ตอนที่แล้วบทที่ 104 ความแข็งแกร่งเป็นนิรันดร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 106 เจ้ามันช่างดื้อด้านนัก 

บทที่ 105 กระบี่วิญญาณสิบดาว 


หลัวเฉิงไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงหยิบป้ายหยกหลิงเซียวออกมาทันที

“หากใช้สิ่งนี้ จะได้รับส่วนลดสองส่วนใช่หรือไม่?”

“ป้ายหยกหลิงเซียว!”

อากัปกิริยาของหญิงรับใช้คนอื่นๆ เปลี่ยนไปในทันใด สีหน้าเย้ยหยันของพวกนางเหล่านั้นเมื่อครู่ก็หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความเคารพอย่างนอบน้อม

หญิงรับใช้หน้ากลมก็แสดงสีหน้าประหลาดใจเฉกเช่นเดียวกัน

เท่าที่นางทราบ สถานะของผู้ที่ได้รับป้ายหยกหลิงเซียวนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง

เขาอาจจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีความสามารถอันน่าตกตะลึง หรือไม่ก็ต้องเป็นผู้มีฐานะทางสังคมสูงส่ง

หลัวเฉิงอายุยังน้อย และไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ดังนั้น พวกนางจึงคิดว่าเขามาจากตระกูลใหญ่หรือไม่ก็อัจฉริยะของสำนักบางแห่งก็เป็นได้

“คุณชายโปรดรอตรงนี้สักครู่”

หลังจากฟื้นคืนสติ หญิงรับใช้ก็หันหลังเดินกลับเข้าไปยังห้องโถงด้านข้าง

ไม่ช้า ชายวัยกลางคนผู้มีภาพลักษณ์ละเอียดอ่อน ก็เดินออกมาจากห้องหลังโต๊ะผลึกใสอย่างรวดเร็ว เขาเป็นผู้ดูแลศาลาหลิงอวิ๋นของสังกัดนี้

เขายื่นมือมารับป้ายหยกหลิงเซียว แล้วตรวจสอบมันอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นส่งมันคืนให้หลัวเฉิงด้วยท่าทางเคารพ

“มันคือป้ายหยกหลิงเซียวจริงๆ ราคาเดิมของสมุนไพรและโอสถคือสองล้านหกแสนตำลึง แต่ด้วยส่วนลดสองส่วน ก็จะเหลือราคาเพียงสองล้านแปดหมื่นตำลึง”

หลัวเฉิงพยักหน้าและหยิบบัตรทองสองล้านแปดหมื่นตำลึงออกมาทันที

ฉากนี้ทำให้หญิงรับใช้หลายคนที่อยู่โดยรอบต่างรู้สึกริษยาและเสียใจ

ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับการดูแลลูกค้าคนสำคัญที่ถือป้ายหยกหลิงเซียวนั้น สูงกว่าค่าตอบแทนทั่วไปมาก

ชายวัยกลางคนผู้ละเอียดอ่อนแย้มยิ้มกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่?”

“ข้าอยากดูอาวุธสมบัติระดับดาวด้วย” หลัวเฉิงกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ

“อาวุธสมบัติระดับดาวอยู่ในโถงใหญ่ข้างๆ”

ชายวัยกลางคนผู้ละเอียดอ่อนกล่าวอย่างรวดเร็ว จากนั้นหันกลับไปกล่าวกับหญิงรับใช้หน้ากลมที่อยู่ข้างๆ “เสี่ยวซวง เจ้าจงนำทางคุณชายไปดูเถิด”

“เจ้าค่ะ คุณชายเชิญทางด้านนี้”

หลังกล่าวจบ เสี่ยวซวงก็เดินนำในทันที

วืด!

ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในโถงหลักข้างๆ จู่ๆ หลัวเฉิงก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันน่าประหวั่นใจพร้อมจิตสังหารที่รุนแรง พานให้เขาเกือบจะชักกระบี่ออกมา

เสี่ยวซวงสังเกตเห็นท่าทางของหลัวเฉิง ดวงตาของนางก็ฉายแววความประหลาดใจ จากนั้นนางจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ดูเหมือนว่าคุณชายจะเป็นนักกระบี่ ทั้งยังมีทักษะกระบี่ที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย”

“ไฉนเจ้าจึงคิดเช่นนั้น?” หลัวเฉิงเอ่ยถามอย่างสงสัย

เสี่ยวซวงกล่าวว่า “โถงนี้ได้เก็บอาวุธสมบัติระดับดาวของศาลาหลิงอวิ๋นเอาไว้ ซึ่งมันเป็นกระบี่วิญญาณระดับสิบดาว มีเพียงนักกระบี่เท่านั้นที่สามารถสัมผัสพลังของมันได้”

“นั่นคือกระบี่เล่มนั้นงั้นหรือ!”

หลัวเฉิงเองก็สังเกตเห็นกระบี่อันโดดเด่นเล่มหนึ่งเช่นเดียวกัน

ที่ด้านหน้าสุดของโถงหลัก เป็นแท่นผลึกใสที่มีกระบี่เล่มหนึ่งแขวนอยู่

กระบี่เล่มนั้นแขวนอยู่ในแนวทแยงมุมของแท่นผลึก

กระบี่เล่มนี้ ทั้งเล่มเปล่งแสงสีแดงพร่างพราวราวกับเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง โดยมีแสงดาวสิบดวงสะท้อนอยู่ภายในอย่างเลือนลาง!

แม้นจะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยฉื่อ หลัวเฉิงก็รู้สึกถึงปราณกระบี่ที่ร้ายกาจและแรงกดดันอันมหาศาล คราได้สัมผัสถึงพลังของมัน ก็ราวกับว่าจิตวิญญาณของเขาจะถูกสะบั้นขาดออกเป็นชิ้นๆ

“กระบี่นี้ช่างมีพลังร้ายกาจยิ่งนัก!”

หลัวเฉิงอดไม่ได้ที่จะชื่นชม ก่อนทอดถอนสายตาจากการจ้องมองมันทันที

กระบี่วิญญาณสิบดาวไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถซื้อได้ในตอนนี้

หรือต่อให้เขาสามารถซื้อมันได้ แต่ก็ยังไม่สามารถใช้มันได้อยู่ดี

เพียงแค่พลังของกระบี่เล่มนี้ก็สามารถทำร้ายเขาได้แล้ว

นี่มันก็ไม่ต่างอันใดกับการมอบขวานยักษ์ให้กับทารกแม้แต่น้อย

เสี่ยวซวงถามว่า “ข้าขอเสียมารยาทถามท่านได้หรือไม่ ไม่ทราบว่าคุณชายอยู่ในระดับใดแล้ว”

“ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสอง”

เสี่ยวซวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หากคุณชายอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสอง การใช้อาวุธสมบัติสองดาวนั้นจะเหมาะสมที่สุด เพราะอาวุธสองดาวนั้นสามารถเพิ่มพลังโจมตีให้กับคุณชายได้ถึงสามส่วนจากเดิม”

“หากเปรียบเทียบให้ถูก อาวุธระดับหนึ่งดาวนั้นมีคุณสมบัติด้อยเกินไป และไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์ได้มากนัก หากเป็นอาวุธระดับสามดาวก็มีราคาที่สูงเกินไป ทั้งยังเหมาะกับผู้ฝึกยุทธ์ในช่วงปลายของขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์หรือสูงกว่านั้น”

หลัวเฉิงแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าช่างมีความรู้เป็นเลิศนัก ถ้าเช่นนั้นก็พาข้าไปดูอาวุธระดับสองดาวเถิด”

เมื่อได้รับคำชมจากหลัวเฉิง ใบหน้าเล็กๆ ของนางก็เปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ นางตั้งใจหาความรู้เอาไว้เยอะมากเพื่อที่จะได้ทำงานในศาลาหลิงอวิ๋นแห่งนี้

ไม่นานทั้งสองก็มาถึงบริเวณพื้นที่กระบี่สองดาว หลัวเฉิงจึงเริ่มมองกระบี่เหล่านั้นโดยละเอียด

“กระบี่ไร้ลักษณ์! กระบี่แดงจรัส! กระบี่ลายโลหิต! กระบี่วิหคเหิน…”

กระบี่เหล่านี้ล้วนมีคุณภาพดีทั้งสิ้น ทันทีที่พวกมันถูกชักออกจากฝัก มันก็แผ่พลังรัศมีอันแข็งแกร่งออกมา กระบี่แต่ละเล่มล้วนเหนือกว่ากระบี่ของหลัวเฉิงอย่างมาก

ราคากระบี่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกระบี่เช่นกัน ซึ่งเริ่มต้นที่ห้าแสนตำลึงไปจนถึงล้านตำลึง

หลัวเฉิงทดลองกวัดแกว่งกระบี่ยาวหลายเล่มในคราเดียว แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจกับกระบี่เหล่านี้มากนัก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด