Chapter 82 บุพผาอสนี.
"นางอย่างงั้นรึ?"ไท่ซูจื่อที่จ้องมองไปยังหยิงหลานในชุดดำด้วยท่าทางประหลาดใจ.
หยิงหลานที่ดึงฮูดลงก่อนที่จะเผยใบหน้าที่งดงามออกมา.
ไท่ซูจื่อที่จ้องมองตรวจสอบหญิงสาวคนดังกล่าวแม้ว่านางจะยังก้าวไปไม่ถึงระดับเซียนเทียน ทว่า เขาก็พยักหน้ารับ"แม้ว่านางจะยังก้าวไปไม่ถึงระดับเซียนเทียน แต่ข้าก็เห็นพรสวรรค์ล้ำลึกของนางได้ จิตวิญญาณค่ายกลย่อมไม่สูญหายหากว่าอยู่ในมือของนาง."
"ขอบคุณ อาวุโส."หยิงหลานที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"ช้าก่อน ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าจะส่งมันให้กับเจ้า."ไท่ซูจื่อที่ส่ายหน้าไปมา.
"หืม?"หยิงหลานที่คาดไม่ถึง ขณะที่จงซานเองก็ขมวดคิ้วไปมาพลางจ้องมองไปยังเป่ยชิงซือ.
"เจ้าเป็นอะไรกับเขาอย่างงั้นรึ?"ไท่ซูจื่อสอบถามหยิงหลานขณะที่ชี้ไปยังจงซาน.
"นางคือซุนหนี่ของข้าเอง."จงซานที่ตอบออกมาแทนหยิงหลานทันที.
孙女. คำอ่าน. sun1 nu:3 (ㄙㄨㄣ ㄋㄩˇ). คำแปล. หลานสาว (ที่เป็นลูกของลูก)
หยิงหลานที่หยุดชั่วขณะที่ได้ยินคำพูดของจงซาน แม้ว่านางจะไม่เข้าใจว่าทำไมจงซานต้องบอกว่านางเป็นซุนหนี่แทนที่จะเป็นกู่ซุนหนี่ ทว่านางก็ยังพยักหน้าตอบรับอย่างจริงจัง นางมั่นใจในจงซานคงจะมีจุดประสงค์บางอย่างจึงไม่ได้กล่าวขัดแต่อย่างใด.
"อืม?ซุนหนี่อย่างงั้นรึ?"ไทซูจื่อที่ชำเลืองมองหยิงหลานด้วยท่าทางประหลาดใจ จากนั้นก็หันหน้าไปมองจงซานและพยักหน้า.
เทียนหลิงเอ๋อนั้นไร้เดียงสาจนเกินไปจนไม่สามารถสังเกตเห็นได้ ทว่าเป่ยชิงซือนั้นสามารถมองเห็นอะไรบางอย่างได้ อย่างไรก็ตามนางก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมจงซานจึงได้กล่าวออกไปเช่นนั้น.
"ก็ได้ ในเมื่อนางคือซุนหนี่ของเจ้า เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล."ไท่ซูจื่อที่พยักหน้าขณะพูด.
ไท่ซูจื่อ พร้อมกับสะบัดมือของเขา สร้างพลังสีเขียวเทาขนาดใหญ่ขึ้นมาบนฝ่ามือ.
เขายื่นมันออกไปให้กับหยิงหลาน.
หยิงหลานที่ยกมือทั้งสองข้าขึ้นรับ.
"มันจะค่อย ๆ ผสานรวมเข้ากับโลหิตของเจ้า ทีละน้อย ๆ ."ไท่ซูจื่อกล่าว.
"ขอบคุณอาวุโส."หยิงหลานที่รู้ว่านี่คือโอกาสที่ยากจะพบได้ในชีวิตนี้นางที่เฉือนไปที่ฝ่ามือของนาง ก่อนที่พลังดังกล่าวจะถูกโลหิตของนางดูดซับเข้ามาช้า ๆ
พลังสีเขียวเทาจำนวนมาก หลังจากถูกโลหิตของนางดูดซึมเข้าไป มันก็ค่อย ๆ จางลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็หายไป.
"จำเป็นต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงที่จะผสานเข้ากับจิตวิญญาณค่ายกล เจ้าจะต้องรอคอยอย่างอดทน."ไท่ซูจื่อกล่าว.
"ผู้น้อยรับทราบ"หยิงหลานพยักหน้า.
ไทซือจื่อที่หันหน้ากลับไปมองเป่ยชิงซือ.
"ชิงซือ ข้ากำลังจะตาย เวลาของข้าได้มาถึงแล้ว ตอนนี้มีสัญญาณสี่ในห้าแล้ว เสื้อผ้าแปดเปื้อน เส้นผมร่วงโรย รักแร้เปียกแฉะ ร่างกายส่งกลิ่นเหม็น ข้ากำลังจะตาย ข้าวางแผนไว้ว่าจะมอบทุกสิ่งที่อยู่ในกำไลเก็บของให้กับคนที่ได้รับจิตวิญญาณค่ายกล อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าต้องการมอบมันให้กับจื่อนวี่แทน เจ้ารับมันไปเถอะ."ไท่ซูจื่อกล่าวต่อเป่ยชิงซือ.
"ต้าโป๋."เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังไท่ซูจื่อด้วยความเศร้า เหมือนกับญาติที่นางเพิ่งได้พบไม่นาน ก็จะตายไปในเร็ว ๆ นี้เลยอย่างงั้นรึ?
"เร็วเข้า."ไท่ซือจื่อกล่าวออกมา.
"อืม."เป่ยชิงซือพยักหน้า.
คนทั้งสองที่นำกำไลเก็บของมาสัมผัสกันเบา ๆ จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างในกำลังเก็บของก็ถูกส่งมายังกำลังเก็บของ ของนาง นางไม่ได้ทำการตรวจสอบสิ่งของดังกล่าวแต่อย่างใด สายตาของนางที่เต็มไปด้วยความเศร้า.
หลังจากนั้น ไท่ซูจื่อก็นั่งอยู่บนศิลาพร้อมกับพูดคุยเรื่องเป่ยชิงเฟิง บิดาของนางเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนหยิงหลานก็ตั้งสมาธิในการผสานจิตวิญญาณค่ายกล.
จงซานที่หันกลับมาหาเทียนหลิงเอ๋อ.
"หลิงเอ๋อ ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเห็นสิ่งใดอย่างงั้นรึ?"จงซานสอบถาม.
เทียนหลิงเอ๋อที่ชี้ไปยังหนึ่งในรูปภาพที่อยู่ด้านล่าง"ที่นั่น ข้าเคยมากับเตี่ยของข้า มีบุพผาอสนีสองดอกที่นั่น เตี่ยของข้าบอกว่าค่อยมาเก็บใหม่วันหลัง."
จงซานที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อด้วยท่าทางประหลาดใจ เทียนหลิงเอ๋อแม้ว่าจะพาเขาไปพบกับอันตรายทุก ๆ ครั้ง ทว่าหลังจากผ่านอันตรายมาได้ก็มักพบกับสมบัติล้ำค่า ยกตัวอย่างสูตรยากวงหัวหรือหนอนไหมมังกรเก้าสี และยังมีส่วนช่วยในการยกระดับการฝึกฝน ยกตัวอย่างหลังจากผ่านพ้นอันตรายจากอีกาเหมันต์ วิชาหงหลวนของเขาก็ทะลวงไปยังระดับสองได้ และยังมีเหตุการณ์พบกับชายประหลาดที่โดนพิษเหมันต์ วิชาหงหลวนก็ยกระดับไปถึงขั้นสาม และยังมีเมื่อครั้งเขาถูกอสรพิษกลืนเข้าไป หลังจากที่เขาออกมาจากท้องของอสรพิษได้ วิชากายาเทพอสูรก็ถูกยกระดับไปยังระดับสองด้วยเช่นกัน.
แม้ทุกครั้งจะเต็มไปด้วยปัญหา แต่ก็นำมาด้วยผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน ครั้งนี้กลับเป็นสมบัติเลยอย่างงั้นรึ?
จงซานที่จ้องมองภาพดังกล่าว ไม่สามารถที่จะตัดสินใจได้ เทียนหลิงเอ๋อเมื่อนางบอกว่ามีของวิเศษอยู่ในนั้น ทว่าเขายังคิดใค่รครวญว่าจะมีอันตรายขนาดใหนที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง.
เหมือนจะเห็นจงซานที่กำลังลังเลอยู่ เทียนหลิงเอ๋อกล่าวออกมาในทันที "ที่นั้นค่อนข้างปลอดภัย ครั้งล่าสุดที่ข้าไปที่นั้นครึ่งวันไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่รอบ ๆ เลย."
"เช่นนั้น ทำไมไม่เก็บพวกมันกลับไปในครั้งนี้เลยล่ะ?"จงซานสอบถาม.
"เตี่ยบอกว่ายังเก็บไม่ได้ เพราะมันยังไม่โตเต็มที่ อีกสามปีมันถึงจะพร้อม นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อตอบ.
จงซานที่แข็งขาอ่อนอย่างไม่มีเหตุผล.
