บทที่ 1021 ชะตากรรมของผู้สืบทอด (ฟรี 6/10)
ลู๋เฉิงเสวียสมกับเป็นศิษย์แกนหลักของตระกูลลู๋ เขามีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมาก
ในช่วงครึ่งวันที่หลี่ฟานแอบสะกดรอยตามนี้ มีคนทั้งหมด 37 คนที่ทักทายลู๋เฉิงเสวีย พวกเขาต่างก็สุภาพและยิ้มแย้มต้อนรับ
และหลี่ฟานยังสังเกตเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของคนเหล่านี้ไม่ได้เสแสร้ง แต่เป็นความยินดีที่มาจากใจจริง
หลังจากวุ่นวายอยู่ครึ่งวัน ลู๋เฉิงเสวียก็ค่อยๆ กลับเข้าไปในถ้ำลับของตัวเอง
หลี่ฟานก็แอบตามเข้าไปเช่นกัน
ระบบป้องกันของถ้ำลับไม่สามารถขัดขวางหลี่ฟานในตอนนี้ได้
เขาเข้าไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่มีใครในถ้ำลับรู้สึกตัว
"สามี ท่านกลับมาแล้ว!"
ทันทีที่ลู๋เฉิงเสวียกลับถ้ำลับ ก็มีหญิงสาวผู้ฝึกเซียน 11 คน ทั้งอวบอั๋นและผอมบาง หน้าตาล้วนงดงาม ออกมาต้อนรับ
ในจำนวนนั้นมีสามคนที่กำลังตั้งครรภ์
เผชิญหน้ากับการต้อนรับของสาวงามมากมายเช่นนี้ ลู๋เฉิงเสวียเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ สีหน้าเย็นชา
เขาเดินตรงไปยังห้องที่ใหญ่ที่สุดในส่วนลึกของถ้ำลับ
หญิงสาวทั้ง 11 คนหัวเราะคิกคักตามไป
ประตูห้องปิดลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีเสียงรักใคร่ดังแว่วออกมา
หลี่ฟานแอบดูเหตุการณ์ในห้อง ขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ไม่ใช่เพราะอิจฉาในสถานการณ์ของลู๋เฉิงเสวีย
แต่เป็นเพราะตลอดกระบวนการ ลู๋เฉิงเสวียยังคงไร้อารมณ์
ไม่เหมือนกำลังสนุก แต่เหมือนกำลังทำภารกิจมากกว่า
จากบทสนทนาระหว่างเขากับหญิงสาวทั้ง 11 คน หลี่ฟานได้รู้ความจริงของเรื่องราว
ที่แท้แล้ว การพยายามมีทายาทให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คือวิธีสำคัญที่สุดที่ทำให้ตระกูลลู๋รักษาความรุ่งเรืองไว้ได้
ต้องรู้ว่า ในดินแดนเสวียนหวง การเป็นคนดีไม่ใช่เรื่องง่าย
บางครั้งเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น อาจถึงขั้นต้องเอาชีวิตเข้าแลก
เหตุผลที่ตระกูลลู๋สามารถรักษาภาพลักษณ์ของการเป็นผู้มีเมตตาและชอบช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างยาวนาน ก็เพราะว่าคนในตระกูลลู๋มีจำนวนมากเกินไป
มากถึงขนาดที่ตระกูลไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะแลกชีวิตของลูกหลานในตระกูล กับการเพิ่มชื่อเสียงของตระกูล
นอกจากภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากตระกูลแล้ว ทุกปีจะต้องให้กำเนิดทายาทในจำนวนที่กำหนดด้วย
ทุกคนในตระกูลลู๋ต่างรู้ชะตากรรมของตัวเองดี อาจต้องเสียสละตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้ การใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานในยามนี้จึงกลายเป็นแนวทางปฏิบัติของคนในตระกูลลู๋
เกือบทุกคนในตระกูลลู๋มีคู่ครองสองหลักขึ้นไป
