรือ?”

หลัวเฉิงเหลือบมองกระบี่ทลายสวรรค์แล้วพยักหน้า “ตกลง ข้าต้องการมัน!”

เขาฝึกฝนเพลงกระบี่ทลายสวรรค์ ซึ่งตรงกับนามของกระบี่เล่มนี้พอดี

นอกจากนี้ กระบี่นี้มีน้ำหนักเกือบหมื่นจิน มันเพียงพอที่จะดึงศักยภาพของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนับว่าเป็นกระบี่ที่เหมาะมาก

“เขาซื้อมันแล้ว!”

“เด็กหนุ่มคนนี้ร่ำรวยนัก เขาสามารถจ่ายราคาหนึ่งล้านสามแสนตำลึงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย”

คนไม่กี่คนที่ยังต่อรองราคากระบี่เล่มนี้อยู่ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงทันที เมื่อเห็นว่าหลัวเฉิงซื้อมันโดยไม่คิดลังเลแต่อย่างใด

ระหว่างที่ เสี่ยวซวงกำลังจะเรียกใครสักคนมาหยิบกระบี่เล่มนี้ให้หลัวเฉิง

“ช้าก่อน นายน้อยของข้าต้องการกระบี่ทลายสวรรค์เล่มนี้!”

ทันใดนั้น ก็ปรากฏหลายร่างเดินเข้ามาเบื้องหน้าของเสี่ยวซวงและหลัวเฉิง โดยมีบุรุษหนุ่มสองคนและหญิงสาวอีกหนึ่งคน

หญิงสาวอายุสิบสี่หรือสิบห้าปี นางสวมอาภรณ์ของคนในวังสีน้ำเงิน รูปลักษณ์ของนางก็หมดจดงดงาม ผิวพรรณนวลเนียนละเอียดอ่อนขาวใสกระจ่างตา

ชายหนุ่มอีกคนมีรูปร่างสูงกำยำ ใบหน้าบูดบึ้ง พร้อมด้วยดวงตารูปสามเหลี่ยมคู่หนึ่ง ซึ่งเปล่งรัศมีอันเฉียบคมออกมา

แต่ทว่า ผู้ที่เด่นสะดุดตาที่สุด คือบุรุษหนุ่มที่กำลังถือพัดสวมอาภรณ์น้ำเงินยืนอยู่ท่ามกลางคนทั้งสอง

ชายผู้นี้มีอายุน้อยสุด ใบหน้าหล่อเหลา พร้อมกระบี่เล่มหนึ่งเหน็บอยู่ที่เอว ท่วงท่าสง่างาม แต่แฝงด้วยพลังอันแข็งแกร่ง และระดับพลังยุทธ์ก็อยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่แล้ว!

เบื้องหลังของทั้งสามคนตามมาด้วยคนรับใช้กลุ่มหนึ่ง และเป็นหนึ่งในนั้นเองที่กล่าวหยุดเสี่ยวซวงเมื่อครู่

ไม่กี่คนที่อยู่โดยรอบ เมื่อเห็นต่างก็สัมผัสได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่ธรรมดา และพวกเขาไม่อยากมีปัญหาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจถอยออกให้ห่าง แล้วสังเกตสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

เสี่ยวซวงเหลือบมองทั้งสามคน แล้วแย้มยิ้มกล่าวว่า “ข้าต้องขออภัยด้วย กระบี่เล่มนี้ถูกขายไปแล้ว หากท่านต้องการกระบี่สองดาว ก็สามารถไปเลือกดูเล่มอื่นได้”

“เจ้ากล้าเรอะ!”

คนรับใช้ที่สวมชุดสีเขียวแสดงท่าทางเย่อหยิ่งขณะจ้องมองเสี่ยวซวง

“เจ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร นายน้อยของข้าคือนายน้อยสามของตระกูลฉินแห่งเมืองซวนเฟิง! นี่คือองค์หญิงฮัว และนายน้อยของตระกูลลู่แห่งเมืองซวนเฟิง ลู่เหยียน! หากเจ้ากล้าปฏิเสธ อีกครั้ง เชื่อหรือไม่ข้าจะทำให้ปากเจ้ากล่าวสิ่งใดไม่ได้อีกเลย!”

หลังคนรับใช้ชุดเขียวกล่าวจบ ทั่วทั้งโถงก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที

“ที่แท้ เขาก็คือฉินหยวนเฟิง นายน้อยสามของตระกูลฉินแห่งเมืองซวนเฟิง!”

“ตระกูลฉินเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากสุดของเมืองซวนเฟิง ว่ากันว่า ฉินหยวนเฟิงได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ระดับสูงเจ็ดดาวขึ้นมา อีกทั้งยังทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ได้ตั้งแต่อายุสิบสี่ปี! เขาเป็นอัจฉริยะหนุ่มผู้โด่งดังของเมืองซวนเฟิง”

“ตระกูลลู่แห่งเมืองซวนเฟิงก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ส่วนองค์หญิงฮัว แม้นข้าจะไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนาง แต่บางทีนางอาจจะมาจากเมืองหลวงก็เป็นได้”

เมื่อได้ยินเสียงสนทนาของผู้คนโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง ความอวดดีบนใบหน้าของคนรับใช้ชุดเขียวก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ประหนึ่งว่าเขาเป็นผู้ที่ถูกกล่าวถึงในขณะนี้

“ฮึ่ม! พวกเจ้าไสหัวไปให้หมด!”

เสี่ยวซวงกลัวคนรับใช้ผู้นี้มากจนใบหน้าของนางพลันซีดเซียว แต่นางก็ยังรวบรวมความกล้าแล้วขยับริมฝีปากซีดขาวกล่าวขึ้นทันใด

“พวกท่านทั้งสาม ยังมีกระบี่สองดาวอีกหลายเล่ม พวกท่านสามารถไป…”

“สาวน้อย เจ้ามันช่างดื้อด้านนัก!”

คนรับใช้ชุดเขียวบันดาลโทสะพลางยกมือขึ้นตบเสี่ยวซวง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด