Chapter 99 เรื่องในอดีต.
กองกำลังดังกล่าวนั้นได้มีการซักซ้อมมาก่อนแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะฝึกฝนการต่อแพไม้เอาไว้จนเชี่ยวชาญ เพียงแค่เวลาอึดใจเดียวก็สามารถสร้างทางพาดไปยังอีกฝั่งได้ ด้วยการสร้างแพไม้ขึ้นอย่างรวดเร็วพวกเขาก็พร้อมที่จะนำกองกำลังพุ่งผ่านไปฝั่งตรงข้ามแล้ว.
แม้ว่าจะใกล้เข้ามาแล้ว จงซานก็ยังไม่ออกคำสั่งแต่อย่างใด เพราะว่าระยะยิงอย่างแม่นยำของธนูไฟนั้นแค่เพียงห้าสิบเมตรเท่านั้น จากระยะถึงคู่น้ำ ถึงแม้ว่าจะยิงไปก็ไม่มีพลังเท่าใดนัก อีกอย่างจำนวนทหารที่เคลื่อนที่มายังมีจำนวนไม่มากนัก ควรที่จะเก็บกำลังเอาไว้ก่อน นอกจากนี้แพไม้เพื่อข้ามคูน้ำ ดูเหมือนว่าจะอยู่ในการคาดการณ์ของจงซานอยู่แล้ว.
"สังหารพวกมันให้หมด."ซูเหลียนเซียนที่ชูกระบี่ พร้อมกับตะโกนอยู่ด้านหน้า.
"บุก!"
กองทัพใหญ่คำรามเสียงดัง เคลื่อนที่พุ่งตรงไปยังด้านหน้าพร้อมบันไดและหน้าไม้แปดแรงวัว พวกเขาเคลื่อนทัพตรงไปยังฝั่งตรงข้าม แม้ว่าจะเป็นทหารทั่วไปแต่ก็ต้องตื่นตะลึงที่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาเคลื่อนทัพตรงไปยังกำแพงเมืองที่อยู่ด้านหน้าในทันที.
"ปล่อยธนู."ที่เหนือกำแพง จงซานที่เอ่ยปากอย่างนุ่มนวล.
หยิงหลานที่สะบัดธงสีแดงอย่างรวดเร็ว เหล่าทหารที่อยู่บนกำแพงเมืองง้างธนูเตรียมลูกศรอยู่แล้ว ทันทีที่ได้รับสัญญาณธง ห่าธนูมากมายก็พุ่งออกไปด้านหน้าในทันที.
ทันใดนั้น เหล่าทหารมากมายที่กำลังข้ามฝั่งมาต่างก็ถูกสังหารตายไปเป็นจำนวนมาก.
ในสนามรบไม่มีความเห็นใจ การจะทะลวงกำแพงเมืองนั้นยังไม่มีการหยุดชะงักแม้แต่น้อย โลหิตและศพมากมายที่หล่นลงในคูน้ำ โลหิตที่ไหลเป็นสายน้ำ เป็นภาพฉากที่โหดร้ายทารุณมาก น้ำในคูน้ำได้เปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต ศพที่ชิ้นส่วนไม่ครบ ตกตายไปศพแล้วศพเล่า กองกำลังที่พุ่งตรงมาไม่หยุด พวกเขาที่ขนอุปกรณ์หลายอย่างเข้ามา เพื่อโจมตีเมือง หน้าไม้แปดแรงวัวที่ถูกขนเพื่อข้ามฝั่งมา.
ถึงแม้ว่าจะมีทหารอยู่จำนวนหนึ่งข้ามสะพานมาได้ และใช้ธนูยิงตอบโต้เช่นกัน ทว่าธนูที่อยู่บนกำแพงเมืองนั้นทรงพลังกว่า ความแรงที่ยิงลงมาจากำแพงที่อยู่บนที่สูงย่อมมีกำลังมากกว่า หรือแม้ว่าทหารบนกำแพงเมืองจะถูกยิง ความร้ายแรงก็ยังน้อยกว่าอยู่ด้านล่างกำแพงเมืองอยู่ดี.