"บุพผาอสนีนั้นเป็นส่วนผสมหลักที่ใช้ในการปรุงยาระดับสามที่หายากมาก ๆ แม้ว่าจะเป็นยาระดับสามก็ตาม แต่ก็เป็นยาที่ล้ำค่ากว่าเม็ดยาระดับห้าซะอีก."เทียนหลิงเอ๋อกล่าว.
"เป็นเม็ดยาอะไรกัน?"จงซานที่แสดงท่าทางอยากรู้.
"เม็ดยาเพิ่มระดับ."เทียนหลิงเอ๋อกล่าว.
"อะไร?"สีหน้าของจงซานที่เปลี่ยนไปในทันที.
"เม็ดยาเพิ่มระดับ."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มราวกับว่านางคาดเดาได้ถึงอาการของจงซานได้.
ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาอะไรจงซานก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ทว่าเม็ดยาดังกล่าวนี้ เขาได้ยินจากเทียนหลิงเอ๋อและหนานป่าเทียนขณะที่อยู่ในสำนักไคหยางมาก่อนแล้ว.
เม็ดยาเพิ่มระดับนั้นก็เหมือนกับเม็ดยาโพวจวิน เม็ดยาโพวจวินนั้นจะช่วยยกระดับคนที่มีระดับโหวเทียนไปยังระดับเซียนเทียน ส่วนเม็ดยาเพิ่มระดับนั้นจะช่วยยกระดับจากคนที่มีระดับเซียนเทียนไปยังระดับแกนทองนั่นเอง.
เม็ดยาดังกล่าวนั้นอาจะไม่จำเป็นสำหรับคนอื่นนัก ทว่ามันกลับสำคัญกับจงซานเป็นอย่างมาก มันจะกลายเป็นสิ่งที่จะทำให้เขาก้าวไปถึงระดับขั้นแกนทอง ด้วยพรสวรรค์ที่ต่ำต้อย มีเพียงแต่ต้องใช้เม็ดยาเท่านั้น.
"เจ้ามั่นใจว่าจะไม่มีอันตรายที่นั่นนะ?"จงซานที่กล่าวสอบถามอีกครั้ง.
"ไม่มีอย่างแน่นอน."เทียนหลิงเอ๋อกล่าวอย่างมั่นใจ.
"อืม."จงซานพยักหน้า.
ทันใดนั้นที่ภาพ ๆ หนึ่งจงซานก็เห็นกงจูเฉียนโหยวที่จับจ้องมองมายังประตูที่พวกเขาได้เข้ามา.
"เฮ้ ไม่! จงซานที่แสดงท่าทางกระวนกระวายใจในทันที ขณะนี้หยิงหลานยังคงหลอมจิตวิญญาณค่ายกลเข้ามาสู่ร่างของนางอยู่นั่นเอง.
กงจูเฉียนโหยวที่เพ่งมายังประตูดังกล่าวนานแล้ว นางที่เฝ้ามองกลุ่มของจงซานที่เข้ามายังประตูดังกล่าวกลับยังไม่ออกมาอีกรึ?หรือว่าพบอะไรเข้า?
ขณะที่กงจูเฉียนโหยวกำลังจะส่งใครบางคนเข้าไปในประตู ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งออกมา จงซานนั่นเอง.
จงซานออกมาอย่างงั้นรึ?แม้ว่าจะไม่เห็นหญิงสาวทั้งสามคนอยู่ที่ใหน ทว่าในเมื่อจงซานออกมาก็หมายความว่าไท่ซูจื่อไม่ได้อยู่หลังประตูนั่นเอง.
กงจูเฉียนโหยวที่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางที่หันหน้าไปยังอาเอ้อ ซึ่งอาเอ้อยังคงจ้องมองด้านล่างพลางขมวดคิ้ว เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาจับจ้องมองทุกคนที่เข้าไปในประตู ซึ่งเขาจะตรวจสอบทุกคนที่เข้าไปในประตูแล้วไม่ออกมา เขาเองก็สงสัยในกลุ่มของเป่ยชิงซือเช่นกัน ทว่าในเมื่อจงซานออกมา เช่นนั้นเขาก็จะตัดการจับตาออกไป.
ผ่านไปอย่างช้า ๆ ทุก ๆ คนที่เข้าไปในประตูต่าง ๆ ซึ่งเริ่มผ่านไปอย่างรวดเร็วประตูมากมายต่างก็ถูกเปิดออก ทุก ๆ คนราวกับว่าพวกเขาคาดการณ์แล้วว่า จะเริ่มมีคนมายังที่แห่งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ .
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เซียนเซิงสุ่ยจิง ก็ได้นำกลุ่มของเทียนชาและผู้ติดตามมาถึง.
"กงจู โชคดีนัก ข้าสามารถทำงานของข้าได้สำเร็จ."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม.
