Chapter 87 แมงป่องอสนี.
ภายในหุบเขา จงซานยังคงต่อสู้กับเหล่าแมงป่อง แม้ว่าจะรับมือได้ ทว่าภายในกลับมีแมงป่องเหล่านี้มากมายราวกับไร้ขีดจำกัด การเก็บบุพผาอสนีไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าก็ถือว่าเป็นโอกาสในการฝึกฝนด้วยเช่นกัน.
แมงป่องยักษ์แม้ว่าจะแข็งแกร่ง ทว่าพวกเขาก็ยังรับมือได้ บ่อยครั้งก็เหนือกว่าพวกมัน ด้วยความแข็งแกร่งของเขาและการสนับสนุนของเทียนหลิงเอ๋อทำให้สามารถรับมือพวกมันได้ สามารถที่จะสังหารพวกมันได้หลายตัว แต่ถึงกระนั้นด้วยจำนวนที่มีมากมายขนาดนี้ยากที่พวกเขาจะเข้าไปถึงบุพผาอสนี การจะใช้ความแข็งแกร่งที่มีในตอนนี้คงจะเป็นไปไม่ได้.
ขณะที่กลุ่มของหวงตี้ราชวงศ์หยินเยว่บินลงมายังหุบเขา ก็ได้ยินเสียงการต่อสู้.
คนทั้งหมดที่ขมวดคิ้วไปมา คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีใครบางคนมาถึงก่อนพวกเขาอย่างงั้นรึ?
ด้วยร่างคนทั้งสองที่ยังไปไม่ถึงระดับแกนทองด้วยซ้ำ คนหนึ่งมีพลังฝึกตนระดับสี่เซียนเทียน อีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงอัปลักษณ์ระดับสิบเซียนเทียน พวกเขาทั้งคู่อยู่ไม่ห่างจากบุพผาอสนีไม่ไกลเท่าไหร่นัก เป็นไปได้ว่าคนทั้งสองนั้นต้องการสมบัติดังกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัย.
เซียนเซิงซือที่อยู่บนกระบี่เหินจ้องมองไปยังจงซานและเทียนหลิงเอ๋อที่อยู่บนผ้าแพรไหมสีแดง ดวงตาหรี่เล็กลง เป็นพวกเขาอย่างงั้นรึ?
แม้ว่าเทียนหลิงเอ๋อจะปลอมตัวอยู่ ทว่าเซียนเซิงซือนั้นก็จดจำผ้าแพรไหมแดงได้ เป็นคนทั้งสองนี้เองที่เคยยุแหย่เขามาก่อน.
ภายในสายตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง ทว่าเมื่อเห็นการต่อสู้ที่ต่างออกไป ใบหน้าของเซียนเซิงซือก็เปลี่ยนไปในทันที เขาจ้องมองจงซานที่ถือดาบยักษ์นั่น.
เห็นจงซานในครั้งนี้ เซียนเซิงซือค่อนข้างประหลาดใจสงสัย ว่าเขามีความสามารถหลากหลายทีเดียว ทว่าเขาก็ซ่อนสีหน้าเอาไว้ ไม่เผยร่องรอยใด ๆ ออกมา ยังดูเหมือนปรกติ.
"ฮ่าฮ่า เหนือหัว ดูมดแมลงนั่นสิ"แม่ทัพเหล่ยติงในชุดเกราะโลหิตที่หัวเราะออกมาในทันที.
จงซานขณะที่กำลังต่อสู้กับเหล่าแมงป่องยักษ์อยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่ง ที่โพลงออกมา ร่างกายของเขาถึงกับสั่นสะท้าน ขนลุกชัน สถานการณ์ไม่ดีแล้ว.
เขาที่ถอยในทันที ก้าวออกไปชิดกับผนัง ปล่อยให้แมงป่งยักษ์กดดันเข้ามา.
เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกราวกับว่าจงซานกำลังเพลี้ยงพล้ำ นางที่บินตรงเข้าไปช่วยเขาให้ปลอดภัยในทันที.
ทว่าแมลงป่องยักษ์มากมาย ไม่ได้ไล่ตามเขามา ส่วนกลุ่มคนที่มาทีหลังก็ยังไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน.
จงซานที่สู้พลางและถอยพลางไปยังกำแพง เขาลอบมองออกไป หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น คนกลุ่มนี้มีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา.
ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นผู้ฝึกตนก่อตั้งวิญญาณทั้งหมดหรอกรึ? และมีคนที่อยู่ในขั้นแกนทองคนเดียว เซียนเซิงซือผู้ควบคุมเจียงซือ เขาพบกับคนกลุ่มนี้สองครั้งแล้ว ช่างโชคร้ายที่สุด ที่ยังต้องเจอเขาครั้งที่สามเข้าอีก เป็นพวกเขา? ทำไมพวกเขามาที่นี่?
สมองของจงซานที่คิดใคร่ครวญในทันที หาวิธีในการหลบหนีอย่างเร่งด่วน เขาจะต้องหนี หวังว่าคนเหล่านี้จะไม่ใส่ใจกับคนที่ไร้ความแข็งแกร่งเช่นพวกเขา.
"หนีเร็วเข้า."จงซานที่กล่าวเสียงต่ำต่อเทียนหลิงเอ๋อ ขณะที่นางเข้ามาใกล้เขา จงซานที่ปีนขึ้นกำแพงหุบเขา.
"หนีรึ?"ที่กลางอากาศนั่น เสียงเย้ยหยันก็ดังขึ้นมาในทันที.
"ตูมมมม!"ปราณกระบี่ที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก กระแทกเข้ามายังผนังที่จงซานกำลังปีนในทันที ทำให้จงซานหล่นลงจากกำแพงลงมาด้านล่าง.
ขณะที่ลอยอยู่บนอากาศนั้น เขาที่ไม่หลบเศษดินเศษหินแม้แต่น้อย มือของเขาที่ยื่นออกไปคว้าร่างของเทียนหลิวเอ๋อให้นางลงบนพื้นด้วยกัน
ทั้งสองที่ล่วงหล่นลงพื้นพร้อม ๆ กัน ก่อนที่ศิลามากมายที่ระเบิดออกมานั้นทับถมลงมา มีศิลาขนาดยักษ์ด้วย.
พวกเขาต้องแสร้งว่าตายแล้วเท่านั้น ค่อยหาโอกาสหนีอีกครั้ง ด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่ได้มากมายนัก เพียงแค่ปราณกระบี่ของระดับก่อตั้งวิญญาณโดยทั่วไปแล้วยากที่จะรอดได้ ในเวลานี้หวังว่าคนเหล่านั้นจะไม่เข้ามาตรวจสอบ!
เทียนหลิงเอ๋อที่ถูกจงซานดึงเข้ามา เวลานี้นางอยู่ในอ้อมกอดของเขา โดยที่มีศิลามากมายด้านบนกำลังกดลงมา เทียนหลิงเอ๋อที่ต้องการเคลื่อนไหว ทว่านางถูกจงซานกอดเอาไว้แน่นมากจนไม่สามารถจะขยับได้ แม้ว่านางจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ขยับไม่ได้เช่นกัน.
เทียนหลิงเอ๋อเองก็รับรู้ได้เช่นกันว่าคนกลุ่มดังกล่าวนั่นแข็งแกร่งมาก ตอนนี้คงทำได้แค่เชื่อฟังจงซาน หัวใจของนางที่เต้นไม่จังหวะ รู้สึกราวกับว่าความตายกำลังคืบคลานเข้ามาแล้ว ทว่าตอนนี้นางอยู่ในอ้อมกอดของเขา กลับรู้สึกไม่ได้หวาดกลัวมากมายขนาดนั้น.
ปราณกระบี่ที่เขาปล่อยออกไปนั้น เหล่ยติงรู้อยู่แล้วว่าสามารถสังหารคนทั้งสองได้อย่างง่ายดาย ทว่า เขาที่ต้องการบทแมวไล่จับหนูจึงไม่ได้เล็งให้แม่นยำ ไม่คิดเลยแม้แต่น้อย ตายไปเรียบร้อยแล้วอย่างงั้นรึ?คนทั้งสองถูกฝังเอาไว้ในก้อนศิลาแล้ว.
เซียนเซิงซือที่ดูไม่แยแส ไม่แม้แต่จะมองไปยังตำแหน่งของจงซานอยู่ด้วยซ้ำ เขาที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะคิดถึงเรื่องที่ชายหนุ่มและหญิงสาวสองคนที่เคยหนีเขาไปได้.
