ตอนที่แล้วChapter 97 บิดกลับฟ้าดิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 99 เรื่องในอดีต.

Chapter 98 ล้อมเมือง.


กลับคำพูดของซูเหลียนเซียนที่กล่าวออกมานั้น ทุกคนในที่ประชุมเปลี่ยนเป็นเงียบงัน สีหน้าของแต่ละคนนั้นเต็มไปด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ.

หากทุกอย่างเป็นจงซานกระทำจริง ๆ  เขาก็เป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว ภายในเวลาไม่กี่วัน เขาสามารถบิดฟ้าดินได้ เปลี่ยนกลับสภาพการณ์ที่ยากลำบากให้กลับกลายเป็นได้เปรียบ.

แทบจะในทันที เหตุการณ์ทุกอย่างก็พลิกข้าง พวกเขาที่ปิดล้อมเมืองเพื่อไม่ให้ด้านในมีอาหาร แต่มันกลับกลายเป็นว่าทหารทั้ง 800,000 คนในเวลานี้กำลังนั่งรอคอยความตายจากความอดอยากแทนอย่างงั้นรึ? ขวัญกำลังใจที่พังทลายหายไป และมันทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย.

แม้แต่บรรพชนตระกูลซูยังไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อยกับข้อมูลของทหารสองคนที่นำมา หลายปีมาแล้วที่เขาเข้าสู่เส้นทางผู้ฝึกตน จนเขาได้ลืมเกี่ยวกับความโหดร้ายของสังคมในโลกปุถุชนไปแล้ว.

จงซานในครั้งนี้ เขาสามารถบิดฟ้าดิน พลิกสวรรค์ได้จริง ๆ เหรอ!

กับคำพูดของซูเหลียนเซียนก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น ทุกคนได้แต่ถอนหายใจ หากพวกเขารับฟังซูเหลียนเซียนตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว.

"ท่านพ่อ"ใบหน้าของซูเจิ้งเต๋อที่มองซูเหลียนเซียนด้วยความละอาย เพราะการตัดสินใจที่พลาดพลั้งของเขา เป็นเหตุให้เหล่าญาติ ๆ แม้แต่ไท่จื่อ สายโลหิตตระกูลซูทั้งหมดถูกทำลาย ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว เขาในเวลานี้ไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรเลย.

บรรพชนซูเองก็ถอนหายใจยาวจ้องมองไปยังซูเหลียนเซียนพร้อมกับกล่าวออกมาว่า"เหลียนเซียน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว."

ซูเหลียนเซียนไม่ต้องการที่จะรับหน้าที่นี้เลยแม้แต่น้อย แต่ในเวลานี้ มันกลับอยู่ในวิกฤติเกินกว่าที่เขาจะปฏิเสธได้.

"อืม ขั้นแรกจะต้องปิดกั้นข่าวทั้งสองนี้ก่อน เพื่อป้องกันขวัญกำลังใจของทหาร."ซูเหลียนเซียนกล่าว.

"ท่านพ่อโปรดวางใจเรื่องนั้น."ซูเจิ้งเต๋อที่กล่าวออกมาในทันที.

"จากนั้นให้จัดตั้งกองกำลังห้าหมื่นเคลื่อนที่หน้าไม้แปดแรงวัวมายังที่นี่ ให้นำมายังประตูทิศใต้ทั้งหมด เตรียมเข้าโจมตีจุดเดียวพร้อมกัน.

"นำหน้าไม้แปดแรงวัวมาอยู่ที่เดียวกันอย่างงั้นรึ?"ซูเจิ้งเต๋อที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.

"ถูกแล้ว เมืองเสวียนนั้นเต็มไปด้วยคูน้ำ ขณะที่โจมตีเมืองนั้น ที่กำแพงเมืองย่อมมีมือธนูมากมาย และยังมีเหล่าคนทั่วไปที่ขว้างปาก้อนหิน การเข้าโจมตีไม่ง่ายเลย ทว่าพวกเราจะต้องใช้กำลังทั้งหมดทุ่มไปที่จุดเดียว เล็งไปที่ประตูเมือง การก่อสร้างกำแพงเมืองนั้นข้าเคยเห็นมาก่อน แต่หลายปีมานี้จงซานต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่ ที่ด้านบนกำแพงมีน้ำมันร้อนที่สามารถเทลงมาหน้าประตูเมือง เป็นเครื่องมือที่ใช้ป้องการการโจมตีประตูเมือง พวกเราไม่สามารถที่จะเข้าไปทะลวงมันตรง ๆ ได้ จำเป็นต้องใช้หน้าไม้แปดแรงวัวอย่างเดียว ใช้หอกธนูขนาดใหญ่ยิงออกไป สักหลายพันลูก ยิงออกไปพร้อม ๆ กัน แน่นอนว่าจะสามารถทะลวงประตูได้อย่างรวดเร็ว."ซูเหลียนเซียนกล่าว.

"ครับ ข้าจะไปเตรียมการในทันที."ซูเจิ้งเต๋อกล่าวออกมาอย่างขึงขัง.

"เตรียมการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งพวกเราโจมตีได้เร็วขึ้นก็จะยิ่งได้เปรียบเท่านั้น."ซูหลียนเซียนกล่าว.

"อืม."ซูเจ้งเต๋อที่รับคำสั่งในทันที.

หลังจากผ่านไปหกชั่วโมง ค่ายของเมืองเสวียนทิศใต้ กองกำลังสองแสนก็เปลี่ยนเป็นสามแสนห้าหมื่นในทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาที่ได้บำรุงขวัญกำลังใจ พวกเขาด้วยสุราอาหาร ทำให้กองกำลังพวกเขามีความพร้อม ขุนพลอาวุโสที่ได้ทำการจัดทัพตั้งขบวนรอเพียงคำสั่งการเข้าโจมตีเท่านั้น.

ภายในกระโจมส่วนตัว มีคนสองคนที่ยืนอยู่.

ไท่ซ่างหวง ซูเหลียนเซียนและหวงตี้ ซูเจิ้งเต๋อ.

"ท่านพ่อ กองกำลังเตรียมพร้อมแล้ว ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรต่ออีกรึ?"ซูเจิ้งเต๋อ ที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.

เขาจ้องมองไปยังผู้ที่สืบทอดบัลลังก์ของเขาซูเจิ้งเต๋อ ซูเหลียนเซียนที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง "ข้าให้เจ้าเข้ามาหา เพียงแค่พูดคุยไม่ได้รึ?"

ซูเจิ้งเต๋อที่เปลี่ยนเป็นเงียบไปในทันที.

"ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ฟังคำพูดของข้าจนทำให้สถานการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ ตอนนี้แม้ว่าพวกเราจะบุกกระหน่ำโจมตีเมืองเสวียน การบุกครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะสำเร็จ เจ้าควรจะอยู่ทัพหลัง."ซูเหลียนเซียนที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.

"ท่านพ่อ เมื่อพวกเราเปิดการโจมตีเต็มกำลัง จะต้องสามารถยึดเมืองเสวียนมาได้แน่ ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากขนาดนั้น ตราบเท่าที่พวกเรายึดเมืองเสวียนได้ ปัญหาทุกอย่างก็ง่ายที่จะจัดการ ดูเหมือนว่าท่านพ่อจะเป็นกังวลมากเกินไปหรือไม่?"ซูเจิ้งเต๋อที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

"อืม ข้ารู้จักจงซานดีจนเกินไป เขาคืออัจฉริยะที่ยากจะมีคู่เปรียบ หลายปีมานี้ ข้าพยายามที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับเขา เขาเป็นคนที่ไม่สามารถดูแคลนได้ จงซานนั้นมีไพ่ในมือมากมาย พวกเราไม่สามารถแพ้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า บางที ตระกูลซูของพวกเรามีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น."ซูเหลียนเซียนที่จ้องมองไปยังซูเจิ้งเต๋อ.

"ท่านพ่อ พวกเราจะแพ้อย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของซูเจิ้งเต๋อที่ไม่อยากเชื่อ.

"จงซานได้ทำลายสายโลหิตของพวกเราไปหมด ตอนนี้มีเพียงแค่พวกเรา ข้าตายได้ บรรพชนตายได้ ทว่าเจ้าตายไม่ได้ เพราะว่าเจ้าเป็นเพียงแค่คนเดียวที่เหลืออยู่ ที่พอจะสืบสายโลหิตของตระกูลซู เจ้าคือความหวังของพวกเรา หากครั้งนี้โชคร้าย ตราบเท่าที่เจ้าอยู่รอด แม้พวกเราถูกจงซานยึดอำนาจไปในครั้งนี้ก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะมีบารมีมากกว่า แต่อาณาจักรต้าคุน เป็นของตระกูลซู เจ้าคือหวงตี้ ตราบเท่าที่เจ้ามีชีวิต ก็ยังมีโอกาสยึดครองมันกลับคืนมาได้ ทว่าอายุขัยของข้ามันไม่เพียงพอ บรรพชนเองก็มีอายุ 160 ปีแล้ว การจะทะลวงผ่านไปยังขั้นแกนทองแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย สำหรับตระกูลซูจึงมีเพียงเจ้าแล้ว."ซูเหลียนเซียนที่จ้องมองไปยังเขา.

ได้ยินคำพูดของซูเหลียนเซียนแล้ว หัวใจของซูเจิ้งเต๋อถึงกับบีบรัดแน่น ที่จริงท่านพ่อก็ไม่มั่นใจเลยทว่าก็ซ่อนความจริงดังกล่าวนี้จากบรรพชน.

"สงครามในครั้งนี้เพียงแค่ข้าและบรรพชนกับผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ก็เพียงพอ ไม่มีเหตุผลให้เจ้าต้องเข้าร่วมศึกในครั้งนี้ ข้าที่หาเหตุผลเพื่อที่จะให้เจ้าออกมาจากสนามรบ ในเวลาเดียวกันก็สั่งให้เหว่ยเทียนจงคอยคุ้มครองเจ้า เขาที่ดูแลตำหนักมาหลายสิบปี เลี้ยงดูเจ้าตั้งแต่ยังเด็ก จะต้องคุ้มครองเจ้าได้แน่ จำเอาไว้ ต้องมีชีวิต เจ้าคือสายโลหิตสุดท้ายของตระกูลซูแล้ว."ซูเหลียนเซียนกล่าว.

"ครับ ท่านพ่อ."ดวงตาของซูเจิ้งเต๋อที่แดงระเรื่อ.

"เอาล่ะ บางทีมันอาจจะไม่แย่ขนาดนั้นก็ได้ สงครามครั้งนี้พวกเราอาจจะชนะและสังหารจงซานได้."ซูเหลียนเซียนที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ครับ ท่านพ่อ บุตร ในเมื่อเป็นหวงตี้ ก็จะแสดงความภาคภูมิใจ ไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังอย่างเด็ดขาด."

ซูเหลียนเซียนที่เผยยิ้มออกมาพร้อมกับตบเบา ๆ ไปที่ไหล่ของเขา การเตรียมการของเขาแค่นี้คงจะพอแล้ว.

ที่ด้านนอกกระโจม ขันทีเหว่ยที่แสดงความเคารพขณะที่เขาเดินออกมา.

"ไท่จง ถึงข้าได้สละบัลลังก์ไปแล้ว แต่เจ้าก็ยังอยู่รับใช้ตำหนัก ข้าเชื่อใจเจ้า เจิ้งเต๋อประมาทจนเกินไป หากมีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้ หลังจากนี้ข้าต้องฝากฝั่งเจ้าแล้ว "ซูเหลียนเซียนที่เอ่ยปากกล่าวออกมา.

เห็นท่าทางของซูเหลียนเซียนแล้ว เหว่ยไท่จงพยักหน้ารับคำ."รับด้วยเกล้า."