"ขอบคุณ ต้องลำบากท่านแล้ว."กงจูเฉียนโหยวตอบกลับ.
เทียนชารู้สึกประหลาดใจมาที่เห็นกงจูเฉียนโหยวและคนอื่น ๆ ที่นี่ เมื่อเขาจ้องมองไปยังเซียนเซิงสุ่ยจิงอีกครั้ง ก็ต้องรู้สึกนับถือเขาเป็นอย่างมาก.
"ทุก ๆ ท่าน จิตวิญญาณค่ายกลนั้นอยู่ที่ใหนซักแห่งด้านล่างนี้ ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีก ขึ้นอยู่กับวาสนาของพวกเจ้าแต่ละคนแล้ว."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม.
"อืม."เทียนชาที่พยักหน้าและนำกลุ่มของศิษย์ไคหยางออกไปยังประตูต่าง ๆ .
หลังจากที่กลุ่มของเทียนชาจากไปแล้ว เซียนเซิงสุ่ยจิงก็สอบถามกงจูเฉียนโหยว."ซือจื่อ กงจู เป็นอย่างไรบ้าง?"
"อาเอ้อยังไม่พบอะไรเลย."กงจูเฉียนโหยวที่ส่ายหน้าไปมา.
"อืม."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่พยักหน้า กู่หลินที่จ้องมองไปยังประตูต่าง ๆ ด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ ราวกับว่าจะมีใครมาแย่งชิงมันไปก่อนกลุ่มพวกเขา.
จงซานที่ปรากฏออกมาทันที ที่กงจูเฉียนโหยวเห็นนั้น เป็นร่างแยกเงาของเขานั่นเอง ร่างหลักและคนอื่น ๆ เองก็ยังคงอยู่หลังประตูเช่นเดิม.
เพื่อจัดการกับกลยุทธ์ของกงจูเฉียนโหยว ดังนั้นเขาจึงได้ใช้ร่างแยกเงาเพื่อทำให้นางสับสน.
และในเวลานั้นเมื่อร่างแยกเงาเดินเข้าไปยังประตูอีกประตูหนึ่ง ก็มีชายสองคนในชุดสีขาวตามเขาเข้าไปด้วย.
ร่างแยกเงาที่ก้าวเข้าไปในประตูอีกบานนั้น เขาพบว่าสภาพแวดล้อมนั้นแตกต่างจากดวงตามังกรที่มีไท่ซูจื่ออยู่เป็นอย่างมาก.
ด้านหลังประตูนั้นเป็นพื้นที่โล่งรัศมีหนึ่งร้อยเมตร มีศิลาวิญญาณกว่าสามร้อยก้อนตกอยู่กระจายไปทั่วพื้น มีหมอกสีขาวกระจายตัวเต็มไปหมด และยังมีผนังเป็นผลึกคริสตัลอีกด้วย.
นอกเหนือจากประตูที่ร่างแยกเงาเดินเข้ามา ยังมีประตูอีกเจ็ดบานอยู่ที่นี่ ตั้งล้อมรอบเป็นวงกลม เหมือนว่าประตูทั้งแปดเองก็เป็นหนึ่งในค่ายกลด้วย.
ร่างแยกเงาจงซานที่เดินเข้าออกประตูทั้งเจ็ด เพื่อที่จะให้อยู่ในสายตาของกงจูเฉียนโหยวเหมือนกับคนอื่น ๆ .
ภายในกำไลเก็บของร่างแยกเงา นอกจากจี้หยกเก้ามังกรสวรรค์แล้ว เขายังได้เก็บศิลาวิญญาณกลับมาด้วยเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงไม่หยุดเก็บศิลาวิญญาณที่ตกอยู่ที่นี่เลย.
และขณะที่เขากำลังจะออกจากประตูบานหนึ่งนั้น ดูเหมือนว่าจะมีชายหนุ่มและชายวัยกลางคนซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นบ่าวรับใช้ของเขาปรากฏตัวออกมาในทันที ขณะที่ร่างแยกเงาจงซานจ้องมองไปยังพวกเขา ภายในใจนั้นสังหรณ์ใจไม่ดีนัก.
คนทั้งสองสะพายกระบี่สะพายหลัง ชายวันกลางคนและชายหนุ่มผู้เยาว์ สายตาที่ดูแหลมคมน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
เมื่อชายหนุ่มผู้เยาว์ก้าวออกมา สายตาของเขานั้นดูส่องประกายเต็มไปด้วยความต้องการสู้.
เมื่อพบเข้ากับคนแปลกหน้า ร่างแยกเงาจงซานที่ขมวดคิ้วไปมาทอแสงประหลาดใจนิ่งงันอยู่ชั่วขณะ.