หวงตี้และอีกสองคน ที่เห็นคนทั้งสองถูกศิลามากมายทับอยู่ พลางขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันเร็วมาก ภายในความเร็วเช่นนั้น คนทั่วไปนั้นยากที่จะตัดสินใจหรือหลบหนีได้สำเร็จ.
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตายไปแล้ว? จะอย่างไรทั้งสองก็มีพลังที่ต่ำเตี้ยมาก.
หวงตี้ที่หันหน้ามาอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นทิศทางของบุพผาอสนี.
"โอ้ว ดูเหมือนว่าจะเติบโตเต็มทีแล้ว และยังเป็นบุพผาอสนีที่มีคุณภาพสูงด้วย "หวงตี้ที่เผยรอยยิ้มดีใจเป็นอย่างมาก.
อีกคน เหล่ยติงทีหันหน้าจ้องมองไปยังบุพผาอสนีทันที ต้องไม่ลืมว่ามันอัศจรรย์มาก ความสำคัญของมันนั้นมีมากกว่า เขาจะต้องสนใจกับเหล่ามดปลวกว่าจะเป็นหรือตายด้วยเหรอ?.
เหล่ยติงที่ลอยออกไปยังหุบเขาดังกล่าว พร้อมกับตรงไปยังดอกไม้ขนาดใหญ่ยื่นมือออกไปเตรียมคว้ามันกลับมา.
"แม่ทัพระวังด้วย บุบผาอสนีนั้นเชื่อมต่อกับไข่ของแมงป่องอสนี หากว่าเราเด็ดมันออกมา จะทำให้ไปปลุกแมงป่องอสนีได้."เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาในทันที.
"โอ้ว แมงป่องอสนี?"หวงตี้ที่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แม่ทัพเหล่ยติงเองก็ยื่นมือออกไปได้แค่ครึ่งเดียวก็หยุด.
เซียนเซิงซือพยักหน้าและกล่าวต่อว่า"บุพผาอสนีนั้นมีเมฆอสนีอยู่บนเกศร ดูเหมือนว่าไข่ทั้งสองใบนั่นจะได้รับพลังจากบุพผาอสนีด้วย และยังช่วยทำให้พลังฝึกตนของแมงป่องอสนีนั้นน่าจะมีระดับก่อตั้งวิญญาณ รากของบุพผาอสนีนั้นหยั่งรากลงไปในไข่ของมัน เมื่อเด็ดมันออกมา แมงป่องอสนีจะต้องตื่นขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย และแมงป่องอสนีนั้นจะเข้าโจมตีทุกอย่างที่ขวางหน้า."
"ที่เซียนเซิงกล่าวถึง ดูเหมือนว่าไข่ของแมงป่องนี้จะเป็นแหล่งพลังชีวิตของพวกมัน หากว่าไปสัมผัสมันจะออกมาทันทีอย่างงั้นรึ?"เหล่ยติงที่สอบถามออกมาด้วยความสนใจ.
"ถูกแล้ว."เซียนเซิงซือพยักหน้า.
"งั้นข้าขอลองประลองกับพวกมันหน่อย."เหล่ยติงที่เผยยิ้มออกมา.
รากของบุพผาอสนีนั้นแทงเข้าไปในไข เหล่ยติงดึงมันออกมาอันหนึ่งอย่างนุ่มนวล ทันใดนั้นกระแสไฟฟ้ามากมายที่แตกออกไปอย่างรุนแรง กระจายไปทั่วทั้งหุบเขา มันเต้นไปมาพุ่งออกไปไม่หยุด.
ฝ่ามือของเหล่ยติงที่ยื่นออกไป นำมือไปปิดรูบนไข่ที่เขาเพิ่งดึงรากของบุพผาเหมันต์ออกมา สายฟ้าที่กระจายออกไปรอบ ๆ .
"มารดาเถอะ รู้สึกผ่อนคลายจริง ๆ "เหล่ยติงที่ตะโกนออกไปเสียงดัง.
หวงตี้ที่อยู่ไกลออกไป เผยสีหน้าสงสัย.
"ข้าลองบ้าง"อีกคนหนึ่งในกลุ่มที่กล่าวออกมาเช่นกัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเองก็ค่อนข้างสงสัยเช่นกัน.
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เข้ามากันสองคน.
"ยื่นแขนเจ้าออกไป."เหล่ยติงที่กล่าวออกมา.
ชายคนที่สองที่ยื่นมือออกไปวางแทนมือของเหล่ยติงที่กำลังปิดรูดังกล่าวไว้ มันดึงดูดแขนของเขาเอาไว้พร้อมกับช็อตเขาในทันที.
เหล่ยติงที่ได้โอกาส ดึงมือออกมา พร้อมกับดึงรากของบุบผาเหมันต์ออกมาอีกสามราก ชายคนดังกล่าวที่ชักมือของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว.
ภายในหลุมตอนนี้เต็มไปด้วยสายฟ้าที่ส่องประกายแปบ ๆ ไปทั่ว.
"บัดซบ เหล่ยติงเจ้าหลอกข้าเหรอ มันสบายตรงใหนกัน."ชายคนดังกล่าวที่อุทานออกมา.
"ฮ่าฮ่าฮ่า ใครหลอกเจ้ากัน!"เหล่ยติงที่หัวเราะออกมาเสียงดัง.
"เซียนเซิง พวกเราควรจะทำอย่างไรดี? พวกเราสามารถป้องกันมันเอาไว้ได้หรือไม่?"หวงตี้ที่หันหน้าออกไปสอบถามเซียนเซิงซือ.
"เท่าที่ข้ารู้ เราไม่สามารถป้องกันมันออกมาได้ ให้แม่ทัพเหล่ยติงเก็บบุพผาอสนี และเร่งรีบจากไปให้เร็วก็พอแล้ว."เซียนเซิงซือกล่าวออกมาทันที.
"ไม่ดีหรอกมั้ง ข้าคิดว่านี่จะเป็นโอกาสแรกที่จะได้เห็นแมงป่องอสนี แน่นอนว่าข้าต้องการเห็นมันอยู่แล้ว ทุกคนเองก็ต้องการเห็น ระดับก่อตั้งวิญญาณเหรอ พวกเรามีอยู่ด้วยกันมากมาย คิดว่าจะไม่สามารถกำราบมันได้อย่างงั้นรึ?"แม่ทัพเหล่ยติงที่กล่าวแย้งเซียนเซิงซือในทันที.
หวงตี้เองก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กล่าวอะไร และไม่ได้คิดจะห้ามด้วย.
"เอาล่ะ เจ้าสองคน รีบถอยออกไปก่อน."เหล่ยติงที่กล่าวออกมาทันที.
"อืม."คนทั้งสองพยักหน้าและถอยออกไปทันที.
ทันทีที่ถอยออกไปนั้น รากบุพผาอสนีก็ยังปล่อยกระแสไฟฟ้ากระจายไปทั่วทุกทิศทาง กระแสไฟฟ้าที่รุนแรงพุ่งออกมาจากรูเสียงดังสนั่น ก่อนที่แมงป่องทั่วไปรอบ ๆ หนีตายอลม่านพร้อมกับกับชักกระตุกไปด้วยกระแสไฟฟ้าทั้งที่พวกมันต่างก็หลบหนีเข้าช่องหลีบไปก่อน ด้วยเกรงพลังความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้.
เพียงแค่สองลมหายใจ หลุมขนาดใหญ่สี่หลุมที่พ่นกระแสไฟฟ้าออกมาจากพื้นดิน เหล่าแมงป่องทั่วไปมากมายที่กำลังมึนงง ร่างกายสั่นสะท้านไม่สามารถทำได้ ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง จงซานและเทียนหลิงเอ๋อที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน ทันใดนั้นก็ถูกสายฟ้าช็อดเขาทำให้ ขนทั่วร่างที่รุกตั้งชัน เป็นกระแสไฟฟ้าที่รุนแรงยิ่งกว่าไข่แมงป่องซะอีก.
จากด้านในสุดของหลุม มีแมงป่องยักษ์ที่เคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็ว.
แมงป่องยักษ์สีน้ำเงิน มองเห็นเป็นเงาเลือน ๆ ขนาดความยาว 30 เมตร มีหางขนาดใหญ่ราวกับว่าจะปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขา.
ร่างกายของมันที่มีสายฟ้าหมุนวนเต้นไปมา รอบ ๆ กำลังส่งเสียงเกรี้ยวโกรธที่มีคนลุกล้ำอาณาเขตของมัน หางของมันที่สามารถพ่นเหล็กไนที่มีสายฟ้าปกคลุมออกมาได้ด้วย.
ดวงตาที่เย็นยะเยือบ กำลังสะกดข่มทุกคน.