เวลาว่างส่วนใหญ่ใช้ไปกับการสร้างทายาท
บางคนอาจหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้และสนุกไปเรื่อยๆ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรักษาความกระตือรือร้นไว้ได้ในภารกิจที่ต้องทำซ้ำๆ ทุกวัน
หลี่ฟานรู้สึกถึงความเบื่อหน่ายและความเหนื่อยล้าจากลู๋เฉิงเสวียในตอนนี้
"พูดว่าเป็นศิษย์แกนหลักของตระกูล แต่ก็หนีไม่พ้นชะตากรรมของพ่อพันธุ์ อย่างมากก็แค่ได้เลือกคู่ครองที่สวยงามกว่าเท่านั้น"
"พูดอย่างนี้ ถ้าข้าช่วยเจ้าปลดปล่อย ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสินะ"
หลี่ฟานที่แอบดูอยู่นอกห้องมีสีหน้าเรียบเฉย
รอจนกระทั่งการต่อสู้ครั้งใหญ่จบลง ลู๋เฉิงเสวียและสาวงามทั้ง 11 คนหลับตาพักผ่อนอย่างมึนงง
หลี่ฟานจึงแวบเข้าไปในห้อง
ลู๋เฉิงเสวียมีวรยุทธ์ขั้นแปรวิญญาณ ส่วนหญิงสาวคนอื่นๆ อย่างมากก็แค่ระดับแก่นต้นกำเนิด
หลี่ฟานกดมือลงบนศีรษะของลู๋เฉิงเสวียที่ไม่ทันตั้งตัว ดูดเขาเข้าไปในถ้ำสวรรค์ของตัวเอง
แม้แต่หญิงสาวคนอื่นๆ ก็ไม่รู้สึกตัว จากนั้นหลี่ฟานก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับผี
เมื่อพวกนางตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นลู๋เฉิงเสวีย ก็จะคิดว่าเขาเหนื่อยจึงออกไปก่อน
และกว่าจะพบว่าลู๋เฉิงเสวียหายตัวไป ก็คงเป็นอีกหลายวันต่อมา
ในห้องลับของโลกหลิงมู่
หลี่ฟานไม่ได้ปลุกลู๋เฉิงเสวียให้ตื่น แต่ให้เขาตายอย่างสงบในความฝัน
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดเมื่อผู้ฝึกเซียนสิ้นชีพ ถูกหลี่ฟานใช้วงจรอาคมบดบังไว้ ไม่มีใครในโลกหลิงมู่สามารถรับรู้ได้
ไม่นาน ศิลาเปลี่ยนวิถีระดับสูงที่เปล่งแสงขาวใสก็ปรากฏต่อหน้าหลี่ฟาน
ปัจจุบัน ในพันธมิตรหมื่นเซียนมีเศษแม่ศิลาหนึ่งชิ้น ศิลาเปลี่ยนวิถีระดับสูงสุดสามก้อน และระดับสูงสิบหกก้อน
หลี่ฟานไม่ได้หวังว่าในเป้าหมายสามคนที่เขากำหนดไว้ครั้งนี้ จะมีผู้ครอบครองศิลาระดับสูงสุดหรือเศษแม่ศิลา
ศิลาเปลี่ยนวิถีระดับสูงก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
การผสานรวมและเสริมความแข็งแกร่งในทุกภพชาติ จะต้องบรรลุถึงระดับของแม่ศิลาเปลี่ยนวิถีอย่างแน่นอน
ในศิลาเปลี่ยนวิถีระดับสูงนี้ ยังคงมีความทรงจำของลู๋เฉิงเสวียก่อนตาย
หลี่ฟานไม่ได้ลบล้างมันทิ้งทันที แต่เริ่มดูภาพเหตุการณ์ในนั้น
"ไม่นึกว่าตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ก็ได้รับศิลาเปลี่ยนวิถีนี้แล้ว และยังได้มาจากมรดกของบิดาตัวเองโดยไม่ต้องลงแรงเลย"
บิดาของลู๋เฉิงเสวียสละชีวิตช่วยเหลือผู้อื่น หลังจากนั้นผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือก็ซาบซึ้งในบุญคุณ จึงนำศิลาเปลี่ยนวิถีนี้มามอบให้เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณ
ตอนนั้นลู๋เฉิงเสวียยังเด็ก ผู้นั้นกลัวว่าศิลาเปลี่ยนวิถีจะถูกตระกูลลู๋ยึดไป จึงแอบมาหาเขาโดยตรง
ดังนั้นเรื่องที่ลู๋เฉิงเสวียครอบครองศิลาเปลี่ยนวิถีนี้ จึงไม่มีใครในตระกูลลู๋รู้
ด้วยศิลาเปลี่ยนวิถี ลู๋เฉิงเสวียจึงแสดง "พรสวรรค์" ที่น่าตกตะลึงออกมา ค่อยๆ ได้รับการบ่มเพาะในฐานะศิษย์แกนหลัก จนกระทั่งวันนี้ที่ต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของหลี่ฟาน
โดยรวมแล้ว ชีวิตของลู๋เฉิงเสวียไม่มีอะไรน่าสนใจ
นอกจากมีทายาททั้งหมดสิบหกคนแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่น่ากล่าวถึงอีก
หลี่ฟานดูภาพเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดแล้วส่ายหน้าเบาๆ "ชีวิตที่ธรรมดาและน่าเศร้า แม้แต่วันเวลาของข้าในต้าเสวียนยังน่าตื่นเต้นกว่า"
"เสียของล้ำค่าไปเปล่าๆ"
ด้วยสายตาของหลี่ฟานในตอนนี้ เขาย่อมไม่สนใจชีวิตแบบนี้
แต่เขาก็ไม่ได้ลบความทรงจำของลู๋เฉิงเสวียทิ้ง เพียงแต่เก็บมันไว้ในมุมหนึ่ง
จากนั้นก็เริ่มผสานรวมกับศิลาเปลี่ยนวิถีของตัวเอง
มากกว่าการรวมเป็นหนึ่ง แต่เป็นการดูดซึมและเสริมความแข็งแกร่ง
เพราะแกนหลักยังคงเป็นศิลาที่ 【เปลี่ยนวิถีหนึ่งเดียว】 ในดวงจิตของหลี่ฟาน
เมื่อศิลาเปลี่ยนวิถีที่บรรจุชีวิตทั้งหมดของลู๋เฉิงเสวียกลายเป็นกระแสแสงดาวนับล้านๆ ดวง ไหลเข้าสู่ดวงจิตของหลี่ฟานอย่างต่อเนื่อง
การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นกับศิลาเปลี่ยนวิถีในดวงจิตของหลี่ฟาน
ราวกับว่าในชั่วพริบตา ฟ้าสูงแผ่นดินกว้าง ทุกสิ่งในโลกล้วนสว่างไสวขึ้น
รายละเอียดของประสบการณ์ทั้งหมดในอดีต ทั้งที่สังเกตเห็นและที่มองข้ามไป ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ล้วนปรากฏขึ้นใหม่ในความคิดของหลี่ฟาน
รวมถึงข้อมูล วิชายุทธ์ และเอกสารอื่นๆ ที่เคยเห็นผ่านตาแม้เพียงแวบเดียว ก็ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาจากความทรงจำที่ถูกฝังไว้ทั้งหมด
......
"ระดับสูงกับระดับกลาง ต่างกันเพียงคำเดียว แต่ห่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่รู้ว่าระดับสูงสุด หรือแม้แต่แม่ศิลาเปลี่ยนวิถี จะเป็นระดับใดกัน"
ในดวงตาของหลี่ฟานปรากฏภาพโลกที่เกิดดับไม่หยุด เขาพึมพำอย่างรู้สึกทึ่ง
เขาลองใช้ถ้วยแยกวิเคราะห์ยุคสิ้นสุดในการคำนวณวงจรอาคมระดับเซียน
ด้วยความช่วยเหลือของศิลาเปลี่ยนวิถี ความสามารถในการจัดการกับข้อมูลที่ซับซ้อนของหลี่ฟานเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เขาไม่รู้สึกสับสนวุ่นวายและไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรเหมือนตอนที่ศึกษาครั้งก่อนอีกต่อไป
ตอนนี้เขาไม่รู้สึกหลงทางอีกแล้ว เพียงแค่ดูผ่านๆ เล็กน้อย ทิศทางการวิจัยโดยคร่าวก็ปรากฏขึ้นในสมองทันที
หลี่ฟานลองใช้ไม้บรรทัดวัดสวรรค์
"จำนวนภาพที่สามารถตรวจสอบได้พร้อมกัน เพิ่มขึ้นสิบเท่า......"
ทันทีที่ได้ผลลัพธ์เชิงปริมาณ หลี่ฟานก็พอใจกับผลที่ได้ในครั้งนี้มาก