จงซานยังคงจ้องมองการสังหารของทั้งสองฝ่ายอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าฝั่งตรงข้ามนั้นจะมีทหารจำนวนมากกว่า พวกเขาเองก็ถูกสังหารด้วยเช่นกัน ทว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นย่อมถูกสังหารเป็นจำนวนมากกว่าถึงจะสามารถทะลวงประตูเมืองได้ ทว่าจงซานก็หาได้วิตกกังวลแต่อย่างใด
สายตาของจงซานในเวลานี้จับจ้องมองไปยังซูเหลียนเซียนที่อยู่ไกลออกไป เขาที่อยู่ท่ามกลางทัพใหญ่ สายตาของพวกเขาที่จ้องมองกันและกัน ซูเหลียนเซียน เมื่อในอดีตนั้นได้ให้คำสัญญา เป็นเหตุให้หลายปีมานี้เขาไม่ได้ทำการแทรกแซงการเมืองราชวงศ์ต้าคุนเลย.
ซูเหลียนเซียนเป็นคนที่รักคนมีเจ้าของ.
เขายังจำเรื่องราวบางอย่างได้ หลังจากที่กุยเอ๋อถูกไท่จู่เหล่ยเทียนสังหาร จงซานที่ท้อแท้หมดกำลังใจ เขาที่ใช้ชีวิตอย่างไม่เสียดายชีวิต เข้าสู่การเสี่ยงภัยนับไม่ถ้วน หลังจากครั้งนั้นเขาปกปิดตัวตน เดินทางไปยังชายแดน โยนตัวเองลงไปในความเสี่ยงท่ามกลางสงครามทว่าความสามารถของจงซานนั้นเฉิดฉายมาก เขาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรบในสงคราม เขาเข้าร่วมการต่อสู้ เข้าสู่สมรภูมิรบที่ดุร้ายรุนแรง และสงครามในครั้งนั้นก็มีอีกคนหนึ่งด้วยเช่นกันที่มีความสามารถในสงคราม นั่นก็คือซูเหลียนเซียนนั่นเอง ซูเหลียนเซียนในเวลานั้นคือไทจื่อ เขาได้ปิดบังตัวตนเข้าร่วมสงครามด้วยเช่นกัน.
พวกเขาทั้งคู่เริ่มจากการเป็นทหารเกณฑ์ เข้าสู่สมรภูมิ จงซานที่เข้าเข่นฆ่าเหล่าศัตรูไปทั่วทุกสารทิศ และพัฒนาความสามารถในการสู้รบของเขาขึ้นเรื่อย ๆ เขาที่ทุ่มเทให้กับการต่อสู้อย่างสุดกำลัง เข้าร่วมรบเพื่อแสวงหาความตื่นเต้น เพื่อที่จะทำให้หัวใจเขาสงบลง ไม่คิดถึงกุยเอ๋อ ตลอดเวลาความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางนั้นมันมากมาย จนเป็นเหมือนกับคมมีดที่กรีดหัวใจของเขาอย่างเจ็บปวดไม่รู้หาย.
กับความเจ็บช้ำอัดอั้นใจในเวลานั้น สุดท้ายแล้วเขาก็พบแสงสว่างกับหญิงสาวคนที่สอง เป่าเอ๋อ.
ความอ่อนหวานและอ่อนโยนของเป่าเอ๋อ และเอาใจใส่ของนางนั้น ทำให้จงซานสามารถเดินออกมาจากความเศร้าได้ ทว่าในเวลานั้นซูเหลียนเซียนเองก็ชื่นชอบเป่าเอ๋อด้วยเช่นกัน.
ซูเหลียนเซียนแม้ว่าจะไม่ได้รับความสนใจจากนาง แต่ก็ยังไล่ตามเป่าเอ๋อใช้วิธีมากมาย ทว่าสุดท้ายสาวงามคนนี้ก็ตกลงปลงใจกับจงซาน ซูเหลียนเซียนที่ไม่ยินดีนัก ท้ายที่สุดเขาก็เลิกปิดบังตัวเอง เผยสถานะของตัวเองว่าตัวเองเป็นไท่จื่อ แม้ว่าไท่จื่อนั้นจะมีสิทธิพิเศษมากมาย เขาที่พยายามที่จะบีบบังคับเป่าเอ๋อเพื่อให้ได้นางมาครอง ต้องการที่จะทวงคืนเป่าเอ๋อจากเขา ทว่า จงซานจะปล่อยให้เขาสมหวังได้อย่างไร?
แม้ว่าจงซานนั้นจะเข้าร่วมกองทัพได้ไม่นาน ทว่าด้วยเกียรติยศที่เขาสร้างขึ้นมานั้นมากมายไม่ธรรมดา เมื่อจงซานทรงพลัง ได้รับเป็นขุนพลอาวุโส มีคนสนับสนุนมากมาย จนแม้กระทั่งสามารถขับไล่เหล่ากบฏออกไปได้ ตอนนั้นมีคนมากมายที่สนับสนุนให้เขานั่งบัลลังก์.
จากนั้น ซูเหลียนเซียนที่รับรู้ว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้ ทว่า ซูเหลียนเซียนก็ได้จับตัวตระกูลของเป่าเอ๋อบีบบังคับนาง ท้ายที่สุด จงซานและซูเหลียนเซียนก็ได้เปิดโต๊ะเข้าสู้การเจรจา จนต้องทำข้อตกลงกัน จงซานจะถอยห่างออกจากกิจการกองทัพ ถอยห่างจากการเมืองของราชวงศ์ พร้อมกับมุ่งสู่เส้นทางการค้าเต็มรูปแบบ ทำให้สามารถคลี่คลายเรื่องของเป่าเอ๋อได้.
จวบจนถึงวันนี้ ตัวตนที่ร้ายกาจทั้งสองต้องมาตัดสินกันอีกครั้ง เข้าห้ำหั่นกันเพื่อตัดสินเรื่องในอดีตด้วย.
ผ่านมาสองชั่วโมงแล้ว กองกำลังฝ่ายราชวงศ์ตายไปกว่า 20,000 นายแล้ว พื้นที่ด้านล่างเต็มไปด้วยศพ สายน้ำที่ถูกย้อมไปด้วยโลหิต ศพแล้วศพเล่าที่นอนเกลื่อน เป็นสงครามที่รุนแรงมาก ทำให้เหล่ามือธนูบนป้อมปราการเวลานี้เริ่มชาไปทั่วแขนแล้ว.
ท้ายที่สุดเครื่องมือโจมตีเมืองของฝ่ายราชวงศ์ก็เคลื่อนที่ผ่านคูน้ำมาได้แล้ว.
หลังจากเหล่าทหารตายไป 20,000 คน สงครามที่แท้จริงก็เริ่มขึ้น.
"เข้าโจมตีเมือง!"ซูเหลียนเซียนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามคำรามเสียงดัง.
"ย๊าก!"เหล่าทหารมากมายที่คำรามเสียงดัง พวกเขาที่ข้ามคูน้ำมาแล้ว ตอนนี้เริ่มที่จะเข้าโจมตีกำแพงเมือง แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้รับชัยชนะก็ตามที.
เหล่าทหารมากมายที่นำบันไดพร้อมกับพุ่งตรงไปยังกำแพงเมือง เหล่าทหารกำลังพุ่งตรงไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง.
บันไดที่ใช้ในการปีนป่ายประตูเมือง ซึ่งในเวลานั้นเหล่าลูกธนูก็ถูกยิงลงมาพร้อม ๆ กัน แต่ก็ไม่สามารถที่จะกีดขวางการปีนป่ายได้ แม้ว่าจะถูกยิงตายไป คนที่สองก็ตามมา สงครามที่เป็นไปด้วยความรีบเร่ง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้คนจำนวนมากเพื่อสร้างโอกาสขึ้นไปบนกำแพงเมืองให้ได้ เพื่อที่จะทำลายการป้องกันที่อยู่บนกำแพงเมือง.
ในเวลาเดียวกัน ที่บนหอคอยกำแพงสูงนั้น สัญญาณธงก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงินในทันที ขณะที่เหล่ามือธนูถอยกลังกลับมา เหล่าศัตรูที่ดูดีใจ ทว่า..
"พรึด ๆ พรึด พรึด ๆ ๆ ..."
ของเหลวสีเหลืองทองที่เทลงไปในทันที.
"อ๊าก ๆ ๆ ."
เพียงแค่สัมผัสกับของเหลวสีเหลืองทอง ทำให้เหล่าทหารมากมายล่วงหล่นลงจากบันไดพร้อม ๆ กัน แม้ว่าของเหลวสีเหลืองทองนั้นจะไม่ได้ทรงพลังมากมายนัก แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีผลมากมายยิ่งกว่าลูกศรและหน้าไม้ซะอีก.
น้ำมันเดือด หยิงหลานที่จัดเตรียมเพื่อราดกำแพงเมืองโดยเฉพาะ น้ำมันเดือดที่ถูกเทสาดลงไปทัพพีแล้วทัพพีเล่า ตอนนี้มันได้อาบไปทั่วบันใด เหล่าคนบาดเจ็บก็มีมากขึ้นและก็มากขึ้น น้ำมันเดือดที่อาบไปทั่วร่างของพวกเขา เนื้อเปื่อยยุ่ยออก โลหิตที่สาดกระจาย เป็นฉากสยองขวัญเป็นอย่างมาก น้ำมันร้อนเป็นอะไรที่น่าหวาดกลัวจนเกินไปแล้ว.
อย่างไรก็ตาม กองทหารฝ่ายตรงข้ามก็ยังคงบุกไม่หยุด พวกเขาที่นำโล่ออกมาต้าน ตะเกียกตะกายปีนป่ายบันไดขึ้นมาอย่างไม่กลัวตาย ทว่าในเวลานั้น บันไดที่พวกเขาใช้ปีนกำแพงเมืองนั้น ก็เกิดไฟลุกขึ้นมาในทันที เปลวเพลิงที่ไหม้จนบันไดหักพังจนพวกเขาล่วงหล่นลงไป ผลักดันให้พวกเขาได้รับความขมขื่นเป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตาม ซูเหลียนเซียน เขาต้องสนใจคนบาดเจ็บล้มตายอย่างงั้นรึ?ก่อนหน้านี้เขาก็ได้คิดมาแล้วว่าจะต้องสังเวยทหารเป็นจำนวนไม่น้อยเพื่อเปิดประตูเมือง.
เป้าหมายที่แท้จริงนั้นไม่ใช่การโจมตีเหล่าผู้คุ้มกันประตูเมืองเสวียนแต่อย่างใด.
เป้าหมายที่แท้จริงคือ 120 หน้าไม้แปดแรงวัวต่างหาก.
ด้วยจำนวน 120 เครื่อง โดยการเสียสละทหารไป 40,000 นาย ที่นอนตายเกลื่อน เพื่อที่จะทำให้สามารถได้ตำแหน่งที่พอเหมาะพอดี.
"ปล่อยธนู."
ซูเหลียนเซียนที่คำรามออกมาเสียงดัง.
เขาที่ออกคำสั่ง หน้าไม้แปดแรงวัวจำนวน 120 เครื่องถูกปล่อยออกไป ซึ่งเป้าของการยิงนั้นก็คือประตูเมือง พลังทำลายล้างทีทรงพลัง ไม่ต้องบอกเลยว่า ประตูเล็ก ๆ นี้จะสามารถต้านทานได้หรือไม่ หอกธนูกว่า 120 แท่งตอนนี้พุ่งตรงไปยังประตูเมืองพร้อม ๆ กัน.
"ตูมมมมม!"
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น กำแพงที่สั่นไหว ควันฝุ่นที่ฟุ้งเต็มไปหมด เสียงปะทะดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ.
อย่างไรก็ตามประตูเมืองเสวียนก็ไม่ได้พังพลาย ทว่าหอกธนูทั้ง 120 แท่งนั้น ต่างก็ปักเข้ามาฝังแน่น.
เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียน หรือแม้แต่บรรพชนตระกูลซูยังเผยแววตาไม่อยากเชื่อ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร แม้แต่หอกธนู 120 แท่ง ยังไม่สามารถทะลวงผ่านกำแพงได้อย่างงั้นรึ?
"ยิงอีกครั้ง."ซูเหลียนเซียนยังคงใจเย็น สั่งยิงอีกรอบหนึ่ง.
ที่ไกลออกไปนั้นพวกเขายังคงดึงดันที่จะโจมตีต่อ ทว่าการง้างหน้าไม้แปดแรงวัวนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา ไม่เพียงแค่พลังของมันที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ทว่าการจะใช้งานนั้น จำเป็นต้องใช้คนสามสิบคนในการง้างหอกธนู ทำให้การยิงแต่ละครั้งนั้นใช้เวลาไม่น้อย.
ขณะที่พวกเขาง้างธนูอยู่นั้น ทหารรอบ ๆ พวกเขาก็ตายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ .
"เหลียนเซียน นั่นหน้าไม้แปดแรงวัวอย่างงั้นรึ?ทำไมไม่สามารถยิงผ่านประตูเมืองไปได้ล่ะ?"บรรพชนตระกูลซูที่สอบถามออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"พลังทำลายของหน้าไม้แปดแรงวัวนั้น ไม่สามารถยิงผ่านกำแพงเมืองนี้ได้เนื่องจากประตูเมืองถูกหล่อด้วยทองเหลือง นอกจากนี้มันยังมีความหนาเป็นอย่างมาก."ซูเหลียนเซียนกล่าวอย่างขึงขัง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกี่ยวกับประตูเมืองเขาเองก็ศึกษามาด้วยเช่นกัน.
"เช่นนั้นจะทำอย่างไรกันดี?"บรรพชนซูค่อนข้างเป็นกังวลทีเดียว.
"ไม่จำเป็นต้องกังวล หากยิงไปสักสามครั้งด้วยหน้าไม้แปดแรงวัวแล้วล่ะก็ จะสามารถทะลวงประตูเมืองได้แน่ เมื่อทหารสามารถเข้าเมืองเสวียนไปได้ การจะเด็ดหัวจงซานก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว."ซูเหลียนเซียนกล่าวอย่างแข็งขัน.
"อืม."ทุกคนต่างก็พยักหน้า เห็นได้อย่างชัดเจน เวลานี้มีแต่ต้องทำเช่นนี้ แต่หากพวกเขายิ่งกระทำการช้า ทหารของพวกเขาก็จะยิ่งตายมากขึ้นเรื่อย ๆ .
ที่บนกำแพงเมืองนั้น จงซานที่จ้องมองไปยังหน้าไม้แปดแรงวัวของพวกเขา ในสายตาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยัน 120 เครื่องแล้วไง ถึงจะยิงสามครั้งถึงจะทะลวงประตูเมืองได้ก็ตาม ทว่าการจะง้างหอกธนูแต่ละครั้งนั้น ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก ระหว่างนี้ ทหารของพวกเจ้าก็จะยิ่งล้มตายมากขึ้นและก็มากขึ้น.
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง.
"ตูมมมมม!"
การโจมตีระลอกสองของหน้าไม้แปดแรงวัวที่ถูกยิงมายังประตูเมือง เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทว่าในเวลาเดียวกันดูเหมือนว่าประตูเมืองเริ่มบิดเบี้ยวเช่นกัน หากถูกยิงอีกหนึ่งรอบ เป็นไปได้ว่าพวกมันจะสามารถทะลวงประตูเมืองได้.
เหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนต่างร้องแสดงความดีใจ อีกครั้งเดียว แค่เพียงอีกครั้งเดียว พวกเขาก็จะสามารถทะลวงประตูเมืองได้ ทว่าซูเหลียนเซียนในเวลานี้ ไม่ยิ้มเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขานั้นเปลี่ยนเป็นจริงจังเป็นอย่างมาก.