ได้รับการฝากฝังจากซูเหลียนเซียนก่อนที่จะนำทัพออกศึก ทว่าหลังจากที่ซูเหลียนเซียนจากไปแล้ว ที่มุมปากของขันทีเหว่ยไท่จงนั้นยกขึ้นมาที่มุมปากด้วยท่าทางเหยียดหยัน.

ที่ด้านหน้ากองทัพนั้น บรรพชนซูได้นำเหล่าผู้ฝึกตนจากสี่ตระกูลใหญ่ ขี่ม้าศึกพร้อมออกรบแล้ว พวกเขาเพียงแค่รอซูเหลียนเซียนเท่านั้น.

ซูเหลียนเซียนที่ขี่ม้าศึกออกมาช้า ๆ .

บรรพชนซูที่ขมวดคิ้วไปมาและกล่าวว่า"เจิ้งเต๋อและขันทีเหว่ยล่ะ?"

"บรรพชน สงครามในครั้งนี้แค่ข้าและคนอื่นก็เพียงพอที่จะชนะแล้ว ข้าได้ให้เจิ้งเต๋อนำทหารหนึ่งแสนนาย ประจำการอยู่ที่นี่ เพื่อป้องกันพวกศัตรูหลบหนีมา และคอยเฝ้ามองภาพรวมของสงครามด้วย การที่เขาอยู่ที่นี่นับว่าเป็นเรื่องดีแล้ว ต้องไม่ลืมว่าเขาคือหวงตี้ของอาณาจักรต้าคุน จำเป็นต้องอยู่บำรุงขวัญกองทัพ."ซูเจิ้งเต๋อกล่าว.

คำตอบของเขาดูไม่สมเหตุสมผลนัก ทว่าบรรพชนตระกูลซูเองก็ไม่ได้ซักถามอะไรออกไป จากนั้นก็พยักหน้าให้.

"เคลื่อนทัพ."ซูเหลียนเซียนที่คำรามเสียงดัง.

"ครืน ๆ  ๆ ."

กองกำลัง 250,000 คำรามเสียงดัง พร้อมกับเคลื่อนทัพตรงไปยังเมืองเสวียน นำโดยผู้ฝึกตนเซียนเทียนสิบคน พวกเขาที่ควบม้าศึกไปด้านหน้า วันนี้จะต้องยึดเมืองเสวียนให้ได้.

กองกำลังหลักนั้นได้พุ่งตรงไปยังประตูเมืองทิศใต้เมืองเสวียน ทว่าในเวลานี้ ซูเจิ้งเต๋อที่อยู่ศูนย์บัญชาการ พร้อมกับอยู่ลั่นกลองรบด้วยตัวเองเพื่อส่งกองทัพที่กำลังออกรบ.

ภายใต้การกระทำของเขา ขันทีเหว่ยจ้องมองอย่างเย็นชา ที่มุมข้าง ๆ ของศูนย์บัญชาการ.

เมืองเสวียน จงซานที่อยู่บนหอคอย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจจดจ้องมองไปยังกองกำลังมากมายที่กำลังรวมตัวอยู่ที่ด้านหน้าประตูทิศใต้.

ในเมืองนั้นได้มีการเตรียมการมากมายเอาไว้แล้ว สงครามในครั้งนี้จงซานมั่นใจว่าจะต้องได้รับชัยชนะ ถึงแม้ว่าเขาจะมีนักรบ 30,000 และทหารอีก 8 พัน แต่จงซานก็มั่นใจว่าเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ทั่วเมืองเสวียนนั้น หลายสิบปี ได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมากมาย แตกต่างจากเมืองธรรมดาทั่วไปเป็นอย่างมาก.

กองกำลังที่เคลื่อนทัพมานั้น ตอนนี้ได้ประจำการอยู่ด้านนอกคูน้ำแล้ว.

สิบผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน ที่ควบม้าศึกมาหยุดในทันที ซึ่งห่างออกไป 40 เมตรจากคูน้ำ คูน้ำนั้นมีความสูงราว ๆ ห้าเมตรห่างออกไปจากกำแพงเมือง และที่บนกำแพงเมืองนั้นมีธนูไฟที่พร้อมยิงออกมา หากพวกเขาเข้าใกล้คูน้ำ จะต้องถูกยิงด้วยธนูไฟอย่างแน่นอน และบนกำแพงเมืองยังมือมือธนูอีกมากมายประจำการอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ทว่าหากเข้าใกล้กำแพงเมืองก็สามารถสร้างความเสียหายได้ไม่น้อยเลย.

นอกจากนี้ที่ด้านหน้าประตูเมืองนั้นเดิมทีมีสะพานพาด ตอนนี้ถูกชักขึ้นด้วยคำสั่งของจงซาน แล้วพวกเขาจะผ่านเข้าไปอย่างไร?

หน้าไม้แปดแรงวัวที่มีติดตั้งที่ฝั่งตรงข้าม สามารถใช้งานได้ทุกเมื่อ.

เหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนเมื่อจ้องมองภาพเหตุการณ์ที่อยู่ด้านหน้า ภายในหัวใจรู้สึกโกรธเกลียดขึ้นมาทันที คาดไม่ถึงเลยว่าการป้องกันเมืองเสวียนนั้นจะหนาแน่นแข็งแกร่งขนาดนี้.

"ซูเหลียนเซียน ในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้วซินะว่าจะเข้าตีเมือง?"ที่บนหอคอยประตูเมืองนั้น จงซานที่แค่นเสียงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา.

เหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปยังซูเหลียนเซียน เพราะว่าผู้บัญชาการทัพทั้งหมดคือซูเหลียนเซียนแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็เคยนำทัพสู่สนามรบด้วยตัวเองอยู่เป็นประจำ.

ซูเหลียนเซียนไม่ได้สนใจคำพูดของจงซาน ทว่าจ้องมองไปยังประตูเมืองที่มีขนาดใหญ่ด้านหน้า.

"สร้างสะพาน!"

ซูเหลียนเซียนที่คำรามออกมาเสียงดัง ในเวลานี้ เขาไม่ลังเลเลยที่จะใช้ทุกอย่างที่มี.

เหล่าทหารมากมายที่ลงมือตามคำสั่งของซูเหลียนเซียน.

"เฮ้!"

เสียงเฮโลของคนจำนวนมาก กองกำลังกลุ่มแรกที่ยกท่อนไม้ออกมาสร้างแพบนคูน้ำ พวกเขาทำงานอย่างรวดเร็ว ทหารกลุ่มสองก็เร่งรีบโยนแพน้ำต่อไปอย่างรวดเร็ว สร้างเป็นที่เหยียบเชื่อมต่อคูน้ำเพื่อให้กองกำลังพวกเขาเคลื่อนที่ไปได้.

"สหายเหลียนเซียนเจ้าร้ายกาจจริง ๆ  ก่อนหน้านี้ข้าก็สงสัยอยู่ว่านำแพไม้มาทำไม ไม่รู้เลยว่านำมาใช้เช่นนี้ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว."ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น.

ด้วยแพไม้มากมาย ทำให้ทุกคนตื่นเต้น ตราบเท่าที่ติดตั้งแพไม้บนคู่น้ำเสร็จ สิ่งกีดขวางเช่นนี้ก็จะไร้ความหมาย.

"เพื่อใช้งานในวันนี้ แพไม้เหล่านี้ข้าได้เตรียมการมา 20 ปีแล้ว "ซูเหลียนเซียนที่กล่าวออกมาอย่างขึงขัง ใบหน้าท่าทางที่ยังไม่พอใจนัก แทนที่จะเป็นการกระทำที่ดูยอดเยี่ยม.

20 ปี เตรียมการที่จะบุกเมืองเสวียนมายี่สิบปีแล้วรึ? นอกจากนี้ยังได้ทำการสร้างอุปกรณ์ต่าง ๆ เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว?

แม้ว่าเหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนจะรู้สึกพึงพอใจ ทว่าที่ไกลออกไป จงซานที่อยู่บนกำแพงเมือง กลับดูเหมือนว่าทั้งหมดเขาได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ที่มุมปากของเขาเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยจนยากที่ใครจะสามารถมองเห็นได้